|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
ถักฟ้าทอฝัน 3
บทที่ 3
คืนนี้เขานอนไม่หลับมันไม่สบายใจ รู้สึกโหวงๆในอก แล้วคำตอบของอาการเหล่านี้ก็มาถึงเมื่อนาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืนตรง โทรศัพท์ห้องที่วางอยู่ข้างเตียงดังขึ้น
เต้ครับ
เต้...พี่เอกเองนะ เต้ออกมาที่โรงพยาบาลตำรวจหน่อยสิ เขารู้สึกว่าน้ำเสียงของเอกสั่นๆ
อะไรพี่ ผมมีงานที่โรงพยาบาลตำรวจด้วยเนอะ เดี๋ยวนี้หางานแปลกให้ผมทำหรือพี่ เขาพูดเย้าๆ แต่น้ำเสียงกลับแห้งผาด เขากลัวอะไรก็ไม่รู้ที่อยู่ลึกๆในใจ ไม่อยากได้ยินประโยคต่อไปเลย
แอ้รออยู่ที่นี่นะ รีบมานะเต้ เอกรินทร์รีบวางสายทันที เอกรินทร์เป็นอย่างนี้เสมอเมื่อไม่ต้องการพูดอะไรมากเขามักเดินหนีหรือวางหูดื้อๆแบบนี้
ถนนค่อนข้างโล่งเขาจึงมาถึงโรงพยาบาลตำรวจภายในเวลาครึ่งชั่วโมงเท่านั้น เอกรินทร์มายืนรอเขาอยู่ที่หน้าตึกของโรงพยาบาลอยู่แล้ว เมื่อเห็นรถของเขาเลี้ยวจอดเอกรินทร์ก็สาวเท้าอย่างรีบเร่งมาทางเขาทันที
เกิดอะไรขึ้นพี่เอก แล้วแอ้ล่ะครับเขาไม่บอกว่าเขาพยายามโทรหาแอ้ตั้งแต่วางสายจากเอกรินทร์แต่ติดต่อไม่ได้เลย มือถือปิดและโทรศัพท์บ้านไม่มีคนรับสาย มัวแต่โทรศัพท์จนเกือบขับรถไปเสยกับคันอื่นอยู่หลายครั้ง
เอกรินทร์ไม่ตอบแต่พาเขาเดินเข้าตึกตรงไปยังห้องๆหนึ่งที่เขาไม่ได้อ่านป้ายหน้าห้องแต่มีตำรวจและผู้หญิงหน้าตาตื่นๆคนหนึ่งยืนอยู่หน้าห้องนั้น เอกรินทร์พยักหน้าให้นายตำรวจหนุ่ม และเหลือบมองหญิงสาวเล็กน้อยซึ่งเขารู้ภายหลังว่านายตำรวจยศร้อยเอกผู้นั้น คือเพื่อนสนิทของเอกรินทร์สมัยเด็ก และหญิงสาวที่ยืนหน้าตื่นอยู่ข้างๆคือแม่นักข่าวสาวที่ปูดเรื่องของเขากับแอ้นั่นเอง
ในห้องนั้นอากาศเย็นจัด มีลิ้นชักขนาดใหญ่ๆเรียงอยู่เป็นตับที่ผนังห้อง ขนคอของเขาลุกชันด้วยลางสังหรณ์ ตรงกลางห้องมีเตียงวางอยู่บนเตียงมีร่างๆหนึ่งคลุมด้วยผ้าขาวปิดใบหน้า เขาเดินตรงไปเสมือนไร้วิญญาณ เปิดผ้าที่คลุมหน้านั้นออก พระเจ้า...ผู้หญิงคนคืออภิรดีนั่นเอง ฐานิตไม่รู้ว่ายืนนิ่งมองร่างที่ไร้วิญญาณร่างนั้นนานเท่าใด รู้ตัวอีกครั้งมือเย็นๆของเอกรินทร์ก็จับที่แขนเขา
แอ้ไปดีแล้วนะเต้ แกโอเคหรือเปล่า แกอย่าเพิ่งเป็นอะไรตอนนี้นะมาช่วยกันจัดการก่อน
