ความทรงจำของนกคุ่มคอลาย

ความทรงจำของนกคุ่มคอลาย

ฝันร้ายของค่ำคืนได้พ้นผ่านไปแล้ว ในขณะที่เช้าของวันใหม่กำลังจะเดินทางมาถึง นางนกคุ่มค่อย ๆ พลิกตัวยื่นคอออกมานอกรังเพื่อมองดูความเป็นไปอย่างระแวดระวัง จากนั้นจึงหันมาใส่ใจกับการพลิกไข่ที่กกมาตลอดทั้งคืนด้วยปีกและขา บ้านของนางถักสานด้วยเศษหญ้าแห้งเป็นอุโมงค์คล้ายถ้ำที่ไม่ค่อยจะเป็นระเบียบนัก แต่ก็ดูอบอุ่นปลอดภัย ท้องที่กำลังหิวปลุกให้นางตื่นเร็วกว่าปกติ ลำไส้คอดกิ่วปวดแสบราวกำลังถูกบิดทึ้งทรมาน ได้แต่อดกลั้นความหิวโหยที่ซุกซ่อนอยู่ในร่างผอมบางเบาและรอคอยเวลา ภาพของวันวานผุดขึ้นในความคำนึงของนางอีกครั้งหนึ่ง
“ ให้ฉันได้เดินทางไปในชีวิตของเธอได้ไหม ” คู่รักของนางนกคุ่มเอ่ยขึ้นเมื่อแรกพบกันในหน้าข้าวในนาเหลืองอร่ามทอดรวงโค้งงอลงดิน นางนกกระมิดกระเมี้ยนอยู่นานกับถ้อยคำที่ใสซื่อของนกหนุ่มที่เข้ามาเกี้ยวพาน
“ ให้ฉันเดินทางไปด้วยเถอะนะ ” นกหนุ่มยังคงพะเน้าพะนอ
“ ทางยาวจะไปกับฉันหรือ ”
“ ยาวก็ไป สั้นก็ไป ”
“ ฉันไม่มีอดีต แล้วอดีตของเธอล่ะ ”
“ อดีตของฉันสูญสิ้นไปแล้ว เมื่อคู่รักของฉันจากไปในหน้าฝน ”
“ หล่อนไปไหน ” นางนกทำหน้าฉงนฉงาย
“ เสียงดังของศาสตราพาหล่อนไป ” นกตัวผู้ทำหน้าเศร้าเมื่อถูกถามถึงอดีต นางนกคุ่มคอลายนั้นรู้สึกสงสารเขาจับจิตจับใจ ไม่รู้จักวิธีปลอบได้แต่พยักหน้าและตัดสินใจเดินตามเขาไปในเส้นทางของชีวิต
นางนกฉุดดึงความคิดของตัวเองกลับเข้าสู่ความเป็นจริงอีกครั้ง ชะโงกหน้ามองดูท้องฟ้ายามอุษาโยคและเงี่ยหูฟังเสียงที่ลิ่วลอยมาตามสายลมอย่างใจจดใจจ่อ คิดหวังจะได้ยินเสียงร้องของคู่รักของนางอีกสักครั้ง…



เป็นเวลาสามวันมาแล้วที่พ่อนกผู้สูญสิ้นอดีตไม่ได้หวนกลับมาหา ความคิดถึงและหวาดกลัวรุมเร้าจนทำให้นางนกไม่มีกระจิตกระใจที่จะออกไปหาอาหาร ทุกครั้งที่นางได้ยินเสียงของนกผู้ตัวอื่นร้องขัน นางจะรีบยื่นหน้าออกมานอกรัง แลหาที่มาของเสียงนั้นเผื่อว่าเสียงนั้นจะเป็นคู่ของนางบ้างสักครั้งหนึ่ง กระทั่งสามวันผ่านไป นางต้องอดทนอยู่กับความหวาดกลัว ไม่มีวี่แววของผู้ที่จากไปเลย
นางนกบิดตัวไปมาอีกสองสามครั้งจัดวางไข่ทั้งสามฟองให้เข้าที่เข้าทาง รู้สึกถึงความหวังทุกครั้งที่ชีวิตน้อย ๆ ในไข่เต้นเร่า ๆ สัมผัสได้ถึงอาการสั่นสะเทือนเคลื่อนไหว อีกไม่นานสมาชิกใหม่ในครอบครัวก็จะเพิ่มขึ้น อาหารที่เคยหากินเพียงอิ่มปากอิ่มท้องก็คงต้องหาเพิ่มมาเผื่อลูกน้อยทั้งสาม นางเฝ้าภาวนาให้วันนั้นมาถึงเร็ว ๆ กระนั้นนางยังคงนึกใจหายทุกครั้งเมื่อนึกไปถึงว่า ถ้าลูกน้อยของนางเติบใหญ่ก็จะต้องจากรวงรังอ้อมรักของแม่ไป เพราะลูกนกนั้นไม่มีอดีต ไม่มีความทรงจำ มีแต่วันนี้และพรุ่งนี้ เหมือนที่พ่อและแม่ของนกเคยเป็น



