62. มหากาพย์ฟุกุชิมะ (สาม-จบ)
วันนั้นก็ออกจากบ้านคุณยายตอนเที่ยงกว่าๆ เราก็โบกมือลาทุกคน มันเศร้ามากจริงๆ
มาคราวนี้ ไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากอพยพไปเรื่อยๆ เป็นการได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเค้ามากๆ แต่สุดท้ายคุณพ่อ คุณแม่และเคนก็พาปิคกับหยีไปส่งที่จุดนัดพบจนได้
ไปถึงแล้วก็ต้องรอรถจากสถานฑูตอีกราวๆชั่วโมงนึง ตรงที่นั้นก็ได้พบกับคนไทยคนอื่นด้วยเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้คุยกันมาก ส่วนใหญ่เข้าไปนั่งในรถมากกว่า
แล้วรถก็มา ก็มีการทักทายก่อนจะขึ้นรถ ก็โบกมือลาเป็นครั้งสุดท้าย น้ำตาไม่ไหลหรอก แต่ใจหาย พวกเราปลอดภัยแน่แล้ว แต่พวกเค้าล่ะ...
ระหว่างที่นั่งบนรถ กรุ้ปหลังรถก็คุยกันกระจัดกระจาย...นอนไม่ลงเลย (ไม่ได้ว่านะ แค่เล่า) ส่วนกรุ้ปหน้ารถก็คุยกันเบาๆ หยีก็ส่งเมลล์กับคุยโทรศัพท์ ปิคก็เช่นกัน เพราะคุณพี่โทรมาทุกสิบนาทีเลยก็ว่าได้
รถบัสก็มุ่งหน้าไปเซนได เพื่อรับคนไทยที่นั่น ก่อนจะวนกลับไปโตเกียว ระหว่างทางก็มีแวะให้เข้าห้องน้ำ แถมมีร้านขายของฝากด้วย เลยยังมีแก่ใจจะซื้อของฝากจากฟุกุชิม่าไปฝากบ้านคะจิ
ห้องน้ำที่นี่ก็ดีด้วย มีน้ำกด ดีใจมากๆๆๆ พอรถออกไปอีกสักพัก คุณพี่หลังรถดันลืมกระเป๋าไว้ในห้องน้ำที่นั่น ก็เลยต้องหยุดรถเพื่อจะคุยกับทางนั้นว่าจะเอากระเป๋าได้ยังไง เพราะทางรถเป็นทางด่วน มันวนกลับยากอ่ะนะ
ก็เสียเวลาไปอีกสักพัก ก่อนจะได้ไปต่อ พอไปถึงเซนได ที่ร้านอาหารไทย ก็ทำการรับคนขึ้นมา สองจุดนะ ถึงจะออกเดินทางกัน
พอคนขึ้นมาก็หาที่นั่งกัน นับคน แล้วรถก็ออกเดินทางจากเซนได สักพักนึง ก็มีแจกข้าวปั้น ในใจคิดว่า ข้าวปั้นอีกแระ เฮ้ออออ แต่หารู้ไม่ว่า โอนิกิรินั้นมีไส้ปลากระป๋องอยู่ อร่อยมากเลยยยยยแหละ
แล้วก็มีพี่ผู้ชายคนนึง คิดว่าเป็นคนของสถานทูตมาสำรวจคนลงรถ ว่าจะลงที่ไหน มีตัวเลือกสองทางคือ หนึ่ง. ไปลงวัดปากน้ำด้วยกัน แล้วตอนบ่ายๆจะมีรถออกไปสนามบิน สอง. ลงในโตเกียว หาทางไปต่อเอง
กว่าจะไปถึงโตเกียวก็ตีสองแล้ว (ของวันพุธที่สิบหก) ซึ่งปิคก็มีความจำเป็นต้องรีบไปให้ถึงโอซาก้าโดยด่วน เพราะว่าตั๋วกลับมันสิบเก้าอ่า (มีปัญหาเรื่องตั๋วเครื่องบินซะจริง กลัวจะไม่ทัน) ต้องกลับไปจัดของ จัดการเรื่องหอ โทรศัพท์ ซึ่งยังไม่ไดทำสักอย่าง
ถ้าไปวัดปากน้ำ ปิคก็จะเสียเวลาไปโตเกียวไป หลังจากคุยกับพี่แล้ว ตอนแรกนึกว่ารถจะไปส่งนาริตะเลย พี่เลยบอกให้ต่อไฟลต์ไปโอซาก้าเลย แต่ว่าผิดแผน ถ้ารอรถบัส ก็มีแต่รถกลางคืน ก็เสียเวลาพอกัน สรุปเลยลงเอยที่ชินกันเซน เลยเลือกลงที่สถานีโตเกียว
