ชีวิตคือการเติบโต... เพื่อเรียนรู้ เพื่อที่จะเข้าใจ
๑๑...บทที่ ๙...๑๑





ในฝันนั้นเขาได้ยินเสียงวิ๊งๆ ที่ทำให้ปวดจี๊ดเข้ามาในสมองจนต้องขบกรามแน่น เจ็บแปลบอยู่ครู่หนึ่งเสียงก็เริ่มเบาลงและดูเหมือนจะห่างออกไป จากนั้น "ธวัช" จึงค่อยๆ คลายคิ้วหนาที่ติดชิดให้ห่างออกจากกัน สัมผัสที่เนื้อตัวซึ่งรู้สึกเหมือนถูกลูบไล้ด้วยผืนผ้าหมาดน้ำ ปลุกให้เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ เพื่อพบกับสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย...

เมื่ออาการแสบจ้าในดวงตาชืดจางลง เขาก็พบกับภาพเพดานสีขาวหม่น พัดลมสีเขียวใบเตยอ่อนหมุนอย่างอ้อยอิ่งกับเส้นสายไฟที่เริ่มเก่าเหลือง


ขณะนี้เขากำลังอยู่ในห้องโถงขนาดใหญ่ แวดล้อมด้วยเตียงพยาบาลหลายสิบเตียง มองข้ามฟากไปที่ตรงข้าม เห็นฝ่ายเท้าดำๆ ของชายแก่เคราดกผิวคล้ำ ที่กำลังหลับตาด้วยความอิดโรย ถัดไปทางซ้ายมือเป็นเด็กชายที่เท้าขวาใส่เฝือกยกลอยด้วยสายรั้งติดกับเสาด้านปลายเตียง ค่อยๆ หันมาอีกด้านปรากฏว่าเตียงขวามือนั้นว่างเปล่า ก่อนที่จะสะดุดไปเห็นใครคนนึงที่นั่งคั่นกลางระหว่างเขากับเตียงขาวโล่งนั่น


เธอเบิ่งตากลมโตสีหน้าบ่งบอกถึงตื่นเต้น และน้ำในตาที่ค่อยๆ เอ่อล้นเป็นเม็ดมุกขาวรินอาบแก้ม เจ้าของใบหน้าซีดขาวนั้นเผยให้เห็นรอยยิ้มน้อยๆ พร้อมกับมือที่เอื้อมมาบีบที่แขนของเขาเบาๆ


"ตื่นแล้วเหรอ..."


สามวันต่อมา เขาพบตัวเองอยู่บนรถเข็น หลังจากการตรวจซ้ำแล้วซ้ำอีก นายแพทย์ใหญ่ของโรงพยาบาลก็อนุญาตให้เขากลับบ้านได้



“นี่คงเป็นความฝัน” ธวัช ยิ้มให้กับตัวเอง


แต่มันเป็นฝันที่เหมือนจริงเหลือเกิน... ทั้งความเจ็บปวดตอนที่ถูกถอดเครื่องช่วยหายใจและสายท่ออาหาร รสชาติของโจ๊กอุ่นๆ ที่หญิงสาวหน้ากลมบรรจงป้อนให้กับเขาทุกมื้อ น้ำเปล่ารสชาติก็แสบคอกว่าที่เคย


สองวันแรกหลังลืมตาตื่น เขาไม่พูดอะไรกับผู้หญิงแปลกหน้าคนนั้นเลย หนึ่งเพราะรู้สึกลำคอแห้งผากจนยากจะออกเสียง ขณะเดียวกันเธอก็เอาแต่เรียกเขาว่า “กฤต”


เขาจำได้ว่าตัวเองคือ “ธวัช” และวันนี้เขานัดกับพี่โธมัสว่าจะไปช่วยดูงานตัดต่อฟุตเทจในรอบไดเรคเตอร์ คัท ไม่ใช่หรือ?


ธวัช นึกถึงตอนที่เขาเคยถูกผีอำ ว่ากันว่ามันเป็นเพียงปรากฏการณ์ทางสมอง ที่ประสาทสัมผัสในการรับรู้บางส่วนตื่นแล้ว แต่สมองที่สั่งงานด้านกล้ามเนื้อบางส่วนยังหลับอยู่ เราจะรู้สึกว่ามองเห็น ได้ยิน แต่ขยับตัวไม่ได้ ซึ่งคนในอดีตก็มีความเชื่อผิดๆ ว่าเป็นอาการของการถูกผีหลอก หรือผีอำนั่นเอง


เขาคิดว่าฝันนี้ก็คงเช่นเดียวกัน อีกไม่นานมันก็คงหายไป


เอยพาเขานั่งรถเข็นมาขึ้นรถแท็กซี่ที่หน้าโรงพยาบาล... วันนี้เขาคุยกับเธออยู่หลายคำ สอบถามเรื่องราวพื้นฐานบางอย่าง... ผู้หญิงคนนี้พยายามอธิบายอย่างช้าๆ และเต็มเปี่ยมไปด้วยแววตาของความใส่ใจ แว้บหนึ่ง เขาคิดว่านี่อาจจะไม่ใช่ความฝันเสียแล้ว


เสียงรถยนต์ กลิ่นน้ำมันเครื่อง ลมร้อนที่ปะทะหน้า ความวุ่นวายจอแจในเมืองหลวง... ทำไมเขารู้สึกว่ามันคล้ายความจริงจนแยกไม่ออก ธวัช ยกมือขึ้นเพื่อสัมผัสสายลมที่พัดผ่าน เขาลองกำและแบมือออก รู้สึกว่าเรี่ยวแรงของเขาเริ่มกลับคืนมาบ้างแล้ว


นี่เขายังฝันอยู่จริงๆ หรือ?


