เดือนนี้โอกาสดีมีดาวสัญจรให้ต้องจรลีไปแดนดินถิ่นอีสาน มามะ..ไปเที่ยวจังหวัดแรกด้วยกันเลยค่ะ
มุกดาหาร จังหวัดที่ ๗๓ ของประเทศไทย ตั้งอยู่ริมฝั่งขวาของแม่น้ำโขง ตรงข้ามกับแขวงสะหวันนะเขต ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) โดยมีแม่น้ำโขงเป็นเส้นกั้นพรมแดนของสองฝั่งประเทศ
จังหวัดมุกดาหารเมืองริมฝั่งโขง มีจุดผ่านแดนถาวรคือ ด่านอำเภอเมืองมุกดาหาร-เมืองคันทะบุรี แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว บ้านพี่เมืองน้อง ของไทย นักท่องเที่ยวสามารถข้ามเขตแดนไปยัง สปป.ลาวได้ทั้งทางเรือ และทางรถยนต์
ระเบียบการเดินทางข้ามเขตแดน
- คนต่างชาติ ใช้หนังสือเดินทาง(PASSPORT) ประทับตราวีซ่าที่ทางสถานทูตลาวออกให้ (ที่กรุงเทพฯ หรือขอนแก่น) หรือขอวีซ่า ON ARRIVAL ที่ด่าน ต.ม.แขวงสะหวันนะเขต ค่าธรรมเนียมคนละ ๓๐ ดอลล่าร์สหรัฐ
- คนไทย ใช้หนังสือเดินทาง(PASSPORT) ประทับตราที่ด่านโดยไม่ต้องขอวีซ่า ถ้าไม่มีหนังสือเดินทาง(PASSPORT) ต้องยื่นขอทำใบอนุญาตผ่านแดนที่ด่าน ต.ม.มุกดาหาร (ใช้บัตรประจำตัวประชาชน ถ่ายสำเนา ๑ แผ่น ถ้าเป็นเด็กให้ใช้สำเนาทะเบียนบ้านหรือสูติบัตร) ค่าธรรมเนียมทำบัตรผ่านแดนคนละ ๓๐ บาท ค่าเรือเที่ยวละ ๕๐ บาท ค่าเหยียบแผ่นดินฝั่งลาวคนละ ๕๐ บาท
สะพานมิตรภาพไทย-ลาว ๒ (จังหวัดมุกดาหาร-แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว)
เมื่อมาถึงมุกดาหาร มีแหล่งซื้อสินค้าของฝากของที่ระลึกสำหรับนักช็อป อยู่ริมโขงที่เรียกว่าตลาดอินโดจีน มีสินค้าจากลาว จีน เวียดนาม รัสเซีย กัมพูชา ให้เลือกซื้อ และถ้าหากมีเวลาในช่วงเช้าๆออกมาเดินแถวถนนสำราญชายโขงจะมีกล้วยไม้มาวางขาย
ช่วงค่ำบรรยากาศริมโขงจะมองเห็นแสงไฟบ้านเรือนของฝั่ง สปป.ลาว ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามลำน้ำโขง
:: ประวัติความเป็นมาของจังหวัดมุกดาหาร ::
ในปลายสมัยกรุงศรีอยุธยาทางฝั่งซ้ายของลำน้ำโขง แขวงสะหวันนะเขต มีหมู่บ้านชุมชนใหญ่ชื่อบ้านหลวงโพนสิน มีเจ้าจันทรสุริยวงศ์ปกครอง มีบุตรชายชื่อเจ้ากินรี ซึ่งต่อมาได้ข้ามลำน้ำโขงมาฝั่งขวาที่บริเวณปากห้วยมุก สร้างบ้านแปลงเมืองขึ้น ณ ที่นั้นในปีพ.ศ.๒๓๑๐ แล้วเสร็จในปีพ.ศ.๒๓๑๓ ตั้งชื่อเมืองว่า มุกดาหาร อันเกิดจากศุภนิมิตรที่พบเห็นในขณะที่กำลังสร้างเมือง
