ความเห็นแตกต่างกันเป็นธรรมชาติของสังคม ถึงอย่างไรก็ไม่ทางขจัดความเห็นที่แตกต่างกันได้ จึงมีแต่ต้องยอมรับ
Group Blog
 
 
มีนาคม 2549
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
8 มีนาคม 2549
 
All Blogs
 

กลุ่มคนทั้งหลายที่ต่อต้านทักษิณ ขณะนี้ ต้องการปฎิรูปการเมือง จริงหรือไม่


กลุ่มคนทั้งหลายที่ต่อต้านทักษิณ ขณะนี้ ต้องการปฏิรูปการเมือง จริงหรือไม่

โดย ประชาชน(ไทย)

จริงๆ การปฏิรูปการเมืองเป็นเพียง "ข้ออ้าง" เพราะหลายฝ่ายต่างก็ยอมรับรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันดีอยู่แล้ว และถ้าหากต้องการปฏิรูปการเมืองจริงๆ ทักษิณก็เสนอให้แก้รัฐธรรมนูญแล้ว แต่คนเหล่านี้ก็ไม่เห็นยอมอะไร ยังคงดึงดันที่จะโค่นล้มทักษิณให้ได้ โดยไม่สนใจวิธีการใดๆ ทั้งสิ้น ว่าจะถูกต้องตามทำนองคลองธรรมหรือไม่ สิ่งที่คนเหล่านี้ต้องการจึงมีเพียง "การขจัดทักษิณออกไปจากวงการเมือง" เท่านั้น เพื่อให้พวกของตนได้มีโอกาสกลับเข้าไปมีอำนาจทางการเมืองอีกครั้งหนึ่ง

ทำไมจึงเป็นอย่างนั้น มันมีหลายกลุ่มหลายความเห็น แต่เป้าหมายเหมือนกันคือ "เอาทักษิณออกไป" และไม่คำนึงถึงวิธีการใช้ด้วย เราสามารถแบ่งกลุ่มที่ต่อต้านทักษิณได้คร่าวๆ ดังนี้
1. กลุ่มนักวิชาการด้านรัฐศาสตร์

พวกเหล่านี้หากสืบค้นลงไปจริงๆ จะเริ่มมาจากนายชัยอนันต์ สมุทวณิช ผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย ที่เคยเป็นอาจารย์สอนที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ฯ จุดเริ่มต้นก็มาจากนายชัยอนันต์ลาออกจากการเป็นประธานกรรมการ กฟผ. แล้วก็พาพวกนักวิชาการและราชนิกูลบางคน ถวายฎีกาขอนายกฯ พระราชทาน (ในหลวงท่านดำรัสในภายหลังว่าเป็นระบอบมั่ว) หลังจากนั้น คณบดีคณะรัฐศาสตร์จุฬาฯ และอาจารย์ในคณะรัฐศาสตร์บางคนก็ออกมาเคลื่อนไหวและก็เชื่อมสายไปที่คณะรัฐศาสตร์อื่นๆ คาดว่าคนเหล่านี้มีสายสัมพันธ์เชื่อมโยงกันเป็นการส่วนตัว แต่ออกแถลงการณ์ในนามสถาบัน เพื่อให้เกิดภาพใหญ่โตที่เรียกว่า Halo Effect คือ กลยุทธ์คนน้อยให้ดูเหมือนมีคนมาก ที่จริงมีไม่กี่คนเท่านั้น และไม่ใช่ส่วนใหญ่ด้วย ซึ่งวิธีการแบบนี้พวกต่อต้านทักษิณนำมาใช้โดยตลอด จะเห็นได้ว่ามีการเอาคนสี่ห้าคน ออกมาแถลงการณ์ในนามองค์กรโน้น องค์กรนี้ตลอด แต่หากเจาะลึกไปที่รายชื่อองค์กรต่างๆ ที่อ้างมา ก็เป็นคนกลุ่มเดียวกันนั่นเอง

