ที่มา : //www.nokiagang.com/forums/viewtopic.php?f=11&t=865 (เวอร์ชั่นเดียวกับ SP ครับ)

    เครื่องนี้เป็นเครื่องนอก ที่ผมซื้อมาใช้ ซึ่งหลังจากได้ลองใช้งานมาแล้ว
พบทั้งข้อดีและข้อเสียมากมาย ที่ผมจะนำมาเสนอให้กับผู้ที่สนใจใน Nokia
5800 Express Music ได้ชมกัน เพื่อเรียกน้ำย่อยก่อนที่เครื่องศูนย์จะวางจำหน่าย

ส่วนที่ผมนำเสนอนั้น ผมจะเสนอในส่วนของ ซอฟแวร์ และ ฮาร์ดแวร์ จุดเด่น จุดด้อย ของรุ่นนี้ให้ชม ซึ่งการนำเสนอของผมนั้น ณ.วันนี้ ตัวที่ผมมีอยู่ในมือนั้น มีรายละเอียดดังต่อไปนี้

รูปลักษณ์ภายนอก

......ตรงนี้ผมจะไม่อธิบายอะไรมาก ให้ดูรูปกันเอาเองเลยครับ มิติเครื่อง ซ้าย ขวา หน้า หลัง ดูกันเอาเองเลยครับ

- บริเวณนี้ จะเป็นที่อยู่ของปุ่ม Touch Media,Secondary camera(กล้องหน้า),Light Sensor,Proximity sensor

- หน้าจอขนาดใหญ่ และหน้ากากแบบผิวมันวาว

- ด้านหลังออกแบบเรียบง่ายโดยฝาหลังทำจากพลาสติกพ่นสีแบบด้าน

- ด้านนี้จะเป็นที่อยู่ของ ลำโพงของตัวเครื่อง และช่องเสียบเมมการ์ด และรวมไปถึงช่องใส่ซิมการ์ด

-
บริเวณนี้ ซ้ายสุด คือ ปุ่มเปิด/ปิดเครื่อง ถัดมาเป็นรูเสียบสายชาร์จ
ถัดมาอีกเป็นรูเสียบหูฟัง/tv out และถัดไปก็คือช่องเสียบสาย datalink
cable ชนิด micro USB โดยมียางกันฝุ่นปิดเอาไว้

- ช่องเสียบเมโมรี่การ์ด และช่องใส่ซิมการ์ด จะวางอยู่ใกล้กันโดยมีฝาปิดกันฝุ่นเอาไว้

-
ด้านนี้ เริ่มจากซ้าย นั่นคือปุ่มชัตเตอร์กล้อง ถัดมาเป็นปุ่มล็อค/ปลดล็อค
หน้าจอและปุ่มกด ขวาสุดคือปุ่มปรับลดเสียง
และสามารถใช้ในโหมดกล้องเพื่อซูมภาพได้

-
ฝาปิดแบตเตอรรี่ด้านหลังเป็นแบบพ่นสีผิวแบบด้าน และมีลายกราฟฟิคคาดตลอดแนว
รวมทั้งยังเป็นที่เก็บปากกา Stylus อีกด้วย
ซึ่งระบบล็อคฝาหลังจะเป็นแบบแสนปฟิต และเลนส์กล้องทำจากอคลีลิค
ซึ่งจะติดมากับฝาหลัง

-
เมื่อพลิกฝาหลังขึ้นมาดู คุณจะพบกับ
สติ๊กเกอร์สอนวิธีถอดซิมการ์ดออกจากตัวเครื่อง
และยังมีฟองน้ำกันฝุ่นเข้าเลนส์กล้อง และฟองน้ำกันชื้นขั้วแบตเตอรรี่

-
ในรุ่น 5800 นั้นทำขั้วต่อ แบตเตอรรี่มาได้อย่างแน่นหนามาก
ซึ่งการออกแบบเช่นนี้จะส่งผลให้ เมื่อมีการตกกระทบกระแทบ ทั้งแบตและฝาหลัง
มีโอกาสหลุดกระเด็นแยกส่วนกันมีโอกาสน้อยลงไปมาก
และยังลดปัญหาเครื่องดับเองเฉกเช่นในรุ่นเก่าๆ ที่ใช้เพียงแค่สปริงสัมผัส
แค่ได้รับการกระแทก หรือบิดไปมาในกระเป๋ากางเกงก็ทำเครื่องดับแล้ว