อื๊ด……อื๊ด…..อื๊ด…. เสียงนกคุ่มหนุ่มขันเสียงหวานแว่วมากับสายลม นางนกคุ่มคอลายหยุดนิ่งงัน เงี่ยหูฟังเสียงนั้นอย่างคาดหวัง ขณะออกมาหาอาหารรอบๆ รังของนาง เมื่อหมดความอดทนและพ่ายแพ้ให้แก่ความหิว เสียงของนกหนุ่มยังคงขันกังวาน ช้าบ้างเร็วบ้าง เป็นท่วงทำนองที่อบอุ่นและเป็นมิตร นางเคยได้ยินเสียงขันนี้มาแล้วที่ไหนซักแห่งเมื่อไม่กี่วันก่อน เสียงขันยิ่งแว่วดัง ใจของนางยิ่งอ่อนไหวเหมือนถูกสะกดด้วยความสัมพันธ์บางอย่าง ดึงดูดความเป็นตัวตนของนางราวกับกำลังเคลิ้มฝัน ล่องลอยอยู่ในภวังค์ ทำให้อยากรู้จักมักคุ้นกับเจ้าของเสียงนั้น
นานมาแล้วที่นกชนิดเดียวกันกับนางเริ่มที่จะลดจำนวนลงโดยที่นางเองก็ไม่รู้แน่ชัดว่าพวกเขาหายไปไหน ตลอดเวลาที่ผ่านมาเหมือนกับนางต้องอยู่ในโลกอย่างโดดเดี่ยว สู้แดดสู้ลมเพียงลำพัง
“ มีคู่ก็เหมือนไม่มี ไม่รู้ไปอยู่ไหน ติดพันนกอื่นตัวใดไม่มีข่าวคราว น่าน้อยใจนัก ” นางนกรำพันอย่างรันทดท้อก่อนจะก้มหน้าก้มตามองหาเมล็ดหญ้าที่แสนจะหายยากบนพื้นดินต่อไป
อื๊ด….อื๊ด…..อื๊ด…… เสียงนกฉกรรจ์ขันแว่วไล่หลังเหมือนจะใกล้เข้ามาทุกขณะ มันเป็นเสียงที่นุ่มนวลอบอุ่นและเป็นมิตรอย่างยิ่ง นางนกตัดสินใจสลัดความสับสนทั้งหมดโผบินกลับมายังรังทั้งที่ท้องยังไม่เต็มอิ่ม เมื่อภาพของลูกน้อยไปใข่ผุดพรายขึ้นมาในมโนความคิด




