เห็นด้วยตา สัมผัสด้วยใจ เปิดรับประสบการณ์ใหม่ เที่ยวด้วยใจเที่ยวด้วยกัน

<<
สิงหาคม 2554
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
31 สิงหาคม 2554
 

วังเวียง เมืองแห่งขุนเขาและสายหมอก (25-28 Aug 2011)

วังเวียงเราเคยได้มาแล้วเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา ครั้งนั้นแค่มาแวะพัก 1 คืน ไม่ได้เดินเที่ยวที่ไหนเลยนอกจากในตัวเมืองเท่านั้น ในครั้งนั้นมีความตั้งใจแค่อยากจะไปเยือนหลวงพระบางก็เท่านั้น แต่ด้วยความบังเอิญของรถที่เราขึ้นมานั้นมันสุดแค่ วังเวียง และนี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เราได้รู้จักเมือง ๆ นี้
ความประทับใจในครั้งแรกที่ได้สัมผัส วังเวียง เลย คือ แม่น้ำซองที่ใสมาก ๆ ขุนเขา สายหมอก และอากาศอันบริสุทธิ์ เราและเพื่อนสาวขาลุย เลยตกลงกันว่าจะมาวังเวียงกันอีกสักรอบ (25/8/2011) ครั้งนี้เรามาแบบไฮโซนิดนึง โดยขึ้นเครื่องบินจากสุวรรณภูมิมาลงที่สนามบินอุดรฯ ใช้เวลาเดินทางประมาณเกือบ ๆ 1 ชม. จากนั้นก็ขึ้นไปจาก บชส. อุดรฯ เป็นรถโดยสารระหว่างประเทศ ไปที่เวียงจันทร์ เราได้เที่ยวรถเวลา 10.30 น. ค่าโดยสารคนละ 80 บาท ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. ครึ่ง ถึงที่เวียงจันทร์ก็บ่ายโมงนิด ๆ พอไปถึง ก็จะมีหนุ่ม ๆ มาล้อมหน้าล้อมหลัง ไม่ใช่อะไรนะแค่จะหาผู้โดยสารก็เท่านั้นเอง มีอ้ายคนหนึ่งมาถามเราไปวังเวียงกันหรือป่าว โอเคไปก็ไป ตอนแรกบอกเราว่ารถจะออก13.30 น. เราก็เลยตกลงโอเคไป แต่ที่ไหนได้ 14.30 ก็แล้วก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้ไปสักที (แอบบ่นนิด ๆ เซ็งหว่ะ) สุดท้ายและท้ายสุดเราต้องเปลี่ยนรถเพราะรถคันที่เราจะไปนั้นหาผู้โดยสารไม่ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้เลยต้องเอาคนมารวมกัน เราน่าจะออกจากเวียงจันทร์ประมาณบ่าย 3 โมงครึ่งได้นะ ค่ารถจากเวียงจันทร์มายังวังเวียง (รถตู้) 80,000 กีบ ( 267 กีบ = 1 บาท แลก ณ ด่านตรวจคนเข้าเมือง)





ประมาณ 18.30 น. เราก็มาถึงวังเวียงจนได้ (เหนื่อยและหิวมาก ๆๆ) พอดีอ้ายที่ขับรถพาเรามาแนะนำที่พักให้ เราก็เลยแวะดูกัน ที่พักชื่อ Vieng Thara เป็นกิจการของคนไทย 2 หนุ่มสาววัยกำลังสร้างตัว มาช่วยกันทำ เป็นที่พักน่ารัก ๆ ห้องไม่เล็กไม่ใหญ่กำลังดี มีห้องน้ำในตัว มีทั้งหอ้งแอร์และพัดลม สนนราคา ห้องพัดลม 70,000 กีบ แอร์ 90,000 กีบ เราเลือกห้องแอร์กัน 2 คืน จ่ายไป 180,000 กีบ (ไฮโซมาก ๆ)





