Love that will live forever
Love is all around
...รักร้ายเล่ห์ ... ตอนที่ 4

ร่างสูงเพียวในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตากับกระโปรงผ้าเข้ารูปสีดำยาวคลุมเข่าขับให้ผิวที่ขาวดูเด่นขึ้น ณัฐกาญจน์สำรวจดูความเรียบร้อยของเครื่องแต่งกาย วันนี้เป็นวันแรกที่เธอจะเริ่มงานกับบริษัทธนพัฒน์ ในทีแรกเธอเองก็ไม่แน่ใจในการตอบรับเธอและปวีณาเข้าทำงานโดยที่ไม่มีการนัดสัมภาษณ์ใดๆ ทั้งสิ้น เธอจึ่งติดต่อกลับไปที่บริษัทอีกคร้งแต่ก็ยังได้รับคำตอบเช่นเดิมคือรับเธอทั้ง 2 เขาทำงานโดยที่ไม่มีการสัมภาษณ์ เธอคิดว่ามันแปลกอยู่เหมือนกัน แต่ถึงกระนั้นการที่เธอมีงานทำก็ดีกว่าการที่เธอมานั่งเบื่ออยู่ไปวันๆ แบบที่ผ่านมา
“ณัฐ แต่งตัวเสร็จรึยัง” เสียงเรียกของปวีณาดังขึ้น
“อืม เสร็จแล้วจะลงไปเดี๋ยวนี้ล่ะ” ณัฐกาญจน์ตอบพร้อมกับคว้ากระเป๋าเดินลงบันไดมา
“แต่งตัวช้าจริงเลย วันนี้ทำงานวันแรกนะจ๊ะ เราไม่อยากไปสายอ่ะ” ปวีณาเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนลงมาถึง
“งั้นเราก็ไปกันเถอะ” ณัฐกาญจน์เอ่ยขึ้นพร้อมกับหันไปหาผู้ใหญ่คนเดียวในบ้าน “ณัฐไปก่อนนะค่ะคุณอา”
“ณาไปก่อนนะค่ะ แม่” ปวีณาหันไปลาแม่
“จ๊ะ แล้วระวังตัวด้วยนะลูก” หญิงสูงวัยยืนมองร่างหญิงที่อ่อนวัยกว่าเดินหายลับไป ตั้งแต่ณัฐกาญจน์เกิดอุบัติเหตุ เธอก็ได้ให้ณัฐกาญจน์ย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านนี้ด้วยกัน ตามความตั้งใจเดิมของเพื่อนเธอ แต่ณัฐกาญจน์ไม่อยากรบกวนเธอจึงขอออกไปอยู่ข้างนอกแต่จะมาหาเธอบ่อย แต่เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นและเธอเองต้องย้ายไปอยู่ต่างประเทศ เธอจึงขอให้ณัฐกาญจน์ย้ายมาอยู่เป็นเพื่อนกับปวีณา เพราะว่าเวลาเกิดอะไรขึ้นจะได้ช่วยเหลือกันทัน


“ดิฉัน ปวีณาและ ณัฐกาญจน์ มาขอพบคุณปรีชาตามที่นัดไว้ค่ะ” ปวีณากล่าวแนะนำตัวกับเลขาหน้าห้องของเขา
“สวัสดีค่ะ ดิฉันพิมลค่ะ รอสักครู่นะค่ะ” เธอหันมาบอกพร้อมกับง่วนอยู่กับอินเตอร์คอมตรงหน้า ไม่นานนักเธอก็ได้รับเชิญให้เข้าพบคนที่นัดไว้ หลังจากที่คุยเกี่ยวกับรายละเอียดและเซ็นต์สัญญาเรียบร้อยแล้วทั้ง 2 สาวก็แยกกันไปเพื่อพบเจ้านายของแต่ละคน
“เดี๋ยวเราเจอกันตอนพักเที่ยงนะ” ปวีณาหันมาบอกก่อนจะรีบเดินตามพิมลเลขาคุณปรีชาไป ส่วนเธอเองก็ต้องหันมาเดินตามคุณ ปรีชาไปอย่างเร็วเช่นเดียวกัน