สาเหตุที่นักวิชาการรัฐศาสตร์ออกมาเคลื่อนไหว ผมเข้าใจว่า พวกนี้เกิดความกลัวครับ เพราะระบบการเมืองไทยในอนาคตนั้น หากวิเคราะห์ดีๆ จะไม่มีทางพัฒนาเป็นระบบสองพรรคแน่ แต่จะพัฒนาไปเป็นระบบพรรคครึ่งแบบเดียวกับ สิงคโปร์หรือญี่ปุ่น และมาเลเซีย โดยญี่ปุ่นนั้นพรรคแอลดีพี หรือพรรคเสรีนิยมประชาธิปไตยครองอำนาจตลอด 50 ปี หลังสงครามโลกครั้งที่สอง แม้พรรคแอลดีพี จะมีหลายวัง หลายกลุ่มการเมืองเหมือนกัน แต่ทุกวังก็ไม่แตก เพียงแต่พลัดกันขึ้นมาเป็นนายกฯ และ ไทยรักไทย ก็มีแนวโน้มที่จะเป็นอย่างนั้นด้วย นอกจากนี้ พรรคฝ่ายค้านคือ ปชป. ดูท่าทางแล้วจะหดตัวลงไปเป็นพรรคระดับภาค ไม่สามารถเติบโตในภาคอื่นๆ ได้ ไม่ว่าอีสาน เหนือ กลาง แม้แต่กรุงเทพฯ ก็ยังไม่ชนะ ไทยรักไทย พวกนักวิชาการรัฐศาสตร์เหล่านี้ก็กลัวครับ
แต่จะสังเกตได้ว่านักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์นั้น ไม่ค่อยออกมาแสดงความเห็นร่วมด้วยมากนัก (จะมีก็แต่สำนักทีดีอาร์ไอ บางคนที่เชื่อมั่นในแบบจำลองทางเศรษฐกิจคนละอัน) เพราะอะไร เพราะนักเศรษฐศาสตร์นั้น เชื่อมั่นใน "เสถียรภาพ" การวิเคราะห์ของเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่จะวิเคราะห์เข้าสู่ดุลยภาพ (Equilibrium) ซึ่งเศรษฐกิจจะเติบโตได้ต้องการระบบการเมืองที่มีเสถียรภาพ จะเห็นได้ชัดว่า มาเลเซีย สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ที่โตขึ้นมาได้ เพราะการเมืองมีเสถียรภาพ ส่วน ไทย ฟิลิปปินส์ ทั้งๆ ที่พัฒนามาพร้อมๆ กับประเทศเหล่านี้ แต่การเมืองขาดเสถียรภาพ มีการปฏิวัติ มีการเปลี่ยนแปลงเสมอ รัฐบาลไม่ต่อเนื่อง จึงล้าหลังประเทศเหล่านี้

2. นักวิชาการด้านสังคมศาสตร์และเอ็นจีโอ

เช่น นายนิธิ เอียวศรีวงศ์ แม้แต่ น.พ. ประเวศ วศี (ช่วงหลังไม่ได้มีบทบาทในฐานะแพทย์แต่เป็นนักสังคมวิทยา) พวกเอ็นจีโอต่างๆ คนเหล่านี้มีแนวคิด ปรัชญาสังคมและเศรษฐกิตแบบ "สังคมนิยม" และเกลียด "ทุนนิยม" และรัฐบาลทักษิณก็เป็นหัวหอกของระบบทุนนิยม ดังนั้น คนเหล่านี้จึงต่อต้านทักษิณ เนื่องจากมีความเชื่อ ในปรัชญาสังคมที่ต่างกัน คนเหล่านี้พยายามอ้าง "เศรษฐกิจพอเพียง" ของในหลวง โดยนิยามให้ "เศรษฐกิจพอเพียง" นั้นออกมาคล้ายระบอบสังคมนิยม ซึ่งในหลวงก็ไม่ได้นิยามอย่างนั้น แต่ไม่มีใครกล้าเถียงมากนัก เพราะจะกลายเป็นการหมิ่นพระบรมราชานุภาพไป หรือโดนกล่าวหาได้ง่ายๆ ว่าไม่เคารพในหลวง คนเหล่านี้นี้โหยหาสังคมในอดีตแบบ "ยุคเกษตรกรรม" เช่น ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น หรือสังคมไทยยุคกรงศรีอยุธยา ที่เมืองไทยยังมีที่ดินทำกินมหาศาล ชาวบ้านต่างก็ไปทำไร่ไถ่นา พอมีพอกิน ไม่อดอยาก ทอผ้าใช้เอง หน้าแล้งก็มีงานบุญ เป็นชีวิตที่มีความสงบสุข ไม่ฟุ้งเฟ้อ ไม่มียาเสพติด เป็นสังคมที่พึ่งตัวเองได้ เป็นสังคมในฝันของคนที่เติบโตมาในเมืองใหญ่แล้วโหยหาสิ่งที่ตัวเองไม่เคยมี ไม่เคยอยู่มาโดยตลอด พวกฝรั่งเรียกสังคมแบบนี้ว่าสังคมในยุคกลางหรือ Medieval Age ของยุโรปก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรมในคริตศตวรรษที่ 17

แต่สังคมแบบนั้นมันคือ สังคมที่มีประชากรเพียง 5-8 ล้านคน ประเทศมีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลมีที่ดินทำกินสำหรับทุกครอบครัว แต่ตอนนี้เมืองไทยมีประชากร 65 ล้านคน และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี แต่พื้นที่เท่าเดิม และยังมีประชากรอีกกว่า 7-8 ล้านคนที่ไม่มีที่ดินทำกิน และก็ไม่มีความรู้ที่จะเข้ามาสู่สังคมอุตสาหกรรม คนเหล่านี้จึงยากจนค้นแค้น อดอยาก ต้องบุกรุกป่าสงวน เพื่อเอาชีวิตรอด ทะเลาะกับข้าราชการ เพราะทำผิดกฎหมาย แต่เพราะความต้องการรอดชีวิต คนเหล่านี้ก็ต้องทำ ข้าราชการก็ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงกลายเป็นสงครามไม่รู้จบ นักวิชาการสังคมศาสตร์ก็ไม่มีคำตอบให้กับคนเหล่านี้ นอกจากวาดภาพที่สวยหรูของสังคมยุคเกษตรกรรมให้พวกเขาเห็นแต่ไม่มีที่ดินให้คนยากจนเหล่านี้เข้าไปทำกิน หากมีที่ดินเพียงพอมันก็ไม่ยากหรอกที่จะมีชีวิตเรียบง่ายแบบนั้น

สำหรับเรื่องนี้ ทักษิณมีคำตอบให้คนรากหญ้าดีพอสมควร คนรากหญ้าจึงเชียร์ทักษิณมาก เพราะการเอาชีวิตรอด การมีอยู่มีกิน เป็นความต้องการเบื้องแรกของคนยากจนที่มีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจน คนเหล่านี้ไม่ได้ต้องการอุดมการณ์ที่ส่วนหรูอะไร ขอให้มีกินก็พอ การที่จะทำให้ประชากรจำนวนมากเหล่านี้มีรายได้ มีอยู่มีกิน มันไม่แคล้วที่จะต้องปฏิวัติอุตสาหกรรม ดึงคนเหล่านี้เข้ามาสู่สังคมอุตสาหกรรม ให้พวกเขามีงานทำ แต่นักวิชาการสังคมศาสตร์เหล่านี้ ขบวนการเอ็นจีโอทั้งหลาย ต้องการหยุดการเวลา ให้สังคมไทยหยุดนิ่ง เพราะมันดูสวยงามดี น่าไปเที่ยว จะสังเกตได้ว่า คนที่เชิดชูภาพเหล่านี้ จะเป็นคนชั้นกลางในเมืองหลวงที่ ไม่เคยไปใช้ชีวิตแบบ "เศรษฐกิจพอเพียง" ด้วยซ้ำ แต่พวกนี้กลับต้องการให้คนยากคนจนเหล่านั้น หยุดชีวิตอยู่ในสภาพแบบนั้น โดยไม่ไปถามพวกเขาว่า ต้องการเช่นนั้นหรือไม่ ผมถือว่าเป็นการคิดแทนคนอื่น เห็นแก่ตัวอย่างยิ่ง

3. พวกทุนเก่า เช่น กลุ่มธนาคารหรือธุรกิจต่างๆ พวกนี้ครอบงำขูดรีดสังคมไทยมานาน เพราะพวกนี้เติบโตจากระบบเศรษฐกิจที่เน้นการส่งออก ซึ่งต้องการค่าแรงถูก หรือโครงสร้างอำนาจรัฐที่พวกเขาครอบงำได้ เมื่อ "ทุนใหม่" แบบทักษิณเข้ามาก็ไปแย่ง "เค้ก" ของทุนเก่าเหล่านี้หมด มันจึงต้องสู้กันเพื่อให้ได้อำนาจคืนมา ไม่ได้มีความลึกซึ่งอะไร เป็นแค่การแย่งอำนาจของกลุ่มชนชั้นนำในสังคมเท่านั้น ไม่ได้มีอุดมการณ์อะไรที่สูงส่ง ไปกว่าต้องการอำนาจคืนมาเท่านั้น

