ดินแดนแห่งจินตนาการ...
จินตนาการแห่งสายลม...
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2553
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
16 สิงหาคม 2553
 
All Blogs
 

เล่ห์ร้ายหัวใจลวง...ตอนที่ 14

ตอนที่ 14


วิลัยเปิดประตูของเจ้านายหนุ่มเข้ามา ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มริมฝีปากสวยได้รูปเอ่ยขออนุญาตผู้ที่กำลังก้มหน้าก้ม ตาศึกษางานในด้านต่างๆ บนโต๊ะนอกจากเอกสารที่เขาอ่านยังมีแฟ้มเอกสารอีกจำนวนหนึ่งที่จัดวางอยู่ อย่างเป็นระเบียบ

“คุณคิมหันต์คะ...”
เลขาสาวเอ่ยบอกเสียงหวานใส

คิมหันต์ละสายตาจากเอกสารขึ้นมองเลขาสาวที่ยืนยิ้มอยู่ด้านหน้า เขาจึงเปิดยิ้มส่งให้ก่อนจะถาม

“มีอะไรหรือเปล่าวิลัย”

“มีคนมาขอพบคุณคะ ดิฉันคาดว่าน่าจะเป็นลูกค้าของเรา”
เลขาสาวรายงานเสียงอ่อนหวาน

ชายหนุ่มนิ่งคิดด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย ไม่มีใครรู้ว่าภายใต้ดวงตาที่อ่อนโยนและใบหน้าที่คมเข้มหล่อเหลานั้นกำลังคิดอะไรอยู่

“พาเขาไปรอผมที่ห้องประชุม เดี๋ยวผมจะตามไป”

เจ้า นายหนุ่มเอ่ยตัดบทก่อนจะก้มหน้าลงมองเอกสารที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง ขณะที่เลขาสาวได้รีบออกไปจากห้องนั้นเพื่อไปทำตามที่เจ้านายสั่งในทันที

คิมหันต์ นั่งอ่านเอกสารอยู่ตรงนั้นอีกประมาณห้านาที เขาจึงลุกขึ้น นัยน์ตาสีเหล็กฉายแววชนิดหนึ่งออกมาก่อนที่เขาจะรีบก้าวยาวๆ ๆปที่ประตูแล้วเปิดมันออกไป

*****
มือหนาค่อยๆ เอื้อมไปเปิดประตูห้องประชุมอย่างช้าๆ ใบหน้าที่เรียบเฉยมองผ่านประตูเข้าไปเพื่อจะค้นหาว่าผู้ที่อยู่ในนั้นเป็นใคร

“สวัสดีครับ”

ชายหนุ่มเอ่ยทักทายหลังจากที่ก้าวเข้ามาภายในห้องนั้นเรียบร้อย ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะประจำของตน

ชาย วัยห้าสิบเศษผู้ที่มีผมสีดอกเลาแทรกแซมอยู่นิดๆ ค่อยๆ ละสายตาจากหนังสือพิมพ์ในมือก่อนจะหันมาทางชายหนุ่มด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม จนทำให้ดวงตาทั้งสองข้างเล็กยี อันบอกลักษณะได้ว่าชายคนนี้มีเชื้อสายจากเมืองจีน

“สวัสดีครับคุณคิมหันต์”

ชายผมสีดอกเลาเอ่ยทักทายด้วยเสียงในการพูดภาษาไทยไม่ค่อยจะชัดนัก

“มีอะไรให้ผมรับใช้หรือเปล่าครับ...เอ่อ คุณ...”

“วิรัตน์ครับ...เรียกอั๊ว เอ้ย...เรียกผมว่าวิรัตน์ก็ได้ครับ”

เสี่ยวิรัตน์เอ่ยบอกพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี ดังนั้นจึงทำให้นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงอย่างคิมหันต์เปิดยิ้มออกมาอย่างกันเอง

“มีอะไรจะให้ผมช่วยหรือเปล่าครับ คุณอาวิรัตน์”

ชายหนุ่มเอ่ยบอกพร้อมกับรอยยิ้มที่เรียบเฉย หากแต่มันกลับฉาบไว้ด้วยอาการชนิดหนึ่งเอาไว้จนยากที่อีกฝ่ายจะดูออก