ปวีณาเดินมองบรรยากาศรอบๆ แล้วรู้สึกถึงการจัดวางสิ่งต่างๆให้ดูสบายไม่เหมือนกับบริษัทที่เธอและเพื่อนเคยไปสมัครมา
“ที่นี่บรรยากาศดีนะค่ะ” ปวีณาเอ่ยผ่านความเงียบขึ้นมา
“ค่ะ” พิมลหยุดพูดนิดหนึ่งพร้อมกับแอบใช้สายตาพิจารณาหญิงสาวข้างกาย ปวีณาไม่มีท่าทีตื่นกลัว แต่กลับมีอาการตื่นเต้นมากกว่า ท่าทีใจเย็นพร้อมรับสถานการณ์ต่างๆที่กำลังจะเกิดขึ้น ทำให้เธอดูมีสง่าราศรีมากที่เดียว
“ไม่ต้องคิดมากนะ เจ้านายที่นี่ใจดีค่ะ”พิมลกล่าวฝ่าความเงียบขึ้นมา
“คะ ขอบคุณค่ะ วันแรกก้อตื่นเต้นนิดหน่อย”ปวีณาให้เหตุผล
“..............” พิมลยิ้มให้เป็นกำลังใจ “ถึงแล้วค่ะ รอตรงนี้ก่อนนะค่ะ” พิมลกล่าวพร้อมกับเดินเข้าไปหาคนข้างในห้อง ไม่เกิน 10 นาที พิมลก็เดินกลับมาพร้อมกับนำเธอเข้าไป
“สวัสดีค่ะ” ปวีณากล่าวพร้อมการเคารพแบบไทยแท้
“สวัสดีครับ” น้ำเสียงนุ่มของพัศกรกล่าวสวนมา พร้อมกับส่งสายตาบอกให้พิมลออกจากห้องได้
“คุณ.....” ปวีณาเอ่ยสั้นๆ เมื่อเห็นชัดเจนแล้วว่าคนตรงหน้าคือใคร
“อะไร ถึงกับช๊อคเลยเหรอคุณ” พัศกรกล่าวเมื่อเห็นคนตรงหน้าออกอาการงง
“คุณมาอยู่ที่นี่ได้ไงเนี่ย”เธอถามกลับเมื่อสติคืนมา
“ก็ที่นี่เป็นบริษัทของพี่ชายผม แล้วผมก็เป็นเจ้านายคุณ” พัศกรกล่าวเสียงเรียบ
“งั้น...ฉันก็พอจะเดาอะไรออกแล้วล่ะ ว่าทำไมถึงมีโทรศัพท์บอกให้เรามาทำงานโดยที่ไม่ต้องมีการสัมภาษณ์” ปวีณากล่าวอย่างฉุนๆ
“ผมแค่อยากไถ่โทษที่ทำให้เกิดเรื่องเมื่อวันก่อน” พัศกรหาเรื่องมาอ้าง แต่เขาไม่อาจรู้ได้เลยว่าข้ออ้างของเขาทำให้ปวีณาไม่พอใจอย่างยิ่ง เธอไม่ชอบให้ใครมาหยิบยื่นอะไรให้เธอด้วยความสงสาร เธออยากทำอะไรได้ด้วยความสามารถของตัวเองมากว่า
“ฉันต้องขอบคุณในความหวังดีของคุณ แต่ฉันคงไม่อาจรับมันไว้” ปวีณากล่าวปฏิเสธพร้อมกับหันหลังจะเดินออกจากห้อง แต่ยังไม่ทันที่เธอจะก้าวออกไปไหนร่างกายของเธอก็ต้องเซถลาตามแรงกระชากของอีกฝ่าย ทำให้เธอต้องหันไปเผชิญหน้ากับเจ้าของร่างกำยำ
“เดี๋ยวซิ ฟังผมก่อน” พัศกรกล่าวทั้งๆ ที่ยังกุมแขนเธอไว้
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ” ปวีณากล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ทำให้คนตรงหน้าสีหน้าสลดลง
“คุณต้องสัญญาก่อนว่าถ้าผมปล่อยคุณ คุณจะยอมฟังเหตุผลของผมโดยดี” พัศกรตั้งเงื่อนไข
“ได้...” ปวีณารับเสียงค่อย “ปล่อยก่อนเถอะเดี๋ยวใครมาเห็นเข้าจะไม่ดี”
“ได้ครับ...คุณผู้หญิง” พัศกรกล่าวยิ้มๆ พร้อมกับปล่อยแขนของอีกฝ่ายด้วยความเสียดาย
