ชีวิตคือการเติบโต... เพื่อเรียนรู้ เพื่อที่จะเข้าใจ

๑๑...บทที่ ๗...๑๑





อาจจะเพราะความเหนื่อยหนักจากการโหมงานแสดง ด้วยบทที่เขาเล่นเป็น “ปันตา”ยุวกษัตริย์ผู้แบกรับภาระและต้องนำพาชาติบ้างเมืองที่กำลังอยู่ในความขัดแย้ง การประคับประคองเสถียรภาพของแว่นแคว้นและทำสงครามปกป้องราชอาณาจักรในภาพยตร์เรื่องนี้ “ธวัช” ต้องทั้งขี่ม้ายิงธนู ดวลเพลงหอกและเพลงดาบ เข้าฉากบู๊เสี่ยงตายมากมายทั้งปีนค่ายตีเมือง ควบม้าศึกข้ามแนวขวากหนาม ทะลวงฝ่ายหมื่นอริราชกลางสนามรบ ซึ่งทั้งหมดเขาขออาสาเล่นเองเจ็บเอง โดยไม่ใช้สแตนด์อินน์ทั้งสิ้น


ราคาชีวิตของเขา ไม่ได้แพงกว่าคนอื่น


และหากจะพาตัวเองไปสู่กองสุมแห่งเงินตราและชื่อเสียง ธวัชก็ขอแลกด้วยหยาดเหงื่อและเลือดเนื้อของเขาเองไม่ใช่ให้สตันท์แมนหรือตัวประกอบคนอื่นมาเสี่ยงตายแทนเขา...


ในคืนนั้น “ธวัช” ก็ฝันประหลาดอย่างที่สุด


ตอนแรกเขาฝันว่าตัวเองคือเจ้าชายปันตาตามบทพูดที่ซ้อมแล้วท่องซ้ำมาหลายเดือน


จากนั้นเขาก็เห็น “เอิง” ในชุดสาหรี่สีแดงอลังการอลงกรณ์ด้วยเครื่องประดับวับแวมตาเธอยิ้มให้เขาอย่างมีความหมาย โดยมีฉากหลังเป็นปราสาทราชวัง แต่ก็คงเป็นยิ้มเดียวกับที่เกาะกินหัวใจแฟนคลับทั่วฟ้าเมืองไทยของเธอนั่นแหล่ะ


แล้วภาพของใครสักคนหนึ่ง ก็ถูกซ้อนให้เด่นชัดขึ้นมา


ภาพของใบหน้ากลมมน และน้ำตาที่ไหลอาบสองแก้มของหญิงสาวผิวซีดคนหนึ่ง...

ตอนแรกธวัชก็แปลกใจจนเกือบจะกลายเป็นรำคาญ กับเสียงร้องโหยหวนของเธอที่เด่นชัดขึ้นทุกทีๆจนเขารู้สึกแสบแก้วหู...

เธอหยุดเสียงแล้วมองมาที่เขา ซึ่งดูเหมือนว่าตอนนี้จะทอดร่างอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลที่ไหนสักแห่ง


เธอจูบที่หลังมือของเขาอย่างแผ่วเบา... มองขึ้นมาโดยแววตานั้นกินความหมายลึกซึ้ง


ซึ่งเป็นเหตุการณ์ก่อนที่เขาจะลืมตาตื่นจากฝันในกลางดึก


และเธอคนนั้นก็คือ “เอย” นั่นเอง...



.....



สองอาทิตย์ถัดมา “ธวัช” กลับมาวุ่นวายอีกครั้งในห้องประชุมของบริษัท สยาม-ด๊อยช์ฟิลม์ คุณโธมัส อัศวชาติ ซึ่งก็เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทนั่งประจำอยู่ที่หัวโต๊ะเพื่อเตรียมพิจารณาความร่วมมือทางด้านการตลาดของภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์กับกลุ่มสื่อสารมวลชนแขนงต่างๆ


“ที่แพลนงานกันเอาไว้ก็คือเราเตรียมงบอีกห้าสิบล้านสำหรับซื้อโฆษณาครับพี่” ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กรอธิบาย

“มีสื่อสิ่งพิมพ์สิบสองเล่ม ขึ้นปกนิตยสารแบบบาร์เตอร์เทรดหกหัว สัมภาษณ์ช่วงข่าวเช้าในทีวีช่องหลักสี่ช่องแล้วก็ช่วงรายการบันเทิงตอนเที่ยงอีกสามช่อง... ที่เหลือเราประสานขอซื้อเวลาในละครหลังข่าวไปเยอะเหมือนกันครับแล้วก็พวกสื่ออินเตอร์เน็ต โปรโมทผ่านแอดมินในเว็บเพจโซเชี่ยล พวกเพจพ่อจ๋าแม่จ๋า เลือกเฉพาะที่มีแฟนเพจเกินสองล้านอีกห้า-หกแห่งครับ ที่เหลือก็เป็นการบาร์เตอร์เทรดถ่ายแบบคู่กับสินค้าของสปอนเซอร์รวมไปถึงอีเวนต์ก็เดี๋ยวต้องประสานขอคิวจากพวกนักแสดงนำของเรา”


“เท่าที่ดูมา งบฯกับตัวเลขของกลุ่มทาร์เก็ตก็โอเคแล้วนะ... เอ้อ!แล้วในส่วนของน้องเอิงว่าไง เจ๊ตุ้ม”พี่ทอมพูดแล้วหันไปทางผู้จัดการส่วนตัวข้ามเพศของซุปเปอร์สตาร์สาว ซึ่งถือเป็นนักแสดงหลักและจุดขายของหนังเรื่องนี้ก็ว่าได้


“ในส่วนของน้องเอิงนะคะคุณโธมั๊ส...” เจ๊ตุ้มจีบปากจีบคอ “ตอนนี้ก็มีอีเวนท์มีงานถ่ายแบบอยู่ทุกวันเป็นปกติค่ะ วันนึงก็สอง-สามที่บ้าง สี่-ห้าที่บ้าง ห้า-หกที่บ้าง...”

