หุ้นไทยสัปดาห์นี้ไซด์เวย์ ซื้อ4หุ้นพื้นฐาน-4เทคนิค

ที่มา ข่าวหุ้นออนไลน์

บล.ฟิลลิประบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ แนวโน้มตลาดหุ้น 30 ม.ค.-3 ก.พ. 55 : Sideways ในกรอบ 1050-1081 จุด

ปัจจัยภายใน: จับตาความคืบหน้าข้อสรุปการแก้หนี้ FIDF

(1) การประชุมระหว่างธปท.และสมาคมธนาคารไทยเพื่อหาข้อสรุปการแก้หนี้ FIDFประเด็นเรื่องการแก้ไขหนี้ของกองทุนฟื้นฟูฯ (FIDF) ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมจากธนาคารพาณิชย์ ซึ่งในสัปดาห์หน้าธปท.จะหารือร่วมกับสมาคมธนาคารไทยเพื่อหาข้อสรุปในเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ อัตราที่เรียกเก็บเพิ่มเป็น 0.55% จากเดิมที่ 0.40% ที่ปรากฏตามหน้าหนังสือพิมพ์ในช่วงก่อนหน้านี้จะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการกลุ่มธนาคารไม่มากนักจากผลกระทบเพียงครึ่งปี อย่างไรก็ดี คาดจะมีการปรับประมาณการลงของเหล่าบรรดานักวิเคราะห์หลังการประกาศงบฯ ไตรมาส 4 ที่แย่กว่าคาดรวมถึงคาดการณ์ผลกระทบจากการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมเต็มปีในปีถัดๆ ไปด้วย จะทำให้มุมมองต่อกลุ่มธนาคารไม่ดีมากเท่าที่คาดในช่วงก่อนหน้านี้



(2) อัตราเงินเฟ้อเดือน ม.ค. ปี 55 กระทรวงพาณิชย์จะประกาศตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือน ม.ค. 55 ในวันที่ 1 ก.พ. หลัง อัตราเงินเฟ้อเดือน ธ.ค. 54 ที่ 3.53% ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 9 เดือน อย่างไรก็ดี การทรงตัวในระดับสูงของราคาน้ำมันในตลาดโลก รวมถึงนโยบายภาครัฐบางส่วน อาทิ การปรับขึ้นราคา NGV อาจกระตุ้นให้เกิดการเร่งตัวขึ้นของเงินเฟ้ออยู่บ้าง

ปัจจัยภายนอก: ให้น้ำหนักกับการเจรจาหนี้ของกรีซ

(1) ความคืบหน้าการเจรจาหนี้ของกรีซ การเจรจาหนี้ของกรีซที่ยังไม่สามารถบรรลุผลได้ จะทำให้ความเสี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ในช่วงเดือน มี.ค. มีมากขึ้นจากการสะดุดตัวของการเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือครั้งต่อไปจากกองทุน EFSF และอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินของยูโรโซน จากการปล่อยกู้ที่เชื่อมโยงกัน และเศรษฐกิจโลกในที่สุด

(2) การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจและผลประกอบการของสหรัฐ นักลงทุนยังควรติดตามการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจและผลประกอบการของบริษัท จดทะเบียนในสหรัฐต่อไป

แนวโน้มตลาดหุ้นและกลยุทธ์การลงทุน

คาดตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้าจะคงความผันผวนในกรอบจำกัด เนื่องจากปัจจัยต่างๆ ที่แวดล้อมทั้งภายในและภายนอกยังไม่คลี่คลายให้เห็นภาพที่ชัดเจนจึงต้องติดตามต่อไป โดยทางฝ่ายให้น้ำหนักกับปัจจัยเรื่องการแก้หนี้ของยุโรป, เศรษฐกิจสหรัฐ และการแก้หนี้ของกองทุนฟื้นฟูฯ (FIDF) ที่อาจส่งผลให้ธนาคาพาณิชย์มีภาระในการจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นและนำไปสู่การปรับลดประมาณการตามมา โดยทางฝ่ายคาดว่าตลาดหุ้นไทยจะเคลื่อนไหวในกรอบระหว่างแนวต้าน 1081 และ แนวรับ 1055-1050 จุด

กลยุทธ์การลงทุนยังเน้นการเก็งกำไรระยะสั้นแบบเลือกหุ้นรายตัวต่อไป ทั้งนี้ ทางฝ่ายยังชอบหุ้นที่คาดจะมีผลประกอบการไตรมาส 4/54 ดี หรือได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมไม่มาก มีโอกาสการฟื้นตัวได้รวดเร็ว หรือ มีปันผลในเกณฑ์ดีรองรับ โดยหุ้นแนะนำในสัปดาห์หน้า ได้แก่ BWG, JAS, SAT และ SCCC

กลยุทธ์อนุพันธ์: เก็งกำไรส่วนต่างในช่วงไม่มั่นใจทิศทางตลาด

ในช่วงที่นักลงทุนยังไม่มั่นใจในทิศทางการเคลื่อนไหวของ SET Index Futures แนะนำเลือกเก็งกำไรส่วนต่างจากฟิวเจอร์ส 2 สัญญา เมื่อพบว่าส่วนต่าง (spread) ระหว่าง S50H12 และ S50M12 ปรับกว้างขึ้นมายังระดับ -7 จุด ห่างจากค่าเฉลี่ยของส่วนต่างที่ -1.29 จุด โดยการเปิด Long S50H12M12 ซึ่งเป็นการเปิดสถานะ Long S50M12 และ Short S50H12 เมื่อส่วนต่างปรับแคบลง หรือติดลบน้อยลงกว่า -5 จุด หรือ ครอบคลุมต้นทุนค่าธรรมเนียมการซื้อขายและภาษีมูลค่าเพิ่มที่คิดเป็นส่วนต่างประมาณ 2 จุด ให้ปิดสถานะรับรู้กำไรโดยการ Short S50H12M12 ทั้งนี้ ป้องกันความเสี่ยงโดยตัดขาดทุนหากส่วนต่างเคลื่อนไหวไปที่-10 จุด

หุ้นเด่นประจำสัปดาห์ในช่วง 30 มกราคม - 3 กุมภาพันธ์ 55:

เชิงพื้นฐาน: Selective Play

BWG: ซื้อ

JAS: ซื้อเก็งกำไร

SAT: ซื้อเก็งกำไร

SCC: ซื้อ

เชิงเทคนิค: AGRI & FOOD Sector Play

GFPT: ซื้อ

CPF: ซื้อเก็งกำไร

KSL: ซื้อเก็งกำไร

TUF: ซื้อเก็งกำไร

Create Date : 30 มกราคม 2555		0 comments
Last Update : 30 มกราคม 2555 10:08:36 น.
Counter : 599 Pageviews.
Share Tweet