Group Blog
 
<<
กันยายน 2548
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
17 กันยายน 2548
 
All Blogs
 

see Ankor Wat and die







see angkor wat and die เคยได้ยินคำกล่าวที่ว่านี้ ต่อเมื่อได้ไปเยือนนครวัด มาแล้ว เพราะเหตุบังเอิญบวกกับความดังของหนังtomb's raiders ที่ใช้ฉากหนึ่งในนครวัดเป็นสถานที่ถ่ายทำ พอมีคนชวนจึงตกปากรับคำแต่โดยดี ทั้งๆที่ไปกันเองไม่ได้ไปทัวร์แถมไปเขมร อีกตังหาก ดีนะ ไปก่อนที่จะมีระเบิดที่เขมร ถึงได้รอดกลับมาได้ก่อนจะไปยังไม่ค่อยนึกถึงอะไรมากนัก เพราะนึกมากอาจจะเปลี่ยนใจไม่ไปก็ได้พราะเรื่องราวเขมรที่ได้ยินได้ฟังมา ไม่ค่อยโสภาเท่าไหร่ แค่ในหนัง the killing fields ก็ดูน่ากลัวมากๆแล้วแต่ถึงอย่างไร ถึงคราวจะไปก็ใช้เวลาตัดสินใจไม่มากนัก เตรียมตัวกันไม่กี่วัน เพราะขืนรอนานๆอาจจะเปลี่ยนใจ แลกเงินไว้เป็นดอลลาร์ เพราะเขมรใช้เงินดอลลาร์ สะดวกสุด ส่วนเงินไทยก็ใช้ได้ แต่ต้องเป็นธนบัตร เหรียญไม่รับ ที่แลกไว้ก่อนเพราะถ้าไปแลกที่เขมร อาจจะหายากและขาดทุนได้ ยังไงๆก็เตรียมไว้เนิ่นๆจะดีกว่า จัดกระเป๋าขนาดกระทัดรัด เตรียมตัวไปย่านถนนข้าวสาร ไปเป็นแบคแพคเกอร์ ไปเขมร เพราะเพื่อนเดินทางบอกว่าเราจะไปขึ้นรถที่นั่น แต่กว่าจะรอกว่าขึ้นไปได้ก็นานโข อันที่จริงเรากะว่าจะไปที่หมอชิต ลงตลาดโรงเกลือแล้วต่อเข้าไปเขมร แต่พอมานึกๆ ดู ที่นี่ใกล้กว่า จึงลงมติมาที่นี่กันรถที่ว่านี้เป็นรถโดยสารแอร์ธรรมชาติ 40กว่าที่นั่ง ราคาก็พอทนแต่กว่าจะนั่งให้ทนๆชินๆ ก็แย่ๆกันไปตามๆกัน หนทางกว่าจะถึงตลาดโรงเกลือ ก็ไกลไม่หยอกถึงที่ตลาดโรงเกลือจะแวะพักที่ร้านอาหารให้ทานข้าวเติมพลังและจะมีคนจัดการทำพาสสปอร์ต เให้เราก็สียค่าธรรมเนียมกันไป พอทานข้าวเสร็จก็ได้เอกสารมายื่นที่ด่านผ่านแดนเข้าเขมร กรอกเอกสารอีกไม่กี่อย่าง แล้วก็รอรถที่จะเข้าไปเสียมเรียบ เพราะจุดหมายปลายทางเราคือที่นั่น จะมีคนรอติดต่อที่คงจัดการมาพร้อมกับรถที่ถนนข้าวสารอยู่แล้ว เราทั้งคันรถจึงได้พร้อมหน้าพร้อมตากันไปต่อที่รถโดยสารเข้าเสียมเรียบ สภาพไม่ผิดกับปลากระป๋อง ไหนจะตัวคนเป็นสิบๆ ไหนจะกระเป๋า ก็อยากได้แบบถูกๆนี่นะ ต้องทนๆหน่อย และยิ่งไปกว่านั้น ทางระหว่างไปเสียมเรียบ ไม่เรียบเหมือนชื่อ ลองนึกภาพทางเกวียนเมื่อ40-50ปีก่อนๆ ดูสิคะ(ที่จริงเกิดไม่ทันค่ะ) รถวิ่งไปโขยกเขยกไป ทางไม่กี่สิบกิโลก็เหมือนเป็นร้อยๆกิโลได้เลย
มีพักระหว่างทางที่ร้านอาหาร แล้วก็เเดินทางต่อ มาลงกันที่ตัวเมืองเสียมเรียบ ตานี้ ตัวใครตัวมัน ก็หาที่พักกันเอาเอง พวกเราก็อาศัยคนนำทางนั่นแหละหาให้ ได้ที่พักที่ราคาไม่มากและไม่ไกลตลาดมากนัก คืนละ10-15ดอลลาร์ ถึงที่พักต้องขอนอนพักเอาแรง และจองรถไว้รอพรุ่งนี้เราจะได้ไปเห็นนครวัดกันจะๆซะที.....
ตื่นมาเช้าวันใหม่ รถที่เจ้าของเกสเฮาส์จองให้ก็มารออยู่แล้ว ที่นี่จะมีรถเช่า เหมือนแท๊กซี่ แต่เป็นยี่ห้อแคมรี่ เชียวนะ พวกเราคนเยอะต้องไปแบบนี้ ที่จริงจะมีมอเตอร์ไซค์ และจักรยานด้วย แต่ไม่เอาดีกว่า กลัวแดดเขมร ค่าเช่าคิดเป็นวันตามระยะทาง วันแรกเราไปกันแค่รอบใกล้ๆ ราคาส่วนมากอยู่ในช่วง20-30ดอลลาร์ แต่ตอนนี้อาจขึ้นมากกว่านี้เพราะน้ำมันแพง ขนาดตอนนั้นบ้านเราลิตรละไม่ถึง20 ที่เขมรลิตรละ30กว่าบาท
ทางเข้านครวัดจะมีช่องจำหน่ายบัตรเข้าชม คิดเป็นวัน 3 และ 5 วันโดยจะมีรูปถ่ายของเราติดบัตรไว้และต้องพกติดตัวตลอดการเข้าชม เพราะจะมีเจ้าหน้าที่ขอตรวจได้ทุกเวลา ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ แต่คราวนั้น 3 วัน 40 ดอลลาร์ รอบัตรไม่นานก็ได้บัตรเคลือบพลาสติกอย่างดีมีภาพของเราอยู่ด้วย ไว้เป็นที่ระลึกได้ว่า ครั้งหนึ่งที่มาเยือน นครวัด 1 ใน7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก
บรรยากาศระหว่างทางไปนครวัดและปราสาทอื่นรอบๆนั้นเหมือนย้อนยุคไปในสมัย40-50ปีก่อนของไทย เพราะริมถนนบางช่วงมีต้นไม้ใหญ่ๆ ขนาดหลายคนโอบ เรียงรายกันอยู่ริมถนน ถนนส่วนมากราดยางแต่มีบางช่วงเป็นถนนลูกรัง เมื่อถึงนครวัดยังเป็นเวลาสายๆแดดอ่อนๆหน้าหนาวทำให้การเดินชมเป็นไปอย่างสบายกายสบายใจ รอบๆนครวัดจะมีคูน้ำล้อมรอบ และเมื่อเดินเเข้าภายในจะมีคูน้ำอีกสองข้าง ทางเดินยาวเหยียดเข้าไปสู่ใจกลางของปราสาท ยิ่งเดินๆเขาไปก็ดูเหมือนย้อนยุคไปในสมัยขอม


