Group Blog
  •  
  •  
  •  
  •  
  •   
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
มิถุนายน 2560

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
Review - My 12 Skincares!!! รีวิวทุ่มสุดตัวกับ 12 สกินแคร์ที่ใช้ประจำ (PART III)


มาถึงพาร์ตสุดท้ายของการรีวิวแล้ว ที่ผ่านมาสองพาร์ตปอคิดว่าปอจัดเต็มไปมากเลยนะ แต่ก็ไม่รู้จะถูกใจกันแค่ไหน มาต่อกันกับความเต็มสุดท้ายนี้

แต่ก่อนอื่น ใครที่ยังไม่ได้อ่าน 2 พาร์ตแรก ลองกลับไปอ่านดูก่อนได้นะจ๊ะ 




เอาล่ะ พาร์ตนี้จะพูดถึงเรื่องของมอยส์เจอร์ไรเซอร์ และตัวช่วยพิเศษอีกตัวเป็นการส่งท้าย


ในรูปทา Atopalm ฮะ 




🎉🎊 ATOPALM CONCENTRATED INTENSIVE CREAM 🎉🎊



ปริมาณ 30 ml. ราคา 500 - 600 THB

ปอจำราคาเต็มไม่ได้อ่ะ แต่ตัวปอซื้อมาตอนที่มันลด เหลือประมาณ 300 กว่าๆ แล้วก็มีขนาดใหญ่กว่านี้ด้วยนะ แต่หาซื้อไม่ได้

ส่วนประกอบ (ingredients)



ส่วนผสม 3 กลุ่มหลักที่มีส่วนในการเสริมสร้าง skin barrier ในสัดส่วน (3:1:1) คือ Cholesterol (3), Ceramide (1) และ Fatty Acid (1) 
กลุ่มของ Cholesterol
     - Phytosterols มีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบของผิว และยังเป็น Cholesterol ที่เป็นสารประกอบสำคัญของชั้นไขมันของผิว ที่มีส่วนในการสร้างตาข่ายผิว
     - Cholesterol เป็นส่วนประกอบหลักของไขมันในชั้นผิว ที่เมื่อรวมกับ กรดไขมัน (Fatty Acid) และ Ceramide ในสัดส่วนที่พอดี จะช่วยเสริมการทำงานของ skin barrier 

กลุ่มของ Ceramide 
     - อันนี้ปอไม่แน่ใจนะ เพราะส่วนประกอบเบื้องต้นไม่มีตัวไหนเป็น Ceramide แต่ทางแบรนด์มีจุดขายในเรื่องของ 'MLE Technolygy' หรือ 'Multi Lamellar Emulsion' เข้ามาใช้ ซึ่งในส่วนนี้น่าจะใช้ Ceramide ที่เขาจดสิทธิบัตรและคงเป็นความลับด้านการค้ามาใช้ (Ceramide 9S + Ceramide 5SP) ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวก็ช่วยให้ผิวทำงานดีขึ้น เก็บกัดน้ำได้มากขึ้น และขณะเดียวกันก็ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะภายนอกด้วย (ทั้งนี้ทั้งนั้นปอไม่ขอคอนเฟิร์มในเรื่องนี้เนอะ เป็นเพียงการสันนิฐานเท่านั้น)

กลุ่มของไขมัน/น้ำมันธรรมชาติ ที่ทำหน้าที่ทดแทนไขมันในผิว (Essential Fatty Acid / Non-Essential Fatty Acid) 
     - Squalane คือน้ำมันชนิดหนึ่งที่ไม่มีสีและกลิ่น ไม่อุดตันและไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองของผิว ช่วยในเรื่องของการให้ความชุ่มชื้นกับผิว เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
     - Vitis Vinifera (Grape) Seed Oil คือน้ำมันจากเมล็ดองุ่น เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และช่วยเก็บกักความชุ่มชื้นของผิว ยังมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวอย่าง Linoleic Acid ซึ่งเป็น Essential Fatty Acid ที่ช่วยสร้าง barrier ของผิว
     - Hydrogenated Vegetable Oil น้ำมันพืช ช่วยในเรื่องของการยกกระชับและเรียบเนียนของผิว
     - Olea Europaea (Olive) Fruit Oil น้ำมันมะกอก ซึ่งอุดมไปด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัวทั้ง Oleic Acid และ Linoleic Acid (Omega 6) ช่วยในเรื่องของลดการเสื่อมสภาพของเซลล์ เพิ่มความยืดหยุ่นผิว และลดการอักเสบของผืนแดงได้
     - Camellia Sinensis Seed Oil น้ำมันจากเมล็ดชา เป็นสาร antioxidant และและมี Oleic Acid ซึ่งเป็น Fatty Acid ช่วยเสริมสร้าง skin barrier