เก็บข้าวของล้างหน้าล้างตาเรียบร้อยก็ออกไปหาข้าวกินกันก่อนเลย คืนนี้คงไม่มีอะไรให้ทำไปมากกว่าการนอนพักผ่อนเอาแรง พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนกันบ้าง
(26/8/2011) เราตื่นกันตั้งแต่ 6 โมงเช้า อากาศดีมาก ๆ สดชื่นสุด ๆ ไปเลย น้ำเย็นมาก ๆ แต่ชอบ สดชื่น สดชื่น เช้านี้เราว่าจะเริ่มจากการเดินเที่ยวข้ามสะพานที่อยู่ใกล้ ๆ กับที่พักก่อนเป็นอันดับแรก มาดูภาพบรรยากาศยามเช้า ณ วังเวียง



อาบน้ำอาบท่าแต่งตัวกันเสร็จพร้อมออกสูดอากาศอันแสนสะอาด สงบ จุดแรกเลยคือสะพานข้ามแม่น้ำซอง การที่จะข้ามสะพานนี้ได้ต้องเสียเงินก่อนเลยค่าข้าม 4,000 กีบ (เจ็บปวดจริง ๆ ข้ามสะพานไม่ถึง 100 เมตร เสียตังค์ด้วย (คนลาวฟรี) อะจัดไป สะพานนี้ถ้าข้ามไปก็จะเป็นเส้นทางไปเที่ยวยังถ้ำต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นถ้ำปูคำ ถ้ำผาเจ้า และถ้าอื่น ๆ อีก แต่เรา 2 คนกับเพื่อนสาวข้ามไปแค่ถ่ายรูปกันเล่น ยังไม่มีแพลนว่าจะไปถ้ำกันหรือป่าว




วันนี้เราตัดสินใจกันว่าจะเช่าจักยานปั่นเที่ยวรอบ ๆ เมือง ค่าเช่าจักรยานก็ 10,000 กีบ ปั่นกันไปเลยทั้งวัน ปั่นกันจนแบบไม่ไหวแล้วค่อยมาคืนยังได้ ได้จักรยานและก็ไปหาอาหารเช้ากินกันก่อนเลย มื้อเช้านี้ได้ข้าวเปียกเป็นอาหารเช้า เต็มไปด้วยอูมามิ ราคา 10,000 เราปั่นจักรยานกันให้รอบเมืองกันไปเลย วังเวียงเป็นเมืองเล็ก ๆ สามารถปั้นจักรยานเที่ยวได้อย่างสบายอารมณ์ แต่เช้านี้อยู่ดี ๆ ฝนก็เทกระหน่ำลงมาซะไม่ทันตั้งตัว หลังจากฝนหยุด โอ้วแม่เจ้าแดดออกมาทีอย่างแรง ร้อนสุด ๆ ไปเลย เอาวะร้อนก็ร้อน ไหน ๆ เช่าจักรยานและ ยังไงก็ต้องเที่ยวมันแบบร้อน ๆ นี่แหล่ะ
จากนั้นเราก็จะปั่นจักรยานไปเที่ยวกันที่ ถ้ำจัง เพราะว่าใกล้ที่สุดแล้ว ใช้เวลาในการปั่นจักรยานนิดหน่อย ระยะทางน่าจะประมาณสัก 1 กม.ได้จากในตัวเมือง ทางเข้าเป็นถนนค่อนข้างขรุขระหน่อยประกอบกับฝนตกเมื่อเช้า เละไปเลยครับพี่น้อง ค่าเข้าชมสถานที่ ต่อคน 2,000 กีบ ค่าจักรยาน 2,000 กีบ จุดที่นักท่องเที่ยวมาจะต้องมาถ่ายรูปกันก็คือสะพานข้ามแม่น้ำซอง เป็นสะพานสีส้ม เก๋ไม่เบาจริง ๆ ชอบ ๆ






ก่อนจะขึ้นไปถ้ำจังท่านผู้ท่องเที่ยวโปรดทราบต้องจ่ายเพิ่มอีก 15,000 กีบ นะจ๊ะ ถึงจะสามารถขึ้นไปชมวิวแบบพาโนรามาของวังเวียงได้ บันไดทางขึ้นมีทั้งหมด 147 ขั้น เบาะ ๆ หอมปากหอมคอ แต่ก็เล่นซะเหนื่อยเหมือนกัน





