ชีวิตคือการเติบโต... เพื่อเรียนรู้ เพื่อที่จะเข้าใจ
๑๑...บทที่ ๘...๑๑





กฎของการสลับร่างนั้นง่ายดาย...

ในขณะที่ธวัชเข้ามาอยู่ในร่างของ “กฤต”

กฤต ก็จะไปอยู่ในร่างของ “ธวัช” เช่นกัน


นี่จึงเป็นเหตุผลที่ธวัชพยายามคิดหาช่องทางการติดต่อระหว่างกันเอาไว้ สมุดไดอารี่ปกสีดำ ในมือของธวัชตอนนี้ จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะไม่ทำให้ตารางชีวิตของพวกเขาผิดพลาดและบ้าบอยิ่งไปกว่านี้ ซึ่งแน่นอนว่าเกือบสองเดือนที่ผ่านมา “ธวัช” ต้องไล่ตามแก้ไขปัญหาที่ช่างภาพฟรีแลนซ์คนรักของเอยได้ก่อเอาไว้สารพัด จนทำให้เขาเกือบจะหมดอนาคตจากวงการบันเทิง


พราะใครจะเชื่อ... ว่าวันหนึ่ง คุณจะตื่นขึ้นมาโดยไม่ใช่ตัวของคุณเอง


แล้วอีกวันหนึ่ง คุณก็ได้ร่างและชีวิตของคุณคืนอีกครั้ง โดยที่วันวานนั้น ถูกใครก็ไม่รู้เอาไปปู้ย่ำปู้ยีโดยไม่คิดจะรักษาภาพลักษณ์ให้กับคุณเลย...


เรื่องแบบนี้ยากเกินกว่าจะอธิบายให้ใครเข้าใจ คนที่รู้ความจริงในข้อนี้จึงมีแค่สองคนเท่านั้น


คือ “ธวัช” และ “กฤต”



 ...



เสียงฮัมเพลงขณะตากผ้าของเอยดังแว่วมา เพลงนั้นชื่อเพลง “รักไร้กาลเวลา” ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนั้นกำลังอารมณ์ดี อาจเป็นเพราะวันนี้ธวัชได้ทำอาหารอร่อยๆ ให้เธอลองชิมหลายอย่าง แม้จะอู้อี้ตอบไปเมื่อโดนถามว่า “ดูมาจากยูทูป” แต่เอยก็ยังอดคิ้วขมวดด้วยความสงสัยในฝีมือการทำอาหารที่ผีเข้าผีออกของเขาไม่ได้


เพลงฮิตของค่าย เรดสตาร์ เอนเตอร์เทนเมนต์ ที่ชื่อว่า “รักไร้กาลเวลา” มันอยู่ในเพลย์ลิสต์ทั้งของธวัชและกฤต ซึ่งดูเหมือนว่าใครๆ ก็ชอบเพลง แม้นักวิจารณ์บางคนจะมองว่า เพลงนี้ดังเป็นพลุแตกได้ ก็เพราะข่าวการฟ้องร้องระหว่างสองค่ายเพลงยักษ์ ด้วยเครดิตของผู้ร่วมแต่งเนื้อเพลงนั้น ดันกลายเป็นซองค์ไรท์เตอร์สาว จากค่าย ซิลเวอร์ เรคคอร์ด ซึ่งเป็นคู่แข่งกันโดยตรง แถมมีข่าวซุบซิบว่า นักแต่งเพลงของ เรดสตาร์ เอนเตอร์เทนเมนต์ คนนั้นก็เคยเป็นอดีตแฟนเก่าของเธอ


เอยเดินยิ้มละไมเข้ามาพร้อมกับฮัมเพลงนั้นไปด้วย ...ธวัชรีบหยุดมือจากการจดบันทึกประจำวันแล้วส่งยิ้มให้


พอมาถึงข้างตัว หญิงสาวก็กระซิบที่ข้างหูของธวัชตามเนื้อเพลงนั้น...