4. ฝ่ายค้าน ฝ่ายแค้น เศรษฐีเอ็นพีแอล สื่อมวลชน ทั้งหลาย พวกนี้ต้องการแย่งอำนาจคืนจากทักษิณ เพราะทักษิณมีอำนาจ ทำให้คนเหล่านี้หมดโอกาสที่จะเข้าไปมีอำนาจการเมืองอีก จึงต้องต่อสู้เพื่อโค่นล้มทักษิณ พวกนี้เข้าใจไม่ยาก แต่ปัญหาคือ พวกนี้ต้องการโค่นล้มทักษิณ โดยไม่คำนึงถึงวิธีการใช้ ไม่ว่าจะชั่วช้าเลวทรามอย่างไรก็ตาม เช่นเราจะเห็นได้ว่า ในการชุมนุมประท้วงที่ผ่านมา มีการเคลื่อนย้ายม็อบไปมา เพื่อให้เกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพื่อนำไปสู่การนองเลือด หากไม่ทำอย่างนี้ก็ไม่มีทางที่จะชนะรัฐบาลได้ เพราะการโค่นล้มรัฐบาลไม่ว่าประเทศใด ไม่มีทางที่ม็อบจะล้มรัฐบาลได้ มีแต่ทหารเท่านั้นที่จะยึดอำนาจรัฐได้ รัฐบาลล้มจากม็อบเนื่องจากไปปราบม็อบทำให้เกิดการนองเลือด แล้วถูกต่อต้านจากนานาชาติ ถูกคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ รัฐบาลจึงล้ม

เคราะห์ดีของประเทศไทยที่คนในรัฐบาลก็เข้าใจเป้าหมายเหล่านี้ดี และสังคมไทยก็มีประสบการณ์เรื่องนี้ดี ฝ่ายข้าราชการตำรวจ มีการเรียนรู้ มีความอดกลั้น จึงสามารถทนการยั่วยุของม็อบเหล่านี้ได้ จึงไม่เกิดการนองเลือด ไม่มีการสะกัดกั้นม็อบ อยากเคลื่อนไหวอย่างไรก็ทำได้โดยอิสระ ฝ่ายรัฐเพียงแต่คอยระวังไม่ให้มือที่สาม เข้าแทรกแซงเท่านั้น ที่จริงก็ไม่มีมือที่สามอะไร ก็พวกที่อยู่เบื้องหลังม็อบนั่นแหละ พูดตรง ๆ ก็คือ พ้องเพื่อนของพลตรีจำลอง ศรีเมือง ผู้นำม็อบนั่นแหละที่จะเป็นมือที่สาม ผมจึงคิดว่านี้คือ จิตใจที่ชั่วร้ายของผู้นำม็อบครั้งนี้ที่ต้องการสังเวยเลือดของคนอื่นเพื่อเป้าหมายของพวกตน โชคดีของประเทศไทยมากกว่าเนปาล ที่เรามีรัฐบาลที่อดกลั้น ไม่อ่อนไหวต่อการยั่วยุ เราจึงรอดการนองเลือดมาได้ ไม่ใช่เกิดจากม็อบเรานี้ต้องการชุมนุมอย่างสงบแต่อย่างใด แต่เกิดจากการยั่วยุฝ่ายรัฐไม่สำเร็จนั่นเอง หากคิดดูถ้ารัฐหลงกลอุบายชั่วร้ายเหล่านี้ ทำให้มีคนตายขึ้น พวกนี้ก็จะได้โอกาสที่จะสร้างสถานการณ์ก่อความรุนแรงขึ้น แล้วโยนความรับผิดชอบไปยังรัฐบาล ซึ่งก็หนีไม่พ้นที่ต้องรับผิดชอบ

การเคลื่อนย้ายม็อบไปในที่ต่างๆ ของกลุ่มพันธมิตรและพลตรีจำลอง เช่นไปชุมนุมที่สยามเซ็นเตอร์ จึงมองไม่ได้ว่ามีเจตนาอย่างอื่น นอกจากการยั่วยุนั่นเอง เป็นการใช่ความเดือดร้อนของคนอื่น เพื่อกดดันรัฐบาล

5. ผู้เสียผลประโยชน์จากนโยบายของทักษิณ เช่น

กลุ่มแพทย์ที่เคยเปิดคลีนิกรายได้ดี พอมีโครงการสามสิบบาท นอกจากต้องทำงานหนักแล้ว รายได้จากคลินิกก็ลดลง เพราะชาวบ้านที่ไหนจะไปคลินิก พวกแพทย์เหล่านี้ จึงไม่ชอบทักษิณ พวกนี้เข้าใจไม่ยาก เพราะไปขัดผลประโยชน์นั่นเอง

ส่วนพนักงานรัฐวิสาหกิจ นั้นเป็นเสือนอนกินมานาน พอมีนโยบายแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ก็เหมือนโดนทุบหม้อข้าว หม้อแกง จึงต้องออกมาต่อสู้ขัดขวางอย่างเต็มที่ เรื่องนี้เข้าใจได้ไม่ยาก เพราะนโยบายการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ นั้นไปขัดผลประโยชน์โดยตรงของ สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจโดยตรง และก็ต่อสู้กันแบบนี้ในทุกประเทศที่มีการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ในอังกฤษที่เป็นประเทศแรกๆ ที่นำเอานโยบายการแปรรูปมาใช้สมัยนางมากาเร็ต แธตเชอร์เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น โดนสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจหยุดงานประท้วงต่อเนื่อง 8-9 เดือน โดนกล่าวหาและต่อสู้กันหนักหน่วงกว่าในประเทศไทย สุดท้ายนางแธตเชอร์ก็ไม่ยอมถอย และขายรัฐวิสาหกิจจนหมดสิ้นใช้เวลาถึง 18 ปีคือ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1979-1997 เศรษฐกิจของอังกฤษจึงฟื้นตัวจากการเป็น "สิงโตป่วยแห่งยุโรป" กลับมายืนผงาดได้อีกครั้งหนึ่ง