ในบริเวณถ้ำจัง ก็เย็น ๆ ดี มีแสงสว่างสลัว ๆ และทางเดินสำหรับให้นักท่องเที่ยวได้เดินชม ภายในบริเวณถ้ำก็ไม่มีไรมากเป็นถ้ำเล็ก ๆ ก่อนเข้าถ้ำก็จะมีเด็กน้อย เอาธูป เทียน ดอกไม้ อันน้อยมาให้ ราคาตามแต่ศรัทธา ตรงปลายถ้ำทางออกจุดชมวิวจะมีจุดให้สักการะพระพุทธรูปเป็นจุดเล็ก ๆ เรา 2 สาวอยู่กันในถ้ำสักแป๊ปนึงเพราะน่ากลัวอะ ในถ้ำ ณ เวลานั้นมีกันอยู่ 2 คน แล้วบรรยากาศก็สุดแสนจะเย็นยะเยือก วังเวงไงไม่รู้ (555)

ในส่วนด้านล่างก็มีที่นั่งพักเหนื่อยสบาย ๆ แต่ที่เรา 2 คนชอบมากเลยคือสระน้ำด้านล่าง ใสมาก ๆ แบบว่าใสเห็นตัวปลา จริง ๆ แล้วน้ำก็เย็นกำลังสบาย มีเด็กน้อยมาเล่นน้ำกันสนุกสนาน เห็นแล้วอยากจะลงไปร่วมวงเล่นน้ำด้วยจริง ๆ





จากถ้ำจังเราก็กลับมาหลบพักร้อนกันที่ห้องพักกันสัก 1 ชม. อาบน้ำอาบท่าให้เย็น ๆ แล้วค่อยออกไปหาอาหารกลางวันกินกัน จุดต่อไปที่จะไปคือ น้ำตกอะไรไม่รู้จำชื่อไม่ได้ เพราะไปไม่ถึง (555) ที่ไปไม่ถึงก็อันเนื่องมากจากตอนถามทางก่อนเข้าไปน้ำตก ผู้เฒ่าผู้แก แถวนั้นบอกว่า อย่าไปเลยถ้าปั่นจักรยานมา เพราะทางเข้าลำบากมาก ถ้าไม่ใช่รถเครื่องหรือรถจักร ไปไม่ได้ โอเค เชื่อผู้ใหญ่ไว้ดีที่สุด เป็นอันว่าไม่ได้ไป เรา 2 คนเลยเปลี่ยนแผนการเดินทางเป็นว่าปั่นจักรยานไปริมน้ำซองแทน และชมบรรยากาศแบบบ้าน ๆ ของวังเวียงแทนละกัน




การที่จะไปเดินเล่นริมน้ำซองนั้น ต้องใช้วิธีเดินลงไปอย่างเดียว จักรยานที่นำมาด้วยจำเป็นต้องล๊อคกุญแจไว้ เมื่อ 4 ปีที่แล้วเรามาเดินเล่นกัน ชนิดแบบบรรยากาศธรรมชาติสุด ๆ ไปเลย แต่ ณ ปัจจุบัน เธอเปลี่ยนไปแล้ว จากเมื่อก่อนยังไม่มีร้านบาร์เบียร์มาเปิดอยู่ริมน้ำ ณ ปัจจุบันขึ้นมาเพียบอย่างดอกเห็ด เลยทำให้รู้สึกเวลาและบรรยากาศเช่นนั้นหมดไปแล้ว เข้าใจทุกอย่างต้องมีการเปลี่ยนแปลง แต่มันก็ไม่น่าเร็วขนาดนี้ และเปลี่ยนชนิดที่ว่าเป็นผับ บาร์ ร้านเหล้า เนี่ยไม่ชอบเลย
น้ำซองช่วงที่เราไปนี้น้ำเยอะมากและน้ำแดง ไม่ใสแจ๋ว ที่เป็นเช่นนี้เพราะเป็นช่วงหน้าฝน เลยอดลงไปเดินเล่นในน้ำ แค่ยืนดูก็พอและ



