ผมอยากให้คนที่ผ่านมาเข้ามาอ่านบทความในลิ้งค์นี้ครับ
//bflybook.com/Article.aspx
ผมขอบอกตรงๆนะครับ ผมรักหนังสือมาก เพราะอะไรหรือครับ เพราะหนังสือพาผมไปพบในสิ่งต่างๆที่ตามหาได้ แล้วมีคำถามว่า ทำไมผมไม่เดินออกจากบ้านไปสัมผัสมันด้วยตัวเอง
ผมป่วยครับ ป่วยด้วยโรคที่น่าเป็นห่วงมาก ยากนักที่จะออกเดินทางไปไหนต่อไหนไกลๆ ได้แต่ใช้ชีวิตอยู่แต่ในบ้าน ไม่ค่อยได้พบปะผู้คน ไม่มีโอกาสได้เข้าสังคมมากมายเหมือนคนอื่นๆ รายได้ที่มีก็ต้องเก็บไว้รักษาอาการป่วยของตัวเอง
ทุกวันนี้ผมมีหนังสือ เป็นเพื่อน เป็นพี่เลี้ยง เป็นครู เป็นหมอ เป็นทุกอย่าง ในโลกที่โดดเดี่ยวของผม ผมไม่ใช่นักเขียน แต่เป็นนักอยากเขียน ผมพยายามบันทึกเรื่องสำคัญของผมลงในสมุด เป็นหนังสือแห่งชีวิตของผม
ความสุขของผมในยามว่างคือการเดินเข้าร้านหนังสือ หาหนังสือใหม่ๆ ความรู้ใหม่ๆ มาอ่าน และขบคิดแล้วเขียนบันทึก เผื่อว่า วันหนึ่งเมื่อผมตายลงแล้ว จะได้ฝากอะไรไว้ให้กับคนข้างหลังได้ระลึกถึงบ้าง ผมจึงตั้งจะใช้ชีวิตที่ยังเหลือ คิดและเขียนเรื่องต่างๆเก็บไว้ให้คนอื่นได้อ่าน ในเวลาที่ผมไม่อยู่แล้ว
ผู้อ่านครับ สิ่งที่ผมอยากทำให้ดีที่สุดในตอนนี้ คือทำให้สิ่งที่ผมรักมีคุณค่าที่สุด ผมอยากให้เด็กๆได้อ่านหนังสือดีๆ เด็กๆไม่ว่าจะในเมืองหรือชนบท ผมอยากให้เขาอ่านออกเขียนได้ อยากให้เขาได้เขียนเรื่องราวของตัวเอง ผมอยากอ่านเรื่องราวของเขา อยากรู้จักเขา อยากให้เขามีความสุข
ผมเคยเป็นครู และพอรู้ว่าระบบการศึกษาไทยยังไม่ดี ไม่เป็นที่พอใจสำหรับผม แต่ผมตัวคนเดียว ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ยิ่งเป็นคนขี้โรคอย่างผมยิ่งแล้วใหญ่
วันหนึ่ง ผมได้ทราบข่าวของ "สถาบันหนังสือแห่งชาติ" ผมนั่งฟังข่าวนั้นด้วยหัวใจพองโต ผมหวังว่ามันจะเกิดขึ้นได้จริง การศึกษาของประเทศจะก้าวหน้า เด็กๆมีโอกาสเรียนรู้ อ่านออกเขียนได้ และบันทึกเรื่องราวชีวิตและจินตนาการของเขาเอง
หากเป็นไปได้จริง ผมจะมีโอกาสได้พบสิ่งต่างๆมากขึ้น รู้จักคนมากขึ้น ผ่านตัวหนังสือของเขา ผมไม่เคยลืมว่า การเขียน การอ่าน การพูด การฟัง ของผมนั้นล้วนมาจากเนื้อหาในหนังสือ ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ ไม่ใช่ฮาร์ดแวร์ ไม่ใช่แค่เครื่องคอมพิวเตอร์กับอินเตอร์เน็ต
ผมรู้ดีว่าคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตมีประโยชน์ และมันก็มีโทษด้วย เพราะอะไรหรือครับ มันเป็นสื่อที่ควบคุมได้ยากมาก ความเดือดร้อนและเสียหายที่เกิดขึ้นในสังคมมากมายส่วนหนึ่งก็มาจากความเปิดกว้างของมันที่ไม่อาจควบคุมได้ ผมสำเนียกถึงอันตรายของมันครับ เด็กๆของเราจะเรียนรู้อะไร รับรู้อะไร จากสิ่งที่ขาดการคัดกรองนี้
เช่นเดียวกันครับ หากหนังสือที่เด็กใช้อ่านเด็กใช้เรียนขาดการคัดกรองแล้ว ก้เหมือนหยิบยื่นยาพิษให้กับเขา แล้วอนาคตของชาติจะเป็นอย่างไร
ตอนนี้ผมได้ข่าวว่ารัฐบาลเริ่มให้ความสนใจโครงการนี้ แต่...
ต้องจ้างนักกฎหมายเอง
"เราต้องจ้างเอง ต้องทำเอง เพราะเราเสือกคิดเองและอยากทำเองนี่ครับ ไม่ใช่นโยบายของรัฐบาลหรือใครทั้งนั้น"
นั่นคือคำบอกเล่าของคุณมกุฏ อรดี ผู้ที่คิดโครงการนี้
ผมรู้สึกผิดหวังมาก ที่รัฐบาลไม่ช่วยอะไรเลย ได้แต่งอมืองอเท้ารอให้ประชาชนทำเอง รัฐบาลอ้างว่าไม่มีงบประมาณ ผมไม่เชื่อ
ผมอยากให้ผู้อ่านช่วยบอกกันต่อๆไปครับ ผมไม่อยากให้โครงการนี้ล้มหายไป หากผู้อ่านบล็อกนี้รู้สึกว่าเรื่องนี้สำคัญ ช่วยเข้าไปอ่านตามลิงก์ด้วยนะครับ
ในเฟสบุ๊ค คุณ มกุฏ อรดี เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงเรียกร้องเรื่องนี้มาตลอด ตอนนี้ที่ผมช่วยเขาได้ก็มีเพียงเท่านี้ ผมอยากให้ท่านผู้อ่านเป็นอีกแรงหนึ่งที่ร่วมเรียกร้องสิทธิในการศึกษาที่เราและลูกหลานพึงได้รับ
อย่าปล่อยอนาคตของชาติที่กำลังเดินเตาะแตะไว้โดยลำพังเลยครับ
หากท่านมีเวลาจำกัด ฟังจากแถบเสียงในลิ้งค์ด้านล่างก้ได้ครับ
Create Date : 14 กันยายน 2555 |
|
3 comments |
Last Update : 22 กันยายน 2555 20:41:42 น. |
Counter : 1465 Pageviews. |
|
|
|