อีกพวกหนึ่งที่เข้าร่วมประท้วงรัฐบาลทักษิณคือ พวกครูประถมศึกษา พวกนี้ต่อต้านการโอนอำนาจไปให้ องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ก็เลยต่อต้านทักษิณ และแกนนำต่อต้าน คือ นายอวยชัย วะทา ก็ไปสมัคร สว.อีกด้วย จึงเข้าใจได้ไม่ยากว่า ออกมาต่อต้านเพราะอะไร


ดังนั้น สาเหตุใหญ่ของพวกที่ต่อต้านทักษิณ จึงไม่ใช่ความต้องการที่จะปฏิรูปการเมืองแต่อย่างใด แต่ต้องการ "โค่นล้มทักษิณ" เมื่อทักษิณหลุดไปพวกนี้ก็กลับมา enjoy อำนาจเช่นเดิม ข้อกล่าวหาต่าง ๆ เรื่องการขายหุ้น เรื่องการคอรัปชั่น ที่หากหลักฐานอะไรไม่ได้เลย มีแต่ลมปากและโวหาร จึงเป็นแค่เพียงข้ออ้างเท่านั้น พวกนี้เข้าใจดี ว่ามันไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ก็เป็นประเด็นที่เอาไปปลุกระดมหลอกลวงประชาชนทั่วไปที่ไม่ค่อยรู้ได้อย่างดี อธิบายพวกนี้ก็ไม่ฟัง เพราะไม่อยากฟัง

เราจะเห็นได้ชัดว่า ข้อกล่าวหาเรื่อง "จริยธรรม" นั้น คนเหล่านี้เอามาใช้กับทักษิณเพียงเพื่อต้องการปลุกระดมมวลชนเท่านั้น กรณี ว่าที่ สว. ที่ได้คะแนนอันดับหนึ่งของประเทศไทยคือ ร.ต.อ. นิติภูมิ นวรัตน์ ที่มีเทปลับของ เจ้เช็งออกมาเผยแพร่ แสดงให้เห็นถึงความบกพร่องทางด้านจริยธรรม แต่คนเหล่านี้ก็ไม่ได้ออกมาต่อต้าน หรือแสดงความเห็นแต่อย่างใด ทั้งที่เป็นนักการเมืองเหมือนกัน จึงกลายเป็นเรื่องของการมีสองมาตรฐานทางการเมืองไป

การเมืองไทยวุ่นวายเพราะเผอิญคนเหล่านี้ได้ "ทหารรับจ้างที่ สิ้นเนื้อประดาตัว" ไม่มีอะไรจะเสียแล้วเช่น "นายสนธิ" อาสากล้าตาย" เป็นกองหน้าให้ จึงสู้เต็มที่ ที่จริงมีรัฐธรรมนูญเพียงมาตราเดียวเท่านั้นที่คนเหล่านี้ต้องการเพิ่มเติมเข้าไปคือ ห้ามทักษิณ ชินวัตร สมัครรับเลือกตั้ง หรือ รับตำแหน่งทางการเมือง ลองเสนอเพิ่มมาตรานี้เข้าไปซิครับ รับรองปัญหาทั้งหลายยุติลงทันที


---------------------




 

Create Date : 08 มีนาคม 2549
15 comments
Last Update : 14 พฤษภาคม 2549 20:04:28 น.
Counter : 819 Pageviews.

 

Font เล็กไปนะครับ...

 

โดย: หมีPooH! IP: 203.159.36.10 8 มีนาคม 2549 23:59:57 น.  

 

ขอบคุณครับคุณ หมีPooH! ที่ติชม แก้แล้วครับ

 

โดย: ประชาชน(ไทย) 9 มีนาคม 2549 0:14:14 น.  

 

มาลงชื่อเยี่ยมครับ

ชอบใจ นับถือ แนวความคิดของพี่มาก

หวังว่าจะได้อ่านความคิดเห็นดีๆ ของพี่ใน PANTIP ต่อไปนะครับ

 

โดย: IP: 61.47.103.97 9 มีนาคม 2549 2:41:29 น.  