ที่จะนั่งริมน้ำตอนนี้ยังแทบไม่มีให้นั่งท่องเที่ยวนั่งเลย ถ้าจะนั่งชิว ๆ ชมวิวหล่ะก็ต้องเข้าไปนั่งใน ผับ บาร์ เอาเป็นว่ามารอบนี้ไม่ถูกใจริมน้ำซอง (เลิกชอบ) บ่ายวันนี้อากาศที่วังเวียงร้อนมากกกกกถึงมากที่สุด เรา 2 คนก็ไม่รู้จะไปไหนและ ไอ้ครั้นจะไปเล่นล่องแก่งห่วงยาง พายเรือคยัค แบบฝรั่งก็ว่ายน้ำไม่เป็นกัน เอาเป็นว่าไปหาที่นั่งกินน้ำเย็น ๆ ดูฝรั่งเดินไปเดินมาละกัน เราเลือกร้านป้า ที่เราเคยมานั่งกินอาหารมื้อแรกในวังเวียง เมื่อ 4 ปีที่แล้วกัน ร้านนี้ชื่อร้านหน่อแก้ว เป็นร้านที่อยู่ตรงหัวมุมถนนทางเดินลงริมน้ำซองพอดิบพอดี มีอาหารขายทุกอย่าง (อาหารลาวนะคะ) ก็นั่งเล่น ๆ กันไป คุยกับน้องผู้ชายลูกจ้างร้านไปเรื่อย ไอ้หนุ่มคนนี้ชอบอะไรที่เป็น ไทย ๆ อย่างเรามาก ชอบคนไทย ชอบการเมืองไทย ชอบดาราไทย เอาเป็นว่าจากที่คุยกันพอหนุ่มนี่ชอบประเทศไทยสุด ๆ ไปเลย



อันที่จริงวังเวียง มีถ้ำต่าง ๆ มากมายให้ไปเที่ยวชมกัน แต่ด้วยความร้อนของแดด ทำเอาเรา 2 คน หมดอารมณ์ จะปั่นจักรยานเที่ยวต่อแล้วอะ แล้วถ้ำต่าง ๆ ที่ไม่ได้ไปหน้าตาก็คงจะไม่แตกต่างกันมากมาย ก็เลยมาไม่ไปดีกว่า ปั่นจักยานกลับที่พัก หลับสักงีบ เย็น ๆ ค่อยออกมาหาอะไรกินกัน


(27/8/2011) ตื่นกันแต่เช้า เพราะเช้านี้เราต้องออกเดินทางกลับเข้าไทย เราใช้บริการรถตู้อีกเช่นเคยเหมือนกับขามา โดยให้น้องเจ้าของที่พักไปติดต่อรถให้ ได้สนนราคา 60,000 กีบ เอ้าทำไมถูกว่าขามา น้องเขาบอกว่าไปซื้อที่คิดรถมาเลย เออคิดไปคิดมา ตอนขามาจากเวียงจันทร์ เค้าคงจะแบ่งค่าหัวคิวลูกค้ากันมั้ง ไม่เป็นไรรับได้ กระจายรายได้สู่ท้องถิ่น (555) รถมารับเราก่อน 9.30น. แต่กว่าจะวนไปรับฝรั่งมังค่าเสร็จ กว่าจะออก กว่าจะเคลีย คิว พร้อมออกเดินทางก็ 10 โมงพอดี ใช้เวลาในการเดินทาง 4 ชม. มาถึงเวียงจันทร์ บ่าย 2 พอดี ไม่ทันรถไปอุดรฯ เราเลยต้องเปลี่ยนแผน ใช้บริการรถระหว่างประเทศไปหนองคายแทน เที่ยวรถ 14.30 น. ค่ารถก็ 17,000 กีบ เด้อค่ะ แล้วค่อยต่อรถจากหนองคายไปอุดรอีกที เป็นกันว่ามีเวลาในการเดินตลาดเซ้าที่อยู่ตรงข้าม บขส. 20 นาที โอ้แม่เจ้าของที่นี่แพงกว่าบ้านเราอีก ซื้อไม่ลงเลยจริง กลับไปกระจายรายได้ที่บ้านเราดีกว่า





ใช้เวลามาถึงด่านประมาณครึ่งชม. ฝนกำลังตกกระหน่ำ สำหรับคนไทยสบายมาก มีช่องทางพิเศษ ไม่ต้องรอนาน แต่ถ้าเป็นคนลาว+ตปท.+ฝรั่งก็ต่อแถวนานหน่อย