ที่ ผ่านมาหลายๆ คนที่มาติดต่อกับเขาก็มักจะมาในลักษณะนี้เกือบทั้งหมด ความหวังก็เพื่อจะข่มขู่เด็กอ่อนอย่างเช่นเขาที่เพิ่งเข้ามาสู่ตำแหน่งนี้ ได้ไม่นาน

ดีที่บริษัทนี้คุณรังสรรค์ได้สร้างฐานมันอย่างดีแล้ว ไม่อย่างนั้นการที่เขาเข้ามาบริหารภายในบริษัทแห่งนี้คงมีการสั่นคลอนกันบ้าง

“เห็นคุณพูดแบบนี้ ผมก็เบาใจและจะได้ไม่อ้อมค้อมเลยนะครับ”

เสียวิรัตน์ฉายรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาที่มุมปาก

“ได้เลยครับ...ถ้าหากว่าข้อเสนอนั้นปมรับมันได้”

ชายหนุ่มดักทางอย่างรู้ทัน เรื่องแบบนี้ใครๆ ก็รู้ว่าชายคนนี้ต้องการถือหุ้นแทนเขาอย่างแน่นอน

คิมหันต์ แสดงสีหน้าที่เต็มไปด้วยอารมณ์ชนิดหนึ่งออกมาเพียงชั่วครู่ ก่อนจะรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ หากแต่แววตาสีเหล็กก็ยังคงลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงแห่งอารมณ์อยู่เช่นเดิม

“คุณ คิมหันต์ คุณเป็นคนหนุ่มที่เพิ่งเข้ามาอยู่ในวงการนี้ได้ไม่นาน การบริหารของคุณก็ยังไม่คงที่นัก ผมขอพูดด้วยความหวังดีเลยนะครับ ผมกลัวว่าบริษัท เอฟเวอร์เน็ตแวร์ ที่คุณพ่อของคุณอุตส่าห์สร้างมันขึ้นมาเกือบจะสามสิบปีมันจะล้มอย่างไม่เป็น ท่า เพราะคุณยังอ่อนหัดนัก ในฐานะที่ผมก็มีชื่อในวงการนี้อยู่บ้างจึงจะขอให้คุณขายหุ้นส่วนมาให้ผม บริหารจะดีกว่านะ ผมจะได้พัฒนามันเพื่อให้มันได้เจริญรุ่งเรืองให้มากกว่านี้ ส่วนคุณก็นั่งนอนกินความสุขสบายไปตลอดชาติกับเงินที่ได้ เผลอๆ มันอาจจะเผื่อไปถึงชาติหน้าของคุณด้วยนะ...คุณได้ประโยชน์ ผมก็ได้ประโยชน์มันก็สมดุลกันดีนะ”

เสี่ยวิรัตน์ร่ายเสียยืดยาว ขณะที่คิมหันต์เอาแต่นั่งนิ่งและยิ้มที่มุมปากเมื่อสิ่งที่เขาคิดมันไม่ผิดจากนั้นเลย

‘ไอ้แก่นี่มันไม่รู้จักพอเลยจริงๆ ของตัวเองก็มีอยู่แล้วยังอุตส่าห์หวังดีเข้ามายุ่งเรื่องของคนอื่นอีก’

ชายหนุ่มเข่นเขี้ยว หากแต่เขาก็เก่งพอที่จะเก็บมันไว้ไม่ให้อีกฝ่ายได้เห็นอาการของเขา

“ผม รู้ครับว่าคุณอาหวังดีกับผมแค่ไหน...แต่ผมก็เพิ่งรู้นะครับว่าบริษัทของผมจะ มีค่าถึงขนาดที่เสี่ยเงินล้านอย่างคุณอาจะยอมลดตัวเข้ามาซื้อเพื่อจะบริหาร มัน”

ชายหนุ่มยิ้มเยาะ จ้องมองชายชราเบื้องหน้าด้วยสายตาถากถาง

“...นั่น นะสิครับอย่างที่คุณอาว่าไว้ว่าคุณพ่อของผมอุตส่าห์สร้างมันมาถึงขนาดนี้จะ ให้ผมทิ้งมันได้ยังไง ผมก็ควรจะกตัญญูต่อบิดาสืบสานมันต่อใช่ไหมครับ”

“ใช่...แต่การกตัญญูมันสามารถที่จะตอบแทนได้หลายอย่างนี่ ไม่ใช่แค่เรื่องนี้เรื่องเดียว”