“มีอะไรก็ว่ามา ถ้าเหตุผลไม่ดีก็ไม่ต้องมาพูดกันเลย” ปวีณาตั้งแง่
“ผมเห็นคุณกับเพื่อนหางานอยู่ ผมก็เลยเสนองานให้ไง”
“โดยการที่ให้ฉันมาทำงานในบริษัทคุณเนี่ยนะ ใครรู้เข้าเขาก็หาว่าฉันเส้นเข้ามานะซิ”
“แล้วคุณจะใส่ใจทำไม ในเมื่อมันเป็นบริษัทของผม ผมจะรับใครเข้าทำงานก็ได้” พัศกรเอ่ยแบบคุณหนูเอาแต่ใจ
“แต่ฉันไม่ชอบ ฉันชอบทำ รึหาอะไรด้วยตัวเองมากกว่า”ปวีณากล่าวเสียงเรียบ
“โถ่....คุณ ทำไมคุณต้องทำให้อะไรยุ่งยากด้วยล่ะ”
“แค่นี้ใช่ไหมที่คุณจะพูด” ปวีณาตัดบท
“เดี๋ยวซิ คุณณาผมแค่เป็นคนเสนอชื่อคุณกับคุณณัฐเท่านั้นนะ ส่วนคนที่รับคุณ 2 คนเข้าทำงานอ่ะพี่ชายผมต่างหาก ถ้าคุณอยากรู้ว่าทำไมเขาถึงรับพวกคุณ 2 คนเข้าทำงานคุณก็ต้องไปถามเขาเอง” พัศกรนึกถึงอีกคนที่เขากล่าวถึง “ยืมชื่อมาใช้หน่อยแล้วกันนะพี่ชาย” เขาพึมพำเบาๆ
ปวีณาสังเกตุอาการของคนที่นั้งตรงข้าม แล้วนึกแปลกใจขึ้นมาแต่เธอก็ไม่คิดที่จะถามออกไปเพราะรู้ดีว่า “พ่อปลาไหล” ตรงหน้าคงไม่ให้คำตอบจริงแน่
“เอาน่า....ถึงยังไงคุณก็เซนต์สัญญาไปแล้วด้วย” พัศกรกล่าวกลบเกลื่อนเมื่อเห็นสายตาของเธอ
“คนเจ้าเล่ห์” ปวีณาว่าอย่างมีอารมณ์ แต่เมื่อนึกดูแล้วมันก็จริงที่เธอและเพื่อนเซ็นต์สัญญาไปแล้ว ถ้าให้ถอนตัวตอนนี้อาจจะมีปัญหาได้ อีกอย่างการมีงานทำมันก็ดีเหมือนกันแม้ว่าเจ้านายจะงี่เง่าไปหน่อยก็เถอะ
“ว่าไงคุณ คิดนานจริง” พัศกรถามอย่างอยากรู้
“สรุปว่าฉันต้องทำงานกับคุณช่ายไหมเนี่ย” ปวีณาเอ่ยเซ็งๆ
“ก็ประมาณนั้น” พัศกรทำหน้าทะเล้น
“เฮ้อ....เออ....แล้วยายณัฐล่ะ ทำอยู่ที่ไหน กับใคร แล้วเขาเป็นคนยังไง”ปวีณากล่าวเมื่อนึกถึงเพื่อนสาวที่แยกไปอีกทาง
“ใจเย็นสิคุณ ถามเป็นชุดแบบเนี๊ยะ จะให้ผมตอบคำถามไหนก่อนล่ะ” พัศกรโวยแบบเล่นตัวนิดๆ
“อันไหนก่อนก็ได้ แต่ต้องตอบให้หมด” หญิงสาวตอบแก้มหมั่นไส้กับท่าทางเล่นตัวของฝ่ายตรงข้าม
“เพื่อนคุณสบายดีไม่ต้องห่วง เจ้านายเขาเป็นคนใจดี มีเมตตา”
“แหม... ดูเหมือนจะเป็นคนดีเกินไปนะ แล้วคุณรู้ได้ไง” ปวีณาอดแขวะไม่ได้
“โถ่...คุณจะไม่ให้ผมรู้ได้ไงล่ะ ก็เขาเป็นพี่ชายผมนี่” พัศกรตอบยิ้ม
“แล้วทำไม พี่ชายคุณถึงอยากเอาเพื่อนฉันไปทำงานด้วยล่ะ” เธอสวมวิณญาณเจ้าหนูทำไม
“ผมก็ไม่รู้เหมือน” พัศกรตอบด้วยน้ำเสียงจริงใจ ตัวเขาเองก็อยากรู้เหมือนกันทำไมพี่ชายถึงเจาะจงให้ณัฐกาญจน์ไปทำงานด้วย

.................................................