ระหว่างทางก็เดินชมลายสลักไปเรื่อยๆตามซอกซอย และเมื่อถึงด้านในของปราสาท เราจะพบว่ามีนางอัปสรา เรียงรายอยู่ตามผนัง เขาว่าไว้ ว่าไม่มีนางไหนเหมือนกันเลยสักคน ท่าทางแต่ละนางเหมือนท่ารำของเขมร เดินๆไปก็เป็นอันสะดุดตากับ นางอัปสราเพราะหินที่สลักถูกลูบจนลื่นเป็นมัน

สอบถามได้ความว่าเขาคงมาอธิษฐานอะไรกัน แต่ไม่รู้ว่าได้ผลหรือไม่ แต่ดูจากจำนวนคนคงไม่น้อยเพราะหินสากๆเป็นหินลื่นๆมันๆได้ด้วยมือคนนั้น จะต้องใช้เวลาและจำนวนคนมากแค่ไหน ลองไปคิดดูเองค่ะ

ใกล้ๆกันนั้น รถวิ่งใช้เวลาไม่นานก็มาถึงนครธม ทางเข้าจะดูน่าเกรงขามเพราะจะมีสะพานเข้าสู้ประตูเมือง สองฝั่งเป็นรูปปั้น ฝ่ายเทวดา และยักษ์เดินเเข้าไปแล้วเหมือนผ่านทางเเข้าสู่อีกยุคหนึ่งเหมือนกันเลยค่ะ นครธมจะมีสัญญลักษณ์ที่หน้าของพระอวโลกิเตศวร นับได้เป็นร้อยๆหน้า จำไม่ได้อีกละว่ากี่หน้า แค่เล่าๆผ่านความทรงจำอันน้อยนิด ถ้าต้องการข้อมูลแน่นๆ เอาไว้ก่อนนะคะ เขาว่ากันว่ารูปหน้าจำลองมาจากเค้าหน้าของพระเจ้าไชยวรมันต์ ที่สร้างนครวัด นครธม ใช่รึเปล่าไม่ได้พิสูจน์ค่ะ
ต่อจากนั้นใกล้ๆกัน จะมีปราสาทเล็กปราสาทน้อย ให้ได้แวะชมกันรายทาง แต่ที่ดูจะถูกใจเพื่อนร่วมทางก็เห็นจะเป็นปราสาทตาพรหม สถานที่ถ่ายทำของจริงของtomb 's raidersค่ะ ลองนึกย้อนดูนะคะใครที่เคยดูหหนังแล้ว ระหว่างทางเดินเข้าไปเหมือน
เข้าไปในป่าสมัยก่อน ทางค่อนรกนิดๆเต็มไปด้วยต้นไม้ แต่ดูแล้วเป็น่ธรรมชาติกว่าทางเดินเข้าปราสาทขอมที่บ้านเราค่ะ เพราะที่นี่ไม่ค่อยปรุงแต่ง เหมือนน้องนางบ้านนา มาเทีบยกะสาวชาวกรุงยังไงยังงั้นเลย