“...ฤดูกาลยาวนานว่างเปล่า ราตรีไร้เงาของเราสองคน

            ฉัน...เฝ้าทน จึงได้รู้ ว่า... “รักไร้กาลเวลา” อยู่เหนือเข็ม นาฬิกา...

            ยาวนานเพียงไหน เนิ่นนานเท่าไร รักนี้ยังตราตรึงในหัวใจ...

                        รัก ไร้ กาลเวลา

                        อยู่เหนือ เข็มนาฬิกา

            ...สามปี สี่เดือน สิบสองวัน แลกกับรอยยิ้มดั่งแสงตะวัน... ของเธอ”


เมื่อจบเพลง... เอยก็ยิ้มด้วยดวงตาที่หม่นลง

            “กฤตรู้ไหม? ตอนกฤตถูกรถชน หน่วยกู้ภัยบอกว่ากฤตไม่หายใจแล้ว.. ตอนนั้นเค้ารู้สึกเหมือนใจสลาย มันงง มันอึ้งไปหมด หูอื้อตาลาย ใจก็สั่น... มือเท้าเย็นจนขยับตัวไม่ได้ ดีว่าเจ๊ตุ้มเขามีสติให้รีบพาไปส่งโรงพยาบาล... ตอนที่หมอปั๊มหัวใจแล้วกฤตเปิดตาขึ้นมาหน่อยนึง เค้าก็เลยได้สติ ...หยุดตะโกนโวยวาย... หยุดร้องไห้”


            หญิงสาวใบหน้ากลมนั้นน้ำตาซึมอีกครั้ง เธอคุกเข่าอยู่ข้างโต๊ะแล้วดึงมือของเขาไปแนบแก้ม ก่อนจะจูบเบาๆ ที่หลังมือของธวัช


            “ตอนที่กฤตเป็นเจ้าชายนิทราอยู่บนเตียง... เค้าบอกกับตัวเองว่า ...ต่อให้กฤตจะนอนหลับไปอย่างนี้อีกกี่ปี ...เค้าก็จะรอ จะสามปี สี่เดือน สิบสองวัน เค้าก็จะรอ จะขออยู่ข้างๆ กฤตตลอดไป...”


ธวัชก้มลงจุมพิตที่หน้าผากของเอยอีกครั้ง... เขาอยากจะทำได้มากกว่านี้ แต่ก็กลัวมันจะกลายเป็นความเคยชินข้ามร่างกายนี้ไป


เอยช่างดีเหลือเกิน...

เธอไม่ต้องยิ้มเพื่อจิกที่ดวงใจ ไม่ต้องสวยบาดเลือดเนื้อหัวใจของใคร เธอแค่เป็นเธอ... เป็นหญิงสาวผู้มีความรักมั่นคง แสดงออกถึงความรักที่มันอัดแน่นในหัวใจกับคนรักของเธออยู่ทุกวัน...

ตลอดเวลาที่เธอดูแลเขา แม้จะเป็นตอนที่อยู่ในร่างของ “กฤต” แต่ธวัชก็อดหลงใหลในยิ้มอ่อนโยนและแววตานุ่มนวลนั้นไม่ได้ ขณะที่อยู่ด้วยกันนั้น ...เธอสวยขึ้นทุกวัน ในทุกๆ คำข้าวที่ป้อนใส่ปากเขา ในทุกๆ บทเพลง ในทุกท้องนิทานก่อนนอน เรื่องสัพเพเหระสารพัดที่เธอสรรหามาเล่าให้เขาฟัง เรื่องราวจุดเริ่มต้นของความรักระหว่างสองเรา ...แม้เขาจะทำได้เพียงอยู่นิ่งๆ ด้วยไม่เคยรับรู้เรื่องราวในอดีตระหว่างกฤตและเอย แต่เธอก็เข้าใจว่าเกิดจากการกระทบกระเทือนทางสมอง


เธอทำให้เขารักเธอก่อน ...ไม่อาจถอน


.....