ณัฐกาญจน์เดินตามหลังปรีชามาจนถึงอีกด้านหนึ่งของตึกสำนักงาน ตรงหน้าเธอตอนนี้คือห้องทำงานของใครคนหนึ่งซึ่งเธอเองก็คิดว่าคงเป็นคนที่สำคัญที่สุดในบริษัทแห่งนี้เช่นกัน
“สวัสดีค่ะ คุณปรีชา นี่พาใครมาค่ะเนี๊ย” สาววัยเกือบกลางคนเอ่ยถามขึ้น
“อ๋อ คุณณัฐกาญจน์ครับนี่คุณนิรดา… คุณนิรดาครับนี่คุณณัฐกาญจน์” ปรีชาทำหน้าที่แนะนำสาว 2 วัยให้รู้จักกัน
“สวัสดีค่ะ คุณนิรดา ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” ณัฐกาญจน์เอ่ยทักพร้อมกับการให้ความเคารพผู้อวุโสกว่า
“สวัสดีค่ะ เรียกว่า คุณนิเฉยก็ได้ค่ะ แล้วก็ไม่ต้องไหว้ด้วยนะค่ะ... กลัวแก่นะค่ะ”นิรดารกล่าวยิ้มๆ นัยน์ตาที่มองณัฐกาญจน์บ่งบอกเลศนัยบางอย่าง
“คุณณัฐกาญจน์ มาตามที่นัดไว้ครับ ไม่ทราบว่าบอสมีแขกรึเปล่าครับ” ปรีชากล่าวขึ้น
“อยู่ค่ะคุณปรีชา บอสสั่งว่าถ้าคุณณัฐมาให้เขาไปได้เลยค่ะ”
“เชิญครับคุณณัฐ” ปรีชากล่าวพร้อมเปิดประตูให้ณัฐกาญจน์
“เออ...คุณปรีชาค่ะ นิมีเรื่องรบกวนนิดหนึ่งค่ะ เชิญคุณณัฐเข้าไปได้เลยค่ะ” นิรดารั้งปรีชาไว้พร้อมหันมาบอกให้ณัฐกาญจน์เข้าไปข้างในได้เลย
“มีอะไรหรือครับคุณนิ” ปรีชาถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เพียงแต่บอสสั่งให้คุณณัฐเข้าไปคนเดียวเท่านั้นค่ะ” นิรดากล่าวอย่างยิ้ม เมื่อตอนนี้เริ่มเธอเข้าใจในความหมายของคำสั่งแปลกๆ นั้นแล้ว

...............................................................


