ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด
<<
กันยายน 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
12 กันยายน 2553

รีวิว iPhone 4

iPhone 4 สมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดจาก Apple มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ iOS 4 เปิดตัวด้วยดีไซน์ที่หรูหราคลาสสิค สวยงามด้วยขอบ Stainless Steel จอแสดงผล Retina Display ให้ความคมชัดมากยิ่งขึ้น ภายในใส่เทคโนโลยี Three-axis Gyroscope สำหรับจับความเคลื่อนไหวของตัวเครื่องได้รอบทิศทาง ช่วยให้การควบคุมเกมส์แบบโมชั่นมีความสมจริงยิ่งขึ้น

นอก จากนี้ยังสร้างความประทับใจด้วยฟังก์ชั่นสนทนารูปแบบใหม่ ที่เรียกว่า Facetime จริงอยู่อาจจะคล้ายกับการสนทนาแบบวีดีโอคอลล์ที่ใช้งานผ่าน 3G แต่ Facetime จะอาศัยเครือข่าย Wi-Fi ซึ่งปัจจุบันนี้ ในประเทศไทยถือว่า Wi-Fi มีสัญญาณครอบคลุมมากกว่าเครือข่าย 3G ที่จำกัดการใช้งานอยู่บางพื้นที่ อีกทั้งระบบ Wi-Fi สามารถใช้บริการได้ฟรี (ในกรณีใช้ในบ้านพักอาศัย ที่ทำงาน โรงแรม หรือ ตามจุดให้บริการ Hot spot ที่ไม่เรียกเก็บค่าบริการ)

กล่อง บรรจุภัณฑ์ของ iPhone 4 มีขนาดพอที่จะใส่ตัวเครื่องได้พอดี และมีความหนาพอที่จะใส่อุปกรณ์ต่างๆ ไว้ชั้นล่าง สิ่งที่มากับ iPhone 4 ประกอบไปด้วย หูฟัง ขนาด 3.5 มิลลิเมตร, สายเคเบิ้ล USB, หัวปลั๊ก 3 ขา (ไม่สามารถเสียบกับผนังบ้านของไทยได้โดยตรง ต้องนำหัวปลั๊ก Adapter มาต่ออีกที), แผ่นพับแนะนำการใช้งานเบื้องต้น, เอกสารเกี่ยวกับตัวเครื่อง, แผ่นสติ๊กเกอร์โลโก้แอปเปิ้ล (ไม่ทราบให้มาติดกับอะไร) และ มีอุปกรณ์ช่วยดึงถาดใส่ซิมการ์ดแนบมาด้วย ลักษณะคล้ายคลิปหนีบกระดาษ (สายเคเบิ้ลที่แถมมาให้ นอกจากจะใช้เชื่อมต่อโทรศัพท์กับคอมพิวเตอร์แล้ว ยังใช้เชื่อมต่อกับหัวปลั๊ก เพื่อชาร์จแบตเตอรี่อีกด้วย)

iPhone 4 โดดเด่นด้วยจอแสดงผล ระบบสัมผัส Multi-Touch ความละเอียด 326 ppi (960x640 พิกเซล) กว้าง 3.5 นิ้ว เคลือบผิวด้วยวัสดุชั้นสูง แบบเดียวที่ใช้กับเฮลิคอปเตอร์ หรือ รถไฟความเร็วสูง มีความทนทานเป็นพิเศษ และ ป้องกันรอยขีดข่วนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เหนือ จอแสดงผล มีลำโพงเสียง และ เลนส์กล้องด้านหน้า สำหรับสนทนาผ่านระบบ Facetime หรือ ใช้ถ่ายภาพตนเอง นอกจากนี้ภายในยังใส่ Proximity sensor สำหรับตรวจจับระยะห่าง ช่วยเปิด/ปิดแสงไฟหน้าจออัตโนมัติในระหว่างสนทนา และยังมี Ambient light sensor สำหรับตรวจจับแสงสว่างโดยรอบ เพื่อปรับความสว่างหน้าจอให้อัตโนมัติ

ปุ่ม Home ที่ติดตั้งอยู่ด้านล่างจอแสดงผล ถือเป็นเอกลักษณ์ของโทรศัพท์ไอโฟนตั้งแต่รุ่นแรก ใช้สำหรับกดเพื่อย้อนกลับ แต่สำหรับระบบปฏิบัติการ iOS 4 สามารถกดปุ่ม Home สองครั้งติดกันเพื่อสลับการใช้งานกับแอปพลิเคชั่นอื่นที่เปิดค้างไว้ หรือ เรียกว่าระบบ Multi-tasking