- ของที่แถมมาในกล่อง มีดังที่เห็นในภาพ

-
ตัวปากกานั้น ได้มีการบากร่องหลบแบตเตอรรี่เอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ดังนั้นตอนที่เราเสียบปากกาเข้ากับช่องเสียบ จะไม่ชน
หรือขูดกับก้อนแบตเตอรรี่อย่างแน่นอน ตัววัสดุของปากกานั้นทำจากพลาสติก

**
ในส่วนของ ปากกา stylus นั้น ในกล่องจะมีมาให้ 2 อันด้วยกัน ซึ่งอันแรก
จะเสียบเอาไว้ที่ฝาปิดแบตเตอรรี่ ส่วนอีกอันจะแพคใส่ถุงเอาไว้ในกล่อง

จุดเด่นที่สุดแสนจะสะดุดตา

......ตรงนี้ ผมจะนำเสนอในส่วนที่แตกต่างไปจาก S60 รุ่นเก่าๆ ที่เห็นได้ชัดเจน ซึ่งอาจจะมีทั้งที่เหมือน และแตกต่าง

-
ตรงที่เห็นนี้ ( ที่วงกลมสีแดงเอาไว้ ) เป็นปุ่ม Touch Media
เมื่อเอานิ้วไปแตะเบาๆ คุณจะพบกับเมนู ซึ่งจะมีทั้ง Music
Player,Browser,Gellery,Share Online,Video centre ดังรูป

.....
จุดเด่นของรุ่นนี้ในหน้าของ Home Screen นั้น จะมีจุดเด่นตรงที่
เมื่อเรานำปากกาหรือนิ้ว ไปสัมผัสที่หน้าจอ ตามจุด
ในภาพเราสามารถเข้าเมนูลัดต่างๆ ได้จากหน้าจอแสดงผล โดยอาศัยการ Touch

- เมื่อนำปากกาไปแตะยังตำแหน่งที่ 1 ก็จะพาเข้าไปที่ Clock ทันที เราสามารถตั้งค่าเวลา/นาฬิกาปลุกได้จากตรงนี้

- เมื่อนำปากกาไปแตะยังตำแหน่งที่ 2 ก็จะพาเราเข้าไปยัง Profile เราสามารถตั้งรูปแบบการทำงานของเครื่องได้

-
เมื่อนำปากกาไปแตะยังตำแหน่งที่ 3 ก็จะพาเราเข้าไปยัง Connect ซึ่งในนี้
เราสามารถเข้าไปตั้งค่าการเชื่อมต่อ Bluetooth,Wlan และการเชื่อมต่ออื่นๆ
ได้

- เมื่อนำปากกาไปแตะยังตำแหน่งที่ 4 ก็จะพาเราเข้าไปยังแป้นตัวเลข ในหน้านี้เราสามารถกดตัวเลขเพื่อใช้ในการโทรออกได้

-
เมื่อนำปากกาไปแตะยังตำแหน่งที่ 5 ก็จะพาเราเข้าไปยังหน้า contac
เราสามารถเข้าไปเพิ่มรายชื่อผู้ติดต่อ และดูหมายเลขที่เราสามารถติดต่อได้

-
ในส่วนของเมนูหลัก สามารถแสดงผลได้ทั้งแนวตั้ง และแนวนอน อย่างที่รู้ๆ กัน
โดยอาศัยการเอียงตัวเครื่อง( Auto Rotate ) ซึ่ง การตอบสนองนั้น
บางครั้งก็ตอบสนองได้ช้า แต่บางครั้งก็ตอบสนองได้ไวมากๆ (
ตรงนี้ควรได้รับการปรับปรุง )

-
รุ่นนี้ มีจุดเด่นอยู่จุดนึง นั่นก็คือ หากเรานำรูปภาพ มาตั้งค่าเป็น
wallpaper มันจะแสดงภาพ wallpaper ในรูปแบบ fullscreen ทันที
ตรงนี้จะผิดจาก s60 รุ่นก่อนหน้านี้แทบทุกรุ่น หากคนเคยเล่นพวก Symbian
รุ่นเก่าๆ คงจะทราบดีว่า หากนำรูปภาพมาตั้งเป็น wallpaper
มันจะโชวรูปได้ไม่เต็มจอ โดยจะเว้นแถบเมนูด้านล่าง
และแถบนาฬิกาด้านบนเอาไว้ ดูแล้วไม่สวยงามเป็นอย่างยิ่ง ( จุดนี้ผมชอบมากๆ
)

