Don't meow over the spilt milk...
การ์ตูน เก่า..ตาหวานๆ
ว่าด้วย ร้านแมวดำ_บุ๊คช้อป
นิทาน เทพนิยาย ฯลฯ
คุยกันเรื่อยเปื่อย
มะเร็ง (ไม่ใช่ มะโรง นะจ๊ะ)
<<
พฤษภาคม 2555
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
29 พฤษภาคม 2555
ประกาศ – ขาหาย
ความรักของต้นโอ๊ก
คำปริศนา
แมงมุมในอ่างน้ำ
จิตรกรเอก
ประกาศ – ขาหาย
ความรักของต้นโอ๊ก
เสียงร้องของเส้นผม
ใบไม้รูปกุญแจ
ความฝันที่หายไป - จากเรื่อง Clem’s Dream
The Last Slice Of Rainbow
แวะมาชวนอ่านนิทาน
หนูน้อยนิโคลา
นิทานเล่มใหญ่ๆ..ซ่อนเอาไว้ในตู้หนังสือ..
ป่ามหัศจรรย์
ของกำนัลที่มากด้วยคุณค่าทางใจจากมิตรภาพแห่งหนังสือ
การเดินทางของความรู้สึกสวยๆ หมายเลขหนึ่งและสอง
ยอดนิทานของโลก
เทพนิยายดีๆ กับ สนพ.ดอกหญ้า
ยังไม่เลิกอ่านนิทานจนป่านนี้..
ความรักของต้นโอ๊ก
ความรักของต้นโอ๊ก
จากเรื่อง The Tree That Loved a Girl
ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
เมื่อเรายังสามารถซื้อผลไม้ที่หล่นจากต้น หนักสี่เอาซ์ได้ด้วยเงินเพียงหนึ่งเพนนี
แล้วก็ยังมีม้าอยู่ตามถนนหนทาง
ครั้งนั้น มีต้นไม้ต้นหนึ่งเกิดหลงใหลรักใคร่เด็กสาวผู้หนึ่ง
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งซึ่งมีเพียงเก้าหลังคาเรือน
บ้านเรือนเหล่านี้ตั้งรวมกันเป็นวงแหวน มีต้นไม้ดังกล่าวซึ่งเป็นต้นโอ๊กใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลาง
และแผ่กิ่งก้านสาขาปกคลุมบ้านเรือนทั้งหมดเหมือนกับเป็นร่มคันใหญ่
เด็กสาวผู้นี้มีชื่อว่า พอลลี
เธอพักอาศัยอยู่ในหนึ่งของบ้านเก้าหลังนี้
เมื่อครั้งเธอยังเป็นเด็กเล็กๆ มารดาของเธอเคยปล่อยให้เธอนอนอยู่ในตะกร้า แล้วตั้งไว้ใต้ต้นโอ๊กนี้
ซึ่งเธอก็จะนอนเตะขา โบกมือไปมาและจ้องมองแสงตะวันที่ส่องลอดใบไม้สีเขียวๆนับร้อยนับพันใบที่อยู่เหนือศีรษะของเธอ
ต้นโอ๊กจะจ้องมองลงมาและครุ่นคิดว่า พอลลีเป็นเด็กทารกที่งดงามที่สุดในโลกนี้
เธอมีดวงตาสีฟ้า เส้นผมสีน้ำตาลและพวงแก้มสีชมพู
เมื่อพอลลีโตขึ้นมาอีกหน่อย เธอมักจะเอาเชือกหรือรองเท้าสเก็ตไปกระโดดหรือวิ่งเล่นอยู่ใต้ต้นไม้
บางครั้งเธอเล่นงานเลี้ยงน้ำชาตุ๊กตาด้วยเปลือกลูกโอ๊ก
หรือว่าเล่นซ่อนหากับเพื่อนๆของเธออยู่รอบลำต้นอันใหญ่โตมหึมาของต้นโอ๊ก