เรื่องเล่าสารพัดสาระพันที่ผู้หญิงชื่อ “เอย” เล่าให้ฟังนั้น เขาเอาความทรงจำแบบนั้นมาจากไหน? เรื่องสมัยเด็ก เรื่องสมัยเรียน อาหารที่ชอบ ชื่อเรียกของโรงเรียนหรือสถานที่บางแห่งซึ่งเขาเกิดมาก็เพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรก...


นี่มันก็ยังเป็นความฝันเหรอ?


ขณะอยู่บนแท็กซี่ เอยก็ยังชวนคุยเรื่องต่างๆ เรื่องงานของเธอ เรื่องงานของเขา เธอบอกว่าเพื่อนร่วมงานและลูกค้าเก่าๆ ต่างก็เรียกหาตัวเขา ซึ่งเธอก็ตอบไปว่ายังพักรักษาตัวอยู่ ตอนนี้ถ้าใครรู้ว่าเขาดีขึ้นแล้วก็คงจะดีใจ เพราะลูกค้าหลายคนโทรมาเรียกตัวเพราะอยากจะร่วมงานกับเขาอีก


สรุปว่าเขาชื่อกฤต เขาคือตากล้อง? ไม่ใช่นักแสดงที่ชื่อ “ธวัช” อย่างนั้นหรือ?


ก่อนที่เรื่องราวต่างๆ จะทำให้เขาปวดไปมากกว่านี้ ชายหนุ่มผู้รู้สึกว่าทุกอย่างมันช่างแปลกประหลาดไปเสียหมด ทุกคนที่เขารู้จักกลายเป็นคนที่เขาไม่รู้จัก ทุกงานที่เขาทำกลายเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยทำ



หนวดเครารุงรัง ผมที่ยาวถึงเกือบกลางหลัง... นี่มันก็ไม่ใช่ของเขาแน่ๆ



ธวัชเพลินไปกับเสียงพูดของเอยและพัดลมจากแอร์ของรถแท็กซี่...


ในที่สุดเขาก็ผล็อยหลับไป...



....


เสียงโทรศัพท์มือถือดังยาวติดต่อกันเป็นครั้งที่สาม


ขณะที่ยังไม่ลืมตา “ธวัช” ใช้มือควานหาอยู่ครู่ใหญ่ถึงจะกดรับสายได้


“เฮ้ย! เป็นยังไงนี่เรา เห็นเจ้าก้อยบอกว่าเราติดธุระ โทรไปก็ไม่ค่อยรับ บ่ายเบี่ยงพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง งานถ่ายแบบขึ้นปกคู่กับเอิงก็ไม่ได้ไป... นี่หายหัวไปเนี่ย! เจ๊ตุ้มเขาเข้ามาฟ้องพี่ถึงออฟฟิส ว่าต้องแคนเซิลงานไปสองชิ้นแล้ว”


“อะไรนะครับพี่...” ธวัชสะดุ้งตื่นลุกขึ้นยืน เพราะนี่คือเสียงของพี่ทอมชัดๆ แต่ที่ผ่านมาก็ไม่เคยขึ้นเสียงแข็งกับเขาอย่างนี้มาก่อน


เขาแค่ฝันไปจริงๆ งั้นหรือ? กับเรื่องของผู้หญิงที่ชื่อเอย


“เป็นอะไรรึเปล่า? บอกพี่ได้นะ แต่ว่าอย่าหายไปแบบนี้ ผู้ใหญ่เขาถามถึงแล้วพี่ไม่คำตอบให้”


“ผมกราบขอโทษด้วยครับพี่ แต่ผมจำได้ว่า... วันนี้ผมมีนัดเข้าบริษัทไปช่วยพี่ดูงานตัดต่อไม่ใช่เหรอครับ?”


“อันนั้นเสร็จไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว... แต่ตอนนี้คิวถ่ายขึ้นปกมูฟวี่มาเนียร์ช่วงสิบเอ็ดโมงเนี่ย เขาให้เดดไลน์มาแล้ว เราจะไปวันนี้ให้เขาได้ไหม? น้องเอิงเขาก็ว่างวันนี้วันเดียว ไม่งั้นต้องรอคิวถึงอาทิตย์หน้า นี่งานมันจะไม่ทันเอานะธวัช!” เสียงพี่โธมัสเครียดดุ


“ได้ครับๆ ผมจะรีบออกไปเดี๋ยวนี้เลยครับพี่... ผมกราบขอโทษพี่อีกครั้งนะครับที่เหลวไหล ผมหลับยาวไปไม่รู้เรื่องจริงๆ”


เมื่อพี่โธมัสวางสาย ธวัช รู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันทีเมื่อเห็นวันที่บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ...


นี่มันผ่านมาแล้วตั้งสามวัน!!


สามวันที่เขาอ้อยอิ่งอยู่บนเตียงของโรงพยาบาลแห่งความฝัน นั่นแลกกับการที่เขานอนหลับไปเท่ากับเวลาในชีวิตจริงอย่างนั้นหรือ??



นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่!?




Create Date : 05 ธันวาคม 2560
Last Update : 5 ธันวาคม 2560 21:24:12 น. 0 comments
Counter : 315 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

SnowMonkey
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
 
ธันวาคม 2560
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
5 ธันวาคม 2560
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add SnowMonkey's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.