เห็นด้วยตา สัมผัสด้วยใจ เปิดรับประสบการณ์ใหม่ เที่ยวด้วยใจเที่ยวด้วยกัน

 
กรกฏาคม 2556
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
30 กรกฏาคม 2556
 

Slow Life Slowly in Vientiane

เวียงจันทน์ใคร ๆ ก็ไปได้ ผ่านมาและผ่านไปเวียงจันทน์มา 2 ครั้ง โดยไม่ได้แยแสว่าเธอจะคิดยังไงกับฉัน ครั้งแรกทางผ่านไปหลวงพระบางและวังเวียง ครั้งที่ 2 ทางผ่านไปวังเวียง (ครั้งแรกไปไม่ได้เจาะลึกแค่ผ่านไปนอนเอาแรง 1 คืนแล้วก็จากมา) ด้วยบังเอิญ Everyone can fly ลดราคาตั๋วใคร ๆ ก็บินได้ ดอนเมือง-อุดร / อุดร-ดอนเมือง เลยเกิดทริปเวียงจันทน์นี้ขึ้นอีกครั้งแบบไปอยู่กินนอนเดินเที่ยวแค่เวียงจันทน์จริง ๆ (แถมหนองคายขากลับ 1 คืน)





21/7/2556
ทริปนี้ก็ไปกับเพื่อนสาวขาเก่าเจ้าประจำ อีก1 รวมเราด้วยไปกัน 2 สาวขาเที่ยวขาช้อป เริ่มจากสนามบินดอนเมือง เที่ยวบินไฟล์แรกของอุดร 7.10 น. ตรงเวลาเป๊ะ ไปถึงสนามบินอุดร ก็ประมาณ 8 โมงเช้า มีพี่สาวใจดีมารับที่สนามบินเพื่อพาไปจองตั๋วรถอุดร-เวียงจันทน์ ได้รถเที่ยว 10.30 ไม่รีบ ๆ ไปหาอาหารเช้ารองท้องก่อนสักนิดก่อนไป พี่สาวใจดีพาไปกิน แกงเส้น ข้าวเปียก ไข่กระทะ ขนมปังแบบเวียดนาม ที่ร้านป.ปลา ร้านนี้จะอยู่แถวหนองประจักษ์รสชาติใช้ได้ไม่ต้องปรุงเพิ่ม







กินกันเสร็จสรรพก็พร้อมเดินทางจาก บขส. อุดรไปยัง บขส. ตลาดเช้าเวียงจันทน์ ค่ารถคนละ 60 บาท ได้เวลาขึ้นรถ 10.30 น. ตอนแรกก็คิดว่าคนคงพอดีกับที่นั่งที่ไหนได้ทั้งคนยืนกันเยอะไปหมด ยังไม่สาแกใจอ้าย ๆ ทั้งหลายขนสมบัติ ข้างของ สัมภารก เอ้ย!! สัมภาระ ขึ้นมากันซะเพียบไปเลย รถเที่ยวนี้เป็นรถของทางฝั่ง สปป.ลาว เท่าที่สังเกตการณ์ มีเรากับเพื่อนสาว และอีก 2 สาวไทย รวมเป็น 4 คนไทย นอกนั้นคน สปป.ลาว+เวียดนามทั้งนั้น มาถึงด่านตรวจฝั่งไทยก็กำลังซ่อมแซมบางส่วน แต่ก็ไม่เสียเวลามากผ่านออกไปได้ด้วยดี (ยุ่งวุ่นวายกับการเขียนใบ Immigration เลยไม่มีเวลาเก็บภาพ ทุกทีไปก็จะแจกบนรถทัวร์ แต่รอบนี้ไม่แจก) จากด่านไทยก็มาถึงด่านลาว อันนี้วุ่นวายจริง ๆ ใบ Immigration ไม่มีวางให้ต้องเดินไปขอที่เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง เดินชนกันไปชนกันมา ไทย+ลาว ไอ้ตรงที่มีผู้ชายมากมายนั่งเขียนให้ชาวบ้านเค้าน่ะ ไม่ให้นะคะ เอาไว้หลอกเขียนให้คนที่ยังไม่เคยมาแล้วก็เก็บเค้า 20 บาท เขียนเองก็ได้ไม่เห็นจะง้อ...555++ สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปคือ ก่อนจะผ่านเข้าได้เราต้องซื้อการ์ดผ่านเข้าประเทศ ราคา 11,000 กีบ ก็ประมาณ 45 บาท แต่พระคุณท่านไม่บอกอะไรไม่มีป้านแนะนำ เอาหล่ะสิทีนี้เดินวนกันไปวนกันมา ชนกันมั่วไปหมด ไอ้เรามาก่อนหน้านี้ก็เป็นแบบขายตั๋ว 20 บาท ผ่านโลด ที่นี้ตรวจหนังสือเดินทางเสร็จ ต้องเดินกลับมาซื้อการ์ดใหม่ เสียเวลาสุด ๆ สุดท้ายรถทัวร์ที่ขึ้นมามันเตรียมออกโดยไม่รอผู้โดยสาร ตีนม้าตีนหมา รวมกันวิ่งกันกระจายพร้อมตะโกนรอ ตรูด้วยโว้ย เสีย Self มาก ๆ คนบนรถคงบอกว่ามีคนวิ่งตามพี่แกเลยจอดรอ (แซ่บจริง ๆ พี่เอ้ย)