ในสมัยพระเจ้าตากสินมหาราช ได้พระราชทานบรรดาศักดิ์ให้เจ้ากินรีเป็นพระยาจันทรศรีสุราช อุปราชามัณฑาตุราช ดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองคนแรกของเมืองมุกดาหาร เมื่อปีพ.ศ.๒๓๒๑
เดิมเมืองมุกดาหารขึ้นการปกครองกับมณฑลอุดร ต่อมาปีพ.ศ.๒๔๕๐ มีการปรับปรุง
การปกครองมณฑลอุดรเป็นจังหวัด และเมืองมุกดาหารถูกยุบเป็นอำเภอเมืองมุกดาหาร ขึ้นการปกครองกับจังหวัดนครพนม จนกระทั่งปีพ.ศ.๒๕๒๕ ได้จัดตั้งขึ้นเป็นจังหวัดมุกดาหาร (เป็นจังหวัดที่ ๗๓ ของประเทศไทย และเป็นจังหวัดที่ ๑๗ ของภาคอีสาน)
จังหวัดมุกดาหารมีพื้นที่ประมาณ ๔,๓๓๙.๘๓๐ ตารางกิโลเมตร แบ่งการปกครองเป็น ๗ อำเภอ คือ อำเภอเมืองมุกดาหาร อำเภอคำชะอี อำเภอดอนตาล อำเภอนิคมคำสร้อย อำเภอดงหลวง อำเภอหว้านใหญ่ และอำเภอหนองสูง
จังหวัดมุกดาหารมีความโดดเด่นในด้านชนเผ่าพื้นเมืองต่างๆที่มีถึง ๘ เผ่า ได้แก่ เผ่าไทยอีสาน ภูไท ไทยข่า ไทยกระโซ่ ไทยย้อ ไทยแสก ไทยกุลา และไทยกะเจิง
:: การเดินทาง ::
ทางรถยนต์ >> จังหวัดมุกดาหารอยู่ห่างจากกรุงเทพฯประมาณ ๖๔๒ กิโลเมตร
รถไฟ >> ยังไม่มีรถไฟไปถึงจังหวัดมุกดาหาร (มีรถไฟจากกรุงเทพฯ-อุบลราชธานี แล้วเดินทางต่อทางรถยนต์ไปจังหวัดมุกดาหารอีกประมาณ ๑๖๗ กิโลเมตร)
เครื่องบิน >> ยังไม่มีบริการเที่ยวบินไปจังหวัดมุกดาหารโดยตรง (มีเที่ยวบินกรุงเทพฯ-อุบลราชธานี, กรุงเทพฯ-ขอนแก่น แล้วเดินทางต่อทางรถยนต์ไปจังหวัดมุกดาหาร)
หอแก้วมุกดาหารเฉลิมพระเกียรติกาญจนาภิเษก
เป็นหอสูง ๗ ชั้น มีความสูง ๖๕.๕๐ เมตร
สามารถมองเห็นทัศนียภาพโดยรอบและริมฝั่งโขงของจังหวัดมุกดาหารและชายฝั่งสะหวันนะเขต
หอแก้วฯเปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา ๘.๐๐-๑๘.๐๐ น. ค่าเข้าชม ๒๐ บาท
เมื่อขึ้นไปบนหอแก้วเป็นตำแหน่งที่จะมองเห็นธรรมชาติและความงดงามของเมืองริมโขงได้กว้างไกลสุดสายตาโดยรอบ ๓๖๐ องศา มองไปเบื้องล่างจะเห็นอาคารบ้านเรือน สิ่งปลูกสร้างที่กำลังขยายตัว เขตชุมชนที่โอบล้อมด้วยผืนนา ส่วนฝั่งตรงข้ามจะมองเห็นบ้านเรือนริมฝั่งโขงของลาว แขวงสะหวันนะเขต
สถานที่สำคัญในเมืองมุกดาหาร ที่เป็นที่เคารพนับถือของชาวมุกดาหาร ที่ผู้มาเยือนควรแวะไปเคารพสักการะบูชามีหลายแห่ง
นมัสการ พระเจ้าองค์หลวง วัดศรีมงคลใต้