เสีย วิรัตน์เริ่มแสดงสีหน้าที่ไม่พอใจออกมาในทันทีที่ถูกเด็กหนุ่มตอกกลับอย่าง เจ็บแสบ แต่ถึงแม้จะถูกต่อว่ามาเช่นนั้นเขาก็ยังพยายามหาทางแก้ไขจนได้

“อย่าง ที่คุณอาว่านั่นแหละครับว่าความกตัญญูมันมีหลากหลายประเภท...ผมขอถามคุณอา สักนิดหน่อยนะครับ ถ้าหากลูกหลานของคุณอาขายกิจการของคุณอาให้กับผม คุณแจะโกรธพวกเขาไหมครับ”

“โกรธสิ กิจการพวกนั้นอั๊วอุตส่าห์สร้างมันขึ้นมากับมือ”

เสี่ยเฒ่าเริ่มฉุนเฉียวเมื่อวิธีการของตนดูเค้าว่าจะไม่เป็นผล

ขณะที่คิมหันต์กลับนั่งนิ่งพร้อมกับยิ้มเยือกเย็น ดวงตาสีสนิมเหล็กเปล่งประกายฉายชัดอย่างน่ากลัว

“นั่น นะสินะ ขนาดคุณอาก็ยังโกรธ คุณพ่อของผมก็คงมีอาการที่ไม่ต่างกับคุณอา...เอาเป็นว่าถ้าหากคุณอาอยากจะ บริหารบริษัทนี้จริงผมก็ยินดีจะหายหุ้นให้ยี่สิบเปอร์เซ็นต์นะครับ เผื่อมันจะได้คลายความกระสันในใจของคุณอาลงได้บ้าง”

“อาคิมหันต์ ลื้อจะดูถูกอั๊วไปมากแล้วนะ”

เสี่ยวิรัตน์ถึงกับงิ้วแตกโรงเมื่อเจอคำหยามเหยียดจากเด็กเมื่อวานซืน เขาตบโต๊ะพื้นกระจกเสียงดังลั่น หัวหูเริ่มแดงเถือกด้วยความโกรธ

“ลื้อเห็นอั๊วเป็นใคร ถึงได้มาเล่นหัวอั๊วแบบนี้”

เสี่ยเฒ่าเกรี้ยวกราดสุดๆ ลุกขึ้นชี้หน้าชายหนุ่มด้วยใบหน้าที่เข้มจัด

ขณะ ที่คิมหันต์กลับนั่งนิ่งอย่างเยือกเย็น แล้วเปิดยิ้มออกมาทีละนิดพร้อมกับเอ่ยขึ้นเสียงเรียบโดยที่ไม่มีเค้าว่าจะ เกรงกลัวต่อที่ทีของบุคคลคราวพ่อสักน้อยนิด

“ใจเย็นๆ สิครับคุณอา ใจร้อนแบบนี้ไม่รู้ว่าบริหารงานมาได้ยังไง ผมว่านะไอ้บริษัทที่คุณอาทำอยู่นั้นไปๆ มาๆ กำลังจะรุ่งริ่งละสิไม่ว่าคุณอาถึงอยากจะได้บริษัทของผม”

“อาคิมหันต์!”

เสี่ยวิรัตน์ยังไม่ลดมือที่ชี้หน้าชายหนุ่ม ตรงข้ามคำพูดของชายหนุ่มกลับทำให้อารมณ์โกรธเพิ่มมากยิ่งขึ้น

“...ลื้อกับอั๊วจะได้เห็นดีกัน”

ฝาก คำอาฆาตแล้วชายชราก็กระทืบเท้าปังๆ ออกไปในทันทีด้วยความโกรธที่พุ่งปี๊ดๆ อยู่ในหัว เขากลัวว่าถ้าหากอยู่ที่นี่นานมากกว่านี้คงจะได้มีแตกกันไปข้างหนึ่งอย่าง แน่นอน

ไม่เขาหรือไม่ก็ไอ้เด็กหน้าอ่อนนั้นจะได้แตกกันไปคนละข้าง...