ส่วนประกอบอื่นๆ
     - Portulaca Oleracea Extract สารสกัดจากผักเบี้ยใหญ่ ที่มีคุณสมบัติเป็น antioxidant แล้วยังลดการอักเสบของผิวได้
     - Niacinamide หรือ Vitamin B3 ที่สารพัดประโยชน์มาก ทั้งในด้านของ whitening, anti-aging และแม้แต่การเป็น cell communicating ที่ทำให้เซลล์ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มปริมาณ Ceramide ทำให้ skin barrier แข็งแรงขึ้น 
     - Panthenol หรือ Vitamin B5 ให้ความชุ่มชื้นกับผิว และช่วยเสริมสร้าง skin barrier แถมยังช่วยในเรื่องของการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและอีลาสติน
     - Tocopheryl Acetate หรือ Vitamin E ซึ่งเป็น antioxidant ลดการผลิตเม็ดสีเมลานิน และลดการอักเสบจากแสงแดด
     - Allantoin เป็นสาร active หลักอีกตัวที่ช่วยในเรื่องของการลดการระคายเคือง
     - Lavandula Angustifolia (Lavender) Oil น้ำมันจากดอกลาเวนเดอร์ ที่ช่วยในการยับยั้งแบคทีเรียและเชื้อรา ซึ่งมีความปลอดภัยสูง
     - Sodium Hyaluronate สารให้ความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นกับผิว 
     - ไม่มีน้ำหอมและ Paraben มี Cetearyl Alcohol โผล่มา 1 ตัว แต่สารตัวนี้ทำหน้าที่เป็นเพียงตัวทำให้ข้นและครีมซึมซาบสู่ผิวได้ดีขึ้น เป็น fatty alcohol ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อผิว

เนื้อสัมผัส (Texture)



เนื้อเป็นเจลครีมเข้มข้น สีขาวขุ่น แต่เวลาเกลี่ยให้ความรู้สึกเหมือนเจลเล็กน้อย ครีมมีความเข้มข้นสูงมาก แต่ซึมซาบง่ายมากกก!!! ครีมทาลงบนผิวไม่นานก็ซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว ไม่เหนอะ ไม่เหนียว และไม่มันด้วย ปอใช้ในปริมาณไม่เยอะมากนะ ประมาณเท่าเมล็ดข้าวโพดหรือเมล็ดถั่วเหลือง ทั้งใบหน้าและลำคอ โดยวอร์มครีมเล็กน้อยก่อนทา คล้ายๆ กับ Creme de La Mer แต่จะไม่วอร์มนานเท่านั้น ใช้ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน และปอรู้สึกว่าใช้ได้กับทุกสภาพผิวนะ แม้แต่กับผิวระคายเคืองง่าย

ผลลัพธ์

เจ้าตัวนี้ได้มาหลังสุดในบรรดาสกินแคร์ทั้งหมดที่เอามารีวิว หลังจากได้มาก็ใช้ตัวนี้แทนมอยส์เจอร์ไรเซอร์ตัวอื่นๆ ไปเลย คือหยุดใช้ตัวอื่นๆ ทั้งลาแมร์ หรือแมคแล้วมาใช้ตัวนี้ตัวเดียว เพื่อดูผลลัพธ์ที่ได้ ซึ่งใช้มาจนถึงช่วงที่เขียนรีวิวนี้ ก็เป็นเวลาเดือนกว่าๆ แล้ว ผลลัพธ์ที่เห็นชัดที่สุดคือเรื่องของความชุ่มชื้น ส่วนในด้านของหน้าที่หลักซึ่งเป็นครีมที่ช่วยเสริมความแข็งแรงของชั้นผิว เสริมตาข่ายผิว (skin barrier) ให้แข็งแรงขึ้น อันนี้ปอรู้สึกว่าผิวแน่น ละเอียดและเปล่งปลั่งขึ้น ปอไม่ค่อยเป็นสิวอักเสบเลยในช่วงที่ใช้เจ้าตัวนี้ แต่ในส่วนนี้ต้องอาศัยระยะเวลาและความสม่ำเสมอในการใช้งาน แต่สรุปแล้วค่อนข้างประทับใจในผลิตภัณฑ์ตัวนี้มากๆ และมันเป็นครีมที่สำคัญมากในการทำให้ผิวแข็งแรง และลดโอกาสการแพ้หรือระคายเคืองได้มากขึ้น

ความพึงพอใจ

❤️  รักเลย

 แม้จะเพิ่งได้มาในระยะเวลาไม่นาน แต่กลายเป็นลูกรักมากสำหรับตัวนี้ ซื้อต่อแน่นอน และยิ่งเมื่อไรที่มีโปรลด ซื้อตุนแน่นอนด้วย! เป็นตัวที่ปอขอขึ้นคำว่า recommendation เลย! 




มาถึงสองตัวที่แพงที่สุดในรีวิวนี้ และแพงที่สุดที่ปอเคยใช้มา 555+






LA MER CREME SOYEUSE DE LA MER / THE MOISTURIZING SOFT CREAM



ปริมาณ 30 ml. ราคา 7,200 THB / 60 ml. ราคา 13,100 THB

เลือกปริมาณได้ตามอัธยาศัย มีปริมาณที่เยอะกว่านี้ด้วยนะ ถ้ารู้สึกว่ามันไม่เยอะพอ 555+

ส่วนประกอบ (ingredients)



ส่วนผสมที่มีเหมือนกันกับ Creme de La Mer และ The Treatment Lotion และเป็นสารออกฤทธิ์หลักที่ลาแมร์พรีเซ็นต์หนักหนา ก็คือ
     - Algae (Seaweed) Extract สารสกัดจากสาหร่าย Sea Kelp หรือ 'น้ำสาหร่ายหมัก' หรือ 'Miracle Broth' ที่เป็นสิขสิทธิ์เฉพาะของลาแมร์ ที่มอบและเก็บกักความชุ่มชื้นกับผิว แถมยังกระตุ้นการเพิ่มออกซิเจนให้แก่เซลล์ผิว ช่วยฟื้นฟูผิวที่อ่อนล้าให้สดใสขึ้น
ช่วยปลอบประโลมผิว ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนเปล่งปลั่ง เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และเป็นตัวที่ทำให้เกิดความข้นหนืด

