ดินแดนแห่งจินตนาการ...
จินตนาการแห่งสายลม...
Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
19 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 
เงารักซ่อนแค้น...ตอนที่ 10



10...ตะกรุดเงิน

นางโหงพรายปรากฏกายขึ้นตรงหน้าของดวงจิตหมอผีเฒ่าทองมี นางส่งยิ้มร่าอันหมายถึงความสำเร็จตามที่ใจของเฒ่าทองมีปรารถนา

“ข้าทำได้เรียบร้อยแล้วท่าน...”

นางพรายค้อมหัวให้ด้วยความภักดี

ดวงจิตที่เพิ่งถอดออกจากร่างคล้ายดวงวิญญาณที่ล่องลอยท่ามกลางเกลียวคลื่นกลางมหาสมุทร หัวร่อชอบใจ

“ดีมาก...ดีมากนางพราย มิเสียแรงที่ข้าไว้ใจเจ้า”

“บัดนี้ข้าจับพวกมันมัดไว้บนเรือนหลังนั้นแล้ว รอพ่อหมอจัดการกับมันแล้วเจ้าคะ”

“พวกมัน มันมีหลายตนนักรึ...” เฒ่าทองมีทำหน้าฉงน

“ใช่เจ้าค่ะ รู้สึกว่ามันจะเป็นผีชั้นสูง เป็นเจ้านางอะไรด้วย...”

“ผีชั้นสูงเรอะ ดีวันนี้ข้าจะได้มีทาสรับใช้เป็นเจ้าบ้าง ฮ่ะฮ่า...”

“ข้าว่าพ่อหมอรีบไปจัดการกับพวกมันเถอะ ลำพังเชือกอาคมของข้าคงทานแรงอาถรรพณ์ของมันได้ไม่นาน...”

นางพรายเร่งเร้าหมอผีเฒ่าให้ทำตามดั่งที่ใจคิด แต่แววตานั้นแฝงไว้ด้วยแววชนิดหนึ่งสุดที่จะหยั่งรู้

******
สายหมอกเส้นบางๆ ลอยฟุ้งกระจายโอบล้อมเรือนไทยหลังเก่า กอไผ่สะบัดใบกันเกรียวกราว แสงดาวทอแสงเจิดจรัสเต็มท้องฟ้า กลุ่มเมฆดำที่ก่อตัวแต่แรกแตกสลายหายไปเสียสิ้น

ที่ชานเรือนโบราณเงารางๆ ของนางทาสผู้ซื่อสัตย์ยืนอยู่เบื้องหลังของเจ้านางเอื้องแก้วที่เหม่อมองแสงจันทร์ที่ทอแสงสุกสกาวอยู่เงียบๆ

“เจ้านางจักทำเยื่องนั้นแต้ก่าเจ้า...”

นางทาสจันทร์ร้องถามขึ้นอย่างสงสัยในท่าทีที่กระทำของนาย

“มันบาปนะเจ้า...”

“กูฮู้ว่ามันบาป...แต่ถ้าบ่ทำจะอี้ หมู่เฮาจักอยู่ได้ก๊ะ...ไอ้มนุษย์ใจ๋ชั่วอย่างมันที่ชอบนำเหล่าดวงวิญญาณมาทำงานเยื่องทาส ถ้าหมู่เฮาบ่ฆ่ามันเสีย หมู่เฮาทุกตนก็จักถูกมันทรมาน...หรือมึงอยากเป็นจะอั้น อีจันทร์!”