ณัฐกาญจน์ก้าวเข้ามาในห้องทำงานด้วยความตื่นเต้นปนแปลกใจกับท่าท่างของคนที่อยู่ข้างนอก เธอหันไปสำรวจรอบๆ ห้องทำงานห้องนี้ใหญ่มาก จะว่าใหญ่เกือบครึ่งของ Floor นี้ก็น่าจะเป็นไปได้ ตรงฝาผนังห้องมีประตูเปิดเข้าไป 2 บาน บานแรกเธอเดาได้ไม่ยากว่ามันเป็นห้องอะไรเพราะมีสัญลักษณ์บ่งบอก แต่อีกห้องเห็นจะสุดการคาดเดาของเธอ ตรงกลางมีโต๊ะทำงานตัวใหญ่บ่งบอกถึงฐานะของเจ้าของ ตรงฝาผนังอีกด้านเป็นโต๊ะทำงานขนาดกลาง “น่าจะเป็นโต๊ะทำงานของเธอ” เธอคิดเข้าข้างตัวเอง บรรยากาศภายในดูอบอุ่น มีรสนิยม จนเธออดคิดไม่ได้ว่าห้องนี้น่าจะเป็นห้องนอนมากกว่าทำงานด้วยซ้ำ ตอนนี้สายตาของณัฐกาญจน์หยุดอยู่ที่ร่างกายกำยำของชายตรงหน้า “คงเป็นเจ้านายเธอ” แม้ว่าตอนนี้เขาจะหันหน้ามองไปทางด้านนอกแต่เธฮเองกลับรู้สึกคุ้นเคยกับแผ่นหลังของเขาอย่างประหลาด
“สวัสดีค่ะ” ณัฐกาญจน์เอ่ยก่อน
“สวัสดีครับ เชิญนั่งก่อนซิ” เขาบอกขณะที่สายตายังจับจ้องอยู่ที่เดิม ที่จริงแล้วหาใช่บรรยากาศด้านนอกไม่ที่เรียกความสนใจจากเขา กลับเป็นภาพสะท้อนของหญิงสาวที่อยู่ด้านหลังในกระจกต่างหากที่เขาสนใจ เขามองดูกริยาของเธอตั้งแต่เธอก้าวเข้ามาในห้อง แล้วสำรวจสิ่งรอบตัว กริยาที่บ่งบอกว่าเธอตื่นเต้น แปลกใจ และดีใจ “.....ดีใจเหรอ.....” เขาคิดทวนคำนี้อีกครั้ง “เธอจะดีใจจริงเหรอถ้ารู้ว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ คือคนเดียวกับที่เธอเคยด่าว่า “สารเลว””
“ค่ะ” เธอรับคำอย่างสุภาพ แต่ในใจเธอเคืองกับอาการที่พูดโดยไม่หันมามองเธอเลยของเขา ‘แต่.... นี่คงเป็นการทดสอบเธออย่างหนึ่งซินะ’
กฤษกรยังคงปล่อยให้บรรยากาศภายในห้องเงียบสงบเช่นเดิม ไม่มีแม้แต่คำกล่าวใดๆ ออกมาจากปากของเขาเลย ณัฐกาญจน์นั่งมองคนที่ยืนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ ว่าเขาต้องการอะไรจากเธอถึงปล่อยให้เธอนั่งรอแบบนี้
“คุณทราบเรื่องตำแหน่งและหน้าที่ของคุณรึยัง” กฤษกรกล่าวทำลายความสงบเงียบแต่เขายังคงไม่หันมาสบหน้าหญิงสาว อาจเพราะเขากลัวที่จะให้เธอเห็นหน้าเขารึเปล่านะ
“คะ... ค่ะ พอทราบบ้างแล้วค่ะว่าทำหน้าที่เป็นเลขาส่วนตัวค่ะ” เธอบอกพร้อมกับแปลกใจที่เขาเองก็มีคุณนิเป็นเลขาอยู่แล้วทำไมถึงต้องจ้างเธออีก
“ครับ...คุณมีหน้าที่เป็นเลขาส่วนตัว” เขาพูดเว้นวรรคนิดหนึ่ง แล้วหันมาช้าๆ ทางหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า “ส่วนตัวจริงๆ” เขากล่าวเน้นประโยคอีกครั้งหลังจากหันมาเผชิญหน้ากับเธอเรียบร้อยแล้ว