หรือในวันที่ฝนตก ต้นโอ๊กก็จะคอยระวังไม่ให้ละอองฝนสาดกระเซ็นต้องกายของพอลลีเลยแม้สักหยด
ต่อมา เมื่อพอลลีเติบโตขึ้นมาอีก เธอมักจะนำสมุดหนังสือเรียนออกไปนั่งทำการบ้านใต้ต้นไม้
และต้นโอ๊กก็จะแผ่กิ่งก้านสาขาปกป้องคุ้มครองเธอจากความร้อนของแสงตะวัน
ต่อมาอีก เมื่อบรรดาเด็กสาวในหมู่บ้านพากันไปซักล้างเสื้อผ้าที่น้ำพุ
พอลลีก็ไปที่นั่นด้วยและต้นโอ๊กก็จะจ้องมองเธอและชื่นชมเธอมากที่สุด
เมื่อเธอซักริบบิ้นผูกผม ซึ่งมีทั้งสีแดง สีฟ้า สีเขียว สีเหลือง สีชมพู เธอจะเอามาพาดไว้บนกิ่งก้านเพื่อตากให้แห้ง
และต้นโอ๊กก็จะคอยดูแลไม่ให้สายลมพัดปลิวไป หรือว่านกกาที่กำลังสร้างรังมาขโมยไป
ในฤดูใบไม้ร่วง กิ่งก้านสาขาที่อยู่เหนือบ้านของพอลลีมักจะผลัดใบช้าที่สุดและในฤดูใบไม้ผลิก็จะผลิหน่อแตกใบแรกสุด
แต่เด็กสาวเติบโตเร็วกว่าต้นไม้ ภายหลังจากระยะเวลาที่ต้นโอ๊กรู้สึกคล้ายกับว่าเพียงไม่กี่เดือน พอลลีก็เติบโตเป็นสาว
แล้วเธอเดินทางเข้าไปในเมืองใหญ่ เพื่อไปแสวงโชค
แรกสุดต้นโอ๊กไม่อยากเชื่อว่าเธอได้จากไปแล้ว
แต่เมื่อไม่มีริบบิ้นผูกผมพาดไว้บนกิ่งก้านสาขาในยามค่ำคืน ไม่มีสมุดหนังสือวางอยู่เหนือพื้นหญ้าตรงโคนต้น
ไม่มีพอลลีมาเล่นซ่อนหากับเพื่อนๆรอบๆลำต้นที่เต็มไปด้วยริ้วรอยอันใหญ่โตหลังจากที่เธอทำการบ้านเสร็จ
เธอได้จากไปแล้วจริงๆ
ต้นโอ๊กจึงเริ่มหม่นหมองเศร้าโศก
แม้ว่าจะไม่ทันล่วงเลยกลางฤดูร้อน ใบโอ๊กก็เริ่มปลิดขั้วร่วงหล่นจากกิ่งก้านสาขา
นกกาที่สร้างรังรวงของตนไว้ระหว่างกิ่งไม้ก็เริ่มวิตกกังวล
“เมื่อใบไม้พากันปลิดขั้วร่วงหล่นแบบนี้ แล้วเราจะสามารถปกป้องคุ้มครองลูกน้อยของเราจากเหยี่ยวและนกเค้าแมวได้อย่างไรกันละ” พวกเขาพากันกระวนกระวาย
นกเขาตัวหนึ่งจึงบินขึ้นไปยังยอดไม้ แล้วถามว่า
“ต้นไม้ที่รัก เกิดอะไรขึ้นหรือ ทำไมเจ้าจึงผลัดใบตั้งแต่กลางฤดูร้อนเสียละ
มีหนอนชอนไชอยู่ที่รากของเจ้าหรือ เรามีทางที่จะช่วยอะไรเจ้ามั้ย”
“ฉันกำลังโศกเศร้า เพราะว่าพอลลีจากฉันไปแล้ว ฉันจึงไม่มีจิตใจที่จะส่งน้ำหล่อเลี้ยงออกไปบำรุงใบของฉันเป็นสีเขียว
และเวลานี้เธอก็ไม่ได้อยู่ที่นี่เพื่อมองดูใบของฉัน เจ้าไม่สามารถช่วยอะไรฉันได้หรอก”
แล้วต้นโอ๊กก็ถอนหายใจหนักๆราวกับมีสายลมแรงพัดกระโชกผ่านกิ่งก้านสาขาของมัน
