Group Blog
 
 
ตุลาคม 2551
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
13 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 

บั้งไฟพญานาค เกิดตรงกับวันออกพรรษาได้อย่างไร ในความคิดของผม


. . . . ลูกไฟที่ผุดขึ้นกลางลำน้ำโขงทุกคืนวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 สร้างความอัศจรรย์ใจแก่ผู้ได้พบเห็นเป็นอย่างยิ่ง ปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ คือจำเลยสำคัญที่ได้รับการกล่าวถึงก่อนใครเพื่อน ในนามของ บั้งไฟผี ต่อมาเปลี่ยนชื่อให้เป็นมงคลขึ้นในนาม บั้งไฟพญานาค พญานาคทำขึ้นเพื่อเป็นพุทธบูชาในวันออกพรรษา ซึ่งก็ยังคงเป็นชื่อของปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติอยู่ดี ผู้มีความคิดแบบวิทยาศาสตร์ทั้งหลายเมื่อทราบเรื่องเข้าก็พยายามคิดหาคำตอบแบบวิทยาศาสตร์ ซึ่งก็คิดว่าเกิดจากแก๊สหมักหมมใต้ลำน้ำโขง แล้วลอยขึ้นมาติดไฟเหนือน้ำทะยานขึ้นสู่อากาศ ทางฝ่ายผู้เชื่อในเรื่องปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ ยังไม่แน่ใจว่าเป็นแก๊สหรือไม่ ก็ได้คัดค้านว่า ทำไมจึงต้องมาเกิดเหมาะเหมงเอาเฉพาะวันออกพรรษาเล่า ซึ่งจุดนั้นก็ยังเป็นที่สงสัยของนักวิทยาศาสตร์ แต่บางท่านก็มีคำอธิบายทางดาราศาสตร์ ซึ่งผู้เขียนก็เคยได้อ่านเจอบ้าง ท่านว่าเกี่ยวกับการโคจรของโลกที่ห่างจากดวงอาทิตย์ไม่คงที่ในแต่ละวันแต่ละเดือน ในฐานะที่ผู้เขียนมีความรู้ทางดาราศาสตร์อยู่ด้วย ขอคัดค้านเรื่องนี้ด้วยเหตุผลหนึ่ง และขอให้ความคิดเห็นหนึ่งทางดาราศาสตร์ของตัวเองที่มีมาเสนอต่อผู้อ่าน ซึ่งจะกล่าวในตอนต่อไป ผู้เขียนจะไม่เข้าข้างให้เป็นเรื่องปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ ถ้าท่านเป็นพญานาค ท่านจะสร้างบั้งไฟวันใด สำหรับผู้เขียนแล้วหละก็ สร้างวัน วิสาขบูชา แน่นอน เพราะแม้องค์การยูเนสโก้ยังเห็นความสำคัญของวันนี้ให้เป็นวันสำคัญสากลของโลก แล้วทำไมพญานาคจะไม่เห็นความสำคัญด้วยเล่า อีกอย่างหนึ่งสำหรับเรื่องพญานาค ที่ผู้เขียนรู้มามันพ่นพิษได้เท่านั้น ไม่มีปรากฏว่าพ่นไฟได้


. . . . เชื่อพญานาคแล้วทำให้เรามีศีลธรรมได้ก็เชื่อต่อไปเถอะ แต่ถ้าเชื่อเพื่อจะขอหวยจากพญานาคหละก็ไม่เชื่อซะดีกว่า ท่านคิดว่าพญานาคนั้นอยู่ในสภาวะที่ประเสริฐเลิศเลอเพียงใดกัน ความจริงพญานาคก็มีทั้งดีและไม่ดี มีทั้งเชื่อพระและไม่เชื่อพระเหมือนมนุษย์เรานี่หละ พญานาคก็ไม่เคยเห็นพระพุทธองค์หมดทุกตน รู้จักพระองค์ในฐานะตำนานเหมือนกัน


. . . . สำหรับเหตุผลสำคัญที่ผู้เขียนไม่คิดว่าพญานาคจะเป็นผู้สร้างบั้งไฟก็คือ
1. ทำไมพญานาคไม่สร้างบั้งไฟที่แม่น้ำคงคา หรือแม่น้ำเนรัญชรา โดยเฉพาะแม่น้ำเนรัญชรานี้ เป็นแม่น้ำที่พระพุทธองค์ตรัสรู้ใกล้ๆ แถมกล่าวว่ามีพยานาคอยู่ด้วย(ไม่รู้กล่าวไว้ในพระไตรปิฏกหรือเปล่าน่ะ)


2. หากเพราะข้อ 1 นั้นเพราะตอนนั้นพระองค์ยังไม่ตรัสรู้ และยังไม่มีธรรมเนียมการ เข้า-ออกพรรษา เกิดขึ้นในพุทธศาสนา แต่เมื่อถึงวันออกพรรษาจริงๆ วันที่พระองค์เสด็จลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์จริงๆ ผู้คนทราบข่าวไปรอรับมากมาย แต่พญานาคกลับไม่ทราบข่าว และไม่ปรากฏว่ามีการสร้างบั้งไฟในวันนั้น และนับจากวันนั้นไปจนถึงวันพระพุทธองค์ปรินิพพาน ในทุกๆ วันออกพรรษาก็ไม่มีบั้งไฟพญานาคปรากฏขึ้นในช่วงพุทธกาลนั้นเลย
3. ตลอดสองพันกว่าปีมานี้ พญานาคไปอยู่ไหนมา ทำไมเพิ่งจะมาสร้างบั้งไฟให้มาเกิดเอาประมาณสมัยปู่ย่าตายาย ร้อยกว่าปีมานี้เองเล่า เป็นเช่นนี้หากแม้พุทธศาสนาไม่ถูกเผยแพร่มาประเทศไทยหรือลาว ลูกไฟประหลาดนั้นก็คงจะผุดขึ้นอยู่ดี และชื่อของมันก็คงเป็น บั้งไฟผี อยู่โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงชื่อจนถึงปัจจุบันแน่นอน


เหตุผลทางดาราศาสตร์


. . . . สาเหตุที่ผู้เขียนเห็นพ้องไปทางเรื่องวิทยาศาสตร์ เรื่องความเหมาะเหมงของวันที่เกิดปรากฏการณ์นั้น อะไรจะเป็นตัวกำหนดเวลาให้รู้วันออกพรรษาได้ เพื่อจะได้สร้างบั้งไฟได้ถูกวัน เราก็ลองย้อนคิดไปว่า มนุษย์เรากำหนด เวลา/วัน/เดือน/ปี ขึ้นมาจากสิ่งใด เรากำหนดขึ้นมาจากการหมุนรอบตัวเองของโลกซึ่งทำให้เกิดวันและเวลา การหมุนรอบดวงอาทิตย์ของโลกทำให้เกิดปี และการหมุนรอบโลกของดวงจันทร์ทำให้เกิดเดือน จะเห็นว่าทุกอย่างกำหนดมาจากความเป็นไปของวัตถุแข็งทั้งสิ้น บั้งไฟพญานาคจึงน่าจะเกิดขึ้นจากอิทธิพลความเป็นไปของวัตถุแข็งเหล่านั้น ไม่ได้เกิดขึ้นจาก เวลา เพราะ เวลา มันเป็นสิ่งที่มนุษย์สมมุติขึ้นจากความเป็นไปของวัตถุแข็งเหล่านั้นเพื่อให้ง่ายต่อการติดตามความเป็นไปของมัน สำหรับวันขึ้น 15 ค่ำนั้น คือวันที่เราได้เห็นดวงจันทร์เต็มดวงอยู่บนท้องฟ้า อันที่จริงดวงจันทร์นั้นในทุกๆขณะเวลาของมัน มันจะสว่างครึ่งหนึ่งมืดครึ่งหนึ่งตลอดเวลาดังรูป