สักพักน่าจะถึงชิซึโอกะ ก็มีแวะให้เข้าห้องน้ำและกินข้าว แต่ปิคไม่กล้ากินข้าว กลัวปวดท้อง เฮ้อ เรื่องเดิมๆ แต่ระหว่างที่ปิครอหยีซื้อข้าว อยู่ดีๆแผ่นดินก็ไหวอีกรอบ ยังคงสั่นอยู่นะคะ ที่นั่นมีอาสาสมัครเรดครอส ก็เห็นรีบกินกันใหญ่
สักพักเราก็รีบไปที่รถบัสเพื่อเดินทางต่อ ก็ไปถึงวัดปากน้ำ มืดๆอ่ะค่ะ มองไม่เห็นอะไรเลย พอรถจอดก็มีพระรูปนึงมาต้อนรับแล้วก็บอกเรื่องการเข้าพัก อำนวยความสะดวก ดีมากๆๆๆๆๆๆๆเลย
แต่ปิคไม่ลง ก็เดินทางต่อ ก็คุยกะพี่นวพล ตั้งนานไม่หลับนะคะ กว่าจะหลับไปหลับตอนจะลงรถ พี่เค้าก็ปลุก ถามว่า ไม่ลงเรอะ ถ้าไม่ได้พี่เค้า ปิคไปอีกไกลแหง
ตอนลงรถนั้นก็ตีสามแล้ว พี่เค้าก็ลงมากับสาวเกาหลีอีกคน ซึ่งยังตัดสินใจกันไม่ได้ว่าจะทำไงต่อ ปิคเลยไปซื้อตั๋วชินกันเซน แล้วรีบเข้าเกตไปก่อน
ไปงมวิธีซื้อตั๋วตั้งนานแน่ะ ไอเราก็ไม่เคยซื้อ ไม่เคยนั่ง ทำไงก็ไม่รู้ แต่ก็ซื้อเข้าไปจนได้ เข้าไปก็ต้องไปรอเกตของชินคันเซงเปิดอีก
นั่งๆ ยืนๆ ตั้งแต่ตีสามตีสี่ยันตีห้าครึ่ง ตอนนั้นหิวมากกกกกกกกกกกกกก เริ่มปวดท้องแล้วก็รู้สึกอ่อนเพลียสุดๆ พอตีห้าคนก็เริ่มเยอะ พอประตูเปิดก็รีบเข้าแล้ววิ่งไปรถทันที กลัวที่นั่งเต็ม
ตอนก่อนเข้ายังโทรไปหาแก้วให้ช่วยดูสายรถ เพราะว่าไม่ค่อยเข้าใจ โทรไปรบกวนมากมาย สงสารเพื่อนเนอะ กำลังนอนแท้ๆ
พอวางกระเป๋าเสร็จก็ออกไปซื้อชานมขวดนึงกับขนมชิ้นนึงมากิน แต่ตอนนั้นในท้องมันมึนไปหมด ทรมานมาก ไม่รู้มันเหนื่อย มันหิว หรือมันอะไร
ก็ได้แต่นั่นให้มันสงบๆลงก่อน แล้วก็สำรวจรอบๆ เพราะไม่เคยขึ้น แอบดีใจ ได้ขึ้นแบบไม่ตั้งตัว
ที่นั่งกว้างๆๆๆๆๆๆๆ นอนยืดขาได้ แต่ถุงเท้าขาดเป็นรู เลยไม่กล้ายืด เหอๆ แล้วด้านข้างก็มีที่เสียบปลั๊ก ดีใจมากเพราะแบตกำลังจะหมด ถ้าหมดล่ะก็ เป็นเรื่อง
แล้วพอรถออก ก็ค่อยเริ่มกินของกินที่ซื้อมา แล้วก็เมลล์ไปบอกคะจิว่าช่วยโทรมาตอนแปดโมง เพราะกลัวหลับแล้วนั่งเลย พอเรียบร้อยก็นอนหลับสนิท จอดกี่ป้ายไม่รู้เรื่องเลยทีเดียว ใกล้ๆแปดโมงก็ตื่นมาถึงสถานีเกียวโต เลยไม่ได้หลับต่อ คะจิก็โทรมาปลุกตามที่รบกวนไว้
ตอนนั้นก็รู้สึกดีขึ้นมาก พอลงรถที่ชินโอซาก้า ก็ยืนรอคะจิมารับ ก็โทรคุยกันว่าอยู่ตรงไหน แต่ก่อนจะเจอคะจิ กลายเป็นว่าอยู่ดีๆก็มีคนวิ่งเข้ามากอด เป็นแม่คะจินั่นเอง แม่คะจิยอดหยุดงานขับรถมารับปิคที่สถานี แม่คะจิก็บอกว่าดีใจจัง ได้เจอกันแล้ว ปิคเองก็ดีใจมากเลย แล้วก็เห็นคะจิ แม่คะจิเลยบอกว่าให้ไปหาคะจิ คงอยากกอดคะจิมากกว่า ก็ไม่ใช่แบบนั้น ปิคเองก็ไม่ได้กอดเพราะว่าก็เกรงใจอยู่บ้างอ่ะนะ