ส่วนประกอบอื่นๆ
     - Petrolatum หรือ Mineral Oil ใส่มารองจากสารตัวหลักเลย เจ้าน้ำมันแร่นี้เป็นผลพลอยได้จากการทำน้ำมันปิโตรเลียม มีหน้าที่ในการให้ความชุ่มชื่นแก่ผิว ซึ่งในปัจจุบัน Mineral Oil ที่นำมาใช้ในเครื่องสำอางมีความบริสุทธิ์มาก และไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน
     - Hydrogenated Vegetable Oil น้ำมันพืชที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดเจนในพันธะคู่บางส่วน ช่วยในเรื่องของการยกกระชับและเรียบเนียนของผิว
     - Sesamum Indicum (Sesame) Seed Oil น้ำมันงา ที่อุดมไปด้วยวิตามินบีหลายชนิด ซึ่งช่วยในเรื่องของ anti-aging
     - Medicago Sativa (Alfalfa) Seed Powder มีสาร Beta-Careotene ที่ช่วยให้ผิวดูเปล่งปลั่ง
     - Helianthus Annuus (Sunflower) Seedcake, Prunus Amygdalus Dulcis (Sweet Almond) Seed Meal, Sesamum Indicum (Sesame) Seed Powder พวกสารจากเมล็ดธัญพืช (เมล็ดทานตะวัน, อัลมอนด์, งา) พวกนี้ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว สมานผิว เพิ่มความชุ่มชื้น ลดรอยต่างๆ ทั้งริ้วรอยและรอยแผลเป็น 
     - Eucalyptus Globulus (Eucalyptus) Leaf Oil น้ำมันยูคาลิปตัส ช่วยในเรื่องของการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ช่วยเสริมกับสารกันเสีย และควบคุมความมันส่วนเกิน แต่ก็อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้
     - Tocopheryl Succinate และ Tocopheryl Acetate คือวิตามินอี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้ชั้นเคลือบผิวแข็งแรงขึ้น ช่วยลดการสูญเสียน้ำจากเซลล์ มีคุณสมบัติเป็น Emollients เคลือบผิวให้นุ่มลื่น
     - Niacin หรือ Vitamin B3 มีประโยชน์ทั้งในด้านของ whitening, anti-aging และเป็น cell communicating ที่ทำให้เซลล์ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยเพิ่มปริมาณ Ceramides ทำให้ skin barrier แข็งแรงขึ้น 
     - Citrus Aurantifolia (Lime) Peel Extract สารสกัดจากเปลือกมะนาว เป็นสาร antioxidant ช่วยให้ผิวเรียบเนียน
     - Laminaria Digitata Extract สารสกัดจากสาหร่ายคอมบุ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และช่วยในเรื่องของการเก็บกักความชุ่มชื้น
     - Crithmum Maritimum Extract สารสกัดจากสาหร่ายที่ชื่อว่า Rock Fennel/Sea Fennel โดยสารนี้ถูกจดสิทธิบัตรในชื่อของ Native Essence ซึ่งเป็นสารละลายที่มี Crithmum Maritimum Extract ละลายอยู่ใน Caprylic/Capric Triglycerides ซึ่งมีส่วนประกอบของเซราไมด์ 3 และ 6 และมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
     - Salicornia Herbacea Extract สารสกัดจากสาหร่ายซาลิคอร์เนีย (Saliconia) มีคุณสมบัติเป็นสาร antioxidant และยับยั้งเอนไซม์ tyrosinase ที่มีผลในการสร้างเม็ดสีเมลานิน พร้อมทั้งให้ความชุ่มชื้น
     - Plankton Extract สารสกัดจากแพลงก์ตอน มีประสิทธิภาพในการลดเรือนริ้วรอย ให้ผิวดูเรียบเนียน
     - Chlorella Vulgaris Extract สารสกัดจากสาหร่ายคอลเรลลา เป็นสาร antioxidant ให้ความชุ่มชื้น และปรับสมดุลของผิว
     - Glycine Soja (Soybean) Seed Extract เป็นสาร antioxidant และมีสารจำพวก Isoflavones และมีคุณสมบัติเป็น Serine Protease Inhibitors ที่เข้าไปลดการทำงานของ Protease Activated ซึ่งเป็นหนึ่งในกระบวนการดูดกลืนถุงเม็ดสีของเซลล์ผิว ทำให้มีผลในด้านของ skin-whitening ด้วย
