วธ.ยันไม่ผิดใจ ท่านมุ้ย หลังหั่นงบ นเรศวร 3-4 เหลือ 46 ล้าน
วธ.ยันไม่ผิดใจ ท่านมุ้ย หลังหั่นงบ นเรศวร 3-4 เหลือ 46 ล้าน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 31 พฤษภาคม 2553 10:40 น.
วธ.หั่นงบหนัง นเรศวร 3-4 จาก 100 ล้านเหลือ 46 ล้าน เหตุซ้ำซ้อนกับงบสนับสนุนของกระทรวงพาณิชย์ ปัดไม่เกี่ยวถูกกลุ่มผู้กำกับทักท้วงขอความเป็นธรรม เผยเงินที่เหลือจะพิจารณาให้หนังสั้นและแอนนิเมชั่นเพิ่ม พร้อมยัน ท่านมุ้ย ไม่เคยเข้ามาแทรกแซงเรื่องงบ และไม่ติดใจที่ถูกลดเงินสนับสนุน เคยออกมาประกาศจัดสรรงบ 100 ล้านบาท ให้กับภาพยนตร์เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวร ภาค 3-4 กระทั่งถูกกลุ่มผู้กำกับออกมาทักท้วง ร้องขอความเป็นธรรม และได้รับการร้องเรียนจากหลายฝ่ายให้ทบทวนการอนุมัติงบครั้งนี้ เพราะมองแล้วไม่โปร่งใสและไม่ยุติธรรม ทางคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ จึงได้จัดการประชุม และมีมติเห็นชอบให้ปรับลดงบสนับสนุนหนังนเรศวรฯ จาก 100 ล้านเหลือเพียง 46 ล้านบาท โดย นายธีระ สลักเพชร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ได้ชี้แจงถึงเหตุผลว่า ทางกระทรวงมีคณะกรรมการชุดนึง ภายใต้บอร์ดภาพยนตร์แห่งชาติได้พิจารณาเงิน 200 ล้าน ที่ได้มาจากในงบประมาณเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เราก็อนุมัติให้หนังนเรศวรฯไปเมื่อวันที่ 30 มีนาคม แต่มันมีงบอยู่ก้อนนึงที่ทางกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะที่เขาดูแลเรื่องการส่งออกของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ เขาก็เห็นว่าอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในเรื่องของประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมไทยมีจุดขายที่น่าสนใจ เขาก็เลยเอาเงินก้อนนึงมาให้การสนับสนุน แต่การพิจารณาของเขามันจบไปเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม เขาได้สนับสนุนภาพยนตร์นเรศวรฯ ซึ่งมันมีภาค 1-2มาแล้ว และก็ประสบความสำเร็จเมื่อเอาไปขายต่างประเทศ แต่ทีนี้ของกระทรวงวัฒนธรรมพิจารณาไปก่อน ซึ่งอุตสาหกรรมบริษัทภาพยนตร์ของท่านมุ้ย ก็ขอไปที่เราด้วย เราก็สนับสนุนให้เขาไป 100 ล้าน แต่ในวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมาพอเราได้มาทบทวนว่า ในเมื่อ 2 หน่วยงานสนับสนุนภาพยนตร์เรื่องเดียวกัน มันดูเหมือนมีการซ้ำซ้อนของเนื้องาน ปรากฏมีหลายฉากที่ซ้ำซ้อนกัน ที่ประชุมเลยตัดสินใจตัดงบลงไป 53 ล้าน แต่การตัดงบก้อนนี้ในหลักการคือ ตัดที่กระทรวงพาณิชย์ให้สนับสนุนทีหลัง แต่พอไปดูกรอบของโครงการแล้ว ปรากฏวัตถุประสงค์ของกระทรวงพาณิชย์ ต้องการที่จะให้สร้างหนังประวัติศาสตร์ ซึ่งมันแคบมาก ในที่สุดเราก็หันมาตัดงบ 100 ล้านของกระทรวงวัฒนธรรม เพราะวัตถุประสงค์กรอบของโครงการมันกว้างกว่า ในที่สุดเราก็ยอมตัดงบของกระทรวงวัฒนธรรม ทั้งๆ ที่เราอนุมัติไปก่อน เพื่อประโยชน์แห่งอุตสาหกรรมภาพยนตร์จะได้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อจะได้เอาเงิน 53 ล้านไปสนับสนุนภาพยนตร์เรื่องสั้น ที่วันนี้ค่อนข้างที่จะประสบความสำเร็จในต่างประเทศ ซึ่งเป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับศิลปะ ก็เป็นเรื่องที่ทางคณะกรรมการต้องพิจารณา ภาพยนตร์และแอนนิเมชั่นเรื่องที่อนุมัติไปแล้ว ถ้าหากคิดว่าเรื่องไหนยังได้น้อยไป เราก็ให้อำนาจคณะกรรมการไปพิจารณา อาจจะให้เพิ่มเติมได้ ยันการตัดงบนเรศวรฯ เพื่อเอาเงินไปสนับสนุนหนังอื่น ไม่เกี่ยวกับที่กลุ่มผู้กำกับออกมาท้วงร้องขอความเป็นธรรม คุณอภิชาติพงศ์ (เจ้ย อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล) เองก็ได้งบไป 3.5 ล้านจากวงเงิน 200 ล้านในวันที่ 30 มีนาคม แล้วก็ไม่มีเงื่อนไขที่ต้องคืน แต่สำหรับเรื่อง นเรศวรฯต้องคืน ถ้ามีรายได้เขาต้องคืนให้กับทั้งสองกระทรวง ซึ่งผมภูมิใจที่อุตสาหกรรมภาพยนตร์เดินทางมาถึงวันนี้ได้ เป็นครั้งแรกที่รัฐบาลไทยจัดงบประมาณแผ่นดินมาให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ และค่อนข้างจะเป็นสากลตรงที่ เราไม่ได้ให้เปล่าทั้งหมด แต่มีเงื่อนไขว่าถ้าเขามีรายได้เยอะๆ ก็ต้องคืน เพราะเงินก้อนนี้เราจะตั้งเป็นกองทุน เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมภาพยนตร์ต่อไป เราจะไม่เปิดรับภาพยนตร์ใหม่เข้ามาแล้ว เพราะช่วงพิจารณามันสั้น เรามีภาพยนตร์อีก 200 กว่าเรื่อง ทั้งเกมส์และแอนนิเมชั่นที่ตกไปในรอบแรก เรายังมีผลคะแนนอยู่ แต่ในขณะเดียวกันอีก 48 เรื่องที่ได้รับไปแล้ว เราก็ไม่ปิดกั้นเขา ถ้าเรื่องไหนดีแต่เขายังได้รับน้อย เราก็ให้โอกาสเขาเพิ่มขึ้น ก็จะให้อำนาจอนุกรรมการชุดนี้ไปพิจารณา ก็ต้องขอบคุณคณะที่ประชุมที่ใจกว้าง ถ้าเราไปตัดงบของกระทรวงพาณิชย์จาก 330 ล้าน ในวงเงิน 53 ล้านจะเกิดประโยชน์กับอุตสาหกรรมภาพยนตร์น้อยมาก เพราะกรอบของโครงการเขาเขียนไว้แค่ให้กับภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ ฉะนั้นถือว่าเราเดินมาถูกทางแล้ว แล้วงบในปี54-55 พรบ.4 แสนล้านไม่มีปัญหาในสภา เราจะได้จากเงินก้อนนี้มา 1100 ล้านเพื่ออุตสาหกรรมภาพยนตร์ แต่อย่างไรก็ตามท่านนายกฯ ได้พูดในที่ประชุมครม.