. . . . นี้เป็นภาพถ้ามองจากอวกาศลงมา ดังนั้นจะเห็นว่าดวงจันทร์สว่างครึ่งหนึ่งตลอดเวลา มองไปที่ภาพดวงจันทร์ขึ้น 15 ค่ำโดยมองจากโลกมนุษย์ไปแล้ว จะเห็นดวงจันทร์เฉพาะด้านสว่างเท่านั้น จึงมองเห็นว่าดวงจันทร์ขณะนั้นเต็มดวง และเป็นวันที่ โลกอยู่ระหว่างดวงจันทร์กับดวงอาทิตย์ เสียด้วย จึงพึงจำไว้ว่า วันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำทุกครั้งคือวันที่โลกอยู่ระหว่างดวงจันทร์กับดวงอาทิตย์เสมอไป แต่ไม่ถึงกับเป็นเส้นตรงเดียวกัน เพราะวงโคจรดวงจันทร์เอียงนิดหน่อย คือเอียง 5.145277 องศา ถ้าวงโคจรดวงจันทร์ไม่เอียงหละก็ จะเกิดจันทรุปราคาขึ้นทุกวันขึ้น 15 ค่ำแน่

. . . . ข้อสำคัญของปรากฏนี้ที่จะทำให้เกิดบั้งไฟได้ก็คือ แรงโน้มถ่วงของดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ สร้างให้เกิดน้ำขึ้นน้ำลงบนโลกได้ เราอาจจะเข้าใจว่าน้ำขึ้นๆ เฉพาะด้านของโลกที่หันเข้าหาดวงจันทร์เท่านั้น แต่ความจริงแล้วด้านของโลกในส่วนที่หันออกจากดวงจันทร์ก็เกิดน้ำขึ้นด้วย เพราะจริงๆแล้วดวงจันทร์ไม่ได้โคจรรอบโลกฝ่ายเดียว แต่โลกก็โคจรรอบดวงจันทร์ด้วย เพียงแต่โลกมวลมากกว่าดวงจันทร์ 81.3 เท่า โลกจึงอยู่ใกล้ความหยุดนิ่งมากกว่าดวงจันทร์ โลกจึงมีก็แต่อาการกระเพื่อมเป็นวงแคบๆเนื่องจากดวงจันทร์ถ่วง ทั้งโลกและดวงจันทร์จะโคจรรอบจุดๆหนึ่ง เป็นจุดศูนย์ถ่วงของโลกและดวงจันทร์ จุดนี้อยู่ใต้ผิวโลกลึกลงไปประมาณ 1710 กิโลเมตร ดังนั้นน้ำขึ้นในส่วนของผิวโลกที่หันเข้าหาดวงจันทร์เกิดจากแรงโน้มถ่วงดวงจันทร์ แต่น้ำขึ้นบนผิวโลกทางด้านตรงกันข้ามกับดวงจันทร์นั้น เกิดเพราะแรงเหวี่ยงจากการกระเพื่อมที่โลกต้องโคจรรอบจุดศูนย์ถ่วงดังกล่าว


. . . . ดวงอาทิตย์ก็เช่นกัน สามารถสร้างน้ำขึ้น-น้ำลงสองฟากของโลกได้ เนื่องจากจุดศูนย์กลางโลกจะสมดุลต่อการโคจรรอบดวงอาทิตย์ คือเป็นจุดที่ห่างจากดวงอาทิตย์ระยะหนึ่ง ที่จะได้รับแรงโน้มถ่วงดวงอาทิตย์ค่าหนึ่งและมีความเร็วโคจรค่าหนึ่งที่ก่อให้เกิดแรงเหวี่ยงหนีศูนย์ค่าหนึ่ง ที่สมดุลกับแรงโน้มถ่วงดวงอาทิตย์ แต่ส่วนของผิวโลกที่ป่องออกไปทางดวงอาทิตย์นั้น จะอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากกว่า และได้รับแรงโน้มถ่วงดวงอาทิตย์สูงกว่านิดหน่อย แต่มีความเร็วโคจรเชิงมุมเท่ากับความเร็วโคจรของจุดกึ่งกลางโลก เพราะโลกเป็นของแข็งมวลสารทุกส่วนของโลกต่างโคจรไปด้วยความเร็วเชิงมุมเท่ากัน แรงเหวี่ยงออกจะมีน้อยกว่าแรงโน้มถ่วงดวงอาทิตย์ จึงเกิดน้ำขึ้นเข้าหาดวงอาทิตย์ ส่วนผิวโลกฟากตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ จะป่องหนีดวงอาทิตย์ออกไป จึงห่างจากดวงอาทิตย์มากกว่าจุดกึ่งกลางโลก จึงได้รับแรงโน้มถ่วงดวงอาทิตย์ต่ำกว่าจุดกึ่งกลางโลกนิดหน่อย แต่ยังคงมีความเร็วโคจรเชิงมุมเท่ากับกึ่งกลางโลก แรงเหวี่ยงออกจึงมากกว่าแรงโน้มถ่วงดวงอาทิตย์ น้ำขึ้นทางซีกโลกตรงข้ามนั้นจึงขึ้นออกไปเพราะแรงเหวี่ยงมากกว่า แต่การขึ้น-ลงของน้ำเนื่องจากอิทธิพลดวงอาทิตย์นี้ จะน้อยกว่าดวงจันทร์


. . . . ดังนั้นวันที่โลกอยู่ระหว่างดวงจันทร์กับดวงอาทิตย์หรือวันขึ้น 15 ค่ำนั้น จึงเป็นวันที่น้ำขึ้น-น้ำลงเกิดขึ้นสูงที่สุด เพราะทั้งสองช่วยกันออกแรง


. . . . นี่ก็เป็นเหตุจงใจอย่างหนึ่งเรื่องวันที่เกิดบั้งไฟพญานาค แต่ทีนี้ว่า วันที่โลกอยู่ระหว่างดวงจันทร์กับดวงอาทิตย์ หรือวันขึ้น 15 ค่ำนั้น ในปีหนึ่งมี 12-13 ครั้ง แค่ทำไมปรากฏการณ์นี้จึงเกิดขึ้นเฉพาะเดือนที่ 11 เท่านั้น เรื่องนี้คงต้องไปวิเคราะห์ต่อในเรื่องทางสุริยคติ ว่าด้วยการโคจรโลกรอบดวงอาทิตย์ครบรอบหนึ่งใช้เวลาหนึ่งปีนั้น เพราะว่าในรอบปีนั้น ทุกอย่างที่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์จะกลับมาซ้ำรอยเดิมทั้งหมดเมื่อกลับมาถึงวันเดิมของปีใหม่ อย่างเช่น วันนี้เมื่อปีที่แล้ว โลกก็อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ขนาดนี้ ดวงอาทิตย์ขึ้นด้วยเวลานี้ ตกก็เวลานี้ ขึ้นสูงสุดด้วยเวลานี้ ด้วยมุมเท่านี้ แต่ไม่ถึงกับตรงเป๊ะทุกวินาทีหรอก ยังมีเรื่องที่ทำให้ผิดนิดเดียวเพราะเดือนกุมภาพันธ์มี 28 วันบ้าง 29 วันบ้าง ส่วนอะไรคือเหตุจงใจของเดือนที่ 11 นั้น เราก็ต้องไปดูกันว่า เดือนที่ 11 นั้น โลกอยู่ที่ไหนของวงโคจร กำลังทำอะไรอยู่ที่นั่นบ้าง
. . . . เริ่มต้นขอพูดถึงดังข้างบนที่ผู้อื่นอธิบายไว้ว่าโลกโคจรเป็นวงรีคือสาเหตุนั้น ซึ่งผู้เขียนคัดค้าน ดังจะนำความรู้ที่มีในเรื่องนี้มากล่าวถึงสาเหตุที่คัดค้านให้ดังนี้ ข้อมูลวงโคจรโลก โลกมีระยะห่างจากดวงอาทิตย์เฉลี่ย (a) 149597900 กิโลเมตร ความรี (e) ของวงโคจรคือ 0.0167 ระยะใกล้ที่สุดคือ (a(1-e)) = 147099615 กิโลเมตร โลกจะโคจรผ่านจุดนี้ทุกวันที่ 3 มกราคมของทุกปี และความเร็วโคจรของโลกก็สูงสุดตรงนี้ด้วย ส่วนระยะไกลสุดคือ (a(1+e)) = 152096185 กิโลเมตร โลกจะโคจรผ่านจุดนี้ทุกวันที่ 4 กรกฎาคมของทุกปี และความเร็วโคจรของโลกก็ต่ำสุดที่นี่