     - Caffeine มีคุณสมบัติลดการบวมน้ำ โดยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดให้ดีขึ้น ขับน้ำเสีย
     - Sea Salt หรือเกลือสมุทร ช่วยในเรื่องของการเก็บกักความชุ่มชื้น ลดการอักเสบ/ระคายเคือง และยังช่วยผลัดเซลล์ผิวอ่อนๆ ด้วย
     - Micrococcus Lysate คือเอนไซม์ที่สกัดจากสาหร่ายทะเลน้ำลึก อยู่ในรูปแบบของ endosome ที่ซึมลงสู่ผิวได้ดี ช่วยป้องกันและแก้ไขปัญหาผิวเสียที่เกิดจากรังสี UV และยังทำตัวเป็นตัวที่ช่วยให้ผิวทนต่อรังสี UV ได้ในระดับหนึ่ง
     - Hydrolyzed Algin สารสกัดจากสาหร่ายสีน้ำตาล มีประสิทธิภาพช่วยยับยั้งการอักเสบและลดการระคายเคือง และป็นสารต้านอนมูลอิสระ
     - Acetyl Hexapeptide-8 หรือ Argireline เป็นโปรตีนสายสั้นๆ ที่สามารถดูดซึมเข้าสู่ผิวได้ง่าย ช่วยในการลดเลือนเส้นริ้วรอย มีความสามารถในการลดการผลิตและการหลั่งของสารสื่อประสาทที่ทำหน้าที่ควบคุมการหดตัวของกล้ามเนื้อบนใบหน้า ช่วยยกกระชับผิว และลดเลือนริ้วรอย 
     - Tetrahexyldecyl Ascorbate อนุพันธ์วิตามินซีที่สามารถละลายได้ในน้ำมัน เป็นสาร antioxidant ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลาเจน ชะลอการเกิดริ้วรอยเส้นเล็ก และสามารถหวังผลในด้านของ skin-whitening ได้ในระดับหนึ่ง
     - Sodium PCA เป็นสารที่เกิดตามธรรมชาติภายในผิวหนังของมนุษย์ (Natural PCA) และเป็นส่วนหนึ่งของ Natural Moisturizing Factors ซึ่งช่วยรักษาสมดุลและเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว แต่เมื่ออายุมากขึ้น สารนี้ก็จะลดน้อยลง สารนี้จึงช่วยเป็นตัวดูดความชื้นจากในอากาศเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
     - Dipalmitoyl Hydroxyproline (DPHP) เป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน
     - Lactoperoxidase เป็นเอนไซม์ที่ช่วยป้องกันเชื้อแบคทีเรีย (antibacterial)
     - Cyanocobalamin หรือ Vitamin B12 ช่วยในเรื่องของการลดการระคายเคือง
     - มีส่วนผสมของแร่ธาตุจะพวกเกลือของ Gluconate ต่างๆ อย่าง Sodium Gluconate, Copper Gluconate, Calcium Gluconate, Magnesium Gluconate, Zinc Gluconate ซึ่งสามารถออกฤทธิ์เป็นตัวจับโลหะเพื่อป้องกันไม่ให้ผลิตภัณฑ์เสื่อมสภาพเมื่อโดนอิเลกโทรไลต์ และยังช่วยให้ความชุ่มชื้นกับผิว
     - Butyrospermum Parkii (Shea Butter) ช่วยในเรื่องของการให้ความชุ่มชื้นกันผิว และยังเหมาะสำหรับผิวระคายเคืองง่าย อุดมไปด้วยวิตามิน A ที่ช่วยให้ผิวแข็งแรง ลดการอักเสบ วิตามิน E ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และวิตามิน F ที่ช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิว
     - มีส่วนผสมของซิลิโคนชนิดเบา ระเหยได้ ที่ช่วยให้เนื้อครีมเนียนนุ่มและช่วยนำพาสาร actives เข้าสู่ผิว อย่าง Cyclopentasiloxane หรือ Cyclomethicone และ Phenyl Trimethicone และชนิดที่หนักขึ้นมาอย่าง Dimethicone และมี Polysilicone-11 ซิลิโคนชนิดพิเศษที่เป็นฟิล์มบนผิว ทำให้รู้สึกว่าผิวเรียบเนียน(ชั่วคราว)
     - ไม่มีแอลกฮอล์ และพาราเบน มีน้ำหอมและพวกกลิ่นปรุงแต่งอย่างเช่น Citronellol, Hydroxycitronellal, Geraniol, Linalool, Limonene

