BlogGang.com : : panomsarakham : 21 ก.พ.2551 วันแห่งความรักของชาวพุทธ มาฆบูชา พระพุทธองค์ทรงรักชาวโลกเผยแพร่คำสอนให้พ้นทุกข์

21 ก.พ.2551 วันแห่งความรักของชาวพุทธ มาฆบูชา พระพุทธองค์ทรงรักชาวโลกเผยแพร่คำสอนให้พ้นทุกข์

มาฆบูชา ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑
ต ร ง กั บ วั น ขึ้ น ๑ ๕ ค่ำ เ ดื อ น ๓

.......................................................

"มาฆะ" เป็นชื่อของเดือน ๓ มาฆบูชานั้น ย่อมาจากคำว่า
"มาฆบุรณมี"
แปลว่าการบูชาพระในวันเพ็ญ เดือน ๓ วันมาฆบูชาจึงตรงกับวันขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๓ แต่ถ้าปีใดมีเดือน อธิกมาส คือมีเดือน ๘ สองครั้ง วันมาฆบูชาก็จะเลื่อนไปเป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ เป็นวันสำคัญวันหนึ่ง ในวันพุทธศาสนา คือ
วันที่มีการประชุมสังฆสันนิบาตครั้งใหญ่ในพุทธศาสนา ที่เรียกว่า
"จาตุรงคสันนิบาต"
และเป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดง โอวาทปฎิโมกข์ แก่พระสงฆ์สาวกเป็นครั้งแรก ณ เวฬุวันวิหาร กรุงราชคฤห์ เพื่อให้พระสงฆ์นำไปประพฤติปฏิบัติ เพื่อจะยังพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป
คำว่า "จาตุรงคสันนิบาต" แยกศัพท์ได้ดังนี้ คือ
"จาตุร" แปลว่า ๔
"องค์" แปลว่า ส่วน
"สันนิบาต" แปลว่า ประชุม
ฉะนั้นจาตุรงคสันนิบาตจึงหมายความว่า
"การประชุมด้วยองค์ ๔" กล่าวคือมีเหตุการณ์พิเศษที่เกิดขึ้นพร้อมกันในวันนี้ คือ
๑. เป็นวันที่ พระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้า จำนวน ๑,๒๕๐ รูป มาประชุมพร้อมกันที่เวฬุวันวิหารในกรุงราชคฤห์ โดยมิได้นัดหมาย
๒. พระภิกษุสงฆ์เหล่านี้ล้วนเป็น "เอหิภิกขุอุปสัมปทา" คือเป็นผู้ที่ได้รับการอุปสมบทโดยตรงจากพระพุทธเจ้าทั้งสิ้น
๓. พระภิกษุสงฆ์ทุกองค์ที่ได้มาประชุมในครั้งนี้ ล้วนแต่เป็นผุ้ได้บรรลุพระอรหันต์แล้วทุก ๆองค์
๔. เป็นวันที่พระจันทร์เต็มดวงกำลังเสวยมาฆฤกษ
การปฎิบัติตนสำหรับพุทธศาสนาในวันนี้ก็คือ
การทำบุญ ตักบาตรในตอนเช้า หรือไม่ก็จัดหาอาหารคาวหวานไปทำบุญฟังเทศน์ที่วัด
ตอนบ่ายฟังพระแสดงพระธรรมเทศนา
ในตอนกลางคืน จะพากันนำดอกไม้ ธูปเทียน ไปที่วัดเพื่อชุมนุมกันทำพิธีเวียนเทียน รอบพระอุโบสถ พร้อมกับพระภิกษุสงฆ์โดยเจ้าอาวาสจะนำว่า นะโม ๓ จบ จากนั้นกล่าวคำ ถวาย ดอกไม้ธูปเทียน ทุกคนว่าตาม จบแล้วเดิน เวียนขวา ตลอดเวลาให้ระลึกถึง พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ จนครบ ๓ รอบ แล้วนำดอกไม้ ธูปเทียนไปปักบูชาตามที่ทางวัด เตรียมไว้ เป็นอันเสร็จพิธี

กิจกรรมต่างๆ ที่ควรปฏิบัติในวันมาฆบูชา

๑. ทำบุญใส่บาตร

๒. ไปวัดเพื่อปฏิบัติธรรม และฟังพระธรรมเทศนา

๓. ไปเวียนเทียนที่วัด

๔. ประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือนและสถานที่ราชการ

ได้ไปร่วมทำกิจกรรม วันมาฆบูชา ที่วัดหนองรี ต.พนม อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ช่วงกลางคืน

ไปร่วมสวดมนต์ กับ ผบทบ.(ผู้บังคับบัญชาที่บ้าน) มีหนังสือ บทสวด ให้ท่องตาม พระ ที่ท่านสวดนำเปรียบเหมือน การร้องคาราโอเกะธรรมะ ได้ฝึกการหายใจ ขยายปอด เพื่อท่องตาม ได้ฝึกสมอง ฝึกสายตา ต้องมองตัวหนังสือ และ ท่องให้ทันพระที่นำสวด บทสวด จะมีคำแปล ภาษาไทย ให้ท่องรู้ความหมายของบทสวดด้วย

สวดมนต์ จบแล้ว มีเทศน์ โดย พระสมชาย ที่วัดหนองรี เรื่อง อานิสงฆ์ของการสวดมนต์ มี ดังนี้