ทางด้านชายหนุ่มก็ยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม เขามองตามร่างป้อมของชายชราที่เดินออกไปด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยอาการเยาะหยัน

‘จะได้เห็นดีกันอย่างนั้นรึ เสี่ยวิรัตน์’

เขา เข่นเขี้ยวด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียวไม่แพ้กัน หากแต่เขาก็ยังใช้ความนิ่งและเงียบอยู่เช่นนั้นได้และเก็บกดอาการทั้งหมดเอา ไว้ภายในใจโดยที่แสดงความรู้สึกออกมาทางสายตาที่นิ่งสนิทเท่านั้น

คิมหันต์นั่งนิ่งอยู่กับความคิดที่แยบยลนานนับชั่วโมงจึงลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องนั้นไป

ชายหนุ่มเดินเข้ามาหยุดอยู่ที่หน้าโต๊ะของเลขาสาวแล้วออกคำสั่งเสียงเรียบ

“วิลัยฉันต้องการข้อมูลทั้งหมดของเสี่ยวิรัตน์เหมือนคราวก่อน เธอหามาให้ด้วยนะ”

“คะ...ว่าแต่เสี่ยวิรัตน์ต้องการรายการของสินค้าประเภทไหนกันคะ”

เลขา สาวเอ่ยตอบรับก่อนจะถามกลับเพราะคิดว่าลูกค้ารายนี้คงจะสั่งเป็นออร์เดอร์ ใหญ่อย่างแน่นอน เจ้านายของเธอถึงได้ต้องการข้อมูลที่ละเอียดเช่นนี้

ผู้ เป็นเจ้านายไม่ตอบคำถามของเลขาสาว เพราะถ้าตอบไปมันจะเป็นการมากความ เมื่อเห็นว่าการสั่งการกับลูกน้องเป็นผลแล้วเขาจึงได้เดินเลี่ยงไปที่ห้อง ชายหนุ่มขลุกอยู่กับความคิดที่หลากหลายที่ต่างทยอยเป็นแผนการที่แยบยลที่สุด

*****
ภาย ในบ้านไพศาลสุรวุธ เจนจิราเดินเข้ามาภายในห้องครัวด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ก่อนจะเข้าไปสวมกอดแม่บ้านเก่าแก่ทางด้านหลังและหอมแก้มหญิงชราเสียฟอดใหญ่

“ชื่นใจเจนนี่จังคะป้าเวียน”
เจนจิราเอ่ยเสียงอ้อนอย่างแจ่มใส

“อ้อนป้าแบบนี้ คุณหนูอยากจะทานอะไรคะ ขอให้บอกป้ามาป้าจะทำให้สุดฝีมือเลย”

แม่บ้านวัยดึกหันกลับมาด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม

หญิงสาวหน้างุ้มทันทีเมื่อถูกป้าเวียนจับได้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่

“ป้า เวียนนะ...รู้ทันเจนนี่ไปเสียหมดนะคะ ใช่ค่ะ เจนนี่อยากจะทานอาหารที่พิเศษ แต่เจนนี่ก็อยากจะลงมือทำเอง ป้าเวียนให้เจนนี่เป็นลูกมือด้วยนะคะ”

หญิงสาวเอ่ยด้วยนำเสียงที่ออดอ้อนพร้อมกลับเคลียใบหน้าที่เรียบสวยลงบนหัวไหล่ของหญิงชราอย่างรักใคร

“มันจะดีหรือคะคุณหนู เดี๋ยวคุณท่านเป็นได้ว่าป้าหรอก”

“นะคะป้าเวียน หนูรับรองว่าจะไม่ให้คุณพ่อกับคุณแม่รู้เด็ดขาด หนูจะเก็บมันเป็นความลับเลย”

“ป้ากลัวว่า...”

แม่ บ้านเก่าแก่ไม่วายระแวงเพราะกลัวว่าประมุขของบ้านหรือบิดาของหญิงสาวจะเอ็ด ด่าเอาที่บังอาจให้คุณหนูของบ้านมาเกลือกกลั้วกับสิ่งที่สกปรกในห้องครัว

“ไม่ต้องกลัวหรอกคะป้า...แค่ป้าไม่บอก พวกนี้ไม่บอกคุณพ่อกับคุณแม่ก็ไม่มีทางรู้หรอกคะ นานะให้เจนนี่ทำเถอะนะคะ”

หญิงสาวยังยืนยันเจตนาเดิมจนแม่บ้านวัยดึกถึงกับหนักอกหนักใจคิดอยู่นาน

‘เอาก็เอา...นังเวียนเอ้ยแกคงจะถูกถอนหงอกในคราวนี้แหละนะ’