มุม บนมีปุ่ม Power สำหรับเปิดหรือปิดการทำงานเครื่อง โดยการกดค้างไว้ แต่ถ้ากดเพียง 1 ครั้งสั้นๆ ในระหว่างที่เปิดใช้เครื่องอยู่ จะเป็นการเปิด/ปิดหน้าจอ เพื่อล็อคการใช้งานและประหยัดพลังงานแบตเตอรี่

อีก มุมหนึ่งมีช่องเสียบชุดหูฟัง ขนาดหัวต่อ 3.5 มิลลิเมตร และข้างกันมีรูไมโครโฟนตัวที่สอง ใช้กรองเสียงสภาพแวดล้อมเพื่อให้การสนทนาชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการสนทนาผ่านระบบ Facetime ซึ่งต้องพูดคุยผ่านสปีคเกอร์โฟน

ด้าน ล่างมีช่องเชื่อมต่อสายเคเบิ้ลเรียกว่า Dock Connector (30 เข็ม) ประกบข้างด้วยไมโครโฟนตัวหลัก (ไมโครโฟนตัวที่สองอยู่ด้านบน) และ ลำโพงเสียง

ด้าน ซ้ายมือ (เมื่อหันหน้าจอเข้าหาตัว) มีปุ่มเปิด/ปิดเสียงเรียกเข้า ออกแบบมาให้กดโดยการเลื่อนซ้าย/ขวา เพื่อใช้งานได้รวดเร็ว ถัดลงมาเป็นปุ่มเพิ่มระดับเสียง และ ปุ่มลดระดับเสียง

ด้าน ขวามือ (เมื่อหันหน้าจอเข้าหาตัว) มีช่องเสียบซิมการ์ด ออกแบบมาให้เรียบในระดับเดียวกับขอบ Stainless Steel มีรูขนาดเล็กสำหรับใช้เข็มจิ้มเพื่อดึงถาดใส่ซิมการ์ดออก สำหรับซิมการ์ดที่รองรับ iPhone 4 จะต้องมีขนาดเล็กกว่าปกติ เรียกว่า Micro SIM

มุม บนซ้ายของด้านหลัง ติดตั้งกล้องถ่ายรูป ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช LED สามารถบันทึกวีดีโอ ความละเอียด HD (720p) ความเร็วสูงสุด 30 เฟรมต่อวินาที และสามารถใช้งาน Facetimeได้เช่นกัน เพื่อส่งภาพที่คุณเห็นไปให้คู่สนทนาได้รับชมไปพร้อมกับคุณ

หน้า จอหลัก จัดวางแอปพลิเคชั่นต่างๆ ในรูปแบบตาราง โดยมีแอปพลิเคชั่นหลักวางเรียงอยู่แถวล่างสุด ฉากหลังหรือวอลล์เปเปอร์สามารถปรับเปลี่ยนได้ และ ที่เพิ่มเข้ามาใหม่นั่นคือการสร้างโฟลเดอร์ เพื่อรวมแอปพลิเคชั่นที่ใช้งานในลักษณะเดียวกันไว้ สะดวกในการค้นหาและเปิดใช้

ที่ หน้าจอหลัก เมื่อกดปุ่ม Home หรือเลื่อนหน้าจอมาทางซ้าย จะพบกับเครื่องมือค้นหา และ ถ้าเลื่อนหน้าจอไปทางขวาก็จะแสดงไอคอนของแอปพลิเคชั่นที่แสดงไม่หมดในหน้า แรก

รูป ภาพด้านบนแสดงแผงปุ่มกดตัวเลข สำหรับกดโทรออก แล้วยังมีไอคอนทางลัดที่ด้านล่าง สำหรับใช้งานด้านการโทร เช่น ประวัติการโทร, รายชื่อในสมุดโทรศัพท์ เป็นต้น

ใน การพิมพ์ข้อความ หรือ ป้อนข้อมูล iPhone 4 มีแผงปุ่มกดแบบ QWERTY มาให้ใช้ในรูปแบบเสมือนจริง หรือจำลองปุ่มกดไว้บนหน้าจอ และ รองรับภาษาไทย