แล้วใบไม้ใบหนึ่งก็ปลิดขั้วร่วงหล่นราวกับเกล็ดละอองหิมะ
กิ่งก้านสาขาทั้งหมดที่ต้นโอ๊กเหยียดยื่นอย่างโหยหาไปยังทิศทางของเมืองใหญ่ที่พอลลีเดินทางไป
“ทำไมเจ้าไม่ส่งข่าวไปขอร้องให้เธอกลับคืนมาละ” นกเขาเจ้าปัญญาถามต้นโอ๊ก
“ฉันจะส่งข่าวไปถึงเธอสักพันข่าว” ต้นโอ๊กตอบ
แล้วใบโอ๊กทั้งหนึ่งพันใบที่ปลิดขั้วร่วงหล่น ก็ล่องลอยไปกับสายลม เข้าไปยังนครใหญ่ที่พอลลีพำนักอาศัยอยู่
ไม่ว่าเธอจะก้าวเดินไปทางใด ใบโอ๊กก็จะลอยละล่องไปสัมผัสเธอออย่างนุ่มนวล ราวกับจะวิงวอนขอร้องให้เธอกลับบ้าน
แต่พอลลีก็ไม่เข้าใจถึงเนื้อความข่าวสารของต้นโอ๊กเลย
“น่าประหลาดจังเลยนะ” เธอเปรยขึ้น “ใบโอ๊กเหล่านั้นเฝ้าแต่ร่วงหล่นลงมาที่ตัวฉัน ทั้งๆที่ไม่มีต้นโอ๊กอยู่ในบริเวณใกล้ๆนี้เลย”
“เจ้าจะต้องลองใช้วิธีอื่นดู” นกเขาพูดกับต้นโอ๊ก เมื่อเห็นว่าพอลลีไม่ได้กลับคืนมา
ดังนั้น ต้นโอ๊กจึงส่งความฝันไปยังช่างไม้ประจำหมู่บ้าน ซึ่งตั้งบ้านอยู่ใกล้ลำต้นของมันมากที่สุด
ขอให้เขาตัดกิ่งไม้ออกไปกิ่งหนึ่งแล้วทำเป็นของขวัญสำหรับพอลลี
การต้องสูญเสียกิ่งก้านสาขาไปเป็นสิ่งที่เจ็บปวดอย่างแสนสาหัสสำหรับต้นไม้
และในขณะที่ฟันเลื่อยกัดลึกเข้าไปและลึกเข้าไป ต้นโอ๊กก็สั่นสะท้านและส่งเสียงคร่ำครวญ
ในท้ายที่สุดกิ่งโอ๊กก็ขาดออกไป และช่างไม้ก็แปรสภาพมันไปเป็นเก้าอี้โยกที่สวยงามตัวหนึ่ง
“ช่วยเข้าไปในเมือง ไปตามหาพอลลีให้ฉันหน่อยเถิด” ต้นโอ๊กวิงวอนขอร้องต่อช่างไม้ในความฝัน
“มอบเก้าอี้โยกตัวนี้ให้เธอด้วยความรักจากฉัน และอ้อนวอนขอให้เธอกลับมาบ้าน”
ดังนั้น ช่างไม้จึงเอาเก้าอี้โยกขึ้นบรรทุกบนหลังล่อ แล้วขี่เข้าไปในเมืองใหญ่
แต่เมื่อเข้ามาถึงในเมือง เขาก็กลับคิดว่า “ฉันคงขายเก้าอี้สวยงามนี้ได้ราคาดีพอที่จะซื้อล่อใหม่สักตัวหนึ่ง
ทำไมฉันจะต้องไปใส่ใจ กับธุระของต้นไม้ ฉันจะต้องไปมัวเสียเวลาตามหาหญิงสาวผู้นั้นให้ยุ่งยากลำบากทำไม”
ดังนั้น เขาจึงทำตามที่เขาคิด
เจ้านกเขาที่บินติดตามเขามาก็พบเหตุการณ์ที่เป็นไป จึงบินกลับไปเล่าให้ต้นโอ๊กฟัง
ต้นโอ๊กรู้สึกโกรธเคืองมากเสียจนกิ่งก้านอีกกิ่งหนึ่งปริแตกหักด้วยความคับแค้นใจ
แล้วกิ่งดังกล่าวก็ร่วงใส่หลังคาบ้านของช่างไม้
เมื่อช่างไม้กลับมาพร้อมกับล่อตัวใหม่ ก็พบกับบ้านที่อยู่ในสภาพหักพัง
