1 2 3 4 5 6
7 8 9 10 11 12 13
14 15 16 17 18 19 20
21 22 23 24 25 26 27
28 29 30 31
ละครน้ำเน่า ก็ยังคง อยู่ ตามเคย
เขียนโดย : kamit ละครน้ำเน่า ยังอยู่ ก็เพราะมีคนดู นักการเมือง น้ำเน่า ก็ยังอยู่ เพราะยังมีคนเลือก กระนั้น หรือ ? เวทีการเมืองไทย ก็ยังคงเหมือนเดิม ความผันผวน ทางการเมือง การปกครองในระบอบประชาธิปไตยของเมืองไทยที่ผ่านมา เกิดเพราะอะไร ? ประชาชน ขาดจิตสำนึกทางการเมือง เห็นแก่ เงินที่นักการเมือง หยิบยื่น เศษเงิน เอามาให้ หรือ ? นักการเมือง มีอุดมการณ์ แต่ไม่มีคุณภาพ หรือ ? นักการเมืองไม่มีอุดมการณ์ หรือ ? นักการเมือง มีความรู้ มีความสามารถ แต่ขาดจริยธรรม หรือ ? ไม่ต้อง พูดเรื่องอุดมการณ์เลย ใครๆก็พูดกันได้ อุดมการณ์ของนักการเมืองสร้างขึ้นมาได้เป็นรายวัน และมันก็สามารถ เปลี่ยนได้ทุกนาที วันๆก็คิดแต่เรื่อง ว่าจะผสมพันธุ์กับพรรคไหน ใครอยากเป็นนายกรัฐมนตรี ก็นั่งดีดลูกคิดรางแก้ว ว่าจะสามารถรวบรวม สรรหาอดีตสส.ให้อยู่ในมือได้สักกี่คน แล้วก็พยายามประมูลซื้อตัว ส่วนอดีต สส.ที่ต้องการเงินปลดหนี้ก็วิ่งหาพรรคที่ให้เงินสนับสนุนมากกว่า ขายตัวกันวุ่นวาย ส่วนผู้ที่จะเริ่มแจ้งเกิดทางการเมืองก็วิ่งเข้าพรรคเกิดใหม่ไปก่อน ส่วนนโยบายพรรค ก็ไม่ยาก อะไรที่เป็นเรื่องฮิตติดตลาด ก็ใส่เป็นนโยบายไว้ก่อน เช่น เศรษฐกิจพอเพียง เป็นต้น ทั้งๆที่ ตนเองไม่ได้พอเพียงสักนิด และก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า คืออะไร ส่วนบางคนด้วยคุณสมบัติพิเศษเฉพาะตน ที่กล้าท้าชนกับหนังสือพิมพ์ถูกอัญเชิญตัวมาเป็นหัวหน้าพรรค แม้จะขาดมารยาททางสังคมแต่ก็ยังมีลูกค้าชอบดูหนังน้ำเน่าอยู่ ทั้งๆที่ ไม่รู้นโยบายพรรค เคยขัดแย้ง ชิงชัยทางการเมืองกับกรรมการบริหารพรรค ความคิดทางการเมืองสวนทางกับคนในพรรคโดยสิ้นเชิง ก็ยังเอามาเป็นหัวหน้าพรรค ขัดตาทัพไว้ก่อน บทบาทเด่นคือเจ้าอารมย์ หงุดหงิดชอบทะเลาะชวนตี นักข่าว แสดงออกซึ่งความไม่เคารพ กฏ กติกา และมารยาททางสังคม เพียงเพราะตนเองไม่ถูกใจ ก็ลุกขึ้นมากล่าววาจา หยาบคาย นี่หรือนักการเมืองไทย? ลองนึกภาพดูว่า อนาคตเมืองไทยจะเป็นเช่นไร หากเราได้บุคลากรในการบริหารประเทศเยี่ยงนี้ บ้านเมืองก็คงจะเข้าสู่กลียุค และหากจะมีการอ้างเหตุน้ำเน่าทางการเมือง เพื่อปฎิวัติยึดอำนาจรัฐล้มรัฐธรรมนูญกันอีกก็คงมีคนเห็นด้วยกับการล้มกระดานอีก คงไม่น่าแปลกใจ หากการเมืองของเราก็จะเปรียบดัง นักมวยหากชกมวยบนเวทีชกกันไป