หมายเหตุ... กรณีของ Nokia S60 รุ่นเก่าๆ นั้น
เราจะไม่สามารถนำรูปภาพมาตั้งค่า wallpaper แบบเต็มจอได้เฉกเช่นกับ 5800
(ดังรูป)ไม่ว่าจะเป็น Nokia
7650,3650,3660,N-gage,N-gage,6600,6260,3230,N70,N72,N93,N95,N96
ไม่สามารถนำภาพมาตั้งเป็นพื้นหลังได้แบบเต็มจอ ซึ่งในอดีต
เราจะต้องนำรูปภาพดังกล่าว ไปทำเป็น Theme ซึ่งยุ่งยากมากๆ แต่ Nokia 5800
นั้นได้ลบจุดบอดข้อนี้ออกไปโดยสิ้นเชิง

-
กรณีที่มีสายเข้า หากเราคว่ำเครื่องลง
ระบบจะทำการตัดเสียงริงโทนเองโดยอัตโนมัต ( แต่ไม่วางสาย )
ทำให้เราไม่ต้องกดปิดเสียง เหมือนกับ Nokia 8800 arte
ให้ความสะดวกสบายเป็นอย่างมาก และนอกจากนี้ รูปภาพใน Gellery
เรายังสามารถนำมาตั้งค่าเป็นรูป display เพื่อโชวตอนมีสายเข้าได้อีกด้วย
โดยรูปภาพที่แสดงนั้นจะเป็นรูปภาพขนาดใหญ่ ซึ่งผิดจาก S60 เวอร์ชั่นเก่าๆ
มาก เพราะจะโชวแต่รูปเล็กๆ ซึ่งตรงนี้น่าชมเชยมาก( รอมานานแล้ว )

-
ในการเล่น website นั้น สามารถตั้งค่าให้แสดงผลแบบ Full Screen ได้
และสามารถใช้งานได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน และนอกจากนี้ ยังสามารถดูพวกเวป
video online เช่น youtube ได้อีกด้วย

-
กล้องหน้า หลายคนอาจจะเคยเห็นในเวปรีวิวหลายๆ
เวปจะกล่าวถึงกล้องหน้าว่า... "ไม่สามารถถ่ายรูปได้"
และบางเวปก็ไม่ได้มีบอกรายละเอียดตรงนี้ ทำให้หลายท่านเกิดความสงสัยว่า
กล้องหน้ามันถ่ายรูปไม่ได้จริงๆ นะหรือ ผมตอบในที่นี้เลยครับว่า กล้อง
หน้าสามารถถ่ายรูปภาพและ video ได้ครับ แต่เราจะต้องกด Touch
ที่หน้าจอเพื่อถ่ายภาพ
เพราะปุ่มชัตเตอร์ของกล้องจะไม่สามารถทำงานได้ในโหมดกล้องหน้าครับ

-
กล้องหลัก มีฟังค์ชั่นให้เล่นพอสมควร ซึ่งลูกเล่นต่างๆ คล้ายกล้องของ
Nokia N73 ไม่ผิดเพี้ยน แต่ที่เด็ดคือ สามารถถ่าย VDO
ได้ที่ความละเอียดสูงที่ 640x480 และความไวภาพที่ 30เฟรม/วินาที


.....
หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมผมรีวิวนิดเดียว ผมขอตอบไว้ตรงนี้เลยว่า
เนื่องจากฟังค์ชั่นการใช้งานหลายๆ อย่างมันไม่ต่างอะไรจาก N-series หรือ
S60 รุ่นพี่ๆ เท่าไรนัก ที่ผมนำเสนอแต่ส่วนที่สำคัญ
หรือส่วนที่ผิดแปลกไปจากรุ่นเก่าๆ เพราะฟังค์ชั่นอื่นๆ
มันไมได้มีอะไรแตกต่างกันเลย