เรามาถึงตลาดเช้าเวียงจันทน์ประมาณ เที่ยงครึ่งเกือบ ๆ บ่ายโมงได้ จากนั้นก็เหมารถตุ๊ก ๆ ให้พาไปหาที่พักแถวริมโขง ค่ารถ 120 บาท (คนลาวนี่ชอบเงินไทยจริง ๆ) เราได้ที่พักที่ชื่อว่า Lao Silk Hotel ในสนนราคาคืนละ 780 บาท ห้องเล็กกะทัดรัด แอร์เย็นสบาย ห้องน้ำสะอาดใช้ได้ พร้อมฟรี Wifi แรงเว่อร์ เที่ยวรอบนี้ อิฉันเลย Update ตลอด ๆ แถมริมโขงรับสัญญาณโทรศัพท์ไทยแรงเว่อร์ ใช้ได้สบาย ๆ แม้ไม่ได้เปิดโรมมิ่ง




ได้ที่พักเก็บกระเป๋าเรียบร้อย ท้องก็ร้องหิวแล้วจ้า มื้อแรกในเวียงจันทน์ก็เป็นร้านขายอาหารบ้าน ๆ อยู่ใกล้ ๆ ที่พัก เดินแค่ไม่กี่ก้าวก็ถึง มื้อนี้กินง่าย ๆ ไก่ย่าง ซี่โครงหมูย่าง ตำไทย ตำขนมจีน ข้าวเหนียว ค่าเสียหายจ่ายไปเบาะ ๆ 64,000 กีบ (260 บาท) ถือว่าแพงถ้าเทียบกับบ้านเรา









อิ่มหนำแต่ไม่ค่อยสำราญ เพราะรสชาติไม่แซ่บเท่าบ้านเรา จากนั้นเราก็เดินเที่ยวบริเวณใกล้ ๆ ที่พัก ที่พักเราใกล้กับวัดองค์ตื้อมหาวิหาร ซึ่งเป็นหนึ่งในจำนวนหลาย ๆวัดที่เก่าแก่ที่สุด ในนครหลวงเวียงจันทน์ เราก็เลยเข้าไปกราบนมัสการขอพร และมีวัดนึงตรงข้ามกันแต่อ่านไม่ออกว่าชื่อวัดอะไร