. . . . เดือนที่ 11 ทางจันทรคติก็อยู่ประมาณเดือนตุลาคม ในวันที่เกิดปรากฏการณ์บั่งไฟพญานาค โลกน่าจะอยู่ ที่ระยะใกล้สุด เพราะโดนแรงโน้มถ่วงดวงอาทิตย์สูงสุด แต่แล้วกลับไม่ใช่ ในภาพยนต์ 15 ค่ำเดือน 11 จึงอธิบายตรงนี้ผิดไป หากจะเปลี่ยนเป็นคิดว่าโลกอยู่ไกลดวงอาทิตย์ที่สุดหละ ก็ไม่ใช่อีก แต่นี่ความจริงโลกมาอยู่ในระยะไม่ใกล้ไม่ไกล คืออยู่ระหว่างกลางที่ระยะห่างเฉลี่ย ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ดูไม่มีสาระสำคัญอะไร และถ้าปรากฏการณ์นี้จะต้องเกิดขึ้นที่ระยะไม่ใกล้ไม่ไกลอย่างนี้ ช่วงเดือนเมษายนที่อยู่ตรงข้ามกับเดือนตุลาคมไปนั้น ก็ควรจะเป็นเช่นเดียวกันด้วย เพราะระยะห่างก็เหมือนกับเดือนตุลาคม แต่ทำไมจึงไม่มีปรากฏการณ์เกิดขึ้น นี้จึงเป็นข้อที่ผู้เขียนไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนั้น เรื่องการโคจรเป็นวงรีนี้ ดวงจันทร์ก็โคจรรอบโลกเป็นรูปวงรีเช่นกัน แล้วปรากฏการณ์นี้จะขึ้นอยู่กับการโคจรเป็นวงรีของดวงจันทร์หรือเปล่า เราก็มาวิเคราะห์ข้อมูลทางการโคจรดวงจันทร์กันดูว่า คาบระยะเวลานับจากดวงจันทร์ใกล้โลกที่สุดครั้งหนึ่งไปหาใกล้โลกที่สุดอีกครั้งหนึ่ง หรือรอบเดือนอะนอมาลี นั้นคือ 27.55455 วัน แล้วในปีหนึ่งเรานับ 27.55455 ไปได้ 13-14 รอบ แสดงว่าปีหนึ่งจำนวนครั้งที่ดวงจันทร์ใกล้โลกที่สุดจึงมี 13-14 ครั้งเลย แต่ปรากฏการณ์ก็ยังมีแค่ครั้งเดียว หากจะคิดว่า ดวงจันทร์ตอนที่ใกล้โลกที่สุดนั้น ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำด้วย ก็ลองดูว่า ถ้านับจากวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 ของปีนี้ ไปหาขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 ของปีถัดไป ด้วยจำนวน 27.55455 วัน จะพบว่าไม่ลงตัวกัน ก็คือถ้า 15 ค่ำเดือน 11 ปีนี้ดวงจันทร์ใกล้โลกที่สุด 15 ค่ำเดือน 11 ของปีถัดไปดวงจันทร์จะไม่ใกล้โลกที่สุดนั่นเอง ฉะนั้นเรื่องวงโคจรรูปรีของดวงจันทร์จึงไม่น่ามีผล แต่อาจส่งผลต่อจำนวนลูกไฟก็ได้ ไม่แน่ใจ ผู้เขียนมองหาความสัมพันธ์ทางอื่นแทน หลักสำคัญทางสุริยคติก็มีอยู่ 2 เรื่อง เรื่องหนึ่งคือการโคจรเป็นวงรีดังที่กล่าวไปแล้ว อีกเรื่องหนึ่งคือเรื่องการเอียงของแกนโลกดังจะกล่าวต่อไปนี้

. . . . แกนโลกนี้เอียงทำมุม 23.5 องศาจากเส้นที่ตั้งฉากกับระนาบการโคจรของโลก การเอียงนี้ชี้ไปยังทิศทางที่คงที่ แต่โลกก็โคจรรอบดวงอาทิตย์ไปด้วย จึงทำให้แกนโลกเมื่อเทียบกับดวงอาทิตย์นั้น ดูเหมือนจะก้มเงยได้ วันที่แกนโลกจะก้มที่สุด คือวันที่แลเห็นดวงอาทิตย์ค่อนไปทางเหนือมากที่สุด ตรงกับวันที่ 21 มิถุนายนของทุกปี และนับจากนั้นอีกครึ่งวงโคจร หรืออีกครึ่งปี หรือหกเดือน ดวงอาทิตย์จะค่อนไปทางใต้มากที่สุด ตรงกับวันที่ 21 ธันวาคมของทุกปี และเป็นวันที่เป็นกึ่งกลางของฤดูหนาวในทางฟิสิกส์


. . . . จะเห็นว่าดวงอาทิตย์นั้นอยู่กับที่ แกนเอียงก็คงที่ แต่โลกต้องโคจรไปโดยรอบดวงอาทิตย์ ทำให้เห็นว่าแกนเอียงเปลี่ยนไปได้ มองเห็นดวงอาทิตย์ค่อนไปทางเหนือและค่อนไปทางใต้ได้ในรอบหนึ่งปี แต่สิ่งที่ผู้เขียนจะนำมาเชื่อมโยงกับปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคนี้คือ ดวงจันทร์วันเพ็ญนั้นก็สามารถค่อนไปทางเหนือและค่อนไปทางใต้ได้เช่นกัน สาเหตุเพราะแกนโลกนั่นแหละ เพราะว่าดวงจันทร์วันเพ็ญจะอยู่ตรงข้ามกับดวงอาทิตย์เสมอ วันที่ดวงอาทิตย์ค่อนไปทางเหนือ ดวงจันทร์เพ็ญจะค่อนไปทางใต้ เมื่อดวงอาทิตย์ค่อนไปทางใต้ ดวงจันทร์เพ็ญจะค่อนไปทางเหนือ พื้นที่บนโลกที่มีโอกาสจะเห็นดวงอาทิตย์อยู่ตรงหัวได้ ก็คือพื้นที่นับจากเส้นศูนย์สูตรขึ้นมา 23.5 องศา และใต้เส้นศูนย์สูตรลงไป 23.5 องศา ซึ่งในพื้นที่นี้ มีโอกาสเห็นดวงจันทร์เพ็ญอยู่ตรงหัวได้เช่นกัน ประเทศไทยอยู่ในพื้นที่นี้หมดทั้งประเทศรวมทั้งอำเภอโพนพิสัยจังหวัดหนองคายด้วย ผู้เขียนเริ่มคิดสงสัยว่า “15 ค่ำเดือน 11 คือวันที่จันทร์เพ็ญตั้งฉากเหนืออำเภอโพนพิสัย” หรือเปล่า เพราะลองกะประมาณเอาในเบื้องต้นแล้ว มีแนวโน้มว่าใกล้เคียง เพราะเป็นช่วงวันที่ดวงอาทิตย์กำลังค่อนไปทางใต้ แต่จะยืนยันได้จริงๆเราก็ต้องลองมาคำนวณกันดู ข้อมูลทางภูมิศาสตร์ที่สำคัญที่ควรทราบเกี่ยวกับอำเภอนี้ก็คือเส้นละติจูด อำเภอนี้อยู่บนเส้นละติจูดที่ 18 องศาเหนือพอดี ผู้เขียนตั้งสมมุติฐานว่า 15 ค่ำเดือน 11 นั้น ดวงจันทร์เพ็ญจะตั้งฉากเหนือละติจูดที่ 18 องศาเหนือ จากหลักการว่าจันทร์เพ็ญจะวางตัวอยู่ตรงข้ามกับดวงอาทิตย์เสมอนั้น ถ้าจันทร์เพ็ญตั้งฉากเหนือละติจูดที่ 18 องศาเหนืออยู่ แสดงว่าขณะนั้นดวงอาทิตย์จะต้องตั้งฉากเหนือละติจูดที่ -18 องศาใต้เป็นแน่ หลักในการคำนวณนั้น เราก็ต้องมาขีดเส้นสุริยคติไปบนผิวโลก เส้นนี้เกิดจากการลากผ่านของเส้นตรงระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์พาดผ่านไปบนผิวโลก เมื่อลากได้เส้นนี้แล้วจะได้เส้นวงกลมรอบผิวโลก ที่เอียงจากเส้นศูนย์สูตรไป 23.5 องศา เราก็สามารถวิเคราะห์ออกมาเป็นรูปเรขาคณิตเพื่อวิเคราะห์หาความสำพันธ์ระหว่าง วันที่และตำแหน่งละติจูดที่ดวงอาทิตย์ต้องตั้งฉากอยู่