เป็นคำถามที่ผู้ถูกถามไม่ต้องการ เพราะการถูกทรมานถูกกักขังเยื่องสัตว์เยื่องทาสมันเป็นความทุกข์ชนิดหนึ่ง...จริงอยู่ถ้าไม่จัดการกับมนุษย์ผู้นี้ คงมีวิญญาณอีกหลายดวงจะต้องถูกทรมาน...เยื่องสัตว์

นางจันทร์เห็นด้วยจึงไม่อยากออกความเห็นอะไรอีก...ถ้านางถูกทรมานเช่นนั้นนางจะทนได้ฤๅไม่

“บ่ก่อนนางพรายมันก็เป็นดวงวิญญาณเหมือนกับเฮา เคยมีชีวิตที่อิสระแต่พอถูกหมอผีเฒ่าคนนั้นจับมามันก็หมดอิสรภาพ อยากจะที่ไหนก่อบ่ได้ ความอิสระที่มีถูกจำกัด ถูกทรมานอีกหลายอย่างเมื่อทำผิด...ในข้อนี้กูบอกมึงตรงๆ กูเห็นใจ๋มัน”

ลมเริ่มพัดกรรโชกแรงอีกครั้ง เหล่าต้นไม้ใบหญ้าปลิวสะบัด ผมสยายดำขลับของเจ้านางผู้ผูกจิตพยาบาทรอวันแก้แค้นปลิวไสว...

นางเอื้อยปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าในชั่วพริบตาก่อนจะรายงานต่อนาย

“เจ้านาง...หมู่นั้นมันมากั๋นแล้วเจ้า...”

***********
บรรยากาศเงียบสงบ สายหมอกเส้นบางๆ ลอยอยู่ทั่ว หมอผีเฒ่าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งความตาย เลือด และเหล่าวิญญาณที่รอคอยด้วยดวงจิตที่อาฆาตพยาบาท เขาค่อยๆ ย่างก้าวขึ้นเรือนอย่างเงียบๆ คอยระวังทุกกระเบียดนิ้ว ไม่ยอมประมาท...ข้างหลังมีเงาเลือนรางของนางพรายตามมาอย่างเชื่องช้า

ถ้าหากหมอผีเฒ่าจะหันมามองข้างหลังสักนิด ก็จะเห็นว่าแววตาของนางพรายที่ได้เปล่งประกายแสงเรืองรองออกมา...เปลวเพลิงที่ลุกโชนอยู่ในแววตานั้นคล้ายกับไฟจากนรกอเวจีที่จ้องจะเผาผลาญร่างที่อยู่ตรงหน้าทุกวินาทีด้วยความอาฆาต

...และรอวันแก้แค้น เมื่อมีโอกาส...

เฒ่าทองมียืนอยู่บนเรือนเต็มตัว สายตาสอดส่ายหาศัตรูด้วยความระมัดระวัง

“มันอยู่ไหน นังพราย...”

หมอผีเฒ่ากระซิบถามแผ่วเบา โดยไม่หันกลับมา แต่กลับมองไปโดยรอบคล้ายกำลังมองหาเป้าหมายที่ต้องการ

นางโหงพรายนิ่งเงียบอยู่นานคล้ายจะพยายามเก็บและรวบรวมเสียงให้เป็นปกติ ก่อนจะตอบไป

“พวกมัน อยู่ในห้องทางซ้ายมือจ๊ะ พ่อหมอ...”

นางพรายชี้นิ้วไปที่ห้องทางซ้ายมือที่เต็มไปด้วยหยากไย่ใยแมงมุม ข้าวของวางระเกะระกะขวางประตูอยู่

“มันอยู่ในนั่นรึ...”

หมอผีเฒ่าถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

“...เจ้าคะ พ่อหมอ...”

นางพรายตอบสั้นๆ แล้วเลื่อนร่างหายไปในทันที

หมอผีเฒ่าเปิดยิ้มด้วยความกระหยิ่มใจ กำหนดดวงจิตให้ไปปรากฏในสถานที่แห่งนั้น อย่างไม่ยากเย็นนัก...