ฝันร้ายของค่ำคืนหวนกลับมาทำร้ายนางนกคุ่มอีกครั้งหลังจากที่นางเคลิ้มหลับลงไปได้ไม่นาน ภาพของทุ่งข้าวหน้าเก็บเกี่ยวทอดรวงสีเหลืองทองยามเมื่อต้องดวงตะวันเผยขึ้นมาให้เห็น ลมเย็นพัดพาต้นข้าวเอนไหว นกคุ่มวัยแตกรุ่นกำเลาะ ขันขานบทเพลงกังวานเพื่อการเลือกคู่สู่สม ฤดูเก็บเกี่ยวเป็นฤดูที่นกคุ่มทุกตัวจะมีความสุขที่สุด มีข้าวหญ้าอาหารอุดมสมบูรณ์ ลูกน้อยทั้งสามของนางวิ่งซุกซนไปมาในป่าข้าวทั้งที่กระดูกยังไม่แข็งแรงพอ กระพือปีกบินยังไม่ขึ้น นางและพ่อนกต้องคอยวิ่งตามอยู่ไม่ห่าง เมื่อพลัดหายก็จะคอยส่งเสียงร้องเรียก ไม่นาน เมื่อห่างแม่ลูกนกก็จะติดตามเสียงร้องกลับมาทุกครั้งไป
คืนวันแห่งความปรีดีผ่านพ้นไปวันแล้ววันเล่า จนข้าวเหลืองล้มหายไปจากท้องทุ่ง เช้าวันหนึ่งนางนกคุ่มพบว่าตัวเองกำลังยืนร่ำไห้มองดูพ่อนกและลูกน้อยบินจากไปทีละตัว ๆ ทิ้งให้นางต้องพบกับความโดดเดี่ยวเพียงลำพังอีกครั้งหนึ่ง
ภาพของความฝันนั้นค่อยๆเลือนหายไป นางนกคุ่มสะดุ้งตื่นขึ้นมาพบกับเช้าของวันใหม่พร้อมๆกับเสียงขันอันเสนาะหวานของนกหนุ่มตัวเดียวกับที่ได้ยินเมื่อเย็นวาน
“ ความฝัน ” นางอุทานออกมาอย่างเหม่อลอย ลูกน้อยในเปลือกไข่ยังไม่มีวี่แววว่าจะโผล่ออกมาดูโลกอันเหว่ว้างกว้างใหญ่นี้เลย นางนกค่อยๆขยับปีกและขาพลิกไข่เหมือนที่เคยทำมาทุก ๆ วัน ให้ไออุ่นจากเรือนร่างของนางแผ่กระจายไปในทุก ๆ ด้าน นางเชื่อมั่นเสมอว่าการกระทำเช่นนี้จะช่วยให้ลูกน้อยมีชีวิตหลุดพ้นออกมาจากเปลือกไข่ได้ในไม่ช้า แม้ว่านางเองจะยังไม่เคยมีลูกและไม่เคยเห็นนกตัวใดออกไข่เลยก็ตาม นี้เป็นสัญชาตญาณที่บอกให้นางต้องคอยทำอย่างนั้น เป็นสัญชาตญาณเช่นเดียวกันกับที่สัตว์ทุกตัวมีมาแต่กำเนิด
ย่างเข้าเช้าวันที่สี่ที่พ่อนกหายหน้าไป นางนกคุ่มคอลายยังใจจดใจจ่อรอคอยคู่ของมันอย่างคาดหวัง เช้าวันนี้ท้องฟ้าสดใสกว่าทุก ๆ วันที่ผ่านมา ชีวิตของนางกลับจ่อมจมอยู่กับความระทมทุกข์ หวาดกลัวและเหว่ว้างวังเวง
อื๊ด…อื๊ด…อื๊ด… นกคุ้มหนุ่มยังคงขันแว่วเชิญชวนให้รู้จัก ความสับสนเริ่มรุมเร้านางนกอีกครั้งและรุนแรงกว่าทุกคราวที่ผ่านมา
“ การรอคอยช่างทรมานเหลือเกิน บางทีนกแปลกหน้าอาจมีเรื่องราวของพ่อนกเล่าให้ฟังบ้าง ” นางนกเอ่ยขึ้นก่อนจะโผบินไปตามยอดหญ้าคามุ่งหน้าไปทางที่นกหนุ่มพำนักทันที