เอกรินทร์ชักเริ่มรู้สึกเป็นห่วงฐานิตขึ้นมาเมื่อเห็นแววตาที่ว่างเปล่าที่มองมาทางเขา หน้าเผือดขาวไม่ต่างอะไรกับใบหน้าที่นอนสงบอยู่บนเตียงใกล้ๆนั้น ร่างสูงใหญ่ยืนสงบนิ่งไม่ไหวติงอยู่ครู่ใหญ่จึงมีคำถามแผ่วเบาหลุดออกมา
เกิดอะไรขึ้น ทำไมเป็นอย่างนี้
รถชนต้นไม้ข้างทาง มันเป็นทางโค้งพอดีตรงนั้น
คิ้วของพระเอกหนุ่มขมวดมุ่นเข้าหากัน อย่าว่าแต่ฐานิตเลย เอกรินทร์ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมอภิรดีถึงได้เกิดอุบัติเหตุ หญิงสาวเป็นคนที่ขับรถระวังมากแล้วปกติก็ไม่ขับรถเร็วอีกอย่างเส้นทางนั้นเป็นเส้นทางกลับบ้านที่ต้องใช้เป็นประจำ
ไปดูที่เกิดเหตุกันไหมครับ นายตำรวจถามขึ้น เขาต้องการให้ชายหนุ่มทั้งสองไปดูอะไรบางอย่างในที่เกิดเหตุ ซึ่งเขาคิดว่ามันออกจะผิดปกติอยู่
แต่ก่อนอื่นช่วยไปเซ็นต์ชื่อรับศพด้วยนะครับ
ทั้งหมดเดินออกจากในห้องนั้นจึงเห็นว่าหญิงสาวที่ไม่ได้รับความสนใจในตอนแรกก็ยังยืนอยู่หน้าห้องอย่างกระวนกระวาย มองหน้าพระเอกหนุ่มเขม็ง แต่ไม่พูดอะไรออกมาเลยซักคำเดียว คุณนิลุบลเป็นคนโทรแจ้งว่ามีอุบัติเหตุครับ เธออยู่ใกล้กับจุดเกิดเหตุมากที่สุดตำรวจคนเดียวในที่นั้นเป็นคนแจ้งต่อฐานิตซึ่งเอะใจว่าทำไมมันจึงบังเอิญอย่างนี้ ก็นักข่าวคนนี้กำลังล่าข่าวของเขาอย่างกับหมาป่าเห็นแกะน้อยขนฟูขาวอย่างไงอย่างงั้นเลย แต่ความคิดนั้นก็หยุดไปเมื่อเขาต้องมาจัดจากติดต่อเรื่องศพ ส่วนเรื่องทางวัดนั้นเอกรินทร์เป็นคนจัดการติดต่อทั้งหมดเรียนร้อยก่อนที่เขาจะมาแล้ว
ขบวนรถที่รุจไปยังสถานที่เกิดเหตุมี 3 คัน คันแรกนเรนทร์ นายตำรวจหนุ่มเป็นผู้ขับ คันที่สองคือพระเอกหนุ่มและผู้จัดการส่วนตัว ส่วนคันที่สามเป็นคันของนักข่าวหัวเห็ด
สถานที่เกิดเหตุอยู่แถวๆรังสิตบ้านเรือนละแวกนั้นยังไม่หนาตามากแต่ในยามดึกเช่นนี้ความเงียบวังเวงยิ่งเข้ามาเกาะกุมจิตใจของฐานิต ยิ่งเห็นสภาพรถที่พังยับ กระโปรงรถยุบเหมือนถูกผ่าครึ่งตรงกลาง ห้องโดยสารยับยู่ยี่ นเรนทร์เป็นคนสั่งยังม่ให้มีการเคลื่อนย้ายรถ โดยมีตำรวจชั้นประทวนสองสามนายตรวจสภาพรถอยู่
ไหนแกว่ามีอะไรแปลกวะเรน เอกรินทร์ถามขึ้นเมื่อเดินไปดูสภาพรถเรียบร้อยแล้ว