นางเวียนไม่วายบ่นอุบอิบอยู่ในใจ ก่อนจะเปิดยิ้มออกมา

“ตกลงคะ ถ้าคุณหนูยืนยันป้าก็จะลองดูสักครั้ง”

แม่บ้านผู้สูงอายุยอมความในที่สุด ขณะที่เจนจิราเปิดยิ้มร่าเริงรีบเข้าไปสวมกอดหญิงชราอีกครั้ง

“แล้วคุณหนูอยากจะทานอะไรล่ะคะ”

“เจนนี่อยากจะทานต้มยำผักกระเฉดคะ อาหารไทยๆ แบบนี้ไม่ได้ทานมานานแล้ว”

เจนจิราเอ่ยเสียงแจ่มใส ก่อนจะรีบเข้าไปช่วยหญิงชราล้างผัก

“มันจะดีหรือคะคุณหนู ต้มยำผักกระเฉดมันทำยากนะคะ...อีกอย่างเราก็ไม่มีผักเสียด้วยสิ”

ป้าเวียนมิวายเอ่ยอย่างหนักใจ เพราะเวลานี้ยังขาดผักกระเฉดหัวใจหลักของแกง

“ไม่มีปัญหาคะ เจนนี่ซื้อมาจนครบแล้วละคะ”

แม่ครัวฝึกหัดเดินออกไปข้างนอกห้องครัวแล้วกลับเข้ามาพร้อมกับถุงใส่ผักและผลไม้อีกหลายอย่าง

“โอ้โฮ...คุณเจนนี่เตรียมพร้อมจริงๆ นะคะ”

ดาว...สาวใช้อีกคนในบ้านร้องขึ้นพร้อมกับทำตาโต ขณะที่เจนจิราได้แต่อมยิ้ม ก่อนจะเดินถือถุงมายื่นให้กับสาวใช้

“ดาวเอาผักไปล้างนะ เดี๋ยวฉันจะล้างกุ้งเอง”

“ไม่เอาคะ กุ้งมันคาวให้ดาวล้างเถอะนะคะ คุณหนูค่อยเป็นคนปรุงจะดีกว่า”

สาวใช้วัยรุ่นไม่ยอมความพร้อมกับรีบถลามาแย่งถุงใส่ของจากนายสาว

“ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจนะ”

พูดจบเธอก็หันมาทางแม่บ้านเก่าแก่ที่กำลังซอยพริกอยู่

“ให้เจนนี่ซอยนะคะป้าเวียน”

ไม่พูดเปล่าหญิงสาวก็รีบมาแย่งมีดจากหญิงชราแล้วลงมือหั่นพริกด้วยความทุลักทุเลเพราะเธอทำไม่เป็น

“ค่อยๆ หั่นนะคะคุณหนู...มะ เดี๋ยวป้าสอนเอง”

หญิงชราเปิดยิ้มอย่างมีเมตตา ก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือของหญิงสาวเป็นเชิงสอน

“ป้าเวียนเก่งจังเลยนะคะ เจนนี่อยากจะเก่งให้ถึงครึ่งของป้าจัง”

หญิงสาวยิ้มแก้มแทบปริเพราะดีใจที่เธอได้เข้าครัวเป็นครั้งแรก

“เก่งสิคะคุณหนู ป้าเวียนซะอย่างใช่ไหมจ๊ะป้า”

เสียงของดาวดังขึ้นจากอ่างล้างผัก จนได้รับเสียงปรามจากหญิงแม่บ้าน

“นังดาว...เพราะๆ หน่อยนะปากเอ็งนั่นนะ เห็นคุณหนูลงมาช่วยไม่ได้เป็นได้เห่าเอาๆ”

“ป้าเวียนนะ บ่นอะไรก็ไม่รุ๊”

สาวใช้วัยรุ่นส่งค้อนวงโตกลับมาที่คู่ปรับตลอดฤดูกาล จนมันได้รับแววตาที่เขียวปัดจากหญิงชรากลับไป

“ทำอย่างนี้นะคะคุณหนู”

หญิง ชรากัดการสนหญิงสาวอย่างใกล้ชิด ขณะที่เจนจิราเปิดยิ้มรับอย่างเก๋ไก๋ เธอยอมรับว่าในวันนี้เธอมีความสุขเหลือเกินกับการที่ได้ลงครัวในครั้งนี้ เธอคิดไม่ผิดเลยที่เลือกป้าเวียนแม่บ้านเป็นครูฝึกสอน เผื่ออนาคตเธอจะได้ทำอาหารโดยที่ไม่อายใครถึงแม้มันจะเป็นอาหารพื้นๆ ก็ตาม