“...คุณ...” เสียงเธอแผ่วเบาหายไปในลำคอ ตอนนี้เธอรู้สึกอึดอัดเหมือนหายใจไม่ออก อยากจะหนีไปจากตรงนี้ ห้องนี้และคนตรงหน้าเธอตอนนี้เสียเหลือเกิน แต่ขาเจ้ากรรมดันไม่ขยับเขยื้อนเอาเสียเลย ในสมองมีแต่คำถามเดิมๆ ลอยไปลอยมาว่า “ทำไม ทำไมเขาถึงมาอยู่ตรงนี้ ทำไม” ตลอดเวลา 2 อาทิตย์ที่ผ่านมาเธอพยายามคิดว่าเขาและเธอจะไม่เจอกันอีกแล้วในชาตินี้แต่ทำไมเขามายืนอยู่ตรงนี้ ตรงหน้าเธอได้ล่ะ ภาพแห่งคืนอันเลวร้ายได้ผุดขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับคำพูดที่ยังก้องอยู่ในโสตประสาทของเธอ
ในขณะที่ณัฐกาญจน์กำลังสับสนอยู่ความคิดตัวเองอยู่นั้น เธอได้รับรู้ถึงความรู้สึกอุ่นๆ ไล้ไปตามแก้มขาวนวลทั้ง 2 ข้าง ใบหู ลำคองามระหง อย่างช้าๆ ร่างกายเธอรู้สึกร้อนระอุเหมือนแทบจะระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆ เหมือนว่ามันต้องการจะปลุกเธอให้ตื่นจากภวังค์ เธอเพิ่งรู้ตัวว่าตอนนี้เธออยู่ในอ้อมแขนของชายหนุ่ม เธอพยายามผลักเขาออกไป แต่ยิ่งพยายามเท่าไรก็ยิ่งทำให้เขากอดเธอได้ถนัดมากขึ้นและแน่นขึ้นด้วย ณัฐกาญจน์เงยหน้าขึ้นมาสบตากับคนที่พยายามรุกรานเธอ กฤษกรก้มมองใบหน้าของหญิงตรงหน้า “ไม่รู้ว่าเพราะความอายรึโกรธกันแน่นะที่ทำให้ใบหน้าเธอแดงได้ขนาดนี้” เขานึกขึ้นมาหลังจากเห็นใบหน้าแดงก่ำของเธอ แต่ไม่ว่าเพราะสาเหตุใดมันก็ทำให้เขาพอใจมากจริงๆ กฤษกรมองปากอวบอิ่มน้อยๆ ของเธอที่ตอนนี้เธอกัดมันจนแดงระเรื่อ เขาก้มลงมาฉวยริมฝีปากของเธอโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว เขาสัมผัสถึงรสจูบที่หอมหวานจากริมฝีปากน้อยนั้น “ทำไมวันนั้นเขาถึงไม่รู้สึกถึงความหอมหวานอย่างวันนี้นะ เพราะความเมางั้นเหรอ” กฤษกรปรารภในใจขณะที่ยังวนเวียนอยู่กับปากน้อยอวบอิ่มของเธอ.......
ณัฐกาญจน์รู้สึกร้อนมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อรับรู้ถึงรสจูบอันร้อนแรงจากเขา รสจูบที่ผู้ให้พยายามสื่อให้เธอรู้ว่าเขาห่วงหาอาธรณ์เธอมากเพียงใด ตอนนี้เธอรู้สึกว่าเลือดในกาย มันไหลย้อนมาที่สมองจนหนักอึ่ง ร่างกายเบาหวิวไร้เรี่ยวแรงต่อต้าน ในที่สุดเธอปล่อยให้เขาหาความหวานชื่นในรสจูบนั้นต่อไป จนเธอเองแทบไม่รู้เลยว่าเขาได้จูบเธอมานานเท่าแล้ว
แต่แล้ว!!! คำบางคำก็ก้องเข้ามาในสมองเธอ “ทำร้องไปได้ อย่างกับคนไม่เคย” ณัฐกาญจน์พยายามหยุดการรุกรานของเขา เธอไม่อยากให้เขาดูถูกเธอมากไปกว่านี้
“ปล่อยค่ะ... ฉันเจ็บ” ณัฐกาญจน์เอ่ยขึ้นหลังจากที่ริมฝีปากเธอเป็นอิสระ แต่เธอยังคงอยู่ในอ้อมกอดเขาเพียงแต่เขาคลายวงแขนให้เธอหายใจได้สะดวกมากขึ้นเท่านั้น