เนื้อสัมผัส (Texture)



เนื้อของซอฟต์ครีมจะเบาลงมาจากตัว Creme de La Mer นะ แต่ก็ไม่ได้เบาเลยซะทีเดียว เนื้อค่อนข้างเนียนและนุ่ม ไม่จำเป็นต้องวอร์มก่อนใช้งาน สามารถวนบนมือเล็กน้อยแล้วกดแนบบนผิวหน้าได้เลย เนื้อครีมซึมซาบได้ดีและง่ายกว่าตัวครีมเข้มข้น กลิ่นหอมแบบเอกลักษณ์ของลาแมร์ แต่กลิ่นจะเบาบางกว่าตัวครีม ใช้ในปริมาณเทียบเท่าเมล็ดข้าวโพดหรือเมล็ดถั่วเหลืองเช่นกัน ตัวนี้ปอว่าน่าจะเหมาะสำหรับทุกสภาพผิวนะ เพราะสำหรับผิวมันแบบปอก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันเหนอะหนะจนทายาก ขณะเดียวกันมันก็เข้มข้นมากพอสำหรับผิวแห้งเช่นกัน

ผลลัพธ์

ผลลัพธ์คงไม่ต้องพูดอะไรมากเนอะ กับครีมระดับตำนานนี้ ในเรื่องความชุ่มชื้นไม่ต้องพูดถึงเลย มาเต็มมากกับความชุ่มชื้น ไม่ต้องกังวลว่าผิวจะแห้งหรือขาดน้ำเลย ตัวซอฟต์ครีมก็ช่วยลดอาการอักเสบของผิวได้ดีไม่แพ้ตัวครีม หรือเวลาแตะถูกของร้อนๆ เอาตัวนี้ทาก็ช่วยลดอาการพองและอักเสบได้ในระดับหนึ่ง ในเรื่องของการฟื้นบำรุงผิวตัวนี้ก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน ปอได้ลองใช้ลาแมร์ครั้งแรกในช่วงที่ผิวปอแย่มาก ทั้งหมองคล้ำ ไม่สดใส และเป็นสิวอุดตันเยอะ พอได้ลองใช้มันช่วยเรื่องผิวที่ดูไม่สดใส ให้ดูดีขึ้นในเวลาไม่นาน ส่วนสิวอุดตันที่ตอนแรกก็แอบกลัวนะว่ามันจะยิ่งอุดตันหรือเปล่า แต่พอรู้วิธีการใช้งานที่ถูกต้อง สิวอุดตันก็ไม่ได้ขึ้นเพิ่ม กลับกันพอผิวมันแข็งแรงขึ้น การเกิดสิวอุดตันก็ลดลงเช่นกัน ในด้านของความกระจ่างใส อันนี้เห็นผลไม่ชัดนัก แต่มันก็ช่วยให้ผิวดูใสขึ้น เรื่องของริ้วรอย แม้จะยังไม่ได้เห็นผลชัดเจน แต่บีเอบอกว่าถ้าใช้ตั้งแต่ตอนนี้ อีก 5 ปี 10 ปี ผิวก็จะยังคงดีแบบนี้อยู่ ซึ่งอีนี่ก็เชื่อสิคะ!! 55555555+

ความพึงพอใจ

😊 ชอบ

ให้แค่ชอบสำหรับตัวนี้ จริงๆ ก็อยากให้หัวใจนะ แต่ติดที่ราคา ซึ่งส่วนตัวคิดว่ามัน overpriced ไปหน่อย ก็เข้าใจแหละว่าด้วยตัวแบรนด์ และชื่อเสียงของแบรนด์ แต่มันก็ทำให้ลำบากใจพอสมควรเวลาจะซื้อทีหนึ่ง




LA MER CREME DE LA MER / MOISTURIZING CREAM



ปริมาณ 30 ml. ราคา 7,200 THB / 60 ml. ราคา 13,100 THB

ราคาของทั้งตัวครีมเข้มข้น ซอฟต์ครีม และเจลราคาเท่ากันหมดนะจ๊ะ

ส่วนประกอบ (ingredients)



ส่วนประกอบหลักคือ 'Miracle Broth' เช่นเดียวกับ Soft Cream ส่วนผสม actives ส่วนมากก็เหมือนกัน (แต่เหมือน Soft Cream จะมีเพิ่มเข้ามาเยอะกว่าด้วย) แต่จะบางตัวที่เป็นส่วนของ base และ additives ซึ่งเป็นผลจากเนื้อครีมที่แตกต่างกัน 
     - Beta-Carotene เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดริ้วรอย
     - Panthenol หรือ Vitamin B5 ช่วยผลัดและกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิว และช่วยปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน
     - มีการใส่แว๊กซ์เพิ่มเข้ามาเพื่อทำให้เนื้อข้นหนืดอย่าง Microcrystalline Wax ซึ่งเป็นแว๊กซ์ที่มีความเนียนละเอียดกว่าแว๊กซ์ตัวอื่นๆ โดยได้มาจากแร่ธาตุ และ Paraffin ที่เป็นแว๊กซ์ในกลุ่มของปิโตรเลียมแว๊กซ์ ทำงานร่วมกับ Mineral Oil และ Petrolatum โดยมี Isohexadecane, Decyl Oleate และ Octyldodecanol ซึ่งทำหน้าที่เป็น Emollient ที่เคลือบผิวให้ความชุ่มชื้น แต่มีรายงานว่า Decyl Oleate เป็นสารที่อุดตันรูขุมขน ก่อให้เกิดสิว (Comedogenic)
     - มีสาร Aluminum Distearate และ Magnesium Stearate ที่เป็นสารทำให้ขุ่น ทำให้เนื้อครีมเป็นสีขาวสวย
     - สารกันเสียที่ใช้ก็ต่างกัน Methylchloroisothiazolinone และ Methylisothiazolinone ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อผิว
     - เพิ่มเติมกลิ่นปรุงแต่งเข้ามา Benzyl Salicylate, Citral 
     - มี Alcohol Denat. เพิ่มเข้ามาด้วย ซึ่งช่วยในการทำให้ครีมซึมซาบเข้าผิวได้ดีขึ้น แต่ผู้ที่แพ้ก็ควรระวัง 

เนื้อสัมผัส (Texture)