วัดศรีมงคลใต้เป็นวัดที่เจ้ากินรีสร้างขึ้นตั้งแต่เมื่อครั้งเริ่มสร้างเมืองมุกดาหาร ปัจจุบันตั้งอยู่บนถนนสำราญชายโขง
ตามตำนานเล่าว่า เมื่อครั้งที่เจ้ากินรีคุมบ่าวไพร่ถากถางสร้างบ้านแปลงเมือง ที่บริเวณใกล้ต้นตาลเจ็ดยอดได้พบพระพุทธรูปสององค์ องค์ใหญ่เป็นพระพุทธรูปก่ออิฐถือปูน องค์เล็กเป็นพระพุทธรูปเหล็กอยู่ใต้ต้นโพธิ์ เจ้ากินรีจึงสร้างวัดขึ้นบริเวณนั้น เพื่อประดิษฐานพระพุทธรูปทั้งสององค์ วันหนึ่งเมื่อพระภิกษุประจำวัดเข้าไปสักการะ ปรากฏว่าไม่พบพระพุทธรูปเหล็ก เมื่อค้นดูรอบๆบริเวณวัดพบว่า พระพุทธรูปเหล็กกลับไปประดิษฐานอยู่ใต้ต้นโพธิ์ตามเดิมและจมลงในดินเหลือแต่ยอดพระเมาลีเป็นที่น่าอัศจรรย์ เจ้ากินรีจึงสร้างแท่นสักการะบูชาไว้ ณ ที่นั้น และถวายนามว่า พระหลุบเหล็ก ส่วนพระพุทธรูปองค์ใหญ่ประดิษฐานอยู่ในโบสถ์วัดศรีมงคลใต้ เรียกนามว่า พระเจ้าองค์หลวง เป็นพระพุทธรูปก่ออิฐถือปูน มีขนาดหน้าตักกว้าง ๒.๒๐ เมตร ส่วนสูงเฉพาะพระองค์ถึงยอดพระเมาลี ๒ เมตร เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองมุกดาหารนับแต่นั้นมา
หอเจ้าแม่สองนางพี่น้อง หรือหอเจ้าแม่สองนางสถิตย์
ตั้งอยู่บนถนนสำราญชายโขง ริมแม่น้ำโขง ติดกับท่าด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดมุกดาหาร ศาลนี้แต่เดิมเป็นศาลไม้ต่อมาได้มีการบูรณะเป็นศาลาคอนกรีต
มีเรื่องเล่าขานกันมาว่า ราวปี พ.ศ.๑๘๙๖ เจ้าฟ้างุ้ม แห่งเมืองลานช้าง เป็นบุตรเขยกษัตริย์เมืองอินทะปัด ได้พาลูกหลานอพยพตามลำน้ำโขง ผ่านเมืองหนองคายเมืองนครพนมจนถึงเขตเมืองมุกดาหาร แล้วเกิดเรือล่มที่บริเวณปากห้วยมุก ธิดาสาวทั้งสอง มีพระนามว่าพระนางพิมพา กับพระนางลมพามา สิ้นชีพตักษัย จึงมีการสร้างศาลไว้ที่ต้นตาลเจ็ดยอด เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพนับถือของชาวจังหวัดมุกดาหาร โดยจะจัดให้มีพิธีบวงสรวงในวันขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๖ ของทุกปี
พระหลุบเหล็ก
บริเวณข้างศาลเจ้าแม่สองนางพี่น้อง เป็นที่ประดิษฐานของ พระหลุบเหล็ก
บนถนนสำราญชายโขง มีวัดหลายแห่ง ตั้งอยู่เลียบริมน้ำโขง โดยหันหน้าวัดออกทางแม่น้ำโขงซึ่งเป็นทิศตะวันออก
คราวนี้ออกนอกเมืองไปชมธรรมชาติของแก่งหินในลำน้ำโขง ที่แก่งกะเบา อำเภอหว้านใหญ่ห่างจากตัวเมืองมุกดาหารประมาณ ๓๗ กิโลเมตร
