- `๏ - Swine Flu infection around the world - `๏ -
Swine Influenza ไข้หวัดใหญ่หมู คืออะไร
ไข้หวัดใหญ่ในหมู เป็นโรคติดต่อทางระบบหายใจในหมู เกิดจาก influenza virus ชนิด A (type A) ปกติติดต่อรุนแรงแต่อัตราการตายต่ำ ในหมู ส่วนใหญ่จะระบาดในช่วงปลายฤดูหนาวคล้ายๆการระบาดไข้หวัดใหญ่ในคน ส่วนใหญ่ชนิดของมันจะเป็น H1N1 (มี 4 ชนิดคือ H1N1 H1N2 H3N2 และ H3N1)
ไข้หวัดใหญ่หมูในคน
คนสามารถติดไข้หวัดหมูหรือไม่ ปกติ ไม่ อย่างไรก็ตาม มีการติดเชื้อประปรายได้บ้างในคนที่สัมผัสโดยตรงกับหมู มีการระบาดในคนสู่คนเมื่อปี 1988 ในรัฐวิสคอนซิล เป็นการติดต่อในวงจำกัดเท่านั้นคือจากคนเลี้ยงหมู สู่ญาติ
การระบาดในช่วงหลังๆ มีมากขึ้น ตั้งแต่ปี 2005 ถึงเดือน กพ. ปีนี้ มีรายงานการระบาด 12 รายที่เกิดจากคนติดสู่คน
อาการของไข้หวัดหมูในคน
อาการเหมือนไข้หวัดใหญ่ทั่วไป คือ ไข้ เพลีย ปวดตามตัว ไอ ปวดหัวอาจมีท้องเสีย เจ็บคอ น้ำมูก อาเจียนในบางราย
สามารถติดไข้หวัดหมูทางการกินเนื้อหมูหรือไม่
ไม่ได้ ไม่ติดต่อทางอาหาร การปรุงอาหารให้สุก สามารถป้องกันได้
ระบาดวิทยา
ไข้หวัดหมู่ ส่วนใหญ่จะติดต่อจากหมูสู่หมู ส่วนน้อยคือ จากหมู สู่คนที่สัมผัสใกล้ชิด การติอต่อจากคนสู่คน ก็เกิดขึ้นได้เป็นระยะ เป็นฤดูกาลเช่นเดียวกับไข้หวัดใหญ่ในคน จากการหายใจหรือสารคัดหลั่งเช่นน้ำมูก น้ำลาย
การวินิจฉัย
เนื่องจากอาการทั่วไปใช้แยกไม่ได้ จึงต้องส่งตรวจโดยการป้ายจากโพรงจมูกหรือคอ ภายใน 4-5 วันหลังจากเริ่มอาการ ในเด็กบางคนมีไวรัสออกมาจนถึง 10 วันได้
การรักษาในปัจจุบัน
การรักษาไวรัสในปัจจุบัน มี 4 ตัวที่ใช้รักษา คือ rimantadine , amantadine , oseltamivir (tamiflu) และยาใหม่ zanamivir อย่างไรก็ตามล่าสุด เชื้อที่แยกได้จาก CDC ดื้อต่อยา 2 ตัวแรก ดังนั้นสามารถใช้ยาสองตัวหลังเป็นมาตรฐานทั้งการป้องกันและรักษาคือ oseltamivir และ zanamivir
สามารถใช้วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ธรรมดาได้หรือไม่
ไม่ได้ เพราะเป็นไวรัสคนละชนิดกัน อาจจะมีผลป้องกัน H3N2 ได้บ้างแต่ไม่สามารถป้องกัน H1N1
//www.thaihealth.net/h/article718.html
สีแดงเลือดหมูที่ NY New York คือมากกว่า 50 คน มีเพื่อนเลิฟอยู่ที่นี่ด้วยอ้ะ
สีเทานี่ยังไม่มีการติดต่อที่รัฐนั้นรวมทั้งที่แพทอยู่คือ MO คือ Missouri แต่สามีบอกว่ามีแล้วหนึ่งคน ต้องรอดูการอัพเดทต่อไปค่ะ
สีน้ำตาลประมาณ 10-50 คน CA California แอบห่วงพี่กี๊ วิสกี๊โซดา
สีชมพูประมาณต่ำกว่า 10 คน อย่างเช่นที่ MI Michigan บ้านคุณป้าน้องสาวพ่อ และลูกสาวของคุณป้าและครอบครัวอยู่ที่นั่นด้วย
มีเพิ่มอย่างละ 1 ที่ Ireland, Costarica and Switzerland ค่ะ
WHO ยกระดับไข้หวัดเม็กซิโกเป็น 5 แล้ว!