********
ภายในห้องนั้นเฒ่าทองมีก็ต้องตะลึงเมื่อสายตาได้เห็นดวงวิญญาณพวกนั้นยืนรออยู่...วิญญาณพวกนั้นไม่ได้ถูกมัด ดวงวิญญาณพวกนั้นไม่ได้สิ้นฤทธิ์ดั่งที่นางพรายพูด...แต่วิญญาณเจ้าถิ่นกลับยืนรออย่างกระหยิ่มใจ...

...เขาโดนหลอก ...จากวิญญาณข้าทาสของตนเอง

...นางโหงพราย...

“เหอะๆ ๆๆ ๆ หึๆ ๆๆ ๆ ๆ”

เจ้านางเอื้องแก้วส่งเสียงหัวเราะเป็นการต้อนรับ พร้อมกับเหล่าข้าทาสที่หัวเราะเยาะประสานเสียงกันจนลั่นห้องแคบๆ นั้น หมอผีเฒ่าทำหน้าเหลอหลาทำอะไรไม่ถูก ลืมแม้กระทั่งคาถาต่างๆ ที่ได้ร่ำเรียนมา

นาทีนั้นเจ้านางเอื้องแก้วก็แสยะยิ้มอย่างน่ากลัว ประกายแสงสีแดงปรากฏขึ้นที่ดวงตาทั้งสองคล้ายไฟจากโลกันต์

“มึงต้องการปะกูบ่ไจ้ก๊ะ กูกำลังรอมึงอยู่เหมือนกั๋น...”

เสียงของอิสตรีสูงศักดิ์เปรยขึ้นอย่างเยือกเย็น

หมอผีเฒ่าหลับตาพริ้ม หนาวยะเยือกเข้าไปถึงขั้วหัวใจ ความคิดที่จะนำดวงวิญญาณพวกนี้มาเป็นทาสในขณะนี้มันมลายหายไปเสียสิ้น แต่มันกลับเป็นความกลัวที่ก่อตัวขึ้นมาแทน

...ความกลัวที่ติดตัวมาแต่ครั้งอดีตชาติ

“...ว่าอย่างไรเล่า เมืองคำ มึงอยากจะปะกับกูก๊ะ นี่อย่างไรเล่ากูออกมาพบมึงแล้ว ไยมึงบ่ทำอย่างที่ใจ๋ของมึงปรารถนาเล่า”

เฒ่าทองมีคล้ายได้สติกลับคืนมาอีกครั้งต่อปากต่อคำกับเจ้าของเรือนอย่างโอหังด้วยสัญชาตญาณจากอดีตหวนกลับมา

“น้องข้า ไยเจ้าอู้จะอั้นกับพี่ปี้เล่า...”

“ไผเป็นน้องมึง...คนที่คิดคดกบฏเยื่องมึง กูบ่มีวันนับว่ามึงคือญาติดอก เมืองคำ...”

เจ้านางเอื้องแก้วจ้องเข้าไปที่วงหน้าของดวงจิตหมอผีเฒ่าที่สงบนิ่งคล้ายโดนสะกด...นาทีนั้นลำแสงสีแดงเจิดจรัสก็พุ่งเข้าปะทะดวงตาที่เริ่มพร่าเลือนของเฒ่าทองมี ภาพที่นางถ่ายทอดให้ไหลเข้าสู่สมองเป็นระยะ และชัดเจน

“ไม่....ข้าบ่ไจ้เมืองคำ ไจ้แล้วน้องนาง ข้าจื้อเมืองคำ....โอ๊ะ...ข้าจื้อทองมีบ่ไจ้เมืองคำอะหยั่งทั้งนั้น...อีผีบ้ามึงย๊ะอะหยั่งกู...”

เฒ่าทองมีเกิดอาการร้อนรนและมีอาการคล้ายคนวิกลจริตพร่ำเพ้อแต่ชื่อของตน ส่วนมือก็ยกขึ้นบีบขมับตัวเองที่เกิดอาการคล้ายจะระเบิดออกมา...