แล้วต้นโอ๊กก็ยังคงปลิดขั้วร่วงหล่นต่อไปอีก
“คราวนี้เราจะทำอย่างไรกันดีละ” พวกนกกาปรึกษากัน
พวกนกกาขอคำแนะนำจากต้นกาฝากที่ขึ้นแซมตรงง่ามไม้ส่วนที่เกือบจะอยู่ยอดสุดของต้นโอ๊ก
ต้นกาฝากเองก็เริ่มวิตกกังวล เพราะหากว่าต้นโอ๊กตายลง มันก็จะไร้แหล่งพักพิงเช่นกัน
“เก็บผลของฉันไปสิ เอาไปร้อยเป็นสร้อยคอ” ต้นกาฝากบอก “แล้วเอาไปให้พอลลี”
ดังนั้น พวกนกจึงเก็บผลกาฝากที่งดงามแวววาวราวกับไข่มุกหนึ่งร้อยลูก ช่วยกันร้อยเป็นสร้อยคอด้วยใบหญ้า
แล้วนกเขาก็คาบเข้าไปในเมืองใหญ่
มันมองหาและพบพอลลีกำลังเดินอยู่ในถนน จึงคล้องสร้อยคอลงบนศีรษะของเธออย่างแม่นยำ
“คุณพระช่วย ใครส่งของขวัญอันงดงามชิ้นนี้มาให้ฉัน” เธอร้องอุทานขึ้นมา
แต่เธอก็ไม่เคยคาดเดาว่าของสิ่งนี้จะเป็นของขวัญจากต้นโอ๊กใหญ่
ในระหว่างนั้น ต้นโอ๊กก็รอคอยด้วยอาการเศร้าหมองและเศร้าหมองยิ่งขึ้น
“อย่างน้อยที่สุดก็ช่วยรักษาใบของเจ้าเอาไว้ จนกว่าลูกน้อยของเราจะสามารถบินได้” พวกนกกาวิงวอนขอร้อง
ต้นไม้ใหญ่จึงยินยอมตามนี้ แต่ใบไม้ทั้งหมดก็ได้เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลราวกับย่างเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว
คงเหลือแต่ต้นกาฝากที่ยังเป็นสีเขียวอยู่ที่ง่ามไม้ตรงเกือบจะถึงยอดสุด
มีชายหนุ่มผู้หนึ่งมองเห็นพอลลีกำลังเดินอยู่บนถนนของเมืองใหญ่ เธอสวมสร้อยคอสีไข่มุกอันงดงามเส้นนั้น
และเขาก็คิดอย่างกับต้นโอ๊กที่ว่า เธอเป็นหญิงสาวที่งดงามที่สุดในโลก
เขาจึงขอแต่งงานกับเธอ และเธอก็ตอบตกลง แล้วทั้งสองก็เข้าพิธีแต่งงานกันในเมืองใหญ่นั้นเอง
ส่วนนกเขาซึ่งเฝ้าดูคนทั้งสองจากยอดหอคอยของโบสถ์ ก็รู้สึกทุกข์ร้อนอย่างรุนแรง
เพราะดูคล้ายกับว่าพอลลีคงจะไม่มีทางกลับบ้านอีกต่อไปแล้ว
แต่เจ้านกก็คาดการณ์ผิด
เพราะเมื่อสามีของพอลลีเอ่ยถามเธอว่า “เธอคิดว่าเราจะมีลูกกันสักกี่คนดีจ๊ะ และเราจะตั้งรกรากกันที่ไหน”
พอลลีก็นึกถึงเมื่อครั้งที่เธอเคยนอนอยู่ในตะกร้าใต้ต้นโอ๊กใหญ่ ซึ่งเคยบังฝนให้เธอในเวลาที่เธอเล่นซ่อนหากับเพื่อนๆ
ช่วยบังแดดให้เธอในเวลาที่เธอทำการบ้าน แล้วในทันใดเธอก็โหยหาคิดถึงถิ่นฐานบ้านเกิดของตัวเองขึ้นมา
“เรากลับที่หมู่บ้านของฉันเถอะ” เธอบอกกับสามี