ว่า ท่านจะให้สิทธิพิเศษงบเศรษฐกิจสร้างสรรค์กับอุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ก็เป็นเรื่องที่ดีที่เราอาจจะได้งบมาเพิ่มในปี 54 เราตั้งใจมากเพราะในพรบ.4 แสนล้านมีทั้งงบปี 53 และ 55 ประมาณ 1100 ล้าน เราต้องเอางบปกติมาชดเชยพรบ.4 แสนล้านที่เป็นเงินกู้ในงบปี54-55 ต่อไป เปรย ท่านมุ้ย ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล ไม่เคยเข้ามาแทรกแซงเรื่องงบประมาณ และไม่บ่นว่าอะไรที่โดนตัดงบ สังคมต้องเปิดใจกว้างว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้เคยทำภาค 1-2 มาแล้วประสบความสำเร็จ และรัฐบาลชุดที่แล้วท่านทักษิณ ชินวัตรก็เคยให้งบไป 700 ล้าน ไม่ใช่งบประมาณแผ่นดิน แต่เป็นเงินจากหวยบนดินจากกองสลาก ซึ่ง 700 ล้านนั้นก็จะมีหลักเกณฑ์ของท่าน แต่ก็ไม่ได้คืนกลับมา ก็ถือว่าท่านได้ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์มาในระดับนึง แต่ในภาค 3-4 มันเป็นภาคที่สำคัญ และในยามนี้สังคมต้องเข้าใจว่า บรรยากาศความรักชาติความคุกรุ่นมันเริ่มหายไป ความเทิดทูนพระมหากษัตริย์ในสังคมเราเริ่มหายไป เราจึงอยากสร้างความปรองดอง ความสมานฉันท์ให้สังคม ภาพยนตร์นเรศวรฯผมคิดว่ามีประโยชน์ต่อวัตถุประสงค์นี้อย่างมาก ต้องยอมรับว่าเป็นหนังที่สามารถสร้างเม็ดเงินให้กับประเทศชาติได้ เพราะภาค1และภาค2ก็สร้างเงินไปไม่น้อย ซึ่งเรื่องงบประมาณท่านมุ้ยไม่เคยมาแทรกแซงเลย เมื่อกี้เจอท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร มันก็ต้องว่าไปตามกติกา หลายท่านก็ให้กำลังใจผม ทำจดหมายกันมาเยอะเลยว่า ท่านรมต.น้อยใจไหม เดี๋ยวปีหน้าจะไม่สนับสนุน เราก็บอกไปว่าไม่น้อยใจ การทำงานทุกอย่างต้องมีปัญหา เราก็แก้ไขกันไปแล้ว ก็หาทางออกที่ดีที่สุด เพื่อช่วยให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์เติบโตและแข็งแรงต่อไป พอท่านมุ้ยทราบข่าวก็โอเคไม่มีปัญหาอะไร ที่ประชุมจบแล้วก็คือจบ ท่านก็ไม่มีอะไรติดใจ ท่านยอมรับมติในที่ประชุมว่า ต้องมีการยื่นเรื่อง ทุกอย่างมันต้องมีทั้งบวกและลบ บางคนไม่เห็นด้วย แต่บางคนก็เห็นด้วย แต่กรรมการก็มาพิจารณาดูว่า สิ่งไหนที่มันเกิดประโยชน์สูงสุด เรามาดูแล้วเนื้อหาที่เขายื่นไปที่กระทรวงพาณิชย์กับกระทรวงวัฒนธรรม มีเนื้อหาเรื่องของฉากหลายฉากที่ซ้ำซ้อนกัน ก็เห็นควรให้ตัดไป ขอบคุณที่มา ผู้จัดการออนไลน์ //www.manager.co.th
Create Date : 31 พฤษภาคม 2553 |
|
0 comments |
Last Update : 8 มิถุนายน 2553 1:27:47 น. |
Counter : 526 Pageviews. |
|
|
|