 

แนวความคิดที่ดีครับ

 

โดย: นั่นแน่ (นั่นแน่ ) 9 มีนาคม 2549 10:28:40 น.  

 

ผมว่าสนธิไม่ได้กล้าตาย แต่หาทางลงไม่ได้มากกว่าเข้าทำนอง ขี่หลังเสือ ถ้ามีทางถอย แกถ่อยแต่แรกแล้ว ทุกวันนี้งานการก็ไม่ยอมทำ คงมีวันแก้ไขหนี้สินตัวเองได้

 

โดย: อืมมมม IP: 203.156.6.157 10 มีนาคม 2549 0:17:56 น.  

 

แล้วเรื่อง ทักษิณ ไม่ให้เกียรติ ในหลวง ล่ะครับ
ช่วยวิเคราะห์ด้วย ผมสงสัยมานาน ตรงนี้มันกินใจคนไทยที่รักในหลวงมาก

เช่น
1. กรณีผู้ตรวจเงินแผ่นดิน
2. กรณีแต่งตั้งสังฆราชซ้อน
3. กรณีเข้าทำพิธีในวัดพระแก้ว
4. กรณีพลเอกเปรม ซึ่งเป็นองคมนตรี แต่งตั้งโดยในหลวง แต่ถูก สมัครออกมาด่าทางทีวี ซึ่งทุกคนก็รู้ว่า ใครอยู่ข้างหลังสมัคร

 

โดย: อยากรู้จริงๆ IP: 58.11.37.111 10 มีนาคม 2549 15:01:35 น.  

 

เข้ามาเยี่ยมค่ะ มาช้าไปหน่อยค่ะเพราะว่าเพิ่งกลับบ้าน
ข้อความที่เขียนเป็นแนวคิดที่ดีค่ะ

 

โดย: katzemiau IP: 195.93.60.15 11 มีนาคม 2549 3:23:07 น.  

 

ก็เข้ามาถามดีๆ พวกคุณก็มีอคติอยู่แล้ว
ไม่ได้เป็นคำถามประชดเลย
ผมไม่ได้รู้อะไรไปเสียทุกอย่าง
ที่ถามก็คือข้อสงสัย ที่คนโจษขานกัน

ถ้าคุณตอบเคลีย ผมก็ยอมรับ
หรือถ้าคุณอยากให้ผมไปหาคำตอบจากที่อื่น คุฯก็ไม่ต้องตอบแบบนี้ก็ได้

ถามอีก
นายกเป็นทักษิณ แต่งตั้งโดยในหลวง แต่ นายกมาจาก การเสนอชื่อให้ จากสิทธิโดยชอบตามรัฐธรรมนูญ จากการที่นายกเป็นผู้นำพรรคการเมือง ในการจัดตั้งรัฐบาล

แต่ องคมนตรี นี่ ในหลวงท่านทรงเลือกเอง ใช่หรือป่าวครับ ผมไม่แน่ใจ

หมายเหตุ โปรดอย่าจับผิด ข้อความหรือ ความเช้าใจผิด หาผมผิด ก็ช่วยชี้แนะ ให้ผท สว่าง โปรดอย่าดูแคลน

 

โดย: อยากรู้จริงๆ IP: 61.47.127.92 11 มีนาคม 2549 17:42:22 น.  

 

ที่ผมเข้ามาถามในนี้ เพราะเห้นว่าคุณเขียนแบบมีหลักการ และ ข้อมูลอ้างอิงเยอะ โปรดชี้แนะ เพราะผมมีข้อขัดแย้งอยู่ในใจ จึงต้องถามครับ

 

โดย: อยากรู้จริงๆ IP: 61.47.127.92 11 มีนาคม 2549 17:43:47 น.  

 

ถ้ามันเป็นความผิดที่ผมตามไม่ทัน เนี่ย แล้วทุกคนจะเผยแพร่ข่าวสารเพื่อออะไรครับ ถ้าทุกคนตามทันกันหมดอยู่แล้ว

 

โดย: อยากรู้จริงๆ IP: 61.47.127.92 11 มีนาคม 2549 17:47:59 น.  