หลังจากนั้นก็ไปขึ้นรถ แล้วแม่คะจิก็พาไปส่งที่หอ เป็นอันว่า จบการเดินทาง จาก อะชิยะ - ฟุกุชิมะ - อะชิยะ ทรหดจริงๆ
แต่หลังจากนั้นยังทรหดต่อไปอีก เพราะไปถึงเป็นช่วงห้องน้ำทำความสะอาดอยู่ ป้าก็ไม่ให้ปิคอาบน้ำ นี่ชั้นเพิ่งกลับจากฟุกุชิมะนะคะ เดี๋ยวก็แผ่รังสีซะเลยนี่ กว่าจะได้อาบ ปาเข้าไปสิบเอ็ดโมงโน่นนนนน พอเสร็จก็ว่าจะออกไปหาพ่อ (ที่ร้านไบต์) เพื่อไปลา ลงไปเจอเรียวโจพอดี เรียวโจเลยขอให้ไปเชคห้องเพื่อเตรียมทำการเชคเอาท์ พร้อมเพื่อนอีกสองคน ซึ่งเลื่อนการเดินทางกลับเป็นวันที่สิบเจ็ด
ตอนนั้นคะจิก็มายืนรอหน้าหอแล้วแหละ แต่ก็ออกไปไม่ได้ ไปเก็บของจัดของ แล้วก็รอเรียวโจมาเช็คห้อง ฝากเงินเพื่อนไว้จ่ายค่าหอเผื่อกลับดึกอีก แล้วก็ออกเดินทางไปทำภารกิจต่อ ไปร่ำลาทุกคน
ระหว่างทางก็ยังมีอาการปวดท้องตามมา สงสัยเพราะเหนื่อยและหิว
วันต่อมาก็ไปรีฟันด์ตั๋วรถบัส แล้วก็ไปกินข้าวที่บ้านคะจิ
วันศุกร์ก็ไปเดทเป็นครั้งสุดท้ายของการอยู่ญี่ปุ่นครั้งนี้ แล้วก็กลับมาจัดของ
วันเสาร์ก็กลับไทย
สรุป ตั้งแต่กลับมาจากฟุกุชิมะก็ไม่ได้พักเลย เหนื่อยตลอด เพราะถึงกลับมาหอ ก็ยังต้องจัดของอีก
กลับมาไทย สงสัยทั้งเพลียทั้งร้อน เป็นลมไปรอบนึง ฮ่าๆ ตอนนี้ก็มีแค่พอหิว หรือร้อน ก็จะมึนๆหัว ไม่ก็ชาๆที่หัว รู้สึกร่างกายอ่อนเพลียมาก
แต่นอนยังไงก็ไม่เต็มที่ เพราะพอถึงเวลามันตื่นเอง เลยเหมือนพักผ่อนไม่พอสักที แต่ก็คงโอเคในไม่ช้า
ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องขอบคุณทุกๆคนจริงๆ โฮสต์ที่ฟุกุชิมะ แม้จะลำบาก แต่ก็ยังคอยดูแลพวกเรา เพื่อน (แก้วใสกับบลู) ที่คอยติดต่อ และหาข้อมูลโน่นนี่ให้ตลอดเวลา ครอบครัวปิคเองด้วยที่เป็นห่วงปิคมากๆ อันนี้ต้องขอบคุณแน่นอนอยู่แล้ว พี่โช พี่ที่สถานทูต ใจดีมากๆๆๆๆและช่วยเหลือปิคเต็มที่จริงๆค่ะ และคนอื่นๆอีกมากมายที่อาจกล่าวได้ไม่หมด ขอบคุณจริงๆ
ปิดท้าย ปิคว่าการบินไทยห่วยยังไงก็ยังห่วยอย่างงั้นอยู่ดี ถ้าเลือกได้ก็ไม่อยากใช้บริการการบินไทยอีกแล้วอ่ะค่ะ
ครั้งหน้าจะพิมพ์บล็อกสุดท้ายของหมวดนี้แล้วค่ะ
Create Date : 25 มีนาคม 2554 |
|
11 comments |
Last Update : 25 มีนาคม 2554 15:43:23 น. |
Counter : 1000 Pageviews. |
|
|
|
ตามมาอ่านตอนจบ เป็นทริปทรหดอดทนมั่กๆ
ถ้าเป็นพี่เอิงคงเป็นลมไปหลายรอบ พี่หิวบ่อย เข้าห้องน้ำบ่อย อรึ๋ย
แต่ดีใจที่ตอนนี้น้องปิคเดินทางกลับถึงเมืองไทยโดยปลอดภัยแล้ว
รักษาสุขภาพ พักผ่อนเยอะๆ นะคะ