ละแวกนี้จะมีวัดเยอะไม่ต่ำกว่า 6-7 วัด เราไม่ได้เข้าไปดูทุกวัด แค่ขอเดินผ่าน ๆ เฉียด ๆ จากนั้นก็เดินมันไปเรื่อย ไปเจอร้าน ขอบใจเด้อ ร้านดังของเวียงจันทน์ที่นักเดินทางแนะนำ ตรงข้ามขอบใจเด้อ ก็เป็นร้าน Joma Coffee ร้านกาแฟเบเกอรี่ชื่อดัง
เดินมาเรื่อย ๆ ก็มาเจอสวนน้ำพุ ในส่วนของสวนน้ำพุจะคึกคักในช่วงค่ำ ๆ เพราะร้านอาหารที่เรียงรายในบริเวณนั้นจะเปิดให้บริการอาหาร เครื่องดี่ม และมีดนตรีสดให้ฟังกันชิว ๆ เดินมาถึงร้อน ๆ เหนื่อย ๆ ขอแวะจิบน้ำเย็น ๆ ชื่นใจพร้อมลิ้มรสเบเกอรี่อร่อย ๆ ซะหน่อย เราแวะกันที่ร้าน Scandinavian Bakery in Laos เป็นอีกร้านที่นักท่องเที่ยวแนะนำ รสชาติเค้กอร่อยไม่หวานมาก ชอบค่ะ เค้ก 2 ชิ้น + กาแฟเย็น + ชามะนาว = 58,000 กีบ (240 บาท)







อร่อยกับเค้กแล้วก็กลับโรงแรม พักผ่อนเอาแรงเย็นนี้มีนัดกันที่ถนนคนเดินริมโขง ทุกเย็นประมาณ 18.00 น. จะมีลานสำหรับเต้นแอโรบิก มีทั้งแบบวัยสาวและสูงอายุ คนมาออกกำลังกายกันเยอะเลยค่ะ





เย็นนี้ก็ซื้อข้าวของกันพอหอมปากหอมคอ ต่อราคากันได้บ้างไม่ได้บ้างแต่ก็สนุกดี กว่าจะกลับถึงห้องพักก็เกือบ 3 ทุ่ม มื้อเย็นล่าช้าไปนิด เราก็ใช้บริการเจ้าเดิมใกล้ ๆ ที่พัก มื้อนี้จ่ายไป 200 บาท กลับห้องอาบน้ำนอนดูทีวีไทย แถมด้วยช่องทีวี ตปท. อีกเพียบ สบาย ๆ
22/7/2556
เช้านี้วางแผนว่าจะเหมารถสกายแลป แป๊ป ๆ ไปเที่ยวในกำแพงนครหลวงเวียงจันทน์ อาหารเช้าง่าย ๆ เฝอไก่ ร้านอยู่ใกล้ ๆ ที่พัก ราคาชามละ 40 บาทขาดตัว รสชาติพอกินได้ไม่มีปัญหา จากนั้นก็หารถที่อยู่หน้าที่พัก เราเหมาพระคุณท่านด้วยราคา 400 บาท หาร 2 ก็คนละ 200 บาท ราคารับได้ แต่ไม่รู้มีใครเคยต่อได้ราคาดีกว่านี้อีกมั้ย ได้เวลาออกท่องเวียงจันทน์กันแล้ว ที่แรกเลยไม่ไปไมได้ ถ้ามาเวียงจันทน์แล้วไม่มาที่นี่ ท่านมาไม่ถึงแน่นอน วัดพระธาตุหลวง สวยงามอลังการสมชื่อที่เล่าขานกันมา ค่าเข้าชมคนละ 5,000 กีบ เด้อจ้า



จากพระธาตุหลวงเราไปกันต่อที่ประตูชัย ค่าขึ้นไป 3,000 กีบ ไหน ๆ มาถึงแล้วเราก็อยากดูเมืองเวียงจันทน์แบบ Bird Eye View บ้างไรบ้าง แต่กว่าจะขึ้นไปถึงนี่เล่นซะเหนื่อยเหงื่อหยดติ๋ง ๆ ไปเลย ไม่ผิดหวังที่ตะกายขึ้นมาค่ะ วิวจากด้านบนสวยดีค่ะ ดูได้ 360 องศา ใน 4 มุมของประตูชัย





ชื่นชมประตูชัยแล้วเราก็ไปกันต่อที่หอพระแก้ว ค่าเข้าชมก็ 5,000 กีบ ข้างในห้ามถ่ายรูปโดยเด็ดขาด จะมีคนคอยเฝ้าและบอกนักท่องเที่ยวตลอดเวลา พระพุทธรูปในหอพระแก้วสวยมาก ในส่วนด้านนอกก็สวยไม่แพ้กัน ดูเก่าและขลังดี หอพระแก้วสวยให้ใจไปเลยค่ะ