ถ่มน้ำลายรดกัน ชกกันไปด่ากันไป ไม่เคารพ กฏกติกา หากใครจะเขวี้ยงขวดใส่หัวนักมวย คนดูอื่นๆ ก็คงต้องเขวี้ยงขวดตามกันทั้งสนาม พร้อมกับโห่ไล่ แน่นอน แล้วอย่ามาว่า ทำไมต้องโห่ไล่ ทำไมไม่ปล่อยให้ชกกันจนหมดยก ผมเสียดายระยะเวลาแห่งการต่อสู้เพื่อเรียกร้อง โหยหา เสรีภาพทางการเมือง การปกครอง เพื่อให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย ปลดแอกจากเผด็จการทหารที่ยึดกุมอำนาจรัฐ กดขี่ข่มเหง ปิดหู ปิดตาประชาชน เพื่อให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย มีการเลือกตั้ง ตัวแทนของประชาชนเข้าไปทำหน้าที่ แทนประชาชน เพื่อประชาชน โดยประชาชน แต่จนแล้วจนรอด เมืองไทยเราก็ยังไม่พ้นวงจรอุบาทว์จนได้ ในคราว ดร.ทักษิณฯ เป็นนายกรัฐมนตรี หะแรกก็ทำท่าว่าจะดี ที่เราได้คนเก่ง คนฉลาด คนที่มีความรู้ความสามารถ เข้ามาเป็นผู้นำประเทศ นำพาเศรษฐกิจของชาติให้ก้าวล้ำหน้า แต่ในที่สุด ด้วยรัฐธรรมนูญ เอื้ออำนวยให้ผู้ที่เข้ามาจัดตั้งรัฐบาล มีเสถียรภาพทางการเมือง เนื่องจากบทเรียนของรัฐบาลยุคที่ผ่านมา สองสามสมัย พรรคที่เข้ามาจัดตั้งเป็นรัฐบาล กลายเป็นรัฐบาลที่ขาดเสถียรภาพทางการเมือง เพราะเป็นรัฐบาลผสม ต้องผสมผสานกับพรรคการเมืองอื่น และรัฐธรรมนูญ ปี 40 จึงได้สร้างภูมิคุ้มกันนายกรัฐมนตรี มิให้ถูกอภิปายได้ง่ายเกินไป ไม่ต้องมาอยู่ในวังวนของการถูกพรรคฝ่ายค้าน ปักหลักอภิปราย ลูกเดียว เพื่อให้รัฐจักมีเสถียรภาพ ในทางการเมืองการปกครอง การบริหารประเทศชาติ จักได้เข้มแข็งเด็ดขาด สามารถนำพาประเทศชาติเจริญรุดหน้ากับเขาสักที ไม่ต้องบริหารประเทศชาติทำอะไรกันสักที เพียงแค่ต้องถูกพรรคฝ่ายค้าน เสนอญัตติขอเปิด อภิปรายไม่ไว้วางใจอย่างเดียว ก็ไม่ต้องทำอะไร พอดีก็หมดสมัยแล้ว ( แต่ที่แน่ๆ ถ้าเราไม่ขึ้ลืมจนเกินไป นักการเมืองพวกที่เป็นดาวสภาจุดประเด็น อภิปรายสั่นคลอนฝ่ายรัฐบาลในสมัยนั้นๆ จนรัฐบาลไม่สามารถบริหารประเทศชาติได้อย่างมีเสถียรภาพ ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็เป็นดาวสภาเจ้าเก่า ที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีอยู่ เรียกว่าแทรกเป็นยาดำ สร้างความน้ำเน่า น้ำครำในวงการเมืองมาตลอดทุกยุคทุกสมัย ) ทีนี้ พอ รัฐธรรมนูญ พยายามแก้จุดอ่อนของผู้ที่จะเข้ามาเป็นรัฐบาล ไม่ให้ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจง่ายๆ ก็กลายเป็นจุดอ่อนให้เกิดการดูด ซื้อ สส.