หลังการประชุมใหญ่ที่ สยาม-ด๊อยช์ โปรดักชั่นแค่วันเดียว ลิสต์ตารางงานที่อัดแน่นก็ถูกอีเมลมายังมือถือของธวัช โดยมีการซีซีถึงทีมงานกว่าร้อยชีวิตด้วย ซึ่งพี่โธมัสก็ย้ำว่า ช่วงนี้เขาต้องอดทนเอาหน่อย เพราะจะต้องรับมือกับรูปแบบการทำงานในวงการบันเทิงสารพัด ทั้งงานภาพนิ่ง งานแอ็คติ้ง งานเชียร์สินค้า งานอีเวนต์ งานโฆษณา งานเลี้ยงรับรองต่างๆ รวมไปถึงสตาฟฟ์ปาร์ตี้ ที่จะมีการจัดขึ้นในช่วงปลายเดือนนี้ และแน่นอนว่างานนั้นก็จะมีการบันทึกภาพและไลฟ์สดลงโซเชี่ยลเพื่อเก็บมาเป็นคอนเทนต์ในการโปรโมทหนังในช่วงถัดไปอีก


แค่เฉพาะวันนี้เขาก็ต้องให้สัมภาษณ์นิตยสารถึงสามฉบับ

“ก่อนอื่นผมต้องขอกราบขอบพระคุณ คุณโธมัส อัศวชาติ กรรมการบริษัทและผู้กำกับของ สยาม-ด๊อยช์ โปรดักชั่น ที่ให้โอกาสในการเล่นหนังเรื่องนี้ครับ ...เพราะตัวผมเองไม่เคยมีประสบการณ์ในวงการบันเทิงมาก่อนเลย ไม่ว่าจะงานถ่ายภาพหรืองานอะไรก็ตาม หนักใจพอสมควรครับ แต่ก็พยายามศึกษาและเรียนรู้จากพี่เขาและทีมงานให้มากที่สุด”


คือเนื้อหาเริ่มต้นในเกือบทุกการให้สัมภาษณ์ของธวัช


“ถามว่าหนักใจไหมในการร่วมงานกับ "คุณเอิง” ที่เป็นซุปเปอร์สตาร์ของเมืองไทย... ผมเองรู้สึกไม่ค่อยหนักใจเท่าไหร่ รู้สึกว่าดีเสียอีก เพราะว่าคุณเอิงเป็นมืออาชีพมากๆ แล้วก็สามารถรับส่งบท ส่งอารมณ์ได้ดีมากๆ จนผมเองก็อินไปกับเธอด้วย”


“ก็ไม่ถึงกับสนิทครับ เพราะเป็นแค่เพื่อนร่วมงาน อีกอย่างคุณเอิงเขามีคิวงานค่อนข้างแน่น ซึ่งผมก็ต้องขอโทษขอโพยเขาอยู่หลายครั้ง เพราะบางซีนก็เล่นไม่ผ่านจนไปเบียดบังคิวเวลาของคุณเอิง... แต่เขาเอิงก็น่ารักครับ ส่วนพี่ตุ้มที่เป็นผู้จัดการส่วนตัวก็บริหารเวลาแก้ไขปัญหาให้ทางกองถ่ายได้ตลอด”


“ยังไม่คิดจะมีครับ เพราะว่าอยากเลือกงานเองมากกว่า แล้วก็ยังติดเรื่องเรียนด้วย อีกอย่างการรับงานตอนนี้ทั้งหมดก็มาจาก สยาม-ด๊อยซ์ โดยตรงอยู่แล้ว คิดว่าตอนนี้คงยังไม่ต้องถึงขั้นมีผู้จัดการส่วนตัวครับ”