“ถ้าผมปล่อย คุณสัญญาได้มั๊ยว่าจะอยู่ฟังผมพูดจนจบ ไม่หนีหายไปเหมือนวันนั้นอีก” เขากระซิบแผ่วริมใบหูของเธอ หลังจากที่ปล่อยเธอเป็นอิสระ และทันเห็นน้ำใสๆ คลออยู่ในตาคู่สวย เขาเลื่อนมือมาเช็ดหยาดน้ำที่ล้นจากตาไหลไปตามแก้มแดงของณัฐกาญจน์แผ่วเบา
“ค่ะ” ณัฐกาญจน์รับคำเก็บกดความปวดร้าวจากคำที่เขาเคยพูดใส่หน้าเธอไว้
กฤษกรพาณัฐกาญจน์ไปนั่งที่โซฟาใกล้โต๊ะทำงานของเขาโดยที่มือเขายังคงกอดเธออยู่ แน่นพอที่จะทำให้ณัฐกาญจน์หนีไปไหนไม่ได้ เขานั่งมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ เขา 2 อาทิตย์แล้วที่วงหน้างาม ขาว นวลเนียนนี้ได้วนเวียนอยู่ในความคิดเขา โดยที่เขาไม่สามารถลืมเธอได้เลย เขาเคยจ้างนักสืบเพื่อตามหาเธอแต่ก็ไม่มีที่ไหนรับงานนี้เพราะเหตุผลที่ว่าเขามีข้อมูลของเธอน้อยเกินไป เขาแวะเวียนไปที่ร้านที่เขาเจอเธอครั้งแรก แต่ก็ไม่พบแม้แต่เงของเธอ แต่ก็เหมือนพระเจ้าเป็นเข้าข้าง เพราะในขณะที่เขาคิดว่าคงไม่มีทางเจอเธออีก เธอก็กลับมายืนใบสมัครงานกับบริษัทเขาเสียนี่ “น่าให้รางวัลเจ้าพัสจริงๆ ที่ขับรถเกือบชนเธอและสำนึกดีอยากช่วยเหลือเธอขึ้นมา” เขานึกถึงวันที่พัสกรนำเอกสารการสมัครงานมาให้เขา เขาแทบไม่ต้องคิดเลยว่าจะให้เธอทำตำแหน่งไหน ถ้าไม่ใช่ เลขานุการส่วนตัว “ส่วนตัว”ของเขาคนเดียวเท่านั้น”
“ไหนคุณมีเรื่องจะพูดกับฉันไงค่ะ” ณัฐกาญจน์เอ่ยขัดขึ้นเมื่อเห็นเขานั่งยิ้มอยู่ได้
“เออ...เรื่องคืนนั้นผมขอโทษนะครับที่ทำไม่ดีกับคุณไปแบบนั้น.... แล้วอีกเรื่องคือผมต้องการที่จะ...”
“ต้องการที่จะรับผิดชอบเหรอค่ะ” ณัฐกาญจน์เอ่ยขัดขึ้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายอ้ำอึ้ง
“ไม่จำเป็นค่ะ ฉันไม่ต้องการ” ณัฐกาญจน์เอ่ยเสียงเย็นชา เมื่อนึกถึงคำที่เขาว่าเธอ
“คุณว่าไงนะ” คิ้วชายหนุ่มขมวดเข้าหากันหลังจากทคี่ได้ยินคำตอบของเธอ พร้อมกับชักมือที่โอบเธออยู่กลับมาประสานไว้ที่เข่าแทน
“คุณหูไม่ตึงนี่ค่ะ ฉันบอกว่า...ฉัน.... ไม่ต้องการให้คุณมารับผิดชอบในตัวฉัน” ณัฐกาญจน์ย้ำช้าๆ ชัดๆ
“ทำไม ในเมื่อมันเป็น......” กฤษกรยังอึ้งไม่หาย
“มันก็แค่คืน คืนหนึ่งค่ะ มันจะต่างกับคืนอื่นๆ ก็ตรงที่ฉันไม่ได้นอนคนเดียวก็เท่านั้น” ณัฐกาญจน์เอ่ยเสียงแข็ง “และดูจากสภาพการณ์แล้ว ถึงไม่มีอะไรกับคุณ ฉันก็มีกับคนอื่นอยู่ดี แหม...คุณคงไม่คิดจะรับผิดชอบฉันเพราะเรื่องแค่นี้หรอกนะค่ะ” ณัฐกาญจน์รวนพร้อมส่งยิ้มเจ้าเย้ยหยันให้เขา
“คุณ!!!!!...” กฤษกรเอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว คนอย่างเขาไม่เคยเอ่ยปากรับผิดชอบใครก่อนมีแต่ผู้หญิงที่อยากจะให้เขารับผิดชอบกับการเล่นสนุกเพียงแค่คืนเดียว แต่กับเธอคนที่เขาคิดว่าจะแตกต่างไปจากหญิงอื่นๆ ที่เจอมา แต่เธอกลับไม่ต้องการ เสียนี่