เนื้อครีมระดับตำนานตัวนี้ มีความเข้มข้นสูงมากกกกก! จนบางครั้งปอก็รู้สึกว่ามันมากเกินไปหน่อย แต่สำหรับต่างประเทศที่อากาศค่อนข้างแห้งและหนาวคงจะเหมาะแหละ แต่พอดีอยู่เมืองไทยไง ร้อนตับจะแตก เลยรู้สึกว่าครีมมันหนักมากไปหน่อย เนื้อเป็นลักษณะของครีมข้นมาก สีขาว กลิ่นหอมเฉพาะตัวของลาแมร์เช่นเดิม และกลิ่นจะแรงกว่าตัวซอฟต์ครีม (ดูได้เพิ่มเติมจากส่วนผสม) ซึ่งส่วนตัวปอชอบนะ ชอบกลิ่นของมัน เวลาใช้ให้ใช้เท่ากับตัวซอฟต์ครีมหรือน้อยกว่าเล็กน้อย และต้องวอร์มครีมก่อนเสมอ! ในทุกครั้งที่ใช้ โดยการปลายนิ้วค่อยๆ นวดวนบนฝ่ามือ ในทิศทางเดียวกัน (ส่วนตัวปอจะวนทวนเข็มนาฬิกา) วอร์มจนเนื้อครีมจากที่เป็นครีมข้นๆ หนักๆ ละลาย (ตามภาพ) แล้วค่อยๆ แตะฝ่ามือทั้งสองวนเข้าด้วยกัน แล้วกดเบาๆ ให้ทั่วใบหน้าและลำคอ ปอไม่ใช้วิธีการลูบหรือปาดบนผิวหน้านะ แต่ใช้วิธีการค่อยๆ กดแนบไปเบาๆ จนทั่ว มันจะช่วยให้ไม่รู้สึกหนักหน้าจนเกินไปด้วย และไม่ต้องกลัวว่าครีมจะไม่ติดบนหน้านะ มันซึมลงบนผิวหน้าแน่นอน แต่สูตรนี้จะไม่ค่อยเหมาะกับคนที่ไม่ชอบความเหนอะหนะ และยุ่งยากในการทานะ

ผลลัพธ์

ผลลัพธ์ให้กลับไปอ่านที่ตัว Soft Cream เพราะใช้สลับกัน ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือเหมือนๆ กัน แต่ส่วนตัว แม้จะเป็นคนผิวมัน กลับชอบตัวนี้มากกว่าตัวซอฟต์ครีม (ชอบมากกว่ากันนิดหน่อย) และในด้านของความชุ่มชื้นปอรู้สึกว่าทำได้ดีกว่าตัวซอฟต์ครีม 

ความพึงพอใจ

😊 ชอบ

เหมือนกันสำหรับซอฟต์ครีม แต่อย่างว่ามันแพงเกินไปหน่อย (ไม่หน่อยอ่ะ มากเลย!) แต่ถ้ามีโอกาสซื้ออีก ก็คงซื้อ!




ESTEE LAUDER ADVANCED NIGHT REPAIR RECOVERY MASK-IN-OIL



ปริมาณ 30 ml. ราคา 3,200 THB

ส่วนประกอบ (ingredients)



ส่วนผสมมีความคล้ายคลึงกับตัว Estee Lauder ANR Intensive Recovery Ampoules มาก แตกต่างกันแค่บางตัว

สารที่มีส่วนประกอบของน้ำมันที่ช่วยลดการระเหยของน้ำออกจากผิว (transepidermal water loss)
     - Caprylic/Capric Triglyceride เป็นสารที่ได้จากการนำน้ำมันมะพร้าวมาผ่านกระบวนการ fraction เพื่อยืดอายุ ซึ่งไม่ถือเป็นน้ำมัน ช่วยให้ความชุ่มชื้นโดยไม่ทำให้รู้สึกหนักผิว และทำหน้าที่เป็น emollient ผสมกับ oil ชนิดต่างๆ ก็เพื่อประสิทธิภาพในการกักเก็บความชุ่มชื้น
     - Squalane คือ น้ำมันเนื้อบางเบา ที่สามารถซึมซาบเข้าผิวเราได้ดี เป็นสาร antioxidant และยังส่วนเสริมประสิทธิภาพของมอยส์เจอร์ไรเซอร์ตัวอื่นด้วย เป็น emollient ที่ดีกับผิว
     - Aleurites Moluccana (Kukui) Seed Oil น้ำมันจากถั่ว Kukui ซึ่งเป็นสาร antioxidant และให้ความชุ่มชื้น แต่ไม่มีข้อมูลเพิ่มเติม ทำหน้าที่เป็น skin conditioner 
     - Prunus Armeniaca (Apricot) Kernel Oil? น้ำมันเเอปปริคอท เป็นน้ำมันที่น้ำหนักเบา มีคุณสมบัติในการให้ความชุ่มชื้น และลดการระคายเคือง ทำหน้าที่เป็น skin conditioner (อาจก่อให้เกิดสิว) 
     - Bisabolol น้ำมันหอมระเหยจากดอกคาโมมายล์ เป็น Essential Oil ชนิดหนึ่ง ที่มีคุณสมบัติในเรื่องของการลดการอักเอบ ยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (ต้องระวังเรื่องการแพ้) ซึ่งมีในตัวเซรั่มด้วยเหมือนกัน 
     - Vaccinium Myrtillus Seed Oil น้ำมันจากเมล็ดบิลเบอร์รี่ (Bilberry) ซึ่งตัวผลเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ตัวเมล็ดก็น่าจะให้ผลเหมือนกัน ทำหน้าที่เป็น skin conditioner
     - Helianthus Annuus (Sunflower) Seed Oil น้ำมันจากเมล็ดดอกทานตะวัน เป็นสาร antioxidant และช่วยป้องกันการสูญเสียความชุ่มชื่น ทำหน้าที่เป็น skin conditioner
     - Rosmarinus Officinalis (Rosemary) Leaf Extract สารสกัดจากโรสแมรี่ มีลักษณะเป็นน้ำมัน ใช้ผสมกับน้ำธรรมชาติอื่นๆ ผลวิจัยระบุว่ากรดคาร์โนซิค (Carnosic Acid) และคาร์นาโซล (Carnasol) ช่วยลดฤทธิ์การทำลายเซลล์ของอนุมูลอิสระ และช่วยต้านความเป็นพิษจากอนุมูลอิสระ (Free Radicals)

