ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด
<<
สิงหาคม 2554
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
14 สิงหาคม 2554

เปลี่ยน iPad เป็นสมุดโน้ตสุดคูล




เปลี่ยน iPad เป็นสมุดโน้ตสุดคูล


ผู้เขียน : Eka-X

ประโยชน์ที่ชัดเจนอีกอย่างหนึ่งของ iPad โดยเฉพาะ iPad 2 คือการเป็นสมุดโน้ตที่สามารถจดบันทึกเรื่องราวต่างๆ ได้อย่างดี เพราะรวมความสามารถในการเปิดใช้งานได้รวดเร็วและเขียนบันทึกข้อมูลได้อย่าง สมุดโน้ต และสะดวก เป็นระเบียบอย่างคอมพิวเตอร์

จริง ๆ ใน iPad นั้นมีแอพ note มาให้ในตัวระบบอยู่แล้วนะครับ ซึ่งผู้ใช้ iPad ส่วนใหญ่ก็จะจดบันทึกกันในแอพนี้แหละ แม้ว่ามันจะใช้ได้รวดเร็วและเข้าใจง่าย แต่ก็ยังขาดฟังก์ชั่นที่จำเป็นไปหลายตัวเลยนะครับ เช่นการใช้นิ้วหรือปากกาเขียนข้อมูลลงไป หรือการซิงค์ข้อมูลในตัวโดยไม่ต้องใช้ iTunes เข้าช่วย วันนี้ผมจึงแนะนำแอพจดโน้ตดีๆ ให้รู้จักกัน 2 ตัวครับ





Awesome Note HD

แอพจดโน้ตยอดนิยมของผม ที่ใช้มาตั้งแต่สมัยใช้ iPod touch จนซื้อ iPad มาใช้ยังต้องตามมาซื้อรุ่น HD ใช้ด้วย แมัว่าผมจะใช้มันมาตั้งนานแล้ว แต่ต้องขอสารภาพว่ายังใช้ฟังก์ชั่นของมันไม่ครบจริงๆ ครับ เพราะความสามารถของมันนั้นรอบด้าน แล้วยังอัพเดทความสามารถให้เรื่อย ๆ อีกด้วย

จุดเด่นที่เห็นอย่างแรกของ awesome note คือ หน้าตาแอพที่ออกแบบมาอย่างสวยงาม ทั้งการจัดกลุ่มโน้ตที่แยกเป็นโฟลเดอร์ที่สามารถใส่ไอคอนและแต่งสีสันได้เกาหลีมาก ๆ (รู้สึกเป็นแอพของเกาหลีนะ) นอกจากนี้ตัวโน้ตเองก็ยังเลือกพื้นหลังได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นลายสมุดโน้ตเรียบ ๆ หรือลายหอไอเฟลให้เหมาะกับการจดเรื่องราวระหว่างไปเที่ยวของเราก็ได้

จบเรื่องความสวยความงามไปแล้ว เรามาดูที่ความสามารถในการจดโน้ตพื้นฐานที่ผมใช้อยู่ทุกวันครับ แม้ว่า awesome note จะไม่มีความสามารถเชิง rich format คือพวกการทำตัวหนา ตัวเอียง หรือปรับขนาดอักษรเป็นบางส่วน (แต่เลือกแบบฟอนต์และปรับขนาดของทั้งเอกสารได้) เพราะถือเป็นโปรแกรมจดโน้ตไม่ใช่โปรแกรมจัดหน้ากระดาษ แต่ความสามารถในการบันทึกข้อมูลของมันถือว่าใช้ได้เลยครับ นอกจากจะใช้คีย์บอร์ดพิมพ์บันทึกข้อมูลได้ตามปกติแล้ว ยังเพิ่มกระดานสำหรับใช้นิ้ววาดเป็นภาพได้ภายในโน้ต (ผมเคยใช้ตอนต้องวาดข้อมูลประกอบข่าวที่ไม่สามารถจดเป็นตัวอักษรได้) ทำให้ใกล้เคียงกับสมุดโน้ตแบบกระดาษจริง ๆ ขึ้นมาบ้าง นอกจากนี้มันยังสามารถถ่ายรูปหรือเลือกภาพที่มีอยู่ในเครื่องแทรกเข้าไป หรือจะบันทึกข้อมูล gps พร้อมแผนที่ว่าเราอยู่ตรงจุดไหนของโลกเข้าไปด้วย แล้วถ้าใครที่มีโน้ตเยอะ ๆ มันสามารถแนบ tag ประกอบโน้ตได้เพื่อให้ค้นหาได้ง่ายขึ้น หาเรื่องที่เกี่ยวข้องกันได้สะดวกขึ้น แน่นอนว่าเราสามารถพิมพ์ข้อความค้นหาโน้ตที่เราจดเอาไว้ได้ทั้งหมดด้วย แหมมันแจ่มจริง ๆนอกจากนี้ awesome note ยังสามารถซิงค์หรือโอนข้อมูลออกมาได้หลายวิธีด้วยนะครับ ซึ่งวิธีการที่ผมใช้อยู่คือซิงค์ผ่าน google docs คือ awesome note สามารถถ่ายโอนบันทึกทั้งหมดพร้อมรูปที่ถ่ายไว้ขึ้นไปเก็บบน google docs เพื่อใช้เปิดได้บนเว็บ หรือจะซิงค์กลับมาลงเครื่องอื่นในสังกัดของเราก็ได้ (เช่นผมใช้ซิงค์ระหว่างคอมพิวเตอร์, iPod touch และ iPad) หรือถ้าใครใช้ evernote อยู่ awesome note ก็สามารถซิงค์ข้อมูลไปเก็บไว้ก็ได้นะครับ แล้วที่เจ๋งคือถ้ามีเพื่อนที่ใช้ awesome note เหมือนกัน ก็สามารถโอนโน้ตระหว่างกันได้ทันทีผ่าน bluetooth ด้วยครับ