ให้เข้ามาสังกัดมากขึ้น จึงทำให้เกิดเผด็จการในสภา พรรคฝ่ายค้านไม่สามารถเปิดอภิปรายนายกรัฐมนตรี และการอภิปรายรัฐมนตรีร่วมรัฐบาลก็ทำไม่ได้ง่ายนัก พรรคพวกก็ใช้วิธีการปรับเปลี่ยนรัฐมนตรี ทำให้ไม่สามารถอภิปรายได้เลย แบบนี้จะให้เรียกว่าอะไร? การบริหารประเทศชาติ เป็นเรื่อง ของการใช้อำนาจรัฐ เป็นเรื่องของการกระทำแทนประชาชนทั้งประเทศ เป็นเรื่องของ ผลประโยชน์มหาศาลหากว่าพรรคฝ่ายค้าน หรือประชาชน ไม่มีสิทธิ์สอบถาม ไม่สามารถตั้งประเด็น ซักไซร้ ไล่เรียงแบบนี้ ถามว่า บ้านเมืองจะเป็นอย่างไร เรายังไม่ต้องพูด ว่า อะไรผิด อะไรถูก บริหารงานแบบไม่ฟังเสียงใคร สร้างศัตรูทางการเมือง สร้างความกดดันในภาคใต้ สร้างความกังขาในเรื่องของ ผลประโยชน์ และการใช้อำนาจ ชนิดที่ไม่สามารถซักฟอกกันได้เลย มิหนำซ้ำยังสร้างความกังขาในกระบวนการ ฯ.............ที่ แม้ไม่สามารถ ฟันธงชี้ชัดได้ว่า ผิด หรือ ทุจริต หรือ ไม่โปร่งใส .. ซะแล้ว ยิ่งจะทำให้กระแสสังคม เกิด แรงสะท้อนกลับ อย่างรุนแรง จนการยึดอำนาจกลายเป็นทางออกสุดท้ายที่สังคมส่วนใหญ่ให้การยอมรับจนได้ ซึ่งก็ไม่ได้แปลว่า ดร.ทักษิณฯ จะทำความผิดจริง หรือไม่อย่างใด? นี่แหละ คือ อุทธาหรณ์ แห่ง กระแสความไม่พอใจ ที่ทั้งประชาชน นักธุรกิจ นักการเมืองฝ่ายค้าน และทหาร ที่ได้เกิดขึ้นมากขึ้นทุกที จึงทำให้เกิดการล้มล้างอำนาจการปกครองแบบประชาธิปไตยเดิม แล้วแก้ไข กติกากันใหม่ เพื่อให้เกิดจากกระบวนการทางการเมืองที่เปิดโอกาส ให้มีการ Check and Balance ได้ ตรงนี้ คืออุทธาหรณ์ เป็นพื้นฐานที่พวกเราประชาชน ซึ่งเป็นอำนาจที่สี่ทางการเมือง จำเป็นที่จะต้องช่วยกัน อย่าเห็นแก่พวกพ้อง อย่าเห็นแก่ อามิสสินจ้างเฉพาะตน เก่งอย่างเดียวไม่พอเสียแล้ว ควรคำนึงว่าจะเอา นักการเมืองคนไหน ที่มีอุดมการณ์ มีจริยธรรมทางการเมือง อยู่ในร่องในรอย ไม่กอบโกยโกงกิน ไม่สร้างความร่ำรวยให้แก่ตนเอง ญาติโยม และ พวกพ้อง ไม่เป็นนักการเมืองโสเภณี ที่เปลี่ยนพรรคเพราะเงิน เพราะอยากเป็นพรรครัฐบาลอย่างเดียว ไม่เป็นพรรคการเมืองสำส่อนผสมพันธุ์กันไม่เลือกหน้า จะเอาพรรคไหนที่จะมาช่วยทำให้เป็นผู้กำหนดชะตาทางการเมืองของประเทศชาติอย่างจริงจัง คำถาม ? ละครการเมืองที่กำลัง เริ่มขึ้น ณ ขณะนี้..