กว่าจะมาถึงอุดรฯ ก็ปาเข้าไป 5 โมงเย็นกว่า ๆ มีเพื่อนของพี่ที่ไปออนทัวร์กับเรา มารับที่บขส. อุดรฯ เย็นนี้ก็ไปกินข้าว เดินเล่นถนนคนเดินของคนเมืองอุดรฯ เค้า กิ๊บเก๋ใช่ย่อย ถนนคนเดินนี้เป็นเส้นที่อยู่หน้าบริเวณศาลหลักเมือง ของขายเยอะแต่ส่วนใหญ่จะเป็นพวกเสื้อผ้า รองเท้า



อีกจุดที่เป็นตลาดไนท์ ไม่รู้เรียกว่าอะไรอะ แต่จะมีร้านอาหารเยอะเลย ทำเก๋มาก ๆ ตรงนี้ก็จะมีของมาขายเยอะอยู่เหมือนกัน ชอบ (กด like 100 รอบ) ได้กระเป๋ามา 1 ใบ ฝากแม่ ราคา 350 บาท สวยดีแม่ชอบ ของก็แฟชั่นทั่ว ๆ ไป เหมือน ๆ ที่กรุงเทพ ขอบอกเดี๋ยวนี้เมืองอุดรฯ เจริญมากกกกกกกจริงงงงงงงงงงง


เราจบทริปนี้ด้วยการเดินทางด้วยสายการบินใคร ๆ ก็บินได้ ไฟล์ 8.45น. ถึงสุวรรณภูมิ 9.30 น. ใช้เวลาในการบิน 45 นาที เร็วจัง ทริปนี้ได้อะไรบ้าง อย่างแรกเลย คือ ธรรมชาติที่หาได้ยากในเมืองศิวิไลซ์ อาหารแบบบ้าน ๆ ที่เต็มไปด้วยอูมามิ (แต่ก็อร่อยอยู่) ของปิ้ง ๆ ย่าง ๆ ที่ไม่ได้ผ่านการปรุงแต่งมากมายก่ายกองอย่างบ้านเรา ความสงบเงียบยามค่ำคืน ความเป็นธรรมชาติของคนวังเวียง และอากาศอันบริสุทธิ์ไร้มลพิษจริง ๆ
ขอบคุณ ทั้งอ้าย ทั้งเอื้อย และชาววังเวียงทุกท่านที่ให้การต้อนรับ 2 สาวชาวไทยเป็นอย่างดี ขอบคุณอาหารทุกมือที่ทั้งกินได้มากและกินได้น้อยประทังชีวิต ขอบคุณโชเฟอร์ทุกท่านที่นำเราเดินทางมาทั้งไปและกลับโดยสวัสดิภาพ สุดท้ายขอบคุณประเทศลาวที่ทำให้เราได้รับประสบการณ์อันหลากหลายและบางทีไม่สามารถหาได้จากที่ไหนในโลก ขอบคุณจริง ๆ




Create Date : 31 สิงหาคม 2554
Last Update : 31 สิงหาคม 2554 11:25:52 น. 3 comments
Counter : 2139 Pageviews.  
 
 
 
 
ชอบบรรยากาศกับการรีวิวมากเลยค่ะ
ได้ข้อมูลเยอะเลย
 
 

โดย: มิลเม วันที่: 31 สิงหาคม 2554 เวลา:14:00:16 น.  

 
 
 
สวยจังเลยทำให้อยากไปดที่ยวมั้ง ถ้าไปเที่ยวที่อื่นแล้วเอามาลงอีกนะคะชอบ
 
 

โดย: mooly IP: 10.0.2.55, 202.143.166.242 วันที่: 1 กันยายน 2554 เวลา:10:35:58 น.  

 
 
 
ภาพสุดท้าย ยูดีทาว
อุดรใช่ไหมคะ
 
 

โดย: ภาพสุดท้าย IP: 125.26.163.182 วันที่: 7 กันยายน 2554 เวลา:16:32:22 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

กินให้สุด อย่าหยุดเที่ยว
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Life is Journey Life is Travel
[Add กินให้สุด อย่าหยุดเที่ยว's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com