สารออกฤทธิ์อื่นๆ
     - Garcinia Mangostana Peel Extract สารสกัดจากเปลือกมังคุด ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และช่วยในเรื่องของการลดการอักเสบและยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งออกฤทธิ์ต้านเชื้อสิวอักเสบได้ดี
     - Salicornia Herbacea Extract สารสกัดจากสาหร่ายซาลิคอร์เนีย (Saliconia) มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และยับยั้งกระบวนการสร้างเม็ดสีเมลานิน พร้อมทั้งให้ความชุ่มชื้น
     - Anthemis Nobilis (Chamomile) Flower Extract สารสกัดจากดอกคาโมมายล์ ช่วยให้ความชุ่มชื้นและลดการระคายเคือง
     - Salvia Hispanica Seed Extract สารสกัดจากเมล็ดเจียหรือเมล็ดเชีย (Chia Seed) เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้สารประกอบพวกนี้ยังสามารถช่วยกระตุ้นการสังเคราะห์คอลลาเจนในผิวได้ และยังเป็น antioxidant ช่วยชะลอวัย
     - Coffea Arabica (Coffee) Seed Extract สารสกัดจากเมล็ดกาแฟ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และมีผลการทดสอบกับกลุ่มผู้ทดลองว่าช่วยฟื้นฟูผิวให้เรียบเนียน เปล่งปลั่ง
     - Magnolia Officials Bark Extract สารสกัดจากเปลือกแมกโนเลีย ทำงานเช่นเดียวกับ Bisabolol และ Chamomile Extract ในเรื่องของการลดการอักเสบและระคายเคือง
     - ส่วนผสมที่ช่วยเสริมชั้นผิว (แต่มีไม่ครบสูตร) จะมีแค่ Cholesterol และ Linoleic Acid (fatty acid) 
     - Tocopheryl Acetate หรือวิตามินอี ช่วยลดความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ช่วยให้ชั้นเคลือบผิวแข็งแรงขึ้น ช่วยลดการสูญเสียน้ำจากเซลล์ มีคุณสมบัติเป็น Emollients เคลือบผิวให้นุ่มลื่น แต่ก็เสื่อมสภาพได้ง่ายจากแสงและออกซิเจน
     - Tetrahexyldecyl Ascorbate อนุพันธ์วิตามินซีที่สามารถละลายได้ในน้ำมัน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลาเจน ชะลอการเกิดริ้วรอยเส้นเล็กได้ แต่ส่วนผสมนี้ใส่มาเป็นอันดับท้ายๆ ดังนั้นความเข้มข้นไม่น่าจะมาพอในด้านของ whitening 
     - ไม่มีแอลกอฮอล์ น้ำหอม และพาราเบน และก็ไม่มี Bifida Ferment Lysate ที่เป็นตัวชูโรงของเซรั่ม ANR เหมือนกัน

เนื้อสัมผัส (Texture)



มาถึงตัวสุดท้ายแล้ว เนื้อตัวนี้ก็ตามชื่อของมันเลย เนื้อเป็นน้ำมัน ที่ไม่ได้หนักมาก และไม่ได้มันมาก กลิ่นใกล้เคียงกับตัวเซรั่ม แต่เบากว่า เวลาใช้ไม่ต้องหยดออกมาเยอะ ใช้แค่สักประมาณ 4-5 หยดก็เพียงพอแล้ว โดยนวดวนบนมือก่อน แล้วค่อยๆ กดแนบเบาๆ ให้ทั่วใบหน้าและลำคอ แค่กดแนบเอาไว้ ให้มันทำหน้าที่เป็นมาส์ก เคลือบผิวเอาไว้ก็พอ ไม่ต้องนวดให้มันซึม ปล่อยไว้สักพัก ผิวก็จะยังคงความมันอยู่ แต่จะน้อยลงจากตอนแรกที่เราทาเลย



