|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
ประสบการณ์ปฏิบัติธรรม ๑ : เรื่องเก่านำมาเล่าใหม่...ประสบการณ์ฌานสี่ และทิพพโสต - ศิรัสพล
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
ปรารถถึงเพื่อนทางธรรมท่านหนึ่ง ได้ถามคำถามรวมถึงบอกให้เล่าถึงประสบการณ์การปฏิบัติธรรมที่พอจะผ่านมา ในตอนแรกพิจารณาเห็นว่าไม่ควรเล่า ต่อมาหลังจากสนทนากันก็เห็นว่ามีเพื่อนกัลยาณมิตรท่านอื่น ก็นำประสบการณ์การปฏิบัติมาเล่าเป็นธรรมทานกัน จึงเห็นว่าน่าจะนำมาเล่าบ้าง คงจะพอเป็นธรรมทานได้....
ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนนะครับ ที่เขียนให้อ่านต่อไปนี้ เป็นประสบการณ์ส่วนตัวที่ผมเคยเป็นมา ไม่มีเจตนาจะโอ้อวด ยกตนข่มท่าน เพราะเนื่องจากไม่มีอะไรพิเศษจะอวดอยู่แล้ว แต่เพียงเพื่อเป็นธรรมทานแก่ผู้ปฏิบัติ หรือให้เป็นกำลังใจแก่ผู้ที่กำลังฝึก และเพื่อเป็นความรู้นำไปเปรียบเทียบกับในพระไตรปิฏก เทียบเคียงกับประสบการณ์ของผู้รู้ท่านอื่น ว่าการเข้าฌานเป็นอย่างไร มีจริงหรือไม่ คิดเสียว่าเป็นการเล่าสู่ให้ฟังแบบเป็นเรื่องเป็นราวก็แล้วกันนะครับ...
เมื่อก่อนผมฝึกปฏิบัติอยู่ที่บ้านเกิด จังหวัดราชบุรี บ้านของผมอยู่ใกล้กับวัด และอยู่ใกล้แม่น้ำ ซึ่งเป็นสถานที่เงียบสงบ สมควรแก่การปฏิบัติธรรม ตอนนั้นผมยังมิได้ไปสมัครในสำนักใด ไม่ได้รู้จักพระไตรปิฏกแต่อย่างไร เพียงแค่รู้จักการฝึกสมาธิ คือ การภาวนาด้วย "พุท-โธ" จากหนังสือใบ้หวยมุมธรรมะ ของแม่กระผม...
ผมเริ่มฝึกด้วยคำภาวนานี้ในทุกวันเช้าและเย็นช่วงละครึ่งชั่วโมง ซึ่งด้วยความรู้ที่มีเพียงน้อยนิด พร้อมด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ คิดแต่เพียงว่าให้จิตใจของผมสงบ ใช้เรียนหนังสือได้ดีเท่านั้น ไม่ได้รู้ว่าอะไร คือ รูปฌาน อรูปฌาน มรรคผลนิพพาน หรืออยากบรรลุอรหันต์เลย รู้เพียงแค่ว่าเมื่อลมหายใจเข้าบริกรรมว่า "พุท" เมื่อลมหายใจออกบริกรรมว่า "โธ" ...
ผมฝึกอยู่ได้อย่างนี้ประมาณ 2 เดือนเห็นจะได้ สมาธิของผมเริ่มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่รู้ว่าดีขึ้นด้วยอาการว่าเบาสบาย ลมหายใจของผมปรากฏชัด และยาวขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งผมหายใจยาวยึ่งรู้สึกว่าสบาย ผมคงสภาพอย่างนี้ไป ระยะหนึ่งเกิดมีแสงสว่างขึ้นทั่วภายในตาของผมคล้ายสีขาว ดั่งว่ามีผ้าขาวมาอยู่ตรงหน้าผม เพียงชั่วเดียวแสงสว่างนั้นได้จางลง ในขณะที่เกิดแสงสว่างขึ้นนั้น ผมไม่ได้สนใจเป็นพิเศษแต่ประการใด ผมยังคงกำหนดอยู่ที่คำภาวนาของผมอย่างเดิมต่อไป....
ผมกำหนดภาวนาต่อไปเรื่อยๆ ปรากฏว่าขนของผมลุกไปทั่วร่าง ห้ามอย่างไรก็ห้ามไม่อยู่ แต่การขนลุกทำให้ผมรู้สึกดีมากขึ้น ผมจึงปล่อยให้อาการขนลุกเป็นไป จากนั้นอาการขนลุกของผมก็หายไปเอง...
อาการต่อไปที่ปรากฏขึ้นแก่ผม มีอยู่ว่า ตัวของผมเบาหวิวบ้าง หนังอื้งบ้าง ตัวบวมบ้าง ตัวเล็กบ้าง ภายในการหลับตามีแสงสว่างปรากฏขึ้น เป็นดวงสีขาวนวลๆ ตอนนั้นผมรู้สึกสุขใจมาก จิตใจของผมมันแช่มชื่นอย่างที่สุด มีความรู้สึกอยากนั่งไปตลอดไม่อยากเลิกฝึกเสีย...(ซึ่งบางวันนั่งตอนหัวค่ำ กำหนดลมหายใจไปอยู่อย่างนั้น มารู้สึกตัวอีกทีตอนเลิกฝึกว่าเช้าแล้วหรือนี่ เหมือนเรานั่งเพียงแป๊บเดียวเอง ต้องฝืนใจตัวเองให้เลิกก่อน จริงๆไม่อยากจะเลิกเลย)
จากนั้นสักพักหนึ่ง คำภาวนา "พุท-โธ" ของผมได้หายไป ผมเองก็รู้ว่าคำภาวนานั้นได้หายไป ผมพยายามนำกลับมาแต่ว่าสักพักก็ได้หายไปเสียอีก ผมจึงปล่อยให้มันเป็นไป คำภาวนาของผมหายไปก็ช่าง ต่อจากนั้น
ผมจึงรู้ด้วยใจในสมาธิของผมว่าที่จริงแม้คำภาวนานั้นจะหายไป แต่ก็เหมือนกับว่าคำภาวนาของผมนั้นยังคงอยู่ เพราะรู้สึกได้ว่ายังอยู่ แต่ผมเพียงไม่ได้ยินเสียงที่พูดขึ้นในใจเท่านั้น....