แกเห็นตรงถนนไหม มันไม่มีรอยยางครูดบนถนนที่แสดงถึงการเบรกหรืออะไรเลย ซึ่งเป็นไปไม่ได้ โค้งขนาดนี้มันต้องแตะเบรกกันบ้าง แล้วถ้ามาเร็วจนชนต้นไม้แรงอย่างงี้นะ คนทั่วไปต้องเหยียบเบรกแรงแน่ หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ไม่ใช่เหมือนการพุ่งชนต้นไม้เหมือนตั้งใจอย่างนี้ เอกรินทร์และฐานิตมองตามตามที่ นเรนทร์ชี้
คุณนิลุบลช่วยเล่าเหตุการณ์อีกครั้งได้ไหมครับ นเรนทร์ถามเพื่ออยากให้ชายหนุ่มทั้งสองฟังเรื่องราวที่เขาฟังมาแล้ว และเพื่อทดสอบว่าคำพูดที่บอกมาทั้งสองครั้งจะตรงกันหรือไม่
ดิฉันขับรถตามคุณอภิรดีจากปากซอยแห่งหนึ่ง เห็นเธอร้องไห้ เธอขับรถไม่เร็วมากนัก จนเกือบจะถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นทางโค้งตรงนี้ ดูเหมือนรถเธอส่ายนิดๆแล้วก็ขับรถพุ่งเข้าชนต้นไม้ด้วยความเร็วเท่าเดิม ดิฉันไม่ได้ยินเสียงเบรกเลย ดิฉันจอดรถแล้วลงมาดูเห็นรถยับทั้งคัน ก็เลยโทรหาตำรวจแล้วก็ได้แต่พยายามเรียกคุณอภิรดีแต่ไม่มีเสียงตอบเลย นักข่าวสาวสะอื้นตัวโยน เธอไม่เคยเห็นอุบัติเหตุต่อหน้าต่อตาขนาดนี้มาก่อน แต่ดูเหมือนว่าน้ำตาของเธอจะไม่ช่วยให้ฐานิตสงสารได้เลย เขาเอ่ยเสียงกร่าวทีเดียวเมื่อเธอพูดจบ
เธอขับรถตามแอ้ทำไม อาจเป็นเพราะเธอก็ได้ ข่าวที่เธอลงอาจทำให้แอ้เครียดจนเป็นแบบนี้ ไม่ถามเปล่ายังบีบคอนักข่าวสาวเสียอีกด้วย ถึงจะไม่แรงนักแต่ก็ทำให้เจ้าหล่อนกลัวตัวสั่นเป็นลูกนกทีเดียว
หญิงสาวตั่วสั่นตามแรงเขย่าที่ไม่เบามือเลยจนกระทั่งเอกรินทร์มาจับตัวฐานิตแยกออกไปจากเธอ.....
Create Date : 18 พฤศจิกายน 2548 |
|
6 comments |
Last Update : 18 พฤศจิกายน 2548 20:01:17 น. |
Counter : 345 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: kannika_oo IP: 58.8.251.169 19 พฤศจิกายน 2548 23:00:41 น. |
|
|
|
| |
โดย: ~AM~ IP: 58.8.246.195 22 พฤศจิกายน 2548 23:16:41 น. |
|
|
|
| |
โดย: aggressive red rabbit IP: 161.200.255.161 25 พฤศจิกายน 2548 14:23:42 น. |
|
|
|
| |
โดย: fishy fishy IP: 158.108.211.159 25 พฤศจิกายน 2548 19:40:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: Pat_lm 15 กุมภาพันธ์ 2549 20:42:44 น. |
|
|
|
|
|
|
|