ข้อดี
1. วัสดุและงานประกอบทำได้เนี๊ยบ และแน่นหนามากๆ ตรงนี้น่าชมเชย
2. ของแถมเยอะมากเมื่อเทียบกับราคา
3. ฟังค์ชั่นพื้นฐานให้มาครบครัน ในราคากลางๆ ถือว่าคุ้ม
4. แบตอึดพอสมควร หากใช้งานดีๆ อยู่ได้นานเป็นวัน
5.
เมนูและฟังค์ชั่นต่างๆ ถอดมาจาก S60 รุ่นเก่าๆ มาอย่างเห็นได้ชัด
ทำให้เราสามารถทำความเข้าใจในการใช้งานได้ง่ายขึ้นมาก
เพราะฟังค์ชั่นมันไม่ต่างจากรุ่นเก่ามากนัก
6. กล้อง 3.2ล้าน
ให้ความคมชัดได้ดีในระดับนึง ซึ่งถือว่าเป็นพื้นฐานของปัจจุบันไปแล้ว
แต่ถ้าจะให้ดีควรจะดึงฟีล์มที่แปะเลนส์กล้องออก และเปิดโหมดมาโคร
จะถ่ายได้คมกว่าโหมดปกติมาก
7. การรับสัญญาณโทรศัพท์ ทำได้ดี แม้เสาอากาศจะอยู่ด้านล่างของตัวเครื่องก็ตาม แต่ก็สามารถรับสัญญาณในที่อับได้เป็นอย่างดี
8.
เลนส์กล้องชั้นนอก อยู่ที่ตัวหน้ากากหลัง เป็นผลดี หากเลนส์กล้องเป็นรอย
เราสามารถถอดเปลี่ยนได้อย่างง่ายดาย แค่ไปซื้อฝาหลังมาใส่ใหม่
เท่านี้ก็หมดปัญหาเลนส์กล้องเป็นรอยแล้ว
9. ขั้วแบตเตอรรี่
ทำมาแบบเป็นสปริงหนีบสองด้าน
ทำให้ตัวแบตยึดกับบอร์ดได้อย่างแน่นหนาไร้กังวล ตัดปัญหาอาการแบตหลุดหลวม
ซึ่งเป็นต้นเหตให้เครื่องติดๆ ดับๆ ได้เป็นอย่างดี
10. การเรียกใช้เมนูและฟังค์ชั่นต่างๆ ไม่ช้าไม่หน่วง

ข้อเสีย
1. หน้ากากหน้าเป็นผิวมันวาวเกิดริ้วรอยได้ง่าย
2. ซอฟแวร์ยังไม่เสถียรณ์ในการใช้งานบางฟังค์ชั่น
3.
ระบบ Touch ยังทำงานได้ไม่เนียนเท่าที่ควร ซึ่ง ตรงจุดนี้ หากคนที่เคยเล่น
Iphone มาก่อน มาเจอรุ่นนี้อาจจะขัดใจเอาได้ ( ลากไม่ค่อยไป
ต้องออกแรงนิดหน่อย )
4. กล้องหลัก หากไม่เปิดโหมดมาโครเพื่อถ่ายภาพ ภาพที่ได้ จะมืดทันที แม่จะอยู่ในที่ๆ มีแสงสว่างมากก็ตาม ( เจอที่มืด noise เพียบ )
5.
การเชื่อมต่อ wlan ทำได้ยาก ( windows mobile ทำได้ง่ายกว่ามาก ) การวางเมนูการตั้งค่าต่างๆ วางได้ลึกลับซับซ้อน
หากคนที่ไม่เคยชินก็จะใช้งานมันไม่ค่อยจะเป็น
6. ตัวปากกา ทำจากพลาสติกเปราะบาง ดูไม่มีราคา
7. ไฟแฟลต led 2 ดวงคู่ ยังให้ความสว่างไม่ดีเท่าที่ควร
8. ซอฟแวร์ support ยังมีน้อย เมื่อเทียบกับ s60 ตัวอื่นๆ ( ธรรมดา รุ่นเพิ่งออก ต้องใช้เวลา คาดว่าอณาคตมันจะดีขึ้นเอง )
9. ปุ่มกด รับสาย-เมนู-รับสาย สามปุ่มนี้ เวลากดรู้สึกได้ถึงความกระด้าง ไม่นิ่มนวล
10. ปากกาที่แถมมากับตัวเครื่อง ปลายค่อนข้างคม หากไม่มีฟีล์มกันรอยหน้าจอ คงได้ฝากริ้วรอยเอาไว้กับตัวจอแน่ๆ