มันกำลังจะเกิดอะไรขึ้น และเมื่อมันเป็นเช่นนี้แล้ว ต่อไปในอนาคต การเมือง บ้านเมืองเรา จะเป็นเช่นไรต่อไป ? และเรามีหนทางใดที่จะป้องกัน หรือแก้ไข มิให้วงจรอุบาทว์แห่งการยึดอำนาจมันเกิดขึ้นมาซ้ำซากขึ้นอีกได้อย่างไร? ขอประชาชนทุกสาขาอาชีพ สื่อสารมวลชนทุกแขนง นักวิชาการทุกคน ตั้งอยู่บนพื้นฐานของสติ และปัญญา จงมองย้อนวิถีทางการเมืองของเราในอดีต อย่าเพียงมองปัญหาจากด้านเดียว มุมเดียว สักแต่ว่า จะวิจารณ์การยึดอำนาจของทหารด้วยกำลังอาวุธ แต่มิได้ต่อการการยึดอำนาจในสภาด้วยเงิน ( อย่างเช่น กระแสการหักด้ามไม้เรียว โดยกล่าวหาว่า ครูโหดร้าย แต่ไม่ได้ดูว่าเด็กเกเร หรือไม่ จนเดี๋ยวนี้เด็กไม่กลัวครู )อย่าสักแต่ด่าการปฏิวัติรัฐประหารยึดอำนาจ เพียงอย่างเดียว จงมาช่วยกัน ต่อต้านการยึดอำนาจรัฐด้วยกำลังอาวุธ และ การยึดอำนาจด้วยเงิน อย่าสักแต่ว่าจะเขียนอะไรตามกระแส ซึ่งเป็นคนละเรื่องเดียวกันมาเปรียบเทียบ ทำให้เกิดความขัดแย้งทางความคิดกันมากยิ่งขึ้นไปอีกเลย อย่าสักแต่บอกว่า จงปล่อยให้ วิถีทางการเมือง ทางสภา ในวิถีทางทางการเมือง เป็นการแก้ปัญหาและเป็นตัวตัดสิน ในขณะที่เกิดเผด็จการในสภา ในขณะที่มีข่าว ทุจริต คอรัปชั่นเชิงนโยบาย ในขณะที่ กลไกของรัฐทุกอย่าง สื่อฯ เริ่มถูกซื้อด้วยเงินและอำนาจ จนประชาชน ไม่มีเครื่องมือในการช่วยตรวจสอบได้เลย จนทำให้ การยึดอำนาจของทหารที่ชูป้าย ว่าเป็นการยึดอำนาจ เพื่อผดุงไว้ซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นพระประมุข...เป็นทางออกอีกเลยH O M E
Create Date : 26 ตุลาคม 2550
48 comments
Last Update : 22 กันยายน 2551 18:42:37 น.
Counter : 1680 Pageviews.
โดย: ดอน กีโฮเต้ IP: 58.8.120.190 26 ตุลาคม 2550 9:22:33 น.
โดย: ซานโช ปานซ่า IP: 58.8.120.190 26 ตุลาคม 2550 11:49:38 น.
โดย: เป็น อยู่ คือ IP: 58.8.120.190 26 ตุลาคม 2550 12:24:21 น.
โดย: ซานโช ปานซ่า IP: 58.8.120.190 26 ตุลาคม 2550 17:35:10 น.
โดย: มนัส รักประชา IP: 58.8.124.246 27 ตุลาคม 2550 1:00:06 น.
โดย: White Nights IP: 58.8.117.24 29 ตุลาคม 2550 9:44:28 น.
โดย: ดอกนพพร IP: 58.8.116.26 29 ตุลาคม 2550 21:37:23 น.
โดย: ดอน กีโฮเต้ IP: 58.8.122.191 31 ตุลาคม 2550 23:38:45 น.
โดย: มนัส รักประชา IP: 58.8.122.191 1 พฤศจิกายน 2550 1:01:08 น.
โดย: โค้งวัดเบญจฯ IP: 58.8.116.233 6 พฤศจิกายน 2550 11:25:23 น.
โดย: ห้วยเสือเฒ่า IP: 58.8.116.142 7 พฤศจิกายน 2550 10:28:38 น.
โดย: นายพุ่ม IP: 58.8.116.142 7 พฤศจิกายน 2550 11:44:51 น.
โดย: มนัส รักประชา IP: 58.8.116.142 7 พฤศจิกายน 2550 12:01:09 น.