“ นกตัวใดขันแว่วไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ซ้ำยังทำตัวลึกลับไม่เปิดตัวเผยตนให้ใครเห็น ” นางนกเอ่ยทักเมื่อมาถึง ได้ยินแต่เสียงขันเล็ดลอดออกมาจากสุมทุมพุ่มหนาโดยไม่มีนกตัวใดออกมาต้อนรับ
“ ฉันอยู่ในนี้ ในที่ที่มืดมิดที่สุด ชีวิตของฉันมีแต่ความมืดมิด ช่วยฉันออกไปทีเถิด ” นกหนุ่มร้องตอบ ไม่ทันที่นางนกคุ่มคอลายจะไต่สวนกลับไป ร่างแหบางเบาก็หล่นร่วงลงมาคลี่คลุมร่างของนางไว้ทันที เมื่อนางนกไม่ทันระวังตัวเผลอไปชนกับดักเข้าอย่างจัง
“ โอ๊ย ๆ อะไรกันนี่ ” ร่างแหบางเบานั้นพันตูเข้ากับปีกและขา ยิ่งดิ้นรนยิ่งรัดแน่น นางนกคุ่มตกใจจนสุดขีดไม่เคยรู้เคยเห็นร่างแหประหลาดมาก่อน ได้แต่ดิ้นพล่านจนขนอ่อนนุ่มหลุดลุ่ยกระจุยกระจาย
“ ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย ช่วยฉันด้วยเถิด ”
“ เธอเป็นอะไรหรือ ให้ฉันช่วยอะไร ” นกหนุ่มร้องตระหนกดังมาจากในพุ่มไม้
“ ฉันเดินชนเข้ากับอะไรไม่รู้ มันพันธนาการปีกและขาของฉันแน่นไปหมด ” นกผู้สูญเสียคู่รักรวบรวมกำลังที่มีดิ้นรนแต่ก็ไร้ผล ร่างแหเหนียวแน่นรัดร่างอ่อนแอบอบบางจนหมดเรี่ยวแรง สุดท้ายนางนกได้แต่นอนแน่นิ่งหายใจติดขัดอยู่บนพื้นอย่างยอมจำนน…
“ เอาอีกแล้ว ทำไมทุก ๆ วันฉันจะต้องเจอแต่เรื่องราวแบบนี้นะ นกตัวใดที่เข้ามาใกล้ฉันจะต้องถูกพันธนาการทุกครั้งไป มันอะไรกัน ” นกหนุ่มยังคงสับสน
“ ช่วยฉันด้วย ช่วยฉันด้วยสิ ”
“ ฉันช่วยเธอไม่ได้หรอก ” นกหนุ่มถอนหายใจอย่างเจ็บปวด
“ ฉันก็ถูกพันธนาการอยู่ในกรงขังมืดมิดเหมือนกัน มันกักขังฉันมาตั้งนานแล้ว ฉันไม่เคยได้เห็นท้องฟ้า ไม่เคยได้เห็นอะไรเลย ทุก ๆ วันจึงได้แต่ร้องเพลงปลอบใจตัวเองเรื่อยมา ฉันช่วยอะไรเธอไม่ได้จริง ๆ ”
“ อะไรนะ เธอเองก็ถูกคุมขังรึ ” นางนกยังฉงน
“ ใช่ ฉันถูกคุมขัง ชีวิตของฉันมีแต่ความมืดมิด ทุก ๆ วันได้ยินแต่เสียงนกพวกเดียวกันถูกพันธนา ”
“ เคยมีนกถูกร่างแหเหมือนฉันหรือ ”
“ ทุกวันเลย ไม่มีใครเคยรอดพ้นซักตัว ”
“ รอดพ้นจากอะไร ”
“ มนุษย์ ”
“ มนุษย์ ” นางนกทวนคำเสียงสั่น
“ มนุษย์คืออะไร ”
“มนุษย์คือพวกที่จองจำฉันอยู่ พวกนั้นบินไม่ได้ ตัวใหญ่เท่าต้นไม้และร้องเสียงประหลาด” นกหนุ่มสาธยาย
“ รึคู่รักของฉันจะถูกพันธนาการ ถึงได้เงียบหายไป ”
“ คู่รักของเธอหายไปหรือ ”
“ ใช่…สี่วันมาแล้วที่เขาไม่ได้กลับมา ” นางนกอลักเอลื่อ
“ ใช่ล่ะฉันจำได้ สี่วันก่อนนกหนุ่มคอลายถูกพันธนา เขาพร่ำบ่นถึงคู่รักและลูกน้อยที่ยังอยู่ในไข่ของเขาให้ฉันฟัง ”
“ โถ…เป็นเขาจริง ๆ ” นางนกถอนหายใจอย่างสิ้นหวัง พยายามดิ้นรนสลัดร่างแหอีกครั้งแต่ก็ไม่เป็นผล ได้แต่นอนแผ่อาลัยห่วงหาลูกน้อยในไข่กลัวจะเป็นเหยื่อของพวกงูตัวยาว