ส่วนความสามารถพิเศษอื่นๆ ของ awesome note คือการทำโน้ตในรูปแบบต่าง ๆ ครับ โดย awesome note สามารถทำโน้ตได้ถึง 4 แบบ แบบแรกคือโน้ตทั่วไปที่ผมเล่าไปแล้ว แบบต่อมาคือโน้ตครบรอบ (anniversary) ที่สามารถระบุวันที่ครบรอบโอกาสพิเศษต่าง ๆ แล้วนับถอยหลังและเตือนก่อนถึงวันครบรอบนั้น ต่อมาคือโน้ตแบบ to-do สำหรับบันทึกและแจ้งเตือนสิ่งที่ต้องทำ ซึ่งสามารถกำหนดได้ว่าจะให้เตือนซ้ำทุกสัปดาห์ หรือตามเวลาที่เราต้องการ นอกจากนี้ยังสามารถกำหนดสถานะการทำงานนั้นได้ด้วย เช่นกำลังทำงานนี้อยู่ หรือยกเลิกงานไปแล้ว และโน้ตแบบสุดท้ายคือโน้ตไดอารี่ ที่พิเศษตรงเพิ่มไอคอนแสดงสภาพอากาศและอารมณ์วันนั้นได้ พร้อมแสดงวันเขียนโน้ตชัดเจน เพื่อนำไปแสดงเป็นปฎิทินครับ

แน่นอนว่ารูปแบบการแสดงรายชื่อโน้ตที่เราบันทึกไว้ awesome note ก็ปรับได้หลายรูปแบบตามความเหมาะสมครับ เช่นแสดงปฎิทินเพื่อแสดงภาพรวมวันครบรอบหรือ to-do ต่าง ๆ ให้เห็นแบบภาพรวม หรือแสดงเป็นภาพขนาดเล็กของโน้ต เพื่อแสดงภาพถ่ายที่เราถ่ายไว้ในโน้ตเป็นต้นครับ

แม้ว่าความสามารถของ awesome note จะครอบจักรวาลมากๆ แต่ข้อจำกัดของ awesome note ก็มีนะครับ คือตอนนี้มันยังไม่สามารถบันทึกคลิปเสียงหรือคลิปวิดีโอลงไปได้ นอกจากนี้ยังไม่สามารถซิงค์กับ dropbox หรือเซฟเป็น pdf ออกมาใช้ได้ครับ แต่ก็ยังถือว่าคุ้มกับราคา 4.99 เหรียญอยู่ดีครับ ถ้าใช้แล้วจะติดใจ








Evernote

แอพตัวถัดมานี้ก็ถือเป็นโซลูชั่นจดโน้ตยอดนิยมของโลกเหมือนกันนะครับ เพราะ evernote นั้นเปิดให้บริการมาหลายปีแล้ว แถมยังรองรับหลายแพลตฟอร์มอีก เช่น โปรแกรมสำหรับ pc, mac หรือแอพสำหรับ iPhone/iPad, blackberry, android นอกจากนี้ยังเรียกใช้งานผ่านเว็บได้อีก เหมาะมากสำหรับคนที่ใช้งานหลายระบบ แต่ต้องการให้โน้ตทั้งหมดรวมศูนย์อยู่ในบริการเดียว

เรามาเน้นที่แอพสำหรับ iPad นะครับ ความสามารถส่วนใหญ่ของมันจะคล้าย ๆ กับ awesome note เพียงแต่ไม่มีลูกเล่นตกแต่งโน้ตสีสันต่าง ๆ มากมายเท่า แล้วก็ไม่มีฟังก์ชั่นเสริม อย่างการเตือนสิ่งที่ต้องทำ หรือโน้ตสำหรับจดไดอารี่โดยเฉพาะ ถ้าจะพูดง่ายๆ evernote จะเน้นการจดโน้ตจริงจังและเป็นการเป็นงานครับ