โดย: ซานโช ปานซ่า IP: 58.8.125.130 9 พฤศจิกายน 2550 16:57:11 น.
โดย: ดอน กีโฮเต้ IP: 58.8.125.130 9 พฤศจิกายน 2550 20:52:21 น.
โดย: ID.xxxxsky IP: 58.8.121.177 11 พฤศจิกายน 2550 0:54:41 น.
โดย: ดอน กีโฮเต้ IP: 58.8.121.218 12 พฤศจิกายน 2550 10:17:05 น.
โดย: ดอน กีโฮเต้ IP: 58.8.125.138 12 พฤศจิกายน 2550 19:23:14 น.
โดย: ซานโช ปานซ่า IP: 58.8.126.53 14 พฤศจิกายน 2550 14:31:32 น.
โดย: บุหลันลอยเลื่อน IP: 58.8.129.161 14 พฤศจิกายน 2550 16:31:28 น.
โดย: เหมาะเชิงมวย IP: 58.8.115.86 16 พฤศจิกายน 2550 10:41:15 น.
โดย: ตังกวย แซ่ลี้ IP: 58.8.115.86 17 พฤศจิกายน 2550 0:02:25 น.
โดย: จางวางหร่ำ IP: 58.8.124.135 17 พฤศจิกายน 2550 10:34:22 น.
โดย: จางวางหร่ำ IP: 58.8.124.49 18 พฤศจิกายน 2550 10:39:02 น.
โดย: ดอน กีโฮเต้ IP: 58.8.126.156 19 พฤศจิกายน 2550 11:15:23 น.
โดย: คนไม่อยู่ค้ำฟ้า IP: 58.8.121.242 19 พฤศจิกายน 2550 17:03:16 น.
โดย: รักเธอประเทศไทย IP: 58.8.121.242 20 พฤศจิกายน 2550 0:56:46 น.
โดย: ดวงจำปา IP: 58.8.120.114 20 พฤศจิกายน 2550 12:45:28 น.
โดย: จางวางหร่ำ IP: 58.8.120.114 20 พฤศจิกายน 2550 15:10:17 น.
โดย: จอร์จ โซ(จูเนียร์) IP: 58.8.120.114 20 พฤศจิกายน 2550 15:23:48 น.
โดย: มนัส รักประชา IP: 58.8.120.114 21 พฤศจิกายน 2550 0:17:19 น.
โดย: ปลายบูรพาทิศ IP: 58.8.124.97 26 พฤศจิกายน 2550 23:46:36 น.
โดย: พุ่มสกี้ IP: 58.8.117.112 28 พฤศจิกายน 2550 0:17:11 น.
โดย: พุ่มสกี้ IP: 58.8.119.237 28 พฤศจิกายน 2550 8:14:27 น.
โดย: มนัส รักประชา IP: 58.8.116.7 28 พฤศจิกายน 2550 23:13:00 น.
โดย: ดอน กีโฮเต้ IP: 58.8.116.7 29 พฤศจิกายน 2550 1:55:15 น.
โดย: ซานโช ปานซ่า IP: 58.8.125.44 30 พฤศจิกายน 2550 23:11:02 น.
โดย: Maria IP: 58.8.125.44 1 ธันวาคม 2550 0:13:13 น.
โดย: พุ่มสกี้ IP: 58.8.120.102 1 ธันวาคม 2550 10:17:21 น.
โดย: จ่านวล หวนละห้อย IP: 58.8.120.102 1 ธันวาคม 2550 11:47:18 น.
โดย: มนัส รักประชา IP: 58.8.123.110 1 ธันวาคม 2550 14:14:18 น.
โดย: จ่านวล หวนละห้อย IP: 58.8.123.110 1 ธันวาคม 2550 18:00:56 น.
โดย: สาย(สืบ)สะดือบวม IP: 58.8.123.110 1 ธันวาคม 2550 19:00:50 น.
โดย: พุ่มสกี้ IP: 58.8.115.217 4 ธันวาคม 2550 14:41:04 น.
โดย: แม่จ๋า ช่วยลูกล่วย :) IP: 58.8.115.217 4 ธันวาคม 2550 16:13:29 น.