“เอ้าๆ อย่าให้ถึงเจ็ด-แปดที่เลยวันนึง... ตัดเข้าประเด็นเลยได้ไหม!” คุณโธมั๊ส ของเจ๊ตุ้มทำเสียงเข้ม

“ค่า... ก็ทุกอีเวนต์จะเปิดให้นักข่าวได้สัมภาษณ์น้อง พูดเรื่องหนังบ้างอะไรบ้าง เรื่องความเหนื่อย... ความล้า ความสตรองของนางอะไรแบบนี้ ...ส่วนในเฟซบุ้คทวิตเตอร์ ไอจี หนูก็ลงภาพตอนทำงานในกองถ่ายตลอดๆ ...ก็เหนื่อยนะค๊ะแต่ก็อยากให้หนังมีกระแส น้องเอิงก็มีไลฟ์ตอนกินข้าว พูดถึงหนังเรื่อยๆ เล่าเรื่องผีที่เจอในกองถ่ายบ้างน้องเขาก็เต้นบ้าง ยิ้มบ้าง อัพคลิปทุกวัน มีไลฟ์ทุกวันเลย...”



“ขอบคุณ...” พี่ทอมลากเสียง


“ส่วนพวกรายการโชว์ ก็มีถามมาๆ ครับ เขาได้หมดทั้งแพ็คคู่หรือจะเฉพาะเดี่ยวๆแค่น้องเอิงก็ได้ มีรายการเพลงมาด้วย แต่ยังต้องดูคิวน้องเขาก่อนว่าแบ่งให้ได้ช่วงไหน”คุณสุรเกียรติฝ่ายการตลาดช่วยเสริมมาอีก


“แล้วธวัชล่ะ อยากทำอะไรเป็นพิเศษไหม?” พี่ทอมหันมาถามพระเอกของเรื่อง


“ก็... ผมอยากไปช่วยดูงานตัดต่อน่ะครับ จะได้ศึกษาแอคติ้งของตัวเองด้วยว่าอนาคตต้องปรับแก้ตรงไหน”


“อืม... ก็ดี” นี่พี่ก็คุมตัดรัฟไปแล้วรอบนึง ยังยาวเกือบสามร้อยนาทีอยู่มาช่วยพี่ลำดับภาพอีกแรงนึงละกันนะ... แล้วก็เมื่อวานนี้พี่พุทธิพงษ์เขาถามมา พอดีพี่ไปกินเหล้ากับเขาเขาจะมีละครทีวีเปิดกล้องเร็วๆ นี้แหล่ะ แต่พระเอกที่วางไว้คิวแน่นเหลือเกิน...พี่พงษ์เขากลัวว่างานมันจะไม่สวย ไม่ละเอียด เขาได้มาดูฟุตเทจของหนังเราไปบ้างละเห็นว่าชอบใจเราอยู่ ไปเล่นให้เขาหน่อยละกัน พี่ดูบทแล้วน่าจะสนุกแหล่ะ”


“ขอบคุณที่เมตตาครับพี่” ธวัชยกมือไหว้



ที่เหลือของการประชุมวันนั้นก็เป็นการพูดคุยตารางงาน และการจัดคิวของนักแสดงนำของเรื่องที่จะต้องช่วยกันกระจายตัวเพื่อโปรโมทหนัง แม้เอิงจะไม่ได้มาร่วมประชุมด้วยต้นเองแต่เจ๊ตุ้มก็สามารถเจรจาเรื่องคิวงานและเนื้องานแทนเธอได้อย่างเต็มที่ เพราะเจ๊เขาตัดสินใจแทนเอิงได้ในทุกเรื่องอยู่แล้ว


เมื่อนึกย้อนเหตุการณ์ในวันนั้น การที่เขารับปากเล่นละครเรื่องถัดไปทันทีอาจจะเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดที่สุดก็เป็นได้...


เพราะเขาเคยพบเอยแต่ในความฝัน... และในวิมานรักของผู้ชายที่ชื่อ “กฤต”แต่เมื่อ “เขา” ซึ่งยังตื่นและอยู่ในร่างของ “ธวัช” เมื่อเจอนางในฝันที่เขาหลงรัก ห่างหายความอบอุ่นและอิงแอบไปนานวันเมื่อนึกถึงรสสัมผัสที่เธอหยิบยื่นให้ พอพบเจอ “เอย” กลางกองถ่ายละครของพี่พุทธิพงษ์เหตุการณ์ในวันนั้นจึงนำไปสู่การเสียน้ำตาของเอย



ซึ่งเขาจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นอีก






 

Create Date : 04 ธันวาคม 2560
0 comments
Last Update : 4 ธันวาคม 2560 21:13:41 น.
Counter : 456 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


SnowMonkey
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
 
ธันวาคม 2560
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
4 ธันวาคม 2560
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add SnowMonkey's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.