นอก จากต้มยำผักกระเฉดแล้ว เจนจิรายังได้เรียนรู้การทำอาหารอีกหลายอย่างจากป้าเวียน จนทุกสิ่งทุกอย่างแล้วเสร็จ กลิ่นหอมของอาหารลอยโชยไปทั่วยั่วน้ำลายของหญิงสาว

“หอมจังนะคะป้า”

หญิง สาวเอ่ยอย่างภาคภูมิใจในฝีมือของตน ถึงแม้การทำอาหารในวันนี้จะเป็นไปอย่างทุลักทุเลก็ตาม แต่เธอก็ดีใจที่อาหารของวันนี้ถูกทำขึ้นด้วยฝีมือของเธอเอง

“เออป้าเวียนคะ แล้วของหวานในวันนี้ละคะ ป้าจะทำอะไรทานล่ะคะ”

เจนจิราเอ่ยถามของหวานอาหารเบาๆ ที่ใช้ตบท้ายหลังอาหารเย็น

“วันนี้ป้าขอเสนอเมนูกล้วยบวชชีคะคุณหนู”

“น่าจะอร่อยนะคะ เจนนี่เคยได้ยินยัยสิพูดให้ฟังเมื่อหลายวันก่อนอยากจะบอกให้ป้าเวียนช่วยทำอยู่พอดีเลย”

“แล้วคุณหนูจะฝึกกับป้าอีกหรือเปล่าคะ”

หญิงชราเอ่ยถามด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม

“เจนนี่ขอผลัดไปก่อนนะคะ เพราะเจนนี่อยากจะทำเค้กให้กับคุณพ่อทานคะ”

หญิงสาวเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน

“คุณหนูทำเป็นด้วยหรือคะไอ้เค้กอะไรนั่นนะ”

เป็นเสียงของดาวที่ดังแทรกขึ้นอีกครั้งอย่างอารมณ์ดีจนได้รับเสียงปรามจากป้าเวียนอีกจนได้

“นังดาว! เห็นนายไม่ว่าอะไรคิดจะเล่นหัวเลยหรือว่ะ ไป้...เอ็งไปทำงานของเอ็งให้เสร็จเลยไป้”

“ป้าก็ เล่นตรงไหน ฉันแค่เอ่ยถามเท่านั้น ทำเป็นหวงไปได้ ไม่ดูตัวเองบ้างเล้ย ว่าแต่คนอื่น”

ดาวบ่นอุบอิบก่อนจะรีบเลี่ยงออกไปเมื่อแม่บ้านคู่ปรับกำลังจะขว้างตะหลิวตามออกมา

“นังดาว...ฮึ้ย...”

“พอเถอะคะป้าเวียน ไล่ดาวออกไปแล้วใครจะเป็นลูกมือละคะ”

เจนจิราเอ่ยตัดบทในตอนท้ายและอมยิ้มกับท่าทีของป้าเวียนที่ชอบกัดกับเด็กอยู่ร่ำไป

“ไม่ ต้องหรอคะคุณหนู ป้าทำแบบนี้มานานนมแล้ว ให้นังพวกนั้นมาช่วยพานจะพากันเสียเวลาไปเปล่าๆ คุณหนูทำเค้กไปเถอะมีอะไรให้ป้าช่วยก็บอกได้นะคะ”

หญิงชราพูดจบก็ก้มหน้าก้มตาลงมือหั่นกล้วยที่เตรียมเอาไว้ไปด้วย ขณะที่หญิงสาวได้เปิดยิ้มอย่างแจ่มใสและลงมือทำงานของตนไปเช่นกัน

เวลาผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมงงานของป้าเวียนก็แล้วเสร็จ กล่อนของกล้วยบวชชีลอยโชยและหอมกลิ่นกะทิจนหญิงสาวหันกลับมา

“หอมจังนะคะป้าเวียน เจนนี่ชักหิวแล้วละสิ”

หญิงสาวทำจมูกย่นอย่างน่ารัก

“หิวก็ทานสิคะ เดี๋ยวป้าตักให้”