“ก็ดีผมจะได้สนุกกับคนอื่นได้เหมือนเดิม” กฤษกรรวนเธอตอบหวังจะให้เธอเคืองนิดๆ และมันก็ได้ผลเมื่อเขาเห็นหน้าเธอตึงขึ้นมา “และถ้าคุณจะกรุณาเราก็น่าจะมาสนุกกันได้อีก...ถ้าคุณต้องการ” กฤษกรจงใจเอ่ยให้เธอม่พอใจ
“แค่นี้ใช่มั๊ย ที่คุณอยากบอก” ณัฐกาญจน์กล่าวเสียงห้วน ไม่พอใจในคำพูดเขา “ถ้าคุณไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวกลับก่อน” ณัฐกาญจน์กล่าวพร้อมกับลุกขึ้นยืน
“เดี๋ยว.....” กฤษกรเรียกพร้อมกับดึงมือเธอไว้
“แล้วเรื่องงานล่ะ” เขาถามเมื่อลุกขึ้นยืนเสมอหญิงสาว
“ฉันคิดว่าจะไม่ทำ ถ้าคุณยินดีที่จะยกเลิกสัญญา” ณัฐกาญจน์ร้องขอเพราะไม่มีประโยชน์อะไรที่เธอจะต้องอยู่ใกล้ชิดกับเขาอีก
“เห็นจะไม่ได้ เพราะการล้มเลิกสัญญาทำให้บริษัทผมเสียหาย (ตรงไหนเนี่ย -_-“)” กฤษกรขู่ “ไม่มีวันที่ผมจะปล่อยคุณไปเด็ดขาด ณัฐกาญจน์” เขานึก
“ทำไมล่ะในเมื่อคุณก็มีคุณนิเป็นเลขาอยู่แล้ว” รัฐกาญจน์เถียง
“คุณนิเขามีงานของเขา ส่วนคุณก็มีงานของคุณ” กฤษกรย้ำเสียงแข็ง “งานพิเศษ”
“ถ้าคุณไม่ทำ เราคงต้องเห็นดีกัน” กฤษกรย้ำอีกครั้งเมื่อเห็นสีหน้าณัฐการญจน์เปลี่ยนไป
“............” ณัฐกาญจน์นิ่ง
“ทำๆ ไปเถอะ คุณไม่มีงานทำไม่ใช่เหรอ ผมรับรองว่าไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องงานแน่......” กฤษกรบอกยิ้มอย่างเป็นต่อ “อย่างน้อย นอกเวลางานก็เป็นอีกเรื่อง”


~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~



Create Date : 22 เมษายน 2550
Last Update : 22 เมษายน 2550 15:33:21 น. 0 comments
Counter : 192 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ฐิรญา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Love is seeing yourself
through in someone' eyes,
and finding yourself
in someone's heart
ขอสงวนลิขสิทธิ์
ผลงานเขียนทุก
ชนิดในฐิรญา Blog
แห่งนี้ตามพระราช-
บัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ.2537 ห้ามคัดลอก
ดัดแปลง หรือนำไป
เผยแพร่ต่อที่อื่น
โดยไม่ได้รับ
อนุญาติจาก
เจ้าของผลงาน
The greatest thing you'll ever learn
is just to love, and beloved in return
Group Blog
 
<<
เมษายน 2550
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
22 เมษายน 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ฐิรญา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.