ผมกำหนดรู้อยู่อย่างนั้นๆ เรื่อยเป็นเวลานานเท่าใดไม่ทราบได้ ลมหายใจของผมรู้สึกแผ่วเบาลง มันเบามากจนผมคิดว่าสมาธิของผมไม่ดีเสียแล้ว ผมจึงพยายามกำหนดรู้ลมหายใจมากยิ่ง แต่ยิ่งกำหนดรู้ลมหายใจมากยิ่งขึ้น กลับกลายเป็นว่าลมหายใจของผมได้หายไป....
จากนั้นเพียงชั่วครู่เท่านั้น ได้เกิดสิ่งที่ผมไม่เคยประสบมาก่อนในชีวิต ได้แก่ ขณะที่ผมรู้ว่าลมหายใจของผมหายไป ผมยังรู้ด้วยตนเองว่า ขณะนั้นหูของผมไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย ผมพยายามไปฟังเสียงภายนอกอย่างไรก็ไม่ได้ยิน...
จากนั้นนิดเดียวขณะกำลังพยายามฟังเสียงต่างๆ อยู่นั้น เพียงชั่วครู่เท่านั้น ผมก็ได้ยินเสียงรถยนต์ที่อยู่ปากซอยห่างจากบ้านไปไกลพอสมควรประมาณ 400 เมตร มันดังชัดมากเหมือนอยู่ไกล้ๆ หู ผมจึงพยายามฟังเสียงอย่างอื่นอีก แล้วก็ได้ยินเสียงในห้องที่ผมได้ล็อคประตูไว้อย่างดี หน้าต่างที่มีลูกกรงกั้นไว้ บ้านซึ่งวันนั้นมีผมอยู่เพียงคนเดียว
ผมได้ยินเสียงฝีเท้าของสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่คล้ายกับเสียงการเดินของคน กำลังเดินผ่านประตูเข้ามาในห้อง แล้วเสียงเท้านั้นก็มาหยุดตรงหน้าผม จากนั้นผมรู้สึกว่ามีลมวูบหนึ่ง ผ่านที่จมูกของผมไปอย่างชัดเจน...
แล้วสักพักหนึ่ง สิ่งที่ผมรู้สึกพบเจอนั้น ได้ค่อยๆ เดินจากไปทางประตูหลังห้องที่ถูกล็อคไว้ จากนั้น ผมจึงออกจากสมาธิ แล้วสวดมนต์ แผ่เมตตา และก็นอน..
จากประสบการณ์ครั้งนั้นผมได้ไปเล่าให้กับเพื่อนของผมฟังแต่ก็ไม่มีใครเชื่อ เพื่อนของผมคิดว่าผมโกหก ผมก็สงสัยว่าเป็นอะไรกันแน่จนต่อมาได้รู้จักพระไตรปิฏก และได้ศึกษา ปฏิบัติธรรมเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งได้ไปเรียนหลักสูตรครูสมาธิที่วัดธรรมมงคล ของหลวงพ่อวิริยังค์ ได้มีการเรียนเรื่องฌานต่างๆ
จึงเข้าใจว่าสิ่งที่ผมพบเจอนั้นเหมือนกันทุกอย่างกับในพระไตรปิฏกและจากประสบการณ์ของผู้ได้ฌาน ซึ่งก็คืออาการหนึ่งของผู้ที่ได้จตุถฌาน และเป็นอาการของผู้ที่ได้ทิพพโสต (หูทิพย์) เสียงฝีเท้าที่ผมได้ยิน สิ่งที่เข้ามาใกล้กับหน้าผม คือ เสียงทิพย์จากฝีเท้า และใบหน้าของกุมาร ในบ้านของผมที่พ่อผมได้เลี้ยงเอาไว้บนหิ้งพระ นอกห้องนั่นเอง...
ขอเล่าเพียงเท่านี้ครับ ตามประสบการณ์ที่มีมา หวังว่าจะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยครับ
ปล. เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคล และเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคลนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณครับ
ขอให้เกิดปัญญาเห็นธรรม
Create Date : 24 พฤศจิกายน 2552 |
Last Update : 3 ธันวาคม 2552 10:32:26 น. |
|
3 comments
|
Counter : 947 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: NIGPO IP: 222.123.250.226 วันที่: 12 มกราคม 2553 เวลา:19:31:48 น. |
|
|
|
โดย: KruSamathi22 IP: 162.30.5.183, 119.46.56.120 วันที่: 13 มกราคม 2553 เวลา:12:47:43 น. |
|
|
|
|
|
|
จำนวนผู้เข้าชมบล็อก : คน
จำนวนผู้เข้าชมทั้งหมด :
คน
|
|
|
|
|
|
|
อนุโมทนาสุธุ