แต่ละวันที่ผ่านไป... ธวัชรู้สึกเหมือนตัวเองถูกฉาบด้วยแผ่นฟิลม์บางๆ ที่ใบหน้า หนาขึ้น หนาขึ้นในทุกวัน จนเขารู้สึกว่าตัวเองเริ่มจะคล้ายหุ่นยนต์ ถูกเลนส์กล้องและแสงแฟลชจับจ้อง ต้องโปรยยิ้มให้กับทุกคนที่เขาพบเจอ ให้สัมภาษณ์ซ้ำๆ พูดเรื่องเดิมๆ ถูกจับแต่งหน้า เปลี่ยนเสื้อผ้า สระผมแล้วก็เซ็ตผม ถูกวัดตัว ถูกยกแขน ถูกจับหมุนตัว โดนสั่งให้ทำท่าทางต่างๆ ให้ถือสินค้า ทั้งยาสีฟัน โฟมล้างหน้า ยาสระผม หรือแม้แต่เครื่องดื่มที่เขาชื่นชมผ่านกล้องว่ามันช่างดีมีประโยชน์ ทั้งๆ เขาเองเกิดมาก็ไม่เคยจะดื่มมันสักอึก


ทุกวันที่หัวถึงหมอน... เขาหลับเป็นตาย 


ชีวิตตอนนี้ของธวัช คือการสวมหน้ากากที่มีรูปรอยยิ้ม เขาได้ยินเสียงลมหายใจที่เข้า-ออก มีแต่เรื่องการต่อรองทางธุรกิจของคนรอบข้าง ผู้ที่มาสัมภาษณ์ก็ไม่ได้อยากรู้เรื่องราวของเขาจริงๆ เพียงเพราะมันเป็นแค่การซื้อโฆษณาและโปรโมทภาพยนตร์ เจ้าของผลิตภัณฑ์สินค้าก็ไม่ได้อยากจะให้เขามาใช้สินค้าแต่อย่างใด... แค่เพราะเป็นสปอนเซอร์ที่ลงขันช่วยสร้างหนังไปแล้วเท่านั้นเอง และหลังจากที่ทีเซอร์ของหนังถูกปล่อยให้กับสื่อ เขาจะต้องเดินสายออกรายการทีวี วิทยุ แทบทุกช่อง ซึ่งผู้สื่อข่าวก็ไม่ได้อยากจะสัมภาษณ์เขาออกหน้าจอทีวี แต่มันเป็นเรื่องของธุรกิจที่ทุกคนแค่ต้องเกาะกระแสหนังเรื่องนี้เอาไว้... จนกว่ามันจะตกไป


ธวัช ไม่มีเวลาให้กับแก๊งเพื่อนที่ร่วมเตะบอลด้วยกันอีก ส่วนอาจารย์ก็ให้เขาลาเรียนได้อย่างอิสระ แถมยังมีการขอลายเซ็นล่วงหน้าเอาไว้ด้วย


ในเวลาที่ส่องกระจก ธวัช เริ่มรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนแปลกหน้า ตัวเขาเองเปลี่ยนไปจนจำชีวิตก่อนหน้านี้แทบไม่ได้แล้ว


ทุกคืนเขาเหนื่อยหน่าย และอยากเร่งให้ช่วงเวลาโพสต์โปรดักชั่นของภาพยนตร์ มันราย-ปันตา เรื่องนี้ ผ่านไปให้ไวที่สุด


เขาหลับนาน... หลับลึก



...จนกระทั่งวันนึง เขาตื่นขึ้นมาพบผู้หญิงแปลกหน้ากำลังเช็ดตัวให้เขาอยู่!





Create Date : 05 ธันวาคม 2560
Last Update : 5 ธันวาคม 2560 16:27:58 น. 0 comments
Counter : 402 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

SnowMonkey
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
 
ธันวาคม 2560
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
5 ธันวาคม 2560
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add SnowMonkey's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.