. . . . ก็จะวิเคราะห์ออกมาเป็นสูตรได้ว่า “sin ละติจูดพื้นที่นั้น = (sin มุมในวงโคจร) * sin 23.5”
• มุมในวงโคจรให้นับจากตำแหน่ง 21 มีนาคม ทวนเข็มนาฬิกาไป เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของคลื่นไซน์เวฟ ก่อนจะแปลเปลี่ยนขึ้นไปทางเฟสบวก ซึ่งเฟสบวกแทนด้วยทิศเหนือ (N)
• มุม 23.5 นั้นคือความเอียงของแกนโลกจากเส้นตั้งฉากกับระนาบสุริยวิถี ในที่นี้วิเคราะห์มาเป็นมุมระหว่างเส้นศูนย์สูตรกับเส้นสุริยวิถี
• ละติจูดพื้นที่นั้น หากอยู่ใต้เส้นศูนย์สูตรก็ใส่เครื่องหมายลบในสูตรด้วย

. . . . ในที่นี้ต้องการวันที่ดวงอาทิตย์ตั้งฉากเหนือละติจูดที่ -18 องศาใต้ คำนวณตามสูตรจะได้มุมในวงโคจรเท่ากับ -50.80195 องศา เมื่อได้เครื่องหมายติดลบออกมา ก็แสดงว่านับจากวันที่ 21 มีนาคม ไปแบบตามเข็ม 50.80195 องศา ก็ให้แปลงจากองศาเป็นวันก่อน โดยเทียบ 360 องศาต่อ 365.25 วัน 50.80195 องศา จะเทียบได้เท่ากับ 51.54 วัน จะได้อยู่ประมาณวันที่ 28 มกราคม แต่พึงเข้าใจว่า ดวงอาทิตย์จะต้องพาดผ่านละติจูดนี้ปีละ 2 หน คือดวงอาทิตย์ขาขึ้นและขาลง อีกหนหนึ่งนั้นจะต้องนับจาก 22 กันยายน ไปแบบทวนเข็ม 51.54 วัน จะตรงกับประมาณวันที่ 12 พฤศจิกายน
. . . . อย่างไรก็ดี ที่ผู้เขียนคำนวณนี้ คิดให้โลกโคจรเป็นวงกลม แต่ความจริงเป็นวงรี แต่ก็คงทำให้วันที่ที่คำนวณได้นั้นไม่ผิดไปมากนัก คงผิดไปไม่เกินบวกลบหนึ่งวัน สำหรับใน 2 วันที่คำนวณได้นั้น และสูตรที่ผู้เขียนคิดขึ้นมานั้น ผู้เขียนจะวาดรูปลงเพิ่มเติม เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้นดังนี้




. . . . สองวันดังกล่าวนั้น วันที่อยู่ใกล้วันเกิดปรากฏการณ์มากที่สุดคือวันที่ 12 พฤศจิกายน หากคิดเอาว่า ขึ้น 15 ค่ำครั้งใด ที่อยู่ใกล้วันที่ 12 พฤศจิกายนมากที่สุด วันนั้นเกิดปรากฏการณ์ ก็ดูจะคิดผิด เพราะเดือน พฤศจิกายนนั้น ทางจันทรคติตรงกับประมาณเดือน 12 ขึ้น 15 ค่ำเดือน 12 (ลอยกระทง) ก็น่าจะมีปรากฏการณ์ในทางทฤษฎี แต่จริงๆมันเป็นขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 จึงไม่ตรงกัน ผิดกันไปหนึ่งเดือน แสดงว่าความคิดนี้อาจจะผิด ค่าความผิดพลาดไปหนึ่งเดือนนี้ เป็นค่าที่มากหรือน้อยก็ตอบลำบาก หรืออาจจะไม่เกี่ยวกันเลยก็ได้ แต่สาเหตุที่ผู้เขียนยกเรื่องนี้มานำเสนอ เพราะได้คิดอะไรบางอย่างได้ว่า ทำไมปรากฏการณ์นี้จึงมีขึ้นก่อนกำหนดที่ผู้เขียนคำนวณได้ ก็เปรียบเทียบด้วยการนำผงตะใบเหล็กมากองลงบนพื้น แล้วให้แม่เหล็กอันหนึ่งห่างจากพื้นพอประมาณ เราจับแม่เหล็กเลื่อนเข้าไปหาผงตะใบเหล็ก โดยให้แม่เหล็กอยู่ห่างจากพื้นเท่าเดิมตลอด คือเลื่อนขนานกับพื้นไป ถ้าถามว่า แม่เหล็กเลื่อนไปถึงไหน ผงตะไบเหล็กจึงจะลอยขึ้นมาติดแม่เหล็ก เราอาจจะตอบว่า ตอนที่แม่เหล็กเลื่อนมาถึงตำแหน่งตั้งฉากเหนือผงตะไบเหล็ก เพราะเป็นตำแหน่งที่ใกล้ผงตะไบเหล็กที่สุด แต่ความจริงแล้ว ผงตะไบเหล็กจะลอยขึ้นมาติดแม่เหล็กก่อนที่แม่เหล็กจะมาตั้งฉากเหนือผงตะไบเหล็กเสียอีก


. . . . แม่เหล็กยังเคลื่อนมาไม่ถึงตำแหน่งที่ตั้งฉากเหนือผงตะไบเหล็ก ก็ถูกดูดขึ้นแล้ว
เปรียบเทียบกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11


. . . . ตำแหน่งล่าสุดนี้ ผู้เขียนจะเปรียบเทียบกับวันที่ 12 พฤศจิกายน ที่คำนวณได้ข้างบนนั้น หรือขึ้น 15 ค่ำเดือน 12 แต่ลูกไฟขึ้นไปหมดแล้วตั่งแต่ขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 ผู้เขียนเองไม่มีความรู้เรื่องก๊าซมากนัก แต่ถ้าอาการเป็นดังที่ผู้เขียนยกมานี้ แสดงว่าก๊าซนี้ไม่ใช่ก๊าซธรรมชาติประเภทที่ต้องใช้เวลาสะสมหลายล้านปี แต่คงจะเป็นก๊าซประเภทที่ใช้เวลาสะสมไม่ถึงปี มีการหมดและมีการเพิ่มใหม่อยู่เรื่อยๆ

. . . . การที่ผู้เขียนคิดว่า เป็นวันที่ดวงจันทร์เพ็ญตั้งฉากเหนืออำเภอโพนพิสัยนั้น หากคิดให้ละเอียดแล้ว ฟังดูเหมือนว่าเวลาเกิดปรากฏการณ์นั้น จะต้องเป็นเวลาเที่ยงคืนใช่ไหม ดวงอาทิตย์ถ้าตั้งฉากเหนือหัวเรา ก็แสดงว่าเที่ยงวัน ส่วนเวลาเที่ยงคืน คือเวลาที่ดวงอาทิตย์ไปอยู่ตรงข้ามโลกกับตัวเรา จันทร์เพ็ญที่ได้ชื่อว่าจะต้องวางตัวอยู่ตรงข้ามดวงอาทิตย์เสมอ จึงจะตั้งฉากเหนือหัวเราได้เวลาเที่ยงคืนนั่นเอง แต่ปรากฏการณ์นี้กลับไม่ได้เกิดขึ้นตอนเที่ยงคืน หากแต่เกิดขึ้นก่อนเวลานั้น ในช่วงระหว่างหกโมงถึงเที่ยงคืน (เวลาจริงๆเป็นเท่าไรไม่แน่ใจ) ซึ่งเรื่องเวลานี้ก็สอดคล้องกับเรื่องแม่เหล็กดูดผงตะไบเหล็กได้อย่างดี ปรากฏการณ์จึงควรเกิดขึ้นก่อนเวลาซักระยะหนึ่ง

. . . . วงโคจรดวงจันทร์ที่เอียง 5.14527 องศาจากระนาบสุริยวิถีนั้น ทำให้ดวงจันทร์เพ็ญไม่อยู่ตรงข้ามกับดวงอาทิตย์พอดี มีค่อนไปทางเหนือบ้างค่อนไปทางใต้บ้างในระยะไม่เกินรัศมี 5.14527 องศานี้ หากครั้งใดวงโคจรดวงจันทร์ในส่วนที่ตัดกับระนาบโคจรของโลก ไปอยู่ที่จันทร์เพ็ญพอดี เมื่อนั้นโลกก็จะอยู่ระหว่างดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์เป็นเส้นตรงเดียวกันพอดี ก็จะเกิดจันทรุปราคาขึ้น เป็นเหตุให้ผู้เขียนสงสัยว่า ขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 ปีใดเกิดจันทรุปราคาขึ้น ครั้งนั้นจำนวนลูกไฟจะมีมากกว่าทุกปี