 

จริงแล้วที่คุณเขียนมาก็อาจมีส่วนถูกบ้าง ทั้งข้อ 1- 2- 3- 4- 5
แต่คุณไปคิดแทนเขาหรือเปล่าครับ คนนู้นมีเหตุผลนี้ คนนี้มีเหตุผลนู้น และไม่ได้เรื่อง เพราะเหตุผลของคุณดีกว่า

รัฐวิสาหกิจกับครูน่ะ ผมเห็นด้วยกับคุณ แต่ทำไมพวกเขาถึงคิดอย่างนั้น อะไรทำให้เขาคิดอย่างนั้น ทางออกไหนที่ดีทั้งเขาทั้งเรา
คนไทยควรคิดต่อเรื่องนี้ไหม....คำตอบของทักษฺณและคนอย่างทักษิณ คือ ไม่
ดีหรือเปล่า ผมไม่รู้

ข้อ 1 คุณเชื่อในเสถียรภาพ แล้วอ.รัฐศาสตร์ที่ว่าเชื่อในอะไร ทำไมเขาถึงคิดว่าของเขาดีกว่า แล้วจริงๆ มันมีอะไรดีกว่าอะไรจริงหรือ หรือทั้งสองอย่างมีได้มีเสียของแต่ละอย่าง

ข้อ 2 คุณว่าเขาเชื่อในสังคมนิยม แต่ทุนนิยมถึงไปได้
ในความเห็นของผม เหตุผลของคุณ มันเชยยย แหลกเลยครับ เพราะ สังคมนิยมมันตายไปแล้ว ในขณะที่ทุนนิยมก็กำลังจะตาย ผมนึกถถึงหน้า ไอสไตน์ตอนที่ เจอบาทหลวงด่าเลยครับ .....

ผมว่า คุณน่ะ มี อคติ กับ คน 5 กลุ่มที่คุณวิพากษ์มากไปหรือเปล่า บางทีคุณอาจจะคิดถูก แต่ผมเชื่อว่าในบางคนบางกลุ่มเท่านั้น และต่อให้คุณคิดถูกทั้งหมด คุณคิดว่าสังคมไทยควรมีพื้นที่ให้พวกเขาหรือไม่

หรือนอกจาก คนฉลาดอย่างคุณกับทักษิณแล้ว ความคิดแบบอื่นมันถ่วงความเจริญ แล ไม่จำเป็น
งั้นก็อยู่ประเทศนี้ไปคนเดียวเทิดครับ

ผมจะทำบุญไปให้

 

โดย: ตลกดี IP: 58.10.138.74 12 มีนาคม 2549 21:23:52 น.  

 

ในกรณีคุณหญิงจรุวรรณ ทั้งๆที่รู้แล้วว่าในหลวง
ทรงโปรดเกล้าให้คุณหญิงเป็นผู้ว่าคตง. เมื่อคุณหญิงตรวจ
สอบโครงการของรัฐบาลอย่างตรงไปตรงมาก็ใช้กลไก
ให้คุณหญิงไม่สามารถทำงานได้ ทั้งๆที่กม.ก็เขียนไว้ชัด
ว่าคุณหญิงจะพ้นตำแหน่งเมื่อใด ทำให้วุฒิสภาลดความ
เชื่อถือลงไปเพราะถูกแซกแซง และเมื่อจะแต่งตั้งคนใหม่ ก็ไม่ทรงลงพระปรมาภิไท

 

โดย: หน่าย IP: 58.11.37.188 14 มีนาคม 2549 19:27:35 น.  

 

ยัดเยียดข้อมูลผิดๆให้ผู้อื่นเป็นบาประวังตกนรก

 

โดย: ผู้ไม่หลงผิด IP: 58.9.182.28 19 พฤศจิกายน 2554 19:44:49 น.  

 