ผลลัพธ์

ตัวนี้เคลมว่ามันช่วยล็อกคุณค่าของเซรั่มและมอยส์เจอร์ไรเซอร์ และช่วยให้บำรุงที่ลงไปก่อนหน้าทำงานได้ดีขึ้น ส่วนตัวปอไม่ได้เห็นผลชัดเจนมากนัก อารมณ์คล้ายๆ กับ SK-II ก่อนหน้าอ่ะ คือมีติดไว้ก็ดี แต่ถ้าไม่มีก็คงไม่เป็นไร 55555+ แต่ก็รู้สึกว่ามันยังคงช่วยในเรื่องของการทำงานของนาฬิกาผิว (หรืออะไรสักอย่าง) เหมือนกับตัวเซรั่มที่เป็น best seller ของแบรนด์นะ คือปอพักผ่อนน้อยเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว นอนดึก ตื่นเช้าประจำ แต่ตัวนี้มันก็ช่วยไม่ทำให้ผิวแย่ลง ปอว่าคุณสมบัติมันน่าจะใกล้เคียงกับตัวเซรั่ม ที่ช่วยฟื้นฟูผิวแม้ว่าจะพักผ่อนน้อยหรือไม่เพียงพอก็ตาม แต่ในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงของผิว ยังเห็นผลไม่ชัดเท่าตัวเซรั่ม แต่อย่างที่บอกว่ามีไว้ก็ดี และส่วนตัวปอมักจะพกเจ้าตัวนี้เวลาเดินทางไปไหนมาไหนตลอด (ดูได้จากสภาพขวดที่ถลอกมาก 55+) ใช้เป็นตัวสุดท้าย เพราะบางทีไม่ได้เอาสกินแคร์ไปเยอะ เอาแค่ travel kids ที่มีอยู่ติดไป ก็จบด้วยตัวนี้ มันช่วยไม่ให้ผิวแห้งหรือลอกได้ อีกอย่างคือชอบที่มันใช้น้อยมาก และใช้นานมากกก!!! คือนี้ได้มาตั้งแต่มันออกมาใหม่ๆ จนถึงตอนที่รีวิวนี่ก็น่าจะ 4-5 เดือนได้แล้วมั้ง ยังไม่ถึงไหนเลย เพิ่งใช้ไปประมาณ 1 ใน 3 ของขวดเอง ทั้งที่ใช้ทุกวันนี้นะ (โคตรคุ้ม!)

ความพึงพอใจ

 เฉยๆ

 ผิดคาดสำหรับเจ้าตัวนี้ คือชอบไหม ก็ชอบนะ แต่ไม่ได้ชอบและไม่ได้รู้สึกว่าต้องมีเท่าตัวเซรั่มอ่ะ 555+ คือด้วยความที่อยากลองในตอนแรกไง ถึงได้ซื้อมา ถ้าหมดขวดนี้คงคิดดูก่อน




จบแล้ววว!! ครบทั้ง 12 ตัว (13 สูตร / 3 พาร์ต) จัดหนัก จัดเต็มมาก ตัวไหนเลิศ ตัวไหนรักก็บอกตรงๆ ตัวไหนเฉยๆ หรือไม่โอเคเรื่องอะไรก็บอกตรงๆ เช่นกัน ไม่ว่าแบรนด์นั้นอาจจะเป็น favorite ของใครก็ตาม แต่ไม่เกี่ยวกับปอ 55+

ในด้านของส่วนผสม (Ingredients) ปออาจจะไม่ได้เป๊ะมาก หรือเป็นวิชาการมากมายนะ ปอแค่วิเคราะห์ และดึงสารที่ดูว่าจะเป็นประโยชน์ออกมาบอกกัน แต่ในด้านของฟังก์ชัน การทำงานปออาจไม่ได้ละเอียดนัก 

ส่วนในด้านของความรู้สึก ผลลัพธ์ปอบอกตามจริง แต่อย่างที่บอก คือปอเขียนจากความรู้สึกของปอ (คนเดียว) ดังนั้นในบางครั้งผลลัพธ์ที่เกิดกับแต่ละคนก็อาจแตกต่างกันออกไป ด้วยสภาพผิวหรือปัจจัยต่างๆ ที่แตกต่างกัน


สภาพหนังหน้าสดของปอ ผิวเปลือยเปล่านะฮะ ถ่ายหลังล้างหน้า ไม่ได้ลงอะไรเลย 

'สกินแคร์เป็นเรื่องของการทดลองด้วยตัวเอง จะดีก็ดีด้วยตัวเอง และแน่นอน ว่าถ้าพังก็พังด้วยตัวเองเช่นกัน 555+'

ยังไงก็ลองศึกษา ลองหาอ่านรีวิวของคนอื่นด้วยก็ได้ หรือไปรับคำปรึกษาจากบีเอ หรือถ้าเขามีตัวทดลองให้ก็ลองเอามาใช้ดูก่อน ก่อนจะเสียเงินลงทุนกับอะไรสักอย่าง โดยเฉพาะพวกของที่ปอนำมารีวิว ซึ่งราคาค่อนข้างสูง   



รอติดตามต่อไปน๊า ว่าปอจะกลับมารีวิวอะไรต่อไป ยังไงก็ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาติดตามนะฮะ
แล้วพบกันบล็อกต่อๆ ไปจ้าาา บายยย จุ๊บ ^3^



ฝากติดตามกันด้วยนะจ๊ะ คลิกเลย (':



Create Date : 12 มิถุนายน 2560
Last Update : 9 กรกฎาคม 2561 11:20:52 น.
Counter : 4956 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

PorschePoR
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [?]



สวัสดีจ้าทุกคน!!! ก่อนอื่นก็แนะนำตัวกันก่อนเลย ชื่อ "ปอ" นะ ใครใคร่จะเรียก "ปอร์เช่ ปอ" ก็ตามใจ บล็อกของปอก็จะมีเนื้อหาเกี่ยวกับเครื่องสำอางต่างๆ ทั้งรีวิว how to เทคนิค หรือสิ่งที่ปอชื่นชอบ ปลาบปลื้ม รวมถึงเรื่องเกี่ยวกับเทรนด์แฟชั่นด้วย ยังไงช่วยติดตามกันด้วยน๊าาา ^^