. . . . จำเดิมแต่นั้นที่คำนวณได้ว่า ดวงอาทิตย์ตั้งฉากเหนือละติจูดที่ -18 วันที่ 12 พฤศจิกายน และ 28 มกราคม วันที่ใกล้ที่สุดคือ 12 พฤศจิกายน ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว แล้ววันที่ 28 มกราคม หละ จะว่าอย่างไร น่าจะเป็นวันที่เกิดบั่งไฟขึ้นได้เช่นกัน เดือนมกราคมถือว่าอยู่ประมาณเดือน 2 ของทางจันทรคติ แต่ปรากฏการณ์น่าจะมีขึ้นก่อนดังคำอธิบายเรื่องผงตะไบเหล็ก อาจเป็นเดือนที่ 1 ทางจันทร์คติ (ธันวาคม) ฉะนั้นวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 1 น่าจะเกิดปรากฏการณ์บั่งไฟพญานาค แล้วทำไมไม่เกิด ผู้เขียนก็คิดว่า จากความที่มันเป็นก๊าซประเภทที่ใช้เวลาสะสมไม่ถึงปีนั้น เมื่อก๊าซมันขึ้นในเดือนที่ 11 ไปหมดแล้ว กว่าจะไปถึงเดือนที่ 1 ก็ใช้เวลาประมาณ 2 เดือน ระยะเวลาเพียง 2 เดือนนั้น จึงสะสมได้ปริมาณก๊าซไม่มาก ในส่วนของเดือน 11 นั้นใช้เวลาสะสมมาจากเดือน 1 มาเป็นเวลาถึง 10 เดือน สิบหารสองเท่ากับห้า ผู้เขียนเลยสงสัยว่า 15 ค่ำเดือน 1 อาจมีปรากฏการณ์เช่นกัน แต่ลูกไฟน้อยกว่า 15 ค่ำเดือน 11 ถึง 5 เท่า เลย เผลอๆก็เข้ากับความคิดอุปาทานมนุษย์ว่า 15 ค่ำเดือน 1 ไม่ใช่วันพระสำคัญ เลยไม่ให้ความสำคัญในการสังเกตเท่าที่ควร เผลอๆ บั้งไฟในวันขึ้น 15 ค่ำเดือนอื่นๆได้ชื่อว่าเป็น บั่งไฟผี มีเพียงเดือน 11 เท่านั้น ที่ได้ชื่อว่าเป็น บั่งไฟพญานาค เป็นเพียงความคิดของผู้เขียนครับ ผู้เขียนเองก็อยากไปดูที่นั่นเป็นเวลา 1 ปี จะดูทุกวันขึ้น 15 ค่ำ

. . . . ส่วนเรื่องที่ผู้เขียนไม่เห็นด้วยกับเรื่องพญานาค โดยสงสัยว่าทำไมปรากฏการณ์จึงเพิ่งมาเกิดเอาเมื่อร้อยกว่าปีมานี้เองนั้น การอธิบายทางวิทยาศาสตร์ที่ผู้เขียนยกมาก็ยังตอบไม่ได้เช่นกัน เพราะว่ามันน่าจะอยู่คู่กับลำน้ำโขงมาแต่ดึกดำบรรพ์แล้ว จุดนี้เราลองมามองในแง่ประวัติศาสตร์แม่น้ำโขงเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้วดู ยุคนั้นคงจะหนีไม่พ้นเรื่องลัทธิล่าอาณานิคมของฝรั่งเศส มีเรื่องอยู่แถวแม่น้ำโขงมาก อันนี้ก็คงต้องสืบประวัติศาสตร์ดู ว่าฝรั่งเศสเปลี่ยนแปลงพื้นที่แถวนั้นทำอะไรบ้าง หรือหากไม่ใช่แถวนั้น ก็ดูที่อื่นขอให้ที่ๆ จะดูนั้นอยู่ริมน้ำโขงก่อนที่จะถึงอำเภอโพนพิสัย ลัทธิล่าอาณานิคมมักจะมากับความเจริญทางวัตถุทั้งหลาย ในที่นี้ผู้เขียนสงสัยว่า ฝรั่งมาตั้งโรงงานอุตสาหกรรมอะไรที่ปล่อยของเสียลงแม่น้ำโขงหรือไม่ โรงงานนั้นคงจะอยู่มาไม่ถึงปัจจุบันแน่ หรือถ้าถึงก็คงชำรุดทรุดโทรมมาก แต่คิดว่าคงจะมีขึ้นใหม่สืบเนื่องต่อมาจนถึงยุคหลังๆนี้ ถึงแม้ฝรั่งเศสจะออกไปแล้วก็ตาม แต่จะเป็นอย่างไรแน่ผู้เขียนก็ไม่รู้ลึกไปถึงขั้นนั้น คงต้องถามผู้รู้ประวัติศาสตร์แถวนั้นละเอียดต่อไป เอ้ๆๆ แล้วฝรั่งยุคนั้นจะเห็นบั้งไฟพญานาคหรือเปล่านะ ใครจะตอบได้บ้าง

. . . . ภายใต้การคิดทฤษฎีทั้งหลายที่ผู้เขียนยกมานั้น ผู้เขียนยังมองเห็นอีกว่าบางอย่างอาจจะไม่ใช่อย่างที่ผู้เขียนคิด จึงขอยอมรับด้วยความบริสุทธิ์ใจ ขอนำเรื่องแรงโน้มถ่วงดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ที่ทำให้เกิดน้ำขึ้นน้ำลงบนโลกมากล่าวอีกครั้ง ที่จริงนั้น น้ำขึ้นน้ำลงไม่ได้เกิดสูงสุดแต่วันขึ้น 15 ค่ำเท่านั้น แต่วันขึ้น 1 ค่ำ วันที่ดวงจันทร์อยู่ระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ ก็เกิดน้ำขึ้นน้ำลงสูงสุดด้วยเหมือนกัน


. . . . ขึ้น 1 ค่ำคือวันที่ดวงจันทร์อยู่ระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์
และก็เป็นอีกวันที่เกิดน้ำขึ้นน้ำลงสูงสุด

. . . . ดังนั้น วันขึ้น 1 ค่ำเดือน 11 หรือวันขึ้น 1 ค่ำเดือน 12 (ขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 จะอยู่ระหว่างกลางสองวันนี้พอดี) ไม่วันใดก็วันหนึ่งก็น่าจะมีบั้งไฟขึ้น แต่ไม่ปรากฏว่ามีบั้งไฟขึ้น คือไม่มีข่าวให้รู้ เพราะอะไรก็ยังสุดวิสัยที่ผู้เขียนจะตอบได้อยู่ ขึ้น 1 ค่ำกับขึ้น 15 ค่ำ แรงโน้มถ่วงดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ช่วยกันดึงน้ำขึ้นน้ำลงให้สูงสุดได้เหมือนกัน ผิดกันแต่วันขึ้น 15 ค่ำนั้นมองเห็นดวงจันทร์เต็มดวงบนฟ้าด้วยเท่านั้น ในส่วนนี้นั้น อาจจะส่งผลให้ความคิดเรื่องผลของแรงโน้มถ่วงที่มีต่อปรากฏการณ์ของผู้เขียนนั้น ผิดไปบางส่วนหรือผิดทั้งหมดเลยก็ได้ ก็สุดแล้วจะพิจารณากัน อีกประการหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องเป็นเวลากลางคืน คือตอนแรกตั้งประเด็นว่า เมื่อไรดวงจันทร์เต็มดวงจะตั้งฉากเหนืออำเภอโพนพิสัย แต่เปลี่ยนเป็นคิดใหม่ว่า วันเพ็ญเมื่อใดที่ดวงอาทิตย์จะตั้งฉากเหนืออำเภอโพนพิสัย คือดวงอาทิตย์ตั้งฉากเหนือละติจูดที่ 18 องศาเหนือ ก็น่าจะมีปรากฏการณ์เกิดขึ้นได้เช่นกัน ก็สามารถคำนวณได้ด้วยสูตรที่ยกมาข้างต้นได้เช่นกัน แต่ถ้าบั้งไฟขึ้นเวลากลางวัน แล้วใครจะมองเห็นหละ เลยบอกว่าไม่มีก็ได้
เห็นจะมีคน 3 ฝ่ายที่คิดต่อเรื่องนี้ต่างกันไปดังนี้
• คิดว่าปรากฏการณ์ธรรมชาติ ซึ่งผู้เขียนเข้าข้างในส่วนนี้
• คิดว่าพญานาคทำ
• คิดว่ามนุษย์ทำ