ดังนั้น ทั้งสองจึงซื้อล่อตัวหนึ่ง
แล้วในวันแรกของฤดูใบไม้ร่วง เมื่อใบไม้สีแดง สีทองและสีน้ำตาล เริ่มปลิวคว้างจากต้น
คนทั้งสองก็พากันขี่ล่อไปยังหมู่บ้าน
ชายผู้เป็นช่างไม้ได้ละทิ้งบ้านที่หักพังของตนและจากไปแล้ว
ดังนั้นพอลลีกับสามีของเธอจึงช่วยกันซ่อมแซมบ้านแล้วก็ขนย้ายเข้าไปอยู่อาศัย
แรกสุด ต้นโอ๊กแทบจะไม่เชื่อว่าผู้เป็นที่รักของตนกลับมาแล้ว
แต่เมื่อได้รับรู้ว่า พอลลีกลับมาอยู่ที่หมู่บ้านแล้วจริงๆ น้ำหล่อเลี้ยงภายในลำต้นของมันก็ไหลซึมไปสู่ส่วนต่างๆ
หยดแล้วหยดเล่า เหมือนน้ำตาแห่งความสุข
ตาสีชมพูใหม่ๆกับใบสีเขียวสดก็ผลิงอกออกมาตามกิ่งก้านในขณะที่ต้นไม้อื่นๆกำลังสูญเสียใบของตนไป
และตลอดฤดูหนาวต้นโอ๊กก็ยังเขียวชอุ่มด้วยความสุข
ฤดูร้อนต่อมา พอลลีก็คลอดลูก เธออุ้มลูกน้อยใส่ตะกร้าไปตั้งไว้ใต้ต้นโอ๊กใหญ่
และต้นโอ๊กก็จ้องมองดูเส้นผมสีน้ำตาล นัยน์ตาสีฟ้าและพวงแก้มสีชมพูของทารกน้อย
แล้วก็คิดอยู่ในใจว่า “นี่เป็นเด็กทารกที่งดงามที่สุดในโลก”
Create Date : 29 พฤษภาคม 2555
Last Update : 29 พฤษภาคม 2555 19:37:48 น.
3 comments
Counter : 4686 Pageviews.
Share
Tweet
เคยอ่านเหมือนกันคะ รู้สึกว่ามันเศร้าจัง
โดย:
normalization
วันที่: 29 พฤษภาคม 2555 เวลา:20:43:47 น.
เจือด้วยความเศร้านิดๆแต่ก็จบแบบอบอุ่นเนอะ
โดย:
แมวดำ_โดนสาป
วันที่: 20 มิถุนายน 2555 เวลา:9:54:06 น.
ตามหาหนังสือมาหลายปี ไม่คิดว่าจะมีคนเอาเรื่องมาลง ขอบคุณนะค้า ดีใจมากเลยที่ได้อ่านอีกครั้ง
ไม่ทราบว่ามีหนังสือมือสองเรื่องนี้ขายด้วยป่าวเอ่ย อยากได้มากเลยค่ะ
โดย: pik (
mooch
) วันที่: 12 สิงหาคม 2555 เวลา:19:48:28 น.
Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
แมวดำ_โดนสาป
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [
?
]
แมวดำ_โดนสาป
Ninie
ผมร้อยตำรวจเอกสมชายปลอมตัวมา
โสดในซอย
kae_kool
ป้ามด
Froggie
Jikkyjang
ViPaSa
ทุเรียนกวน ป่วนรัก
suicidemachine
=p o o k p u i=
amornsri
ดอกคูณริมฝั่งโขง
granun
tokei/tookei
ZaxZoPhone.
The Legendary Midfielder
รู้รึเปล่าว่าเค้าคือแมว
atihasita
greenpluss
Webmaster - BlogGang
[Add แมวดำ_โดนสาป's blog to your web]
Bloggang.com