โดย: ดอน กีโฮเต้ IP: 58.8.115.217 4 ธันวาคม 2550 16:44:40 น.
โดย: รักเธอประเทศไทย IP: 58.8.115.217 4 ธันวาคม 2550 18:06:18 น.
โดย: เข่ง IP: 58.8.123.249 5 ธันวาคม 2550 8:15:09 น.
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [? ]
Editor บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง"สนามหลวงแก็งค์" kunkorn : Facebook "Sanamluang's Gang" "สนามหลวงแก๊งค์" kunkorn : Facebook เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก ● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ ● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป ด้วยจิตคารวะ www.sanamluang.bloggang.com kunkorn : Facebook ดาวหาง เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้ มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้ ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก" บริการดูดวง "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น กรรม เป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้โหรฯ เป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรม ที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้ สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์" อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา" อย่างมี "เหตุผล" หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" เท่านั้น แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.com จัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553) ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2% สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย" อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com -------------------------------------------- ● ปรึกษาปัญหากฏหมาย ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์ -------------------------------------------- ● ปัญหาติดต่อราชการ บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต -------------------------------------------- ● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล, ● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work --------------------------------------------สำนักพิมพ์ดาวหางwww.sanamluang.bloggang.com รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ ราคาย่อมเยา
หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน" เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว..... ..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย... เพื่อใคร..?? ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป>>> อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>
MY VIP Friend
ผูกหัวเรือลำเล็กคู่ชีพกับหลักใต้สะพานไม้ข้างแพโกจ่ายเฒ่าอ่ำขึ้นไปนั่งเคี้ยวขนมครกแกล้มกาแฟร้อนควันหอม
กรุ่นอุ่นคุ้นคราบแก้วเก่าในมือ ริมท่าน้ำคลองร่องสวนผลหมากรากไม้ ชมพู่มะเหมี่ยวโปรยเกสรร่วงพรูราวพรมแพ
เกลอเฒ่าอัศวินโตะกลมแห่งสภากาแฟฯ จับกลุ่มวิพากษ์