. . . . ในส่วนที่คิดว่าพญานาคทำนั้นผู้เขียนได้พูดไปแล้วในข้างต้น แต่เรื่องที่สะกิดใจผู้เขียนคือ บางปีนั้นบั้งไฟพญานาคเห็นเขาว่าจะไปเกิดตรงกับวันออกพรรษาลาว เรื่องนี้มันบอกอะไรเราได้บ้าง
• ถ้าคิดว่ามันเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติหละก็ แสดงว่าปฏิทินจันทรคติของไทยเรามีคลาดเคลื่อน ปฏิทินของลาวเขาแม่นยำกว่างั้นหรือ
• คิดว่าพญานาคทำกับคิดว่ามนุษย์ทำ สองอย่างนี้รวมเป็นเรื่องของการเกิดขึ้นโดยการกระทำของสิ่งมีชีวิตที่ทรงปัญญา แต่พญานาคในพุทธศาสนาถือว่าเป็นสัตว์เดรัชฉาน อาจจะเป็นคนลาวทำ หรือพญานาคลาวทำ ก็เลยเกิดตรงวันออกพรรษาของลาว เรื่องการคิดว่าสิ่งมีชีวิตที่ทรงปัญญาทำนี้ มันใช้ตอบปัญหาได้ว่า ทำไมบั้งไฟมีขึ้นเฉพาะขึ้น 15 ค่ำเท่านั้น ทำไมขึ้น 1 ค่ำถึงไม่มี แต่ไม่แน่นักวิทยาศาสตร์ผู้อื่นอาจอธิบายตรงนี้ได้






 

Create Date : 13 ตุลาคม 2551
24 comments
Last Update : 18 ตุลาคม 2558 17:53:49 น.
Counter : 2821 Pageviews.

 

น่าสนใจ เดี่ยวมาอ่านใหม่ค่ะ

 

โดย: patra_vet 13 ตุลาคม 2551 8:50:47 น.  

 

สวัสดีค่ะ..

ได้ความรู้ดีมากๆเลยค่ะ..

งั้นมาลองดูบั้งไฟญานาคกันในวันพรุ่งนี้นะค่ะ..

ถ้าว่างแวะมาคลายเครียดกับอ้อมแอ้มซิค่ะ..

zwani.com myspace graphic comments
มีความสุขมากๆนะค่ะ

 

โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) 13 ตุลาคม 2551 9:22:21 น.  

 

ตกลงขึ้นวันไหนแน่อยากไปดูจริงหรือปลอมก็จะไป

 

โดย: 66 IP: 125.27.114.152 13 ตุลาคม 2551 15:13:06 น.  

 

พรุ่งนี้ผมจะเดินทางไปดูน่ะครับ
และก็กะว่าจะถ่ายรูปมาด้วยครับ
ผมจะพยายามถ่ายให้สว่างคล้ายกลางวัน คือการเปิดหน้ากล้องนานๆ หวังว่าจะได้เห็นบั้งไฟพุ่งเป็นเส้นขึ้นมา เพื่อดูว่า พุ่งขึ้นจากผิวน้ำ หรือพุ่งขึ้นจากตลิ่ง หรือพุ่งขึ้นจากยอดไม้กันแน่ครับ

 

โดย: สมภพ เจ้าเก่า 13 ตุลาคม 2551 18:06:21 น.  

 

บางที่ก็เชื่อนะค่ะเพราะเหตุการณ์แบบนี้อาจจะเกิดขึ้นได้ถ้าอย่างนั้นแล้วจะเป็นใครกันที่จะต้องการทำแบบนี้ แต่บางทีก็รู้สึกแปลกๆเพราะเพื่อที่ทำงานก็เป็นคนหนองคายติดกับแม่น้ำโขงเลยนะค่ะเพื่อเล่าให้ฟังว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นทุกๆปีของ 15 ค่ำ เดือน 11 แต่ต้องตรงกับวันพระของประเทศลาวถ้าไม่ตรงกับวันพระของประเทศลาวก็จะเลื่อนเป็นวันที่ตรงกับวันพระของลาว นี้จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ส้มคิดว่าอาจจะเป็นคนลาวทำขึ้นก็ได้แต่เรื่องแบบนี้เราก็พิสูจน์ไม่ได้หรอกนะค่ะปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติจะดีกว่านะค่ะ

 

โดย: ภูตแม่น้ำโขง IP: 203.156.43.72 15 ตุลาคม 2551 8:49:23 น.  

 

ไม่น่าจะมีคนทำ วันที่เกิดปรากฎการณ์นี้จะเป็นวันที่แรงโน้มถ่วงของโลก และดวงอาทิตย์อยู่ในระนาบเสริมแรงกันมาก มีผลทำให้มวลของแกสชีวภาพที่เกิดในน้ำเคลื่อนตัวลอยขึ้นมา มันเป็นเพียงแกสชีวภาพทีเรืองแสงได้ในอากาศ ปกติเหนือแม่น้ำลมจะแรงสายตาเราจะเห็นคล้ายวิถีการยิง แต่ถ้าไปเกิดในบริเวณที่เป็นหนองน้ำ สระน้ำ ที่ลมไม่แรง เราจะเห็นเป็นลักษณะลูกกลม เรืองแสง ลอยอยู่เหนือน้ำ เหนือพื้นดิน ลอยช้าๆ ชาวบ้านที่เห็นก็จะเหมาว่าเป็นผีกะสือ สร้างจินตนาการอย่างนั้นอย่างนี้ วันที่เกิดส่วนใหญ่จะเป็นวันโกน หรือวันพระ ในสมัยพุทธกาล พระพุทธองค์ทรงให้ความเห็นว่าเป็นวันที่ไม่ดี ทุกผู้คนควรจะอยู่กับการปฎิบัติธรรม วันโกนและ วันพระจะเป็นวันที่แรงโน้มถ่วงของโลกสูงมาก น้ำในสมองของคนเราก็เปลี่ยนแปลงมาก คนที่เจ็บป่วยทางสมองจะมีอาการไม่ดีในวันนี้เสมอ

 

โดย: ไร้นาม IP: 125.25.216.212 7 พฤศจิกายน 2551 7:22:35 น.  

 

เหตุผลทางการตลาด และผลประโยชน์ คนไทยหลอก กันเอง เฮ้ออออออ มันไร้สาระ

 

โดย: 22 IP: 124.122.141.199 22 ธันวาคม 2551 13:15:22 น.  

 

คิดอย่างเดียวกับความเห็นที่ 17 ครับ

เพราะ ธรรมชาติ เกิดก่อนเรานับล้านปี
มีอะไรที่เกิดบนโลกใบนี้มากมาย

เราเพิ่งสร้างความรู้เมื่อไม่กี่ร้อยปีมานี่เอง
เราเรียกมันว่า วิทยาศาสตร์

ไอ้วิทยาศาสตร์เมื่อเทียบกับ
วิชาการทางโลกที่โลกใบนี้มีอยู่
มันเป็นเพียงแค้ความรู้ชั้นอนุบาล

เรายังไม่รู้อะไรอีกหลายอย่าง เพราะ ความรู้ที่เรามี ยังเข้าไปไม่ถึง
เพราะฉะนั่น เราไม่ควรสรุป
ด้วย ตรรกะที่ว่า

ถ้าเราพิสูจน์โดยหลักวิทยาศาสตร์ไม่ได้
มันต้องเป็นเรื่องปลอม

แบบนี้ คิดไม่ถูกครับ

 

โดย: niceink IP: 10.6.10.144, 61.91.199.11 1 กรกฎาคม 2552 15:42:19 น.  

 

ปีนี้วันออกพรรษาลาวตรงกับวันที่เท่าไหร่คะ

 

โดย: ink IP: 58.9.33.5 20 กรกฎาคม 2552 12:49:14 น.  