“หึๆ ๆๆ ๆๆ”

เสียงของเจ้านางเอื้องแก้วหัวเราะเย้ยหยัน เหล่านางข้าทาสทั้งหลายในเวลานั้นดูจะขบขันต่อกิริยาของหมอผีเฒ่าตรงหน้าเป็นอย่างมาก เฒ่าทองมีหลับตาลง ทรุดนั่งขัดสมาธิพยายามข่มความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นด้วยคาถาที่เข้มขลัง...ไม่นานอาการทั้งหมดก็หายไปคล้ายไฟที่ถูกน้ำดับมอดลง หมอผีเฒ่าลืมตาขึ้นหัวเราะร่า

“...เก่งเหมือนกั๋นนี่ ไอ้หมอผีเฒ่า...”

เจ้านางผู้เลอโฉมยิ้มแสยะ ดวงตาแดงก่ำ

“คราวนี้ถึงคราวของกูผ้องล่ะอีผีบ้า อีผีไร้สถุล...”

เฒ่าทองมีว่าจบก็หลับตาร่ายเวทย์บริกรรมคาถา ก่อนจะขว้างสิ่งหนึ่งไปตรงหน้า...พร้อมๆ กับที่อีเยื้อนที่โกรธแทนนาย นางได้พุ่งตัวมาขวางหน้าเจ้านางเอื้องแก้วอย่างได้จังหวะแล้วใช้อิทธิฤทธิ์ทำลายลูกไฟตรงหน้าให้แตกสลายไปในพริบตา

เปรี๊ยะ ะ ะ ะ ะ !!!!

“ไอ้มนุษย์ใจ๋ชั่ว มึงโอหังนัก มาว่าเจ้านางของกู ต๋ายเต๊อะมึง...”

นางทาสผู้ซื่อสัตย์ชี้หน้าหมอผีเฒ่าอย่างเดือดดาล แล้วเคลื่อนตัวเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว มือที่ชี้อยู่นั้นเปลี่ยนเป็นจะบีบคอแทน

“โอ๊ย ย ย ย”

แต่นางต้องกระเด็นออกมาเมื่อเฒ่าทองมีตั้งรับอยู่ก่อนแล้ว สิ่งที่คล้องอยู่ที่คอนั่นเองที่สำแดงเดชให้อีเยื้อนต้องกระเด็นออกมาก่อนจะร้องขึ้นด้วยความเจ็บปวด และร้อนรน

“โอ๊ย...ย ย ฮ้อน ข้าฮ้อนเหลือเกิ๋น เจ้านางจ้วยข้าเจ้าตวย...”

นางทาสสาวรุ่นปรากฏตัวขึ้นที่แทบเท้าของเจ้านางเอื้องแก้ว ดิ้นทุรนทุรายอย่างเจ็บปวด

“ฮ่ะฮ่ะฮ่า...”

เฒ่าทองมีหัวเราะร่าอย่างผู้เหนือกว่า กระชากสายสร้อยพระแล้วชูไปข้างหน้า

แสงสีเงินเปล่งประกายออกมาจากสร้อยคอเส้นนั้น ทำให้เหล่าวิญญาณอาฆาตต่างปิดหน้าปิดตาด้วยความกลัว...แสงนั้นไม่ใช่แสงจากพระพุทธคุณเพราะพระทุกองค์ที่ห้อยอยู่นั้นล้วนเป็นพระปลอมแต่ลำแสงนั้นกลับเป็นลำแสงของอิทธิฤทธิ์แห่งความชั่วร้ายและมนต์ดำ

เจ้านางผู้รอวันแก้แค้นจ้องมองสิ่งนั้นด้วยตาที่ไม่กระพริบตกตะลึงต่อสิ่งนั้น...คล้ายเคยเจอมาก่อน...นานมาแล้ว

“บ่น่าเจื้อว่าตะกรุดเงินจะมาอยู่ที่มือคนชั่วเยื่องมึงได้ เมืองคำ...”