แก่งกะเบาเป็นแก่งหินยาวเหยียดไปตามลำน้ำโขง เป็นสถานที่พักผ่อนริมโขงที่สวยงามโดยเฉพาะในฤดูแล้งน้ำจะลดจนเห็นเกาะแก่งกลางน้ำและหาดทราย แต่ในช่วงนี้จะไม่เห็นโขดหินเนื่องจากยังมีฝนตกน้ำในแม่น้ำโขงขึ้นสูงท่วมแก่งหิน
แม่น้ำโขง มหานทีแห่งเอเชีย
ตลอดความยาวของลำน้ำโขงประมาณ ๔,๖๙๐ กิโลเมตร ไหลผ่านประเทศจีน พม่า ลาว ไทย กัมพูชา และเวียดนาม สายน้ำความน่าอัศจรรย์แห่งธรรมชาติและวัฒนธรรมที่หลากหลาย
แม่น้ำนานาชาติ สายนี้กำเนิดจากหนึ่งในยอดเขาสูงแห่งเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งเป็นแนวแบ่งเขตระหว่างทิเบตและสาธารณรัฐประชาชนจีน ชื่อของแม่น้ำโขงแปรเปลี่ยนไปตามถิ่นที่ไหลผ่าน ชาวทิเบตเรียกแม่น้ำโขงว่า ลกฉอง หรือ ดเซชู (Dze Chu) หมายถึง สายน้ำแห่งศิลา ช่วงที่ไหลผ่านมณฑลยูนนาน ประเทศจีน ได้นามว่า ลานซาง (Lantsang) ครั้นเมื่อไหลผ่านเมืองเชียงรุ้ง ได้รับนาม เก๋าลุ่งเกียง หมายถึง แม่น้ำมังกรทั้งเก้า ช่วงจากเมืองเชียงรุ่งหรือเชียงรุ้งสู่ทะเลจีนใต้ในเวียดนามเรียก แม่น้ำโขง อีกทั้งยังมีชื่อปรากฎในตำนานท้องถิ่นหลายชื่อ เช่น มหานที ยมนานที และขุรงคมาลีนที
แม่น้ำโขงเป็นแม่น้ำที่มีความยาวอยู่ในอันดับ ๑๒ ของโลก (แม่น้ำที่ยาวที่สุดในโลกคือแม่น้ำไนล์) ตอนบนของแม่น้ำโขงมีความยาว ๑,๙๑๐ กิโลเมตร ไหลผ่านประเทศทิเบต จีน และพม่า แม่น้ำโขงตอนล่างไหลผ่านประเทศลาว ไทย เขมร เวียดนาม มีความยาว ๒,๖๘๐ กิโลเมตร
แม่น้ำโขงไหลผ่านประเทศไทยเป็นระยะทางทั้งสิ้น ๘๕๐ กิโลเมตร จังหวัดที่ตั้งอยู่ริมฝั่งโขงได้แก่ จังหวัดเชียงราย หนองคาย นครพนม มุกดาหาร และอุบลราชธานี ช่วงที่กว้างที่สุดของแม่น้ำโขงที่ไหลผ่านประเทศไทยอยู่บริเวณตัวเมืองมุกดาหาร มีความกว้างถึง ๑,๖๐๐ เมตร
... จากที่เคยฟังกันมาว่าลำน้ำโขง คือสายน้ำแห่งชีวิต หาใช่คำกล่าวที่เกินเลยความจริง ตลอดเส้นทางที่ลำน้ำไหลผ่านได้หล่อเลี้ยงสรรพชีวิตที่อาศัยอยู่ในลุ่มน้ำโขง ด้วยเป็นแหล่งที่มีความอุดมสมบูรณ์ของพืชและสัตว์น้ำนานาชนิดที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ
และสำหรับผู้ที่มาเยือนเมืองมุกดาหาร ที่นี่ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง
แล้วตามไปเที่ยวด้วยกันในตอนต่อไปนะคะ
ขอจบด้วยภาพอรุณรุ่งที่มุกดาหาร ยามเช้าอันเงียบสงบ ณ ริมฝั่งโขงค่ะ