ความ สามารถใหม่ในระบบปฏิบัติการ iOS 4 สำหรับ iPhone 4 นั่นก็คือรองรับระบบ Multi-tasking เพียงกดปุ่ม Home สองครั้งติดกัน ไอคอนของแอปพลิเคชั่นที่เปิดค้างไว้ ก็จะเลื่อนขึ้นมาจากด้านล่าง ผู้ใช้สามารถแตะไอคอนของแอปพลิเคชั่นที่ต้องการสลับไปใช้ได้ทันที หรือ ถ้าต้องการปิดการใช้งานแอปพลิเคชั่นนั้น ก็ให้แตะที่ไอคอนค้างไว้ ขนขึ้นเครื่องหมาย แล้วจึงแตะที่เครื่องหมายลบ บนไอคอนที่ต้องการปิด

การกดปุ่ม Home สองครั้งติดกัน นอกจากจะเป็นการสลับใช้แอปพลิเคชั่นแล้ว ยังสามารถเลื่อนมาที่หน้าจอซ้ายมือเพื่อฟังเพลงได้อีกด้วย

Three-axis Gyroscope ระบบตรวจจับความเคลื่อนไหวแบบรอบทิศทางที่ Apple นำมาใส่ไว้ใน iPhone 4 เมื่อนำมาใช้งานร่วมกับ Accelerometer ทำให้ผู้ใช้งานพบประสบการณ์ใหม่ในการควบคุมเกมส์แบบสมจริง ผู้ใช้สามารถถือ iPhone 4 แล้วหมุนรอบตัวเองเพื่อดูฉากในเกมส์แบบรอบทิศทางสามมิติ โดยฉากในเกมส์ก็จะหมุนตามการเคลื่อนไหวตัวเครื่องไปด้วย

Facetime การสนทนาพร้อมส่งภาพจากกล้องด้านหน้า หรือด้านหลัง ไปให้คู่สนทนาได้ชมแบบสดๆ หรือเรียกว่าวีดีโอคอลล์ เพียงแต่ Facetime ไม่ต้องอาศัยเครือข่าย 3G แต่อาศัย Wi-Fi แทน วิธีการใช้งานก็ไม่ยุ่งยาก เพียงเชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi ทิ้งไว้ จากนั้นทำการโทรออกไปหาผู้รับตามปกติ (ผู้รับสายจะต้องใช้ iPhone 4 มีเชื่อมต่อ Wi-Fi เช่นกัน) ระหว่างรอรับสายให้กดปุ่ม Speaker เพื่อสนทนาผ่านลำโพง และ เมื่อมีผู้รับสายให้กดปุ่ม Facetime เพื่อเปิดใช้งานกล้อง โดยผู้ใช้สามารถสลับการใช้งานได้ทั้งกล้องด้านหน้าและด้านหลัง

ประโยชน์ ของ Facetime นอกจากการสนทนาแบบเห็นหน้า นั่นคือการสื่อสารที่มากกว่าคำพูด เพราะผู้ใช้สามารถรับรูปถึงอารมณ์ของคู่สนทนามากกว่าฟังแต่เสียง อีกทั้งการแสดงภาพเคลื่อนไหวภาพยังทำได้ราบรื่น (ขึ้นอยู่กับความเร็วของสัญญาณ Wi-Fi ในเวลาใช้งาน) ที่สำคัญผู้ใช้ไม่ต้องจ่ายค่าบริการเพิ่ม (นอกจากค่าบริการอินเตอร์เน็ต Wi-Fi) ถ้าให้เทียบกับการสนทนารูปแบบวีดีโอคอลล์ผ่านเครือข่าย 3G ต้องยอมรับว่า Facetime เหนือกว่า ทั้งเรื่องสัญญาณ Wi-Fi ที่ครอบคลุมมากกว่าเครือข่าย 3G ค่าบริการที่ถูกกว่า และ ความเร็วในการแสดงผล


ข้อมูลจาก : siamphone.com


Create Date : 12 กันยายน 2553
Last Update : 12 กันยายน 2553 14:42:50 น. 3 comments
Counter : 2343 Pageviews.  

 
อยากได้จัง


โดย: ละไม IP: 118.173.6.237 วันที่: 13 กันยายน 2553 เวลา:6:44:38 น.  

 
$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$




........................test n' THX......................




WWWWWWWWWWWWWWWWWWWWW 5462


โดย: light@ParadiseResort IP: 182.52.41.86 วันที่: 13 กันยายน 2553 เวลา:12:53:09 น.  

 
ขอบคุณมากคะ เห็นแล้วอยากได้


โดย: ดวงกมล IP: 46.118.150.145 วันที่: 13 กันยายน 2553 เวลา:19:29:41 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

sitcomthai
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 53 คน [?]










ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


New Comments
[Add sitcomthai's blog to your web]