นางพร่ำออกมาเสียงดังลั่นห้องด้วยความฉงนปนความกลัว

...จริงอยู่ตะกรุดเงินเป็นสิ่งที่ใช้กำจัดความชั่วร้าย ถูกสร้างมาจากภิกษุชรารูปหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว...มันหาใช่เป็นเป็นสิ่งที่สร้างมาด้วยพระพุทธคุณไม่ ตรงกันข้ามมันกลับถูกสร้างมาพร้อมกับสิ่งอาถรรพณ์ไสยศาสตร์จากภิกษุชราผู้ที่หลงงมงาย...สิ่งชั่วร้ายถ้ามันตกอยู่ในเงื้อมมือของคนชั่วมันย่อมจะนำความเดือดร้อนมาสู่คนอีกหลายคน...ตะกรุดอันนี้หมดฤทธิ์และหายสาบสูบไปนับร้อยปี ...นางไม่นึกเลยว่าแท่งโลหะแท่งนี้จะมาอยู่ในมือคนชั่วร้ายอย่างเฒ่าทองมีได้...หรือกาลวิบัติจะมาถึงแล้ว

“ฮ่ะฮ่ะฮ่า...กลัวแม่นก่อ...นี่แน่ะ ฮ่ะฮ่า....”

เฒ่าทองมีชูสายสร้อยไปตรงหน้าด้วยความกระหยิ่มใจ

แววตาของเจ้านางเอื้องแก้ววาวโรจน์เมื่อสิ่งที่นางคิดไว้เป็นจริงไม่มีผิด...เจ้าหมอผีคนนี้มันมีความเจ้าเล่ห์ติดตัวมาตั้งแต่อดีตชาติ...

เมื่อมันมีวิธีตั้งรับนางก็มีเหมือนกัน...

“เจ้าฮู้ก่อเมืองคำ ตะกรุดเงินที่มึงถืออยู่นั้นกูฮู้หนาว่าจะแก้สิ่งอาถรรพณ์มันได้อย่างไร”

“...อะหยั่งเก๊อะอีผีเจ้านาง...”

เฒ่าทองมีหยุดชะงักชักมือกลับโดยพลัน ใบหน้าซีดเซียวไร้เลือดฝาด

“...สิ่งอาถรรพณ์ทุกสิ่งทุกอย่างเมื่อมันโดนสิ่งคาวก็จะหมดอิทธิฤทธิ์...โดยเฉพาะน้ำเลือด...”

เจ้านางผู้ที่ผูกจิตอาฆาตมาแต่ครั้งอดีตหัวเราะร่าก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปที่ขื่อเหนือประตูห้องตรงที่เฒ่าทองมียืนอยู่...แววตาของนางวาวโรจน์อย่างน่ากลัว

นาทีนั้นสิ่งหนึ่งที่อยู่บนนั้นก็หล่นลงมา...

...ซ่า....

น้ำเลือดสีแดงฉานตกลงมาตรงหัวของหมอผีเฒ่าทองมีอย่างตรงเผง...หมอผีเฒ่าร้องลั่นคล้ายถูกไฟโหมไหม้ ตะกรุดทองที่เปล่งรัสมีแต่แรกก็ดับวูบลงเมื่อน้ำเลือดกระเซ็นถูกแท่งโลหะ

...ตะกรุดเงินอันเรืองฤทธิ์ได้หลุดออกจากมือของหมอผีเฒ่าตกลงพื้นกลายเป็นแท่งโลหะไร้อิทธิฤทธิ์ ขณะที่เฒ่าทองมีทรุดฮวบลงกองกับพื้นท่ามกลางเสียงหัวเราะหยามเหยียดจากอิสตรีที่ยืนมองอยู่เบื้องหน้า

“หึๆ ๆๆ ๆ เหอะๆ ๆๆ”