 

เคยไปดูมาแล้วครับ เจอวันพระไม่ตรงกันพอดี
เลยต้องอยู่ดู 2 คืน คืนแรกวันพระไทยไม่ขึ้น
น่าสงสารคุณลุงคุณป้ามาจากสงขลาต้องกลับ
ทั้งที่ไม่ได้เห็น รถทัวร์ประกาศตามต้องจำใจกลับ
พอคืนที่ 2 วันพระของลาวเห็น สิบกว่าลูกครับ
*ถ้าคุณ sompop เข้ามาดู ฝากถามไว้นิดนึงครับ
ว่าปีนี้ 2552 วันพระตรงกันหรือเปล่า จะได้ลาถูกวัน*

 

โดย: this will pass too IP: 172.16.1.158, 118.173.234.24 31 สิงหาคม 2552 22:14:45 น.  

 

พูดอย่างนี้ก็ไม่ถูกนะเหมือนไปดูถูกเลย

 

โดย: ไม่เชื่ออะ IP: 124.122.129.52 8 ตุลาคม 2552 16:38:14 น.  

 

55

 

โดย: กํา IP: 124.157.146.110 15 พฤศจิกายน 2552 13:53:50 น.  

 

เนื้อหาสนุกเข้าใจง่ายดีค่ะ

 

โดย: คนอยากรู้ IP: 125.27.119.114 19 กรกฎาคม 2553 20:10:47 น.  

 

กลุ่มเพื่อน 5.63 โรงเรียนอุตรดิตถ์ พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร่วมกับ ทีมงานพิพิธภัณฑ์พืชแห่งแรกของกรุงสยาม "พิพิธภัณฑ์พืชกรุงเทพ" จัดเลี้ยงสังสรรค์ต้อนรับเหมันตฤดู วันออกพรรษา 2553 "เชียงคานยังหวานอยู่" ณ บ้านครูแดงโฮมสเตย์ อ.เชียงคาน จ.เลย วันที่ 23-25 ต.ค. 2553 มีโปรแกรมกิจกรรมที่น่าสนใจดังนี้
วันที่ 23 ตุลาคม 2553
06.00 - 12.00 น. เดินทางสู่จังหวัดเลย,รับประทานอาหาเที่ยงตามอัธยาศัย
13.00 น. ถึงจึงหวัดเลย พบกันที่ร้าน แชมป์โปรเจค (ตรงข้ามโรงพยาบาลเมืองเลยราม
13.30 - 14.30 น. ขบวน Rally รถยนต์ 5.63 และเครือข่าย เดินทางสู่อำเภอเชียงคาน
14.30 - 15.00 น. เข้าที่พัก ผักผ่อนตามอัธยาศัย
15.00 - 15.30 น. ชมทัศนียภาพแก่งคุดคู้ อำเภอเชียงคาน
15.30 - 17.30 น. Walk rally หรรษา 5.63 พาสนุก
17.30 - 18.30 น. ปั่นจักรยาน เที่ยวถนนชายโขง เมืองเชียงคาน

วันที่ 23 ตุลาคม 2553
06.00 - 12.00 น. เดินทางสู่จังหวัดเลย,รับประทานอาหาเที่ยงตามอัธยาศัย
13.00 น. ถึงจึงหวัดเลย พบกันที่ร้าน แชมป์โปรเจค (ตรงข้ามโรงพยาบาลเมืองเลยราม
13.30 - 14.30 น. ขบวน Rally รถยนต์ 5.63 และเครือข่าย เดินทางสู่อำเภอเชียงคาน
14.30 - 15.00 น. เข้าที่พัก ผักผ่อนตามอัธยาศัย
15.00 - 15.30 น. ชมทัศนียภาพแก่งคุดคู้ อำเภอเชียงคาน
15.30 - 17.30 น. Walk rally หรรษา 5.63 พาสนุก
17.30 - 18.30 น. ปั่นจักรยาน เที่ยวถนนชายโขง เมืองเชียงคาน

24 ตุลาคม 2553
05.00 - 06.30 น. รับอรุณยามเช้าที่ภูทอก
06.30 - 07.30 น. ชาว 5.63และเครือข่าย บำเพ็ญกุศล ไหว้พระ ทำบุญตักบาตร ยามเช้าที่เชียงคาน
07.30 - 08.30 น. รับประทานอาหารเช้า และแลกเปลี่ยนสนทนาเวลาเช้าที่เชียงคาน
อาหารเช้า
- กาแฟเลิศรส และขนมไทย ๆ
- ขนมจีนน้ำแจ่ว
- ข้าวต้มทรงเครื่อง
08.30 -09.30 น. ชาว 5.63 และเครือข่าย บำเพ็ญประโยขน์ บริจาคเสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่ม สมุดเครื่องเขียน ฯลฯ ให้เด็กนักเรียนด้อยโอกาส ณ โรงเรียนมูลมัง หลวงปู่ชอบ ฐานสโม วัดท่าแขก อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย
09.30 - 10.30 น. นัดดวลกอล์ฟ สำหรับคนรักกอล์ฟ ที่สนามกอล์ฟ อาทิตย์ กำลังเอก ค่ายศรีสองรัก จ.เลย
- เดินทางท่องเที่ยวตามอัธยาศัย
1. ไหว้พระธาตศรีสองรัก อ.ด่านซ้าย จ.เลย
2. ไหว้พระที่วัดเนรมิตวิปัสสนา อ.ด่านซ้าย จ.เลย
3. เที่ยวสะพานไทย -ลาว อ.ท่าลี่ จ.เลย
4. เที่ยวท่าสด็จ จ.หนองคาย
เดินทางท่องเที่ยว ค้างคืนตามอัธยาศัย
25 ตุลาคม 2553 เดินทางกลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ
Rally รถยนต์ 5.63 และเครือข่าย เดินทางสู่อำเภอเชียงคาน
14.30 - 15.00 น. เข้าที่พัก ผักผ่อนตามอัธยาศัย
15.00 - 15.30 น. ชมทัศนียภาพแก่งคุดคู้ อำเภอเชียงคาน
15.30 - 17.30 น. Walk rally หรรษา 5.63 พาสนุก
17.30 - 18.30 น. ปั่นจักรยาน เที่ยวถนนชายโขง เมืองเชียงคาน
ยินดีต้อนรับสู่เชียงคาน
ด้วยสัจจะและไมตรีจาก
พ.ต.ท.เสฏฐวุฒิ รอดจันทร์ รอง ผกก. สภอ.ภูกระดึง จ.เลย และคณะ
นางกมนวรรณษ์ วัฒนศรีทานัง
นายวิชรัตน์ บุปผาพันธ์ และ
นายเรืองวิทย์ ล้อศิริรัตน์

 

โดย: กลุ่มเพื่อน 5.63 อ.ต. IP: 210.246.186.9 12 ตุลาคม 2553 23:12:31 น.  

 

วิทยาศาสตร์ของคุณไม่สามารถทำให้คนเป็นพระอรหันต์ได้ส่วนเรื่องลูกไฟมันเป็นเรื่องเกื่อบอจินตัยเกินวิสัยมนุษย์ผู้มีกิเลสมากงมงายหลงในวิยาศาตร์อย่ามัวมาหาสาเหตุเลยไม่มีประโยชน์

 

โดย: pp IP: 223.206.165.98 23 ตุลาคม 2553 10:38:19 น.  

 

ชี้อะไรเป็นอจินไตยตามอารมณ์ตัวเองหรือเปล่า
ของบางอย่างหาสาเหตุแล้วถึงได้ประโยชน์ก็มีนะ

 

โดย: สมภพ เจ้าเก่า 26 ตุลาคม 2553 9:17:49 น.  

 

มันก็เป็นความเชื่อของคนแต่ล่ะคนและผู้เฒ่าโบรานที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำโขงมานานหลายสิบปี แล้วถ้าว่าคนทำหรือพญานาคทำแล้วสริยุปราคาล่ะค่ะ นั่นก็อยู่บนท้องฟ้ามันก็ยังมีปีล่ะครั้ง แล้วบั้งไฟพญานาคมีปีละครั้งมันแปลกหรอค่ะบั้งไฟพญานาคอยู่ใต้น้ำลึกมีใครพิสูทได้บ้างว่ามันจะขึ้นตรงไหน บางปี ก็ยังไม่ขึ้นไห้เห็นเลยค่ะ บางปีก็เป็นลูกไฟขึ้นไห้เห็นตั้งเยอะนี่หรอค่ะคนทำใครจะลงไปดำน้ำตั้งลึกขนาดนั้นจริงมั๊ยค่ะ เขาไม่เอาชีวิตไปเสี่ยงกับน้ำลึกๆขนาดนั้นหรอกค่ะ สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นไปตามธรรมชาติและความเชื่อค่ะ ถ้าใครไม่เชื่อ ก้ไม่เป็นไรค่ะแต่สำหรับคนที่เติบโตมากับริมน้ำโขง เชื่อ100เปอร์เซนต์แม้เรื่องนี้ทางวิทยาศาสตร์อาจจะพิสูทไม่ได้นั่นหมายถึง เกิดจากความเชื่อ หรือธรรมชาติสร้างมาค่ะเรื่องนี้พิสูทไม่ได้ก็ต้องดูต่อไปค่ะ ถ้าไม่มีจริงจะมีประวัติใว้ไห้ค้นหากันทำใม จริงมั๊ยค่ะ

 

โดย: จากลูกแม่น้ำโขง IP: 125.26.213.235 1 กรกฎาคม 2554 10:13:03 น.  