องค์การอนามัยโลก ยกระดับการระบาดของไข้หวัดเม็กซิโก หรือ 2009H1N1 หรือไข้หวัดหมู ให้เป็นระดับเกือบหายนะคือ 5 (จาก 6 ระดับ) แล้ว ระดับ 5 หมายถึง มีการติดต่อมากกว่า 1 ประเทศขึ้นไป หมายถึงใกล้เคียงกับ การติดต่อไปทั่วโลก หรือ pandemic การเคลื่อนไหวขององค์การอนามัยโลกนี้ มาจากข่าวการตายของเด็กสหรัฐวัยสองปี ที่เท็กซัสซึ่งถือว่าเป็นการตายของไข้นี้นอกเม็กซิโกเป็นครั้งแรก นางมาร์กาเร็ท ชาน ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกยังได้ขอร้องให้ทุกประเทศ เตรียมพร้อมรับภัยพิบัติการระบาดทั่วโลกหรือ pandemic อย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ดี เธอกล่าวว่า อย่างน้อย การระบาดในช่วงเวลานี้เราก็มีการเตรียมพร้อมต่อการระบาดดีที่สุดแล้ว (หมายถึงการระบาดครั้งก่อนที่สเปน ไม่มีการเตรียมดีเท่านี้)
WHO ให้ใช้ชื่อไข้หวัดใหญ่เอ (h1n1) แทนไข้หวัดหมู
องค์การอนามัยโลก หรือ WHO โดย โฆษกของWHO แถลงว่า นับจากนี้ จะเลิกใช้คำเรียกว่า "ไข้หวัดหมู" หรือ Swine Flu (สไวน์ ฟลู) และหันไปเรียกชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า" ไข้หวัดใหญ่เอ(เอช 1 เอ็น 1) หรือ Influenza A (H1N1) แทน หลังจากได้รับการร้องเรียนจากอุตสาหกรรมหมู พร้อมยืนยันว่า การรับประทานเนื้อหมูที่ปรุงสุกไม่เป็นอันตราย
ขณะที่นายเคนจิ ฟูคูดะ รักษาการณ์ผู้ช่วยผู้อำนวยการของ WHO ยืนยันว่ายังไม่พบหลักฐานที่จะทำให้ต้องเพิ่มระดับการเตือนภัยจากโรคนี้จากระดับ 5 เป็นระดับสูงสุดคือระดับ 6 ในขณะนี้
เราลองมารู้จักระดับต่างๆของการระบาด หรือ pandemic level ของไข้หวัดหมู ว่าระดับเช่น ระดับ 5 คืออะไร ข้อมูลจาก WHO
ระดับ 1 การระบาดจำกัดเฉพาะในสุกร หมู เป็ด ไก่ เท่านั้น ระดับ 2 มีการระบาดเฉพาะผู้สัมผัสสัตว์อย่างใกล้ชิด แต่ไม่มีการระบาดไปจากคน สู่ คน
ระดับ 3 เริ่มมีการระบาดจากสัตว์สู่คนมากขึ้น แต่ยังไม่มีหลักฐานว่าระบาดจากคนสู่คน ระดับ 4 เริ่มการระบาดจากคนสู่คน แต่ยังจำกัดวงอยู่ในบริเขตประเทศ หรือทวีปหนึ่ง
เริ่มมีการระบาดข้ามทวีปหรือประเทศ แต่ยังไปไม่หมดทั่วโลก ระดับ 6 หรือ full blown pandemic กระจายไปทั่วโลก หลังจากช่วงนี้ การติดเชื้อจะกระจายลดลง เนื่องจากส่วนหนึ่งติดเชื้อไปแล้ว ส่วนหนึ่งตาย หรือประชากรโลกลดลง และส่วนที่ติดเชื้อก็จะมีภูมิแล้ว และในที่สุด ก็จะกลายเป็นไข้หวัดใหญ่ที่มีการระบาดเป็นฤดูกาลเหมือนไข้หวัดใหญ่ที่เราคุ้นเคย
กระทรวงสาธารณสุข เปลี่ยนชื่อไข้หวัดเม็กซิโก เป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ขณะ ประชุม รมว.สธ.อาเซียน+3 จัด 7-8 พ.ค. จะมีขึ้นที่โรงแรมดุสิตธานี ขณะเช็คสต๊อกยาอาเซียนคาดมีไม่ต่ำกว่า 20 ล้านเม็ด
เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (1พ.ค.) ที่อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมศูนย์บัญชาการเตรียมความพร้อมป้องกันและควบคุมแก้ไขสถานการณ์การระบาดใหญ่ของไข้หวัดใหญ่ กระทรวงสาธารณสุข หรือ วอร์รูม ว่า หลังจากองค์การอนามัยโลก หรือ ฮู ประกาศเปลี่ยนชื่อโรคไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดในเม็กซิโก ที่ประชุมจึงมีข้อสรุปร่วมกันว่าจะเปลี่ยนชื่อภาษาไทยด้วย โดยจากเดิมใช้ชื่อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่ระบาดในเม็กซิโกเปลี่ยนเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิด A H1N1 หรือเรียกสั้นๆให้เข้าใจง่ายว่า ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009
ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวอีกว่า ส่วนการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน +3 จะจัดขึ้นในวันที่ 7-8 พ.ค.นี้ ที่โรงแรมดุสิตธานี กทม. โดยจะเป็นการประชุมร่วมระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศและประเทศจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ หลักใหญ่จะเป็นการหารือเกี่ยวกับกรอบแนวนโยบายในการควบคุมป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ชนิดนี้ แนวทางการวินิจฉัยโรค การบำบัดรักษา ยาที่ปัจจุบันอาเซียนมีการสำรองยาไข้หวัดใหญ่ไว้ ที่ประเทศสิงคโปร์
'อาเซียนจะมีการตกลงร่วมกันว่า หากเกิดการระบาดขึ้นในภูมิภาคจะมีการแบ่งปันยากันอย่างไร เนื่องจากตามหลักการแต่ละประเทศจะต้องมีการสำรองยาไว้ภายในประเทศอย่างน้อย 1% ของจำนวนประชากร แต่หากประเทศไหนมีการสำรองยาไว้น้อยก็อาจจะได้รับการจัดสรรช่วยเหลือจากประเทศอื่น รวมถึงการประสานความร่วมมือในการคิดค้นวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เนื่องจากไข้หวัดใหญ่ชนิดนี้เป็นสายพันธุ์ใหม่จึงยังไม่มีวัคซีนในการป้องกัน นอกจากนี้ อาจจะมีการหารือถึงชื่อของเชื้อโรคดังกล่าวว่าอาเซียนเห็นควรเป็นชื่ออื่นหรือไม่' นพ.ปราชญ์กล่าว
ด้าน นพ.ม.ล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ประสานไปยังรัฐมนตรีสาธารณสุขประเทศอาเซียน ซึ่งจะเดินทางมาประชุมเพื่อหารือถึงมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิด A/H1N1 ที่ประเทศไทยในสัปดาห์หน้า ถึงการสต๊อกยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ในแต่ละประเทศ ซึ่งในส่วนของไทยมีสต๊อกอยู่ประมาณ 5 ล้านเม็ด ขณะนี้กำลังให้องค์การเภสัชกรรมผลิตเพิ่มอีก 1 ล้านเม็ด เพื่อให้ได้ประมาณ 10 % ของประชากร
ขณะที่ประเทศสิงคโปร์มีมาตรการเตรียมความพร้อมที่เข้มข้น โดยมีการสต๊อกยาต้านไวรัสไว้ถึง 5 ล้านเม็ด เช่นเดียวกับประเทศไทย แม้จะมีประชากรน้อยกว่าก็ตาม ส่วนประเทศอื่นๆ ก็มีการสต๊อกยาบางส่วนไว้แล้ว คาดว่าในส่วนของประเทศอาเซียนน่าจะมีสต๊อกยาโอเซลทามิเวียร์ประมาณ ไม่ต่ำกว่า 20 ล้านเม็ด และว่าในส่วนของประเทศไทยนอกจากสต๊อกยาไว้ใช้ในประเทศแล้ว บางส่วนอาจต้องสนับสนุนให้กับประเทศในแถบอินโดจีนที่มีชายแดนติดกับประเทศไทย เช่น กัมพูชา และ ลาวด้วย ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
Create Date : 02 พฤษภาคม 2552 |
Last Update : 2 พฤษภาคม 2552 0:41:29 น. |
|
34 comments
|
Counter : 476 Pageviews. |
|
|
อันตรายอยู่รอบตัวเราเลยนะคะ