1. ทำให้ป้องกันภัยร้ายที่จะเข้ามากร่ำกราย

2.ทำให้ความจำดี ท่านยกตัวอย่างมีพระที่สวดมนต์เป็นประจำมีความจำดีอายุมากแล้ว ส่วนใหญ่จะหลงลืม แต่ท่านยังมีความจำดี

3.การสวดมนต์ประจำทำให้จำบทสวดมนต์ได้ เมื่อเรากำลังจะจากไปจากโลกนี้ จิตใจจะขาดที่พึ่งที่ยึดเหนี่ยว ถ้าจิตไป คิดเรื่องที่ ทำบาป จะทำให้จุติจิต ไปเกิดในอบายภูมิ แต่ถ้าเราสวดมนต์ประจำเมื่อถึงจุดนี้ ถ้ามีคนมากระตุ้น อะระหังสัมมา เราจะสามารถน้อมจิตมานึกถึงบทสวดที่เราสวดประจำ ตามหลักความจริงที่ว่าเราทำอะไรบ่อย ๆ ก็จะจำเรื่องนั้น ๆ การนึกถึงบทสวดได้ก่อนดับ จะทำให้จุติจิต ไปเกิดเป็นนางฟ้า หรือ เทวดา แล้วจะจำบทสวด ที่สวดได้ จิตที่เป็นนางฟ้า หรือ เทวดา จะมีความสามารถที่จะเข้าใจบทสวดได้ อาจทำให้จิตใจเข้าถึงธรรมะ บรรลุ เป็นอริยบุคคล ได้
ท่านได้ยกตัวอย่างว่า ในสมัยพุทธกาล มี นายเคราแดง เป็นโจรถูกจับได้ แล้วพระราชา ต้องการหาราชมัณฑ์ เพื่อประหารชีวิตนักโทษ ได้ถามนักโทษ ประหาร ให้สม้ครเป็น ไม่มีใครสมัคร มีนายเคราแดง อาสาเป็น มีหน้าที่ตัดคอ นักโทษประหาร เมื่อทำหน้าที่ประหารไปหลายปี ก็ประหารนักโทษ เป็นร้อย ๆ ศพ พระสารีบุตร ท่านนั่งเพ่งจิต จะหาผู้ที่จะเสด็จไปโปรด ได้เห็นนายเคราแดง ที่ทำบาป ประหารชีวิตนักโทษ ก็อยากไปโปรด นายเคราแดง เมื่อพบพระสารีบุตร พระสารีบุตรกำหนดรู้วาระจิต ของนายเคราแดง ว่าอยู่ในทางที่ผิดจะช่วยฉุดขึ้นมา จึงได้ไปแสดงพระธรรมเทศนาโปรด นายเคราแดง เลื่อมใสในวัตรปฏิบัติที่งดงาม ก็ถวายอาหารที่เป็นของตนให้พระสารีบุตรฉัน โดยยอมอดอาหาร พระสารีบุตร ฉันอาหารไปแล้วเหลือไว้ครึ่งหนึ่งให้นายเคราแดง ทานต่อนายเคราแดง ก็ทูลพระสารีบุตรว่าอยากจะทำบุญถวายอาหารท่านไม่เพียงครึ่งเดียว ขอให้ท่านฉันให้หมด พระสารีบุตร รู้วาระจิตว่า นายเคราแดง จะสามารถบรรลุธรรมได้จึงพูดว่า ฉันพอแล้ว ที่เหลือขอยกให้นายเคราแดง ถือว่านายเคราแดง ถวายให้ทั้งห่อ แต่ท่านเมตตา ยกให้ทานที่เหลือจากการฉัน นายเคราแดง จึงยอมทาน จนอิ่มแล้ว ก็ฟังพระสารีบุตรเทศน์ ฟังไปอย่างไรก็ไม่เข้าใจเนื้อธรรม จึงขอร้อง ให้พระสารีบุตรหยุดแสดงธรรม พระสารีบุตร รู้วาระจิตว่านายเคราแดง มีกรรมเก่าที่ประหารชีวิต ทำให้ใจเศร้าหมองไม่สามารถฟังธรรมได้ ท่านจึงเทศน์ให้นายเคราแดง ฟังว่า
คนที่ถูกประหาร รู้จักหรือเปล่า นายเคราแดง บอกไม่รู้จัก
ถามว่า ประหารเพราะทำเองหรือใครสั่งประหาร ตอบว่า ไม่ได้ทำเอง แต่ถูกสั่งให้ทำ
ท่านจึงบอกว่า การกระทำนี้เป็นกรรมที่ไม่มีเจตนา ไม่บาปหนักมาก ขอให้ทำใจให้สงบตั้งใจฟังธรรม นายเคราแดง เมื่อฟังพระสารีบุตร เทศน์โปรดใจก็หลุดพ้นจากการคิดเรื่องการประหารชีวิตนักโทษ ฟังธรรม แต่เพระกรรมเก่า ยังตามมาทันทำให้นายเคราแดงสิ้นใจลงก่อนที่จะได้ฟังธรรม จากพระสารีบุตร จนจบ แต่เพราะจิตใจฟังธรรม ขณะจิตดับ นายเคราแดง ได้ไปเกิดเป็นเทวดา เนื่องจากเป็นเทวดา จิตใจบริสุทธิ์ กว่าการเป็นมนุษย์ จึงเข้าใจธรรม แล้วบรรลุธรรม เป็นอริยบุคคลได้เพราะการฟังธรรม

Create Date : 22 กุมภาพันธ์ 2551

Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2551 19:11:09 น.

0 comments

Counter : 2554 Pageviews.