เจ้านางเอื้องแก้วจ้องมองร่างที่ดิ้นทุรนทุรายอยู่ตรงหน้าอย่างสมเพช

“...มันบ่เพียงแต่จะแก้อาถรรพณ์จากตะกรุดเงินเต้านั้นนะ ไอ้หมอผีเฒ่า...หึ...หึ...หึ แต่มันอาจจะทำหื้อดวงจิตของมึงซึ่งครองเพศในไสยเวทย์แหลกสลายไปได้...น้ำเลือดนี้มันเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับมึงบ่ไจ้ก๊ะ”

เจ้านางผู้พกความแค้นมาเต็มหัวอกกางเล็บกางนิ้วออก ก่อนจะเคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็วเป้าหมายอยู่ที่คอของเฒ่าทองมี...

...บีบจนแน่น หมอผีเฒ่าหายใจเริ่มติดขัด...

***********
ไกลออกมาอีกด้านหนึ่งร่างที่นั่งขัดสมาธิเริ่มเกิดอาการเปลี่ยนแปลง ร่างที่นิ่งมานานเริ่มสั่นคลอน ชีพจรเต้นเร็วไม่เป็นจังหวะ การหายใจเริ่มติดขัด ไม่นานมือที่วางทับซ้อนกันอยู่ที่ตักก็ยกขึ้นมากุมอยู่ที่คอคล้ายประหนึ่งเจ้าของร่างถูกบีบคอจากสิ่งที่มองไม่เห็น...การหายใจเริ่มขาดเป็นช่วงๆ

“อ็อก...ก ก ก ก”

เสียงร้องอย่างทุรนทุรายดังมาจากร่างทรงของหมอผีเฒ่า

..เส้นเลือดปูดโปนตามใบหน้าและลำคอเพราะเกิดจากอาการเกร็ง

“อั่ก...ก ก ก ก”

เฒ่าทองมีร้องขึ้นอีกครั้งคราวนี้เลือดสีแดงฉานก็ได้ไหลย้อยออกมาจากตาทั้งสองข้าง จมูกและริมฝีปากที่เม้มสนิท

“อ๊าก ก ก ก ก”

คราวนี้นับว่าเป็นเสียงสุดท้ายที่ออกจากปากก่อนที่ร่างจะล้มตึงลงไปชัดกระตุกอยู่ที่พื้นและแน่นิ่งไป

นับว่าเป็นการดิ้นรนครั้งสุดท้ายก่อนชีวิตจะดับลง...ขณะเดียวกันดวงจิตที่ถูกบีบจากพลังแรงแค้นขนาดมหาศาลจนดวงจิตที่อ่อนด้อยได้แหลกสลายไปตลอดกาล...

…..โปรดอ่านต่อในตอนต่อไป.....




Create Date : 19 กรกฎาคม 2553
Last Update : 19 กรกฎาคม 2553 16:05:34 น. 0 comments
Counter : 492 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ภีมภูริ...
Location :
พะเยา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ข้อตกลง
1. กรณีที่ผลงานชิ้นนี้เป็นผลงานที่แต่งโดยผู้ลงผลงานเอง ลิขสิทธิ์ของผลงานนี้จะเป็นของผู้ลงผลงานโดยตรง ห้ามมิให้คัดลอก ทำซ้ำ เผยแพร่ ก่อนได้รับอนุญาตจากผู้ลงผลงาน

2. กรณีที่ผลงานชิ้นนี้กระทำการคัดลอก ทำซ้ำ มาจากผลงานของบุคคลอื่นๆ ผู้ลงผลงานจะต้องทำการอ้างอิงอย่างเหมาะสม และต้องรับผิดชอบเรื่องการจัดการลิขสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว

3. ผู้ใดพบเห็นการลงผลงานที่ละเมิดลิขสิทธิ์ โปรดแจ้งเจ้าของบล็อกทันที




Friends' blogs
[Add ภีมภูริ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.