จนรุ่งเช้าวันใหม่เดินทางมาถึง นางนกคุ่มถูกจับมาคุมขังไว้ในกรงไม้ไผ่แคบคับ มีน้ำท่าอาหารมากมายมาวางล่อปากล่อท้องที่กำลังหิว กระนั้นยังไม่มีกระจิตกระใจที่จะกลืนกิน ภาพของลูกน้อยล่องลอยไปมาในความคิด วันและคืนผ่านไปอย่างซ้ำ ๆ ซาก ๆ จนไม่รู้วันเวลา นางนกผ่ายผอมตรอมตรมด้วยความคิดถึงห่วงใยลูกน้อย นางพยายามที่จะดิ้นรนแหวกช่องไม้ไผ่จนปากและปีกบอบบางบอบช้ำ ทนทุกข์ทรมาน ฝันร้ายยาวนานคุกคามครั้งแล้วครั้งเล่านับแรมปี เสียงกระซิบกระซาบของคู่รักผู้จากไปยังแว่วได้ยินอยู่ในความรู้สึกเสมอเหมือนว่าเขายังคงอยู่เคียงข้างไม่ได้ห่างหาย แต่เสียงนั้นกลับค่อยๆแผ่วเบาลงเมื่อเวลาผ่านไป จนวันหนึ่งขณะที่มนุษย์เปิดกรงไม้ไผ่เพื่อให้อาหารแก่นางโดยที่ไม่ทันได้ระวังตัว นางนกคอลายได้กระโจนพุ่งแหวกประตูกรงทะยานสู่ฟ้าเบื้องสูงอย่างรวดเร็ว เรียวปีกโบกลมพัดยังอ่อนช้อยงดงามเสมอ แม้ว่านานมาแล้วที่มันไม่ได้กระพือกว้างจนสุดตัวเช่นนี้ นางนกน้ำตาคลอเบ้าตื้นตันใจกับอิสระภาพที่นางได้รับอย่างถึงที่สุด ภาพของรวงรังบนพื้นดินเลือนลางจนนางไม่อาจจำได้ ไม่มีเสียงกระซิบกระซาบของคู่รักในความรู้สึกและภาพของลูกน้อยในไข่ก็พร่าเลือนจนจวนลับหาย นางนกคุ่มพยายามรวบรวมสัมปชัญญะที่มีทั้งหมดทบทวนทุกๆเรื่องราวที่ผ่านมา ไม่มีภาพของอดีตหลงเหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย นับแต่บัดนี้นางได้แต่คิดเพียงว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร จะพบเจอกับอะไรอีกบ้างในวันข้างหน้า นอกจากนั้นก็ไม่รู้อะไรอีกเลย นกไม่เคยมีอดีต พ่อนกและลูกนกก็ล้วนไม่เคยมีอดีต
ท้องฟ้าเริ่มมืดดำไปแล้ว รัตติกาลกำลังเดินทางคืบคลานใกล้เข้ามา นางนกคุ่มคอลายปรับปลายปีกโผทะยานลงสู่ดงหญ้าสีน้ำตาลแห่งหนึ่งที่เหมือนจะคุ้นเคย

อื๊ด…อื๊ด…อื๊ด…เสียงขันของนกหนุ่มแว่วแผ่วโผยมากับสายลมยามย่ำค่ำ นางนกชื้นใจขึ้นมาอย่างน่าประหลาด เร่งเดินมุ่งหน้าตามเสียงนั้นไปด้วยหัวใจที่มาดมั่นพองโต นางยังปรารถนาจุดเริ่มต้นของความทรงจำจะเกิดขึ้นกับนาง ณ ที่แห่งนี้อีกครั้งหนึ่ง…….




Create Date : 19 กรกฎาคม 2549
Last Update : 19 กรกฎาคม 2549 14:40:10 น.
Counter : 947 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

แลงมาเถียงนา
Location :
อุบลราชธานี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ชีวิตที่เรียบง่าย งดงามครับ
PhotobucketPhotobucket
เขียนข้อความ
PhotobucketPhotobucket
กรกฏาคม 2549

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
14
15
16
17
18
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31