“ไม่ต้องหรอกคะ เดี๋ยวเจนนี่ค่อยรอทานกับคุณพ่อคุณแม่ดีกว่า ตอนนี่เจนนี่ขอทำเค้กให้เสร็จก่อนนะคะ”

พูดจบเธอก็หันกลับไปตั้งหน้าตั้งตาทำงานของตนต่อจนในเวลาต่อมาเสียงของป้าเวียนก็ดังขึ้น

“คุณหนูคะ...ถ้าหากว่าคุณหนูนฤมินทร์กลับมา คุณหนูจะทำยังไงคะ”

หญิงชราลองเชิงถามด้วยใบหน้าที่หนักใจ เพราะทั้งสองฝ่ายก็คือนายของตนถึงแม้อีกฝ่ายหนึ่งจะเป็นมานานแล้วก็ตามและนางก็ไม่เคยลืม

“ก็ดีสิคะ ถ้าพี่เขากลับมา เจนนี่ก็ดีใจพวกเราจะได้คืนทุกสิ่งทุกอย่างให้กับเขายังไงคะ”

เจนจิราเอ่ยเสียงแจ่มใส

“แล้วคุณหนูไม่กลัวหรอคะว่าที่เขาจะมาทวงทุกสิ่งทุกอย่างจากคุณหนูไป”

“ป้าก็รู้นี่คะว่าบริษัทของคุณพ่อเป็นชื่อของพี่เขาครึ่งหนึ่ง บ้านหลังนี้ก็เหมือนกัน ถ้าจำเป็นจะต้องคืนเจนนี่ก็ยอมคะ”

หญิงสาวเอ่ยเสียงเศร้า เมื่อความรู้สึกจากรอบด้านสาดซัดเข้าสู่ใจของเธอให้ได้คิด

“แล้วถ้า...คุณหนูนฤมินทร์คือคุณคิมหันต์ คุณหนูจะรู้สึกอย่างไรคะ”

ป้าเวียนไม่วายพาดพิงไปถึงชายหนุ่ม เพราะนางรู้สึกของความคุ้นเคยที่มันทำให้นางฉุดคิด

“ป้าก็เวอร์ไป พี่นฤมินทร์จะเป็นคุณคิมหันต์ไปได้ยังไงคะ มันเป็นไปไม่ได้หรอก”

หญิงสาวหัวเราะออกมาได้เมื่อคำถามของแม่บ้านที่ถามเอนั้น ดูยังไงมันก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดี

“ถ้าสมมติว่ามันเป็นเช่นนั้นล่ะคะ คุณหนูจะทำยังไง”

นาง เวียนไม่วายถามย้ำประโยคเดิม ส่วนทางด้านของเจนจิราได้แต่นิ่งเงียบ...เธอไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าหาก เหตุการณ์มันเป็นเช่นนั้นเธอจะทำยังไง...




…โปรดติดตามอ่านต่อได้ในเล่มหนังสือ ครับ...

(ขออภัย เนื่องจาก นิยายเรื่อง เล่ห์ร้ายหัวใจลวง ได้ตีพิมพ์เป็นรูปเล่มหนังสือแล้ว จึงใคร่อยากให้คุณผู้อ่านติดตามได้ในรูปเล่มครับ)




 

Create Date : 16 สิงหาคม 2553
0 comments
Last Update : 5 กันยายน 2555 20:17:54 น.
Counter : 1936 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ภีมภูริ...
Location :
พะเยา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ข้อตกลง
1. กรณีที่ผลงานชิ้นนี้เป็นผลงานที่แต่งโดยผู้ลงผลงานเอง ลิขสิทธิ์ของผลงานนี้จะเป็นของผู้ลงผลงานโดยตรง ห้ามมิให้คัดลอก ทำซ้ำ เผยแพร่ ก่อนได้รับอนุญาตจากผู้ลงผลงาน

2. กรณีที่ผลงานชิ้นนี้กระทำการคัดลอก ทำซ้ำ มาจากผลงานของบุคคลอื่นๆ ผู้ลงผลงานจะต้องทำการอ้างอิงอย่างเหมาะสม และต้องรับผิดชอบเรื่องการจัดการลิขสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว

3. ผู้ใดพบเห็นการลงผลงานที่ละเมิดลิขสิทธิ์ โปรดแจ้งเจ้าของบล็อกทันที




Friends' blogs
[Add ภีมภูริ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.