การออก พรบ.ปรองดอง ครั้งนี้ ก่อให้เกิดผลกระทบกระเทือนอันยิ่งใหญ่ต่อประเทศชาติและประชาชนในประเทศไทย คือ
1) ทำให้กฎหมายและคำพิพากษาในประเทศไทยล้มละลาย เกิดความไม่เชื่อถือในชนทุกชนชั้นและนานาชาติทั่วโลก ต่อไปจะเกิดสิทธิสภาพนอกอาณาเขตดังเช่นที่เคยเกิด
มาในอดีต คือหากมีการฟ้องร้องทางกฎหมายกับชาวต่างชาติ ชาวต่างชาติจะไม่ยอมรับกฎหมายไทยและศาลไทยเพราะหากชาวต่างชาติชนะคดี ก็สามารถออกกฎมายยกเลิกคดีให้เป็นฝ่ายแพ้คดีได้ ต่อไปหากคนไทยมีคดีความกับคนต่างชาติก็ต้องไปขึ้นศาลต่างประเทศเพราะนานาชาติทั่วโลกไม่เชื่อถือกฎหมายและศาลไทย เพราะผู้มีอำนาจทางการเมืองในประเทศไทยสามารถออกกฎหมายใด ๆ ก็ได้ที่เห็นว่ามีผลประโยชน์ต่อพวกเขาได้
2) ต่อไปในอนาคตหากนักการเมือง ข้าราชการ และประชาชน ของผู้มีอำนาจที่ปกครองบ้านเมืองด้วยเสียงข้างมากในรัฐสภาได้กระทำความผิดในเรื่องต่าง ๆ เช่น การคอร์รัปชั่น, การโกงการเลือกตั้ง, การทำลายล้างนักการเมืองหรือประชาชนฝ่ายตรงช้าม แม้กระทั่งการหมิ่นสถาบันฯหรือการล้มล้างสถาบันฯที่ประชาชนชาวไทยเคารพนับถือ ฯลฯ พวกเขาเหล่านั้นก็จะออกกฎหมายลบล้างความผิดจาการการกระทำความผิดต่าง ๆ ของพวกเขาได้โดยสะดวกเพราะอาศัยบรรทัดฐานของ พรบ.ปรองดอง ฉบับนี้
3) เกิดเป็นเผด็จการรัฐสภาอย่างแท้จริง คือเป็นการรวบอำนาจ ฝ่ายนิติบัญญัติ,ฝ่ายบริหาร และฝ่ายตุลาการ ให้อยู่ใต้อำนาจของคณะบุคคลที่ได้เสียงข้างมากในรัฐสภาซึ่งขัดกับหลักการปกครองประชาธิปไตย ที่อำนาจทั้ง 3 ฝ่าย คืออำนาจฝ่ายนิติบัญญัติ,อำนาจฝ่ายบริหาร และอำนาจฝ่ายตุลาการ ต่างต้องถ่วงดุลอำนาจกันและกันคือแต่ละฝ่ายไม่ก้าวก่ายอำนาจซึ่งกันและกัน
4) ความยุติธรรมในประเทศไทยจะไม่มีอีกเลย เพราะกฎหมายเกิดขึ้นจากความพอใจและผลประโยชน์ของผู้มีอำนาจที่ปกครองบ้านเมือง คณะนิติศาสตร์ของมหาวิทยาต่าง ๆ ในประเทศไทย ควรต้องยุบเลิก เพราะไม่จำเป็นต้องสอนกฎหมาย ให้นักศึกษานำไปใช้ เนื่องจากต่อไปกฎหมายไทยเกิดขึ้นจากผลประโยชน์และความพอใจของผู้ปกครอง ผู้ที่จบปริญญานิติศาสตร์ก็ต้องนำปริญญานี้ไปเผาทิ้ง เพราะไม่สามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติได้
5) เมื่อความยุติธรรมในประเทศไทยไม่มี ทุก ๆ คนในประเทศไทยก็ต้องตัดสินใจสู้กันด้วยศาลเตี้ย ต่างคนต่างต้องปกป้องตัวเองให้พ้นจากภัยคุกคามต่างๆ ที่จะเกิด ชึ้นแก่ครอบครัว, ญาติพี่น้อง และมิตรสหายของตน ทุก ๆ คนในสังคมนี้ต้องหาอาวุธ
ยุทธภัณฑ์มาใช้ป้องกันตนเอง เมื่อนั้นอาวุธปืนจะขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ดังเช่นสังคมยุคคาวบอยในภาพยนต์ตะวันตกที่ตัดสินกันเองด้วยการดวลปืน ผู้ชนะคือผู้ชักปืนได้ก่อนและยิงคู่ต่อสู้ได้ก่อน
ด้วยเหตุผลตามที่กล่าวมาข้างต้นกระผมในฐานะนักกฎหมายคนหนึ่งจึงขอไว้อาลัยต่อความยุติธรรมและกฎหมายของประเทศนี้ หาก พรบ.ปรองดอง มีผลบังคับใช้

 

โดย: สมหมาย ประสงค์ IP: 115.87.186.148 2 มิถุนายน 2555 4:16:21 น.  

 

เห้นด้วยครับบ พรบ ฉบับนี้มีเเต่ความ วุ่นวาย ฉิบหาย
จะนิรโทษกรรม อย่างเดียว นักการเมือง ของทักษิณ ไม่ทำอะไรนอก จาก จะ เอาทักษิณกลับมา เเล้วยกความ ผิด เเทนที่จะ รีบเเก้ไขปัญหา ข้าวของเเพง ซึ่งประชาชนได้รับความเดือดร้อน
ทักษิณจะ กลับมาเเบบเท่ห์ๆ หรอ? ฝันไปเลย!!

 

โดย: คน ร้อยเอ็ด IP: 1.4.129.37 5 มิถุนายน 2555 13:11:10 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ประชาชน(ไทย)
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




= "https://www.bloggang.com/data/close2heaven/picture/1128808498.gif"; document.images[0].width =169; document.images[0].height =137
Friends' blogs
[Add ประชาชน(ไทย)'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.