มาดูที่ความสามารถในการบันทึกกันบ้าง evernote ในเวอร์ชั่น iPad นั้นสามารถบันทึกข้อความ ถ่ายภาพหรือแนบภาพที่มีในเครื่อง รวมถึงสามารถบันทึกเสียงแนบเข้าไปในตัวโน้ตได้ นอกจากนี้ยังบันทึกสถานที่จดโน้ตทุกครั้ง เพื่อให้หาโน้ตจากแผนที่ได้ด้วย ก็ถือว่ามีความสามารถครบครัน แม้ว่าจะยังไม่สามารถตกแต่งข้อความแบบ rich text อย่างตัวหนาตัวเอียงได้เหมือนเวอร์ชั่นบนคอมพิวเตอร์หรือเว็บแต่ก็เพียงพอ สำหรับการใช้งานจริง

แต่ความสามารถที่ถือเป็นไม้ตายของ evernote คือการอ่านข้อความจากภาพ เช่นเราถ่ายรูปเอกสารเก็บไว้ในโน้ตของเรา ต่อมาเมื่อเราค้นหาข้อความ evernote ก็สามารถเข้าไปค้นหาข้อความที่อยู่ในรูปได้ทันที แต่มีข้อแม้ว่าต้องเป็นภาษาอังกฤษนะครับ แล้วสำหรับ evernote รุ่นฟรีจะใช้เวลาสักพักใหญ่ๆ หลังจากส่งภาพขึ้น evernote ไปแล้ว กว่าจะค้นหาข้อความในภาพได้ เพราะระบบต้องประมวลผลให้ผู้ใช้บริการแบบเสียเงินได้ใช้ก่อน

มาดูที่ค่าบริการกันบ้าง แม้ว่าแอพ evernote จะเปิดให้ใช้ได้ฟรี แต่บริการฟรีของ evernote มีข้อจำกัดหลายอย่างนะครับ อย่างแรกคือสามารถอัพโหลดงานขึ้นระบบได้ 60 MB ต่อเดือนเท่านั้น ซึ่งถ้าเป็นโน้ตธรรมดาก็ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ใช้ได้เกินพอเลย แต่ถ้าใช้เก็บรูปหรือบันทึกคลิปเสียงเยอะ ๆ ก็หมดได้ง่าย ๆ นะครับ นอกจากนี้แอพ evernote ของ iPad หรือ iPhone ที่ใช้งานฟรี จะต้องเชื่อมต่อกับเครือข่ายตลอดเวลา ไม่สามารถแก้ไขงานแบบออฟไลน์ได้ จุดนี้ถือเป็นข้อเสียสำคัญของบริการแบบใช้ฟรีเลยทีเดียว ซึ่งถ้าใครต้องการลงหลักปักฐานกับ evernote นั้นจะคิดค่าบริการรายเดือนที่ 4.99 เหรียญ หรือรายปีที่ 44.99 เหรียญ สำหรับผมก็ถือว่าแพงเลยแหละครับ แต่มันก็คุ้มสำหรับคนที่จดโน้ตหลายระบบครับ

เท่านี้ iPad ของเราก็จะกลายเป็นเครื่องมือจดโน้ตและทำงานชั้นเยี่ยมแล้วนะครับ แต่ถ้าใครไม่ถนัดคีย์บอร์ดบนจอจริงๆ ก็สามารถซื้อคีย์บอร์ด Bluetooth มาเชื่อมต่อกับเครื่องแล้วพิมพ์ได้ถนัด ๆ ครับ (ของ Apple อันละ 3-4 พัน) หรับคราวหน้า ผมจะมีแอพดี ๆ สำหรับ iPad มานำเสนอคุณผู้อ่านอีกแน่นอนครับ


Profile นักเขียน

Eka-X-เอกพล ชูเชิด


มีชีวิตเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและไอทีตั้งแต่เยาว์วัย ชื่นชอบการทดลองโปรแกรมหาวิธีการใหม่ๆ เพื่อให้ได้ผลที่ดีและง่ายที่สุด จนกลายเป็นหลายบทบาทในชีวิตจริง ทั้งฝ่ายวิจัยและการบอกต่อแอพฯ ใหม่ในหมู่เพื่อนฝูง นักเขียนประจำนิตยสารเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ต่างๆ นานนับปี และหน้าที่ประจำในการเป็นฝ่าย (สำลัก) ข้อมูลเพียงหนึ่งเดียวของรายการ แบไต๋ไฮเทค รายการ IT ที่ยาวที่สุดในประเทศไทยของ หนุ่ย-พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ ออกอากาศทาง Nation Channel ทุกวันอาทิตย์ 22.15 น. โดยรับผิดชอบข้อมูลและข่าวกว่าค่อนรายการ ซึ่งสามารถติดตามแนวคิดและชีวิตได้จากwww.twitter.com/eka_x



Create Date : 14 สิงหาคม 2554
Last Update : 14 สิงหาคม 2554 10:39:08 น. 0 comments
Counter : 1866 Pageviews.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

sitcomthai
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 53 คน [?]










ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


New Comments
[Add sitcomthai's blog to your web]