ตรงข้ามกับหอพระแก้ว คือ วัดสีสะเกด พอดีติดช่วงพักเที่ยงเลยไม่ได้เข้าไปดู ถ้าอยู่รอก็จะเปิดอีกที ก็บ่ายโมง เลยเสพบรรยากาศแค่ด้านนอกเท่านั้น



ในตอนแรกอยากไปชมพิพิธภัณฑ์แห่งชาติลาว แต่เค้าปิดทำการในวันจันทร์ อดดูไปตามระเบียบ เลยบอกให้รถไปส่งแถวร้านขอบใจเด้อ เพื่อกินข้าวกลางวัน















มื้อนี้ที่สั่งมากินก็เท่าที่เห็นนี่แหล่ะค่ะ ค่าเสียหายก็ 190,000 กีบ (760 บาท ) อร่อยมั้ยก็ไม่มาก อันที่ว่าพอใช้ได้หน่อย ก็ส้มตำรสชาติดีแต่ไม่เผ็ด ไก่ทอดกินกับข้าวเหนียวกะลังดี อีกอย่างที่ว่าโอเคก็ป่อเปี๊ยะสด ส่วนลาบนี่บ้านเราแซ่บกว่าเยอะ ของเค้าจะแบบไม่ใส่พริกป่น มันก็เลยกินแบบจืด ๆ (มื้อนี้กว่าจะได้กินรอไปชั่วโมงกว่า ๆ เนื่องจากลูกค้าเยอะมากกกกกกกกกกก) อิ่มแล้วก่อนกลับที่พักเราก็ขอแวะเข้าชมหอสมุดแห่งชาติลาวสักหน่อย เป็นหอสมุดเล็ก ๆ หนังสือมีไม่มากและค่อนข้างเก่า ไปดูภาพกัน







23/7/2556
วันนี้เราจะกลับไทย เพื่อเข้าไปพักที่หนองคาย 1 คืน แวะเที่ยวท่าเสด็จและหนองคายสักนิดก่อนกลับกรุงเทพฯ ในวันที่ 24 เช้านี้เราไปกินอาหารเช้ากันที่ Joma Coffee วันแรกมายังไม่ได้ลองชิม วันนี้จะกลับและยังไงต้องไปชิมให้ได้ ร้านนี้เปิดตั้งแต่ 7 am – 9 pm คนจะแน่นร้านตลอดโดยเฉพาะช่วงบ่าย ๆ คนเยอะมาก เช้านี้เรากินเค้กกล้วยหอม+น้ำแร่ ส่วนเพื่อนสาวกินขนมปังลูกเกดอัลมอนด์+กาแฟ ขนมอร่อยทั้ง 2 อย่าง สมคำล่ำลือ







จาก Joma แบบไม่อิ่ม เพราะไม่ใช่อาหารหลักของเรา (กินกันไม่หมดนะให้พนักงานใส่ถุงให้เอาไว้ไปกินบนรถ ) เลยต้องมาซื้อไก่ปิ้ง หมูปิ้ง ตับปิ้ง พร้อมข้าวเหนียวร้อน ๆ ข้าง ๆ โรงแรมกินอีก คราวนี้แหล่ะอิ่มสุด ๆ อยู่ได้ยันบ่ายไปเลย
เราออกจากที่พักเพื่อ Check out ประมาณ 10.30 น. หารถไป บขส. ราคา 100 บาท ได้ตั๋วรถรอบ 12.30 น. ทีนี้ไปไหนหล่ะ วิญญาณนักช้อปเข้าสิงอีกรอบ เดิน ตลาดเช้าช้อปปิ้งมอลล์ ได้กระเป๋ามาอีกคนละ 2 ใบ (ไม่อยากบอกเลยว่าของก๊อปแต่ก๊อปเกรด A นะคะ...อิอิ) เดินไปเดินมา เดินมาแล้วก็เดินไป เริ่มเมื่อยพร้อมกับกระเป๋าเป้อันหนักอึ้ง ก็หาที่นั่งเป็นร้านกาแฟ ชิว ๆ ในตลาดเช้าสั่ง ชามะนาวมากินฆ่าเวลา จ่ายไปอีกแก้วละ 60 บาท (แพงเว่อร์) พอดีเค้กกล้วยหอมเหลือจากเมื่อเช้าเลยจัดการซะ พร้อมกับชามะนาวแก้วย้าวยาว