ถ้าหากกกต.ยังออกกฏระเบียบหยุมหยิมควบคุมเลือกตั้ง
อย่างนี้ เห็นทีการเลือกตั้งผู้แทนราษฎรบ้านเราเดือนหน้า
จะเงียบเหงาราวกับป่าช้า ที่สำคัญก็คือ..เงินครับท่าน เงิน
เงินเงินเงิน ที่เคยปลิวว่อนแจกจ่ายหว่านกันไปทั่วพอๆกับ
แผ่นป้ายผู้สมัคร สส. พิมพ์อ๊อฟเซท ๔ สี่ ไล่ติดตามเสาไฟฟ้า ต้นมะพร้าว รั้วสังกะสี กำแพงวัด แพปลา กลางทุ่ง
เงินหลายสิบล้านสะพัดปลุกเศรษฐกิจชุมชน-รากหญ้าให้
พลอยฟ้าพลอยฝนตามกระแสลมหนาว ฤดูการเลือกตั้งฯ
ลำพงเครื่องขยายเสียงขับมโหรี ปี่พาท์แตรวง กลองยาว
วงเหล้ายาปลาปิ้ง ทำท่าจะเงียบเหงากลายเป็นของแสลง
งานนี้ กกต.ท่านพยายามตัดวงจรอุบาท-การใช้เงินหว่าน
ซื้อเสียงทุกรูปแบบก็เพื่อไม่ให้เกิดการซื้อสิทธิขายเสียง
ซึ่งชาวบ้านในชนบทต่างคุ้นเคยราวกับวัฒนธรรมท้องถิ่น
"คืนหมาหอน"ก่อนวันเลือกตั้ง ก็กลับกลายร่างเป็น ATM
ขนาดงานบวช งานแต่ง งานตาย ยังล้มวัวขายควายเลี้ยง
เหล้าสุราอาหารกันใหญ่โตเหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ
เลือกตั้งผู้แทนราษฎรทั้งจังหวัด ทั้งประเทศทำขี้ตืดได้ไง
ยังไม่รวมบรรดาร้านค้าโรงพิมพ์ช่างไม้รับทำป้ายหาเสียง
งบทุ่มเวลาเช่าสถานีวิทยุโทรทัศน์ ทั้งการวิพากษ์วิจารณ์
ดีเบทของสปอนเซอร์เอเยนซีจะหดหายไปหลายพันล้าน
คนรถสามล้อซาเล้งเก็บของเก่า ชาวชุมชนแย่งกันขนไม้
อัดแผ่นป้ายฯ หลังคืนเลือกตั้งไปทำฝาเพิงพักในก้นซอย
หรือว่าจะเป็นฤดูกาล เลือกตั้งผู้แทนราษฎร แบบขอไปที
การหาเสียงแบบเก่าเคยคึกคักตื่นตัวตามกระแสเงินหว่าน
ซื้อสิทธิขายเสียงคู่มากับระบบหัวคะแนนและผู้มีอิทธิพล
ในชุมชนท้องถิ่นจังหวัด หยั่งฝังรากลึก ยากที่"สามัญชน"
ลูกบ้านธรรมดาหรือปราชญ์ชาวบ้านจะได้รับโอกาสอาสา
เข้ามารับใช้เป็นผู้แทนราษฎรในชุมชนท้องถิ่นของตัวเอง
แท้จริงแล้วคนคุ้นหน้าคุ้นตารู้เทือกเถาเหล่ากอเหล่านี้เอง
ที่ชาวบ้านรู้แก่ใจดีว่าใครซื่อสัตย์ ดี ชั่ว หรือใครเก่ง ขยันขันแข็ง มีจริยธรรม และเป็นปากเสียงตัวแทนของเขาได้
โดยไม่จำเป็นจะต้องเร่งโหมโฆษณาชวนเชื่อบนแผ่นป้าย
ปูพรมติดป้ายแนะนำตัวเองเกลื่อนเมืองแค่ ๓-๔ อาทิตย์
สังคมประชาธิปไตยประเทศนี้ ยังฝัน-อยากจะเห็นผู้แทน
ที่ดี นักกฎหมายหนุ่มน้อย นามนายชวน หลีกภัย อีกมาก
เช่นเดียวกับนักเทคโนแครตนักการทูต เช่น นายอานันท์
ปัญยารชุน หรือนักเศรษฐศาสตร์อย่าง ดร.ป๋วย อึ๊งภากรประเทศนี้ยังต้องการวิศวกร นักธุรกิจ นักการศึกษา ฯลฯ
บนความหลากหลายซึ่งไม่ใช้เงินหว่านซื้อสิทธิขายเสียง
การจะเปลี่ยนแปลง"วัฒนธรรมขยะ"ปลอมปนมากับแก่น
ประชาธิปไตย มุ่งเน้นจิตอาสา-การเสียสละเข้ามาทำงาน
เพื่อรักษาสิทธิ เสรีภาพ ผลประโยชน์ภาคสังคมส่วนรวม
จำเป็นต้องใช้ความกล้าหาญสร้างวัฒนธรรมงามง่ายใหม่
ให้ชัดเจนตรงไปตรงมาก็ต้องฝืนกระแสมอมเมาแบบเดิม
สังคมไทยคล้ายติดยาเสพติดการเมืองคอร์รัปชั่นมานาน
เป็นการเมืองที่คนนอกเข้ามาถอนทุนฯ ขมขื่นชำเราชาติ
ด้วยกลวิธีโกงดุจโจรเถื่อนทุกรูปแบบ ทั้งผู้เสพก็ยิ้มยินดี
ยอมอ่อนข้อก้มหัวให้เศษเงินอย่างนี้บานเมืองไปไม่รอด
"ข้าคนหนึ่งจะไม่ยอมกินเหล้าฟรีของไอ้เสี่ยคืนหมาหอน"
เสียงเฒ่าอ่ำตะโกนลั่นแพประกาศอิสระภาพลึกลึกในใจ
"ว่าแต่ คุณโกจ่ายผู้มีอุปการคุณ ช่วยกาติดมื้อเช้านี้ด้วย"
เรือลำน้อยถึงเก่า เล็กเรียวมีรูรั่ว มีดีชั่วบ้างแต่ไม่ล่มง่าย