 

อย่าลืมสิค่ะ ว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีสิ่งเล้นลับอีกตั้งมากมายที่คนไทยสมัยใหม่ไม่รู้อีกเยอะ เพราะว่าบ้านเขาอยู่ในเมืองใงค่ะอยู่กับเทคโนโลยี อยู่กับสิ่งก่อสร้าง ความวุ่นวาย เขาถึงไม่รู้จักคำว่าความเชื่อ เพราะเขาไม่ได้เติบโตมากับสิ่งเหล่านี้ แล้วคนที่เขาละลึกชาติได้ล่ะค่ะ แปลกมั๊ยล่ะ วิทยาศาสตร์พิสูทได้มั๊ยค่ะ เพราะนั่นคือความเชื่อค่ะ ไม่เจอกับตัวเองไม่รู้หรอกค่ะ แล้วหน้าประตูโขงทางเข้าวัดทำใมต้องมีรูปปั้นพญานาคล่ะค่ะ มีมาตั้งแต่สมัยไหนใครรู้บ้างค่ะ ตอบได้มั๊ยล่ะค่ะ

 

โดย: ลูกแม่น้ำโขง IP: 125.26.213.235 1 กรกฎาคม 2554 10:23:55 น.  

 

ลืมมาบอก ว่าได้เดินทางไปดูมาแล้วหละครับ แต่ต้องพบกับความผิดหวัง เข้าไปดูใน Blog นี้ครับ เดินทางไปดูบั้งไฟพญานาค เพื่อหวังจะถ่ายรูปบั้งไฟครับ

 

โดย: สมภพ เจ้าเก่า 1 กรกฎาคม 2554 15:21:52 น.  

 

อะไรก็เป็นปรากฏการธรรมชาติ คุณผู้เขียนยังไม่รู้เลยว่าประวัติพระพุทธเจ้ากับแม่น้ำโขงและพญานาคมีมาเป็นอย่างไร ณ ตรงบริเวณนี้ ก็มาสรุปเสียแล้วเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ คุณพิสูท มาก่อนว่าเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติจริงๆๆแล้วค่อยออกมาแสดงความคิดเห็น เอาแบบพิสูทได้นะ ไม่ใช่ผมคิดว่า....สิ่งศักดิ์จะให้คนเห็นและทราบคนนั้นต้องมีบารมี ทำบุญร่วมกันมา ถึงจะเห็น และผมก็รู้จักหลายๆๆท่านที่เคยเห็นพญานาคจริงที่มีชีวิต ทั้งตัวเล็ก ตัวใหญ่ ที่แม่น้ำน้อยก็มี แม่น้ำลพบุรีก็มี ที่อ่างซับเหล็กก็มี งูที่มีหงอนที่ตัวเท่าขา ดวงตาสี่แดงเข้ม เขาเรียกว่างูพันธ์ุไหนคับช่วยบอกผมที่ท่านนักวิทยาศาสตร์ เห็นจริงๆๆที่แม่น้ำน้อยสิงห์บุรี......

 

โดย: เด็กลพ IP: 118.174.22.230 1 พฤศจิกายน 2555 8:46:11 น.  

 

อ่านไปอ่านมา
งง พูดมาตรงๆๆว่าไม่เชื่อจบค่ะ
แต่ถ้าพูดถึงตะไบเหล็กอะไรนั่น ดูแร้วมันแปลกๆๆชอบกล
ปฎิทิน ประเทศไหนก้อคลาดเคลื่อกันทั้งนั้นแหละค่ะ
เพราะสมัยนั้นกี่พันปีมาแร้วการจะคลาดเคลื่อนได้
มันก้อเป็นเรื่องปกติ
คุณเป็นนักวิทยาศาสตร์ยังไงคะ
ไม่รู้เหรอว่าเครื่องมือทุกชนิดย่อมมีความคลาดเคลื่อน
และจะมีหน่วยความคลาดเคลื่อนของมันอยู่
=-= และนักวิทยาศาตร์ต้องไม่มีอคติค่ะ

 

โดย: ฟ้า IP: 223.205.145.163 6 พฤศจิกายน 2555 14:56:27 น.  

 

เปิด facebook พิสูจน์บั้งไฟพญานาค สามารถเข้าไปติดตามชมได้นะครับ //www.facebook.com/PhisucnBangfiPhyanakh
เปิดช้ายังดีกว่าไม่เปิด 555

 

โดย: สมภพ เจ้าเก่า 19 พฤศจิกายน 2555 10:20:51 น.  

 

ไม่มีอะไรจะยิ่งใหญ่้เท่าธรรมชาติ ธรรมชาติก็มีเหตุผลแต่เป็นเหตุผลที่ค้นหาทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้ สิ่งที่พิสูจน์ได้เราเรียกว่าวิทยาศาสตร์ แต่สิ่งที่ปรากฎและพิสูจน์ไม่ได้จะเรียกว่าอะไร เชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ โลกนี้ไม่ใช่วิทยาศาสตร์ครับ

 

โดย: samakkee 8801 IP: 27.145.60.32 30 พฤศจิกายน 2555 14:30:27 น.  

 

ขับรถไปเที่ยวมา และได้ชมสถานที่แถว วัดบ้านเป สถานที่วัดธรรมกาย ได้เอาเก้าอี้ กับ เสื่อ ไปนั่งปูชมเวลาประมาณ หกโมงเย็น ถึง สองทุ่มกว่า ได้เห็นขึ้นแถววัดเป จำนวนหลายลูก เป็นลูกเดียวก็มี เป็นชุด สามสี่ดวงก็มี และเกิดขึ้นที่บริเวณด้านหน้าพวกก็มี สาม ถึง สี่ ลูก เป็นลูกไฟที่แดงออกชมพู พุ่งขึ้นฟ้า สวยงาม น่าตื้นเต้น สมกับที่ขับรถมาไกล อากาศเย็นสาบาย พระจันทร์เต็มดวง อยู่บนเหนือหัวพวกเรา และซื้อของกินมากินด้วย และคืนนั้นได้ปล่อยโคมไฟกับลูกและเมียด้วย มีความสุขดี

 

โดย: Rick IP: 1.2.160.254 20 ตุลาคม 2556 20:01:17 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สมภพ เจ้าเก่า
Location :
นครราชสีมา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




รูปภาพทั้งหมดในนี้ สามารถนำไปใช้ได้ฟรีนะครับ แต่ไม่ควรลบสัญลักษณ์แสดงความเป็นเจ้าของในรูปออกไป รูปใดไม่มีสัญลักษณ์ อยากให้ช่วยอ้างอิง จาก sompop.bloggang.com ด้วยครับ
Blog ล่าสุด
* สัมภาษณ์เทวดาในพระแก้วมรกต 18 มิ.ย. 60
* การสำรวจหินลอยได้ที่เขาคิชฌกูฏ 3 มี.ค. 60
* บทสัมภาษณ์เจ้าพ่อหลักเมือง กทม. 16 ธ.ค. 59
เรื่องเล่าบอกต่อ
* บั้งไฟพญานาค ถ่ายจากโดรนมุมสูง
* เชิญโหลด 7 ภาพยนต์เฉลิมพระเกียรติ
* เช็คอันดับ Blog ของคุณกับ truehits
Blog แนะนำ
* บทสัมภาษณ์เจ้าพ่อหลักเมืองกรุงเทพฯ 19 ก.ย. 57
* ยานพาหนะที่แล่นตามและทวนน้ำได้โดยไม่ใช้พลังงานอื่น
* ปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ปี 2012
New Comments
Friends' blogs
[Add สมภพ เจ้าเก่า's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.