รถออกตรงเวลาเป๊ะ 12.30 น. เป็นรถของ สปป.ลาวอีกแล้ว แต่ขากลับดีหน่อยคนพอดีกับที่นั่งไม่มั่วเหมือนกับตอนขามา แล้วพนักงานสาวก็คอยตรวจนับผู้โดยสารตลอดทั้งขึ้นและลง ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. เราก็มาถึง บขส. หนองคาย หารถสกายแลปมาส่งที่ โรงแรมหวนลาย ด้วยราคา 50 บาท โรงแรมอยู่ใกล้กับท่าเสด็จและร้านแดงแหนมเนือง เดินประมาณ 100 เมตร



เก็บข้าวของแล้วแต่เรายังไปไหนไม่ได้เพราะฝนตกลงมาอีกแล้ว พอฝนหยุดปุ๊ปเราก็ดิ่งตรงไป แดงแหนมเนืองอย่างเร็ว “หิวมากกกกกกกกกกก” อาหารอร่อยทุกอย่าง ที่นี่เค้ามีเมนูอาหารไม่น่าจะถึง 20 อย่าง สักปุ๊ปได้ปั๊ป อิ่มอร่อยสบายกระเป๋า จัดไปมื้อนี้ 340 บาท มาดูรายการอาหารของเรากัน











อิ่มแล้วมีแรงเดินต่อจากแดงแหนมเนืองเดินมาสัก 30 ก้าวก็คือตลาดท่าเสด็จมีของขายเบ็ดเตล็ดให้ขาช้อปซื้อกันให้ซะใจกันไปข้างนึง รอบนี้ได้ ปอกหมอน 1 คู่ เข็มทิศสำหรับหลานชาย 1 อัน เสื้อยืด 2 ตัว เสื้อผ้าสบาย ๆ ใส่เก๋ ๆ 1 ตัว กระทะสำหรับทำไข่กระทะ 2 ใบ กลับห้องพร้อมสายฝนที่กระหน่ำ ออกไปไหนไม่ได้อาบน้ำนอนดูทีวีสบายใจกว่า



24/7/2556
เช้า ๆ แบบนี้ก็นี่เลยข้าวเปียกเมืองหนองคาย ชามละ 35 บาทมีกระดูหมู เห็ดหอม หมูยอ ลืมถ่ายรูปได้ไงเนี่ย เราออกจากที่พักประมาณ9.30 น. เพื่อเหมารถสกายแลป ไปเที่ยวสถานที่ต่าง ๆ ในตัวเมืองหนองคาย ได้ราคา 300 บาท ไปทั้งหมด 3 ที่ และไปส่งเรากันที่บขส. เพื่อขึ้นรถต่อไปยังอุดรฯ ที่แรกที่เราไปคือ พระธาตุหล้าหนอง เป็นพระธาตุกลางแม่น้ำโขง จะเห็นองค์พระธาตุได้ในช่วงหน้าแล้งประมาณ มีนา-เมษา แต่ทางจ.หนองคายก็ได้ทำพระธาตุองค์จำลองไว้ที่ริมโขงตรงบริเวณองค์พระธาตุที่อยู่ในน้ำ อยู่ห่างจากท่าเสด็จประมาณ 3 กม. น่าจะได้ค่ะ


เราไปกันต่อที่ ศาลาแก้วกู่ ค่าเข้าชม 20 บาท เดินไปได้ประมาณ 10 ก้าว คิดเป็นเงินก็ 2 บาท ฝนเทกระหน่ำมาซะงั้น นั่งรอกว่าฝนจะซาก็ชั่วโมงกว่า ๆ เซ็งเลย อดดูแถมเสียเงินไปแล้วด้วย ฟ้าฝนไม่เป็นใจเลย



ฝนซาและก็ไปกันที่วัดโพธิ์ชัย ห่างจากตัวเมืองหนองคายไปประมาณ 2 กิโลเมตร วัดชื่อดังแห่งเมืองหนองคาย มีหลวงพ่อพระใสให้ได้สักการะ หลวงพ่อพระใสจะมีพี่น้องกันอยู่ 3 องค์ คือ หลวงพ่อพระใส พระสุก พระเสริม หลวงพ่อพระสุกจมน้ำหายไป ส่วนพระเสริมมาประดิษฐานอยู่ที่กรุงเทพฯ วันที่ไปฝนก็ตกหนักก่อนหน้านี้ ทำให้เรา 2 สาวต้องลุยน้ำไปไหว้พระ...สนุกจริง ๆ ...555++





ไหว้พระขอพรกันแล้วก็ให้รถมาส่งที่ บขส.หนองคายได้เที่ยวรถเที่ยงกว่า ๆ จากหนองคายมาอุดรฯ ประมาณ 50 กว่าโล พี่แกขับซะ2 ชั่วโมงอะไรจะโคตรหวานเย็นขนาดนี้ เรามาลงกันที่ตลาดรังสิยา เนื่องจากกว่าปวดฉี่มากมายทนไม่ไหวแล้วค่ะ แล้วพี่สาวใจดีแห่งเมืองอุดรฯ กะมารับเรากัน และมีเพื่อนสาวมาสมทบอีก 1 จากนั้นก็ไปหาอาหารกลางวันกินกัน พี่สาวใจดีพามาที่ร้านส้มตำเจ๊ไก่เมืองอุดรฯ ทุกอย่างอร่อยมาก ๆๆๆ จริง ๆ ส้มตำจานใหญ่มากแต่เราเบา ๆ 40 บาท แซ่บสุด ๆ ถูกใจมาก ๆ อาหารอร่อยทุกอย่าง ขอแนะนำใครไปอุดรฯ แล้วอยากให้แวะไปชิมจริง ๆ รับรองไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน มาดูหน้าตาเมนูที่เราจัดมากัน











ขอบคุณพี่สาวใจดีมาก ๆ ค่ะ ผ่านไปอุดรฯ ทีไรคุณพี่ไม่เคยพลาดที่จะพาเราไปกินอาหารอร่อย ๆ ขึ้นชื่อของเมืองนี้ ขอบคุณมาก ๆ นะคะ กินกันอิ่มก็พากันไปหาร้านกาแฟเก๋ ๆ นั่งคุยนั่งเมาท์รอเวลาไปสนามบิน พี่สาวใจดีพาไปส่งที่สนามบินประมาณ 16.30 น. เครื่องที่เราจะเหินฟ้ากลับดอนเมืองก็ออก 17.50 น. ตรงเวลามากมาย ถึงดอนเมือง 18.40 โดยสวัสดิภาพ จบทริปเวียงจันทน์ไปอย่างชื่นมื่น มีความสุข เสมือนชาร์ตแบตเติมพลังงานให้กับชีวิต ขอบคุณ สปป.ลาว ที่ยังรักษาธรรมชาติ วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี สถานที่ท่องเที่ยว ไว้ได้อย่างดีเยี่ยม และทำให้เรากับเพื่อนสาวได้ไปออนทัวร์ สปป.ลาว ไล่ลงมาตั้งแต่หลวงพระบาง วังเวียง เวียงจันทน์ สะหวันนะเขต จำปาสัก ปากเซ (ไปคนละรอบกัน ทั้งหมดก็จัดไป 5 รอบ...สบายใจ...สะบายดี) สุดท้ายท้ายสุด...ขอบคุณจริง ๆ สปป.ลาว ที่ได้สร้างประสบการณ์การเดินทางให้กับเราอย่างไม่มีวันลืม...เราจะคิดถึงคุณตลอดไปสัญญาจากใจ... “Life is journey Life is travel”
เจอกันทริปหน้า "มิงกลาบา มัณฑะเลย์"




Create Date : 30 กรกฎาคม 2556
Last Update : 31 กรกฎาคม 2556 8:39:14 น. 1 comments
Counter : 3164 Pageviews.  
 
 
 
 
อ่านแล้วอยากไปบ้างจัง :)
 
 

โดย: แฟนlinKinPark วันที่: 7 สิงหาคม 2556 เวลา:1:12:41 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

กินให้สุด อย่าหยุดเที่ยว
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Life is Journey Life is Travel
[Add กินให้สุด อย่าหยุดเที่ยว's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com