เมื่อได้เห็นปราสาทตาพรหมจริงๆ ขนาดไม่ใหญ่โตมากแต่อลังการด้วยรากของต้นสะปงเกาะเกี่ยวตัวปราสาทไว้ บางช่วงยังปรักหักพังเดินเข้าไปแล้วกลัวรับน้ำหนักไม่ไหว แต่ดูแล้วขรึมขลัง ได้อารมณ์ไปอีกแแบบนึง แต่ถ้าไปเดินตอนกลางคืน ไม่ดีกว่าค่ะตัวใครตัวมัน
สถานที่เที่ยวไกลไปอีกหน่อยคงหนีไม่พ้น บันทายสรี และพนมกุเลนค่ะ แต่ระยะทางค่อนข้างไกล และต้องเสียค่าเข้าชมอีกต่อหนึ่ง แต่ไหนๆไปแล้วพลาดได้ไง


บันทายสรี หรือปราสาทหินสีชมพู รัตนชาติ แห่งปราสาทขอม เป็นปราสาทเล็กๆที่สวยงามเต็มไปด้วยลวดลายสลักวิจิตร เดินชมไม่นานเพราะรอบๆเล็กนิดเดียวเมื่อเทียบกับนครวัดที่สุดอลังการ แต่ถ้าเดินชื่นชมลวดลายสลัก อาจจะนานกว่าก็ได้ค่ะ
ส่วนพนมกุเลน เป็นเขาที่เขาขนหินจากที่นี่มาสร้างนครวัด ไม่รู้ว่ามาได้อย่างไรไกลและหนักหนาสาหัสมากเมื่อนึกถึง ทางขึ้นพนมกุเลน เป็นทางลูกรังลาดๆชันๆรถยนต์ขับไปได้เรื่อยๆค่ะ บางช่วงก็มีถนนขาดบ้าง ต้องลุยน้ำนิดหน่อย ได้แวะน้ำตกเล่นน้ำและพักทานอาหารกลางวันกัน ระหว่างจะมีพระพุทธรูปที่สร้างแกะสลักบนก้อนหินสูงหลายเมตร แวะไว้พระกันก่อนทางขึ้น พอถึงจุดไฮไลต์ พนมกุเลนเป็นแอ่งน้ำที่แกะสลัก ศิวลึงค์ลายเล็กๆเต็มไปหมดทั้งแผ่นหิน ชาวเขมรเชื่อกันว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ ส่วนต้นน้ำนั้นมาจากช่องน้ำเล็กที่เดินไปอีกหน่อย มองดูเหมือนตาน้ำเลย ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นต้นกำเนิดน้ำตกใหญ่โตได้
ส่วนโตนเลสาป ได้ไปแวะมาเหมือนกันแต่ไปไม่ทันล่องเรือค่ะได้แต่เดินชมบรรยากกาศรายทาง ซึ่งจะมีบ้านเป็นเพิงเล็กๆเรียงรายสองฝั่งทางเดิน ดูแล้วเล็กมากจนไม่น่าจะอยู่ได้ คนที่อยู่ที่นี่ส่วนมากยากจน หากินอยู่กับการจับปลาที่นี่และนำมาตากแห้งไว้ขาย ที่นี่เลยมีปลาแห้งขายเยอะค่ะ
ระยะเวลาไม่กี่วันในเขมร ก็มีบรรยากาศประทับใจ ที่คนเขมรก็มีน้ำใจและดูเป็นมิตรบ้างเหมือนกัน เพราะก่อนจะเดินทางไป ได้แต่คิดว่าคนเขมรไม่น่าไว้ใจ แต่เมื่อได้ไปเยือนแล้ว คงจะมีภาพดีๆที่น่าประทับใจเก็บไว้ในบันทึกอีกหนึ่งบทในความทรงจำค่ะ












 

Create Date : 17 กันยายน 2548
5 comments
Last Update : 19 ธันวาคม 2549 12:10:11 น.
Counter : 589 Pageviews.

 

ไปคราวหน้าชวนผมไปช่วยแบกกระเป๋าบ้างสิครับพี่

 

โดย: น้าโหด (น้าโหด ) 9 ตุลาคม 2548 15:17:11 น.  

 

ไปจริงๆเหรอ น้าโหด อิอิ

 

โดย: noojew (noojew ) 10 ตุลาคม 2548 19:18:41 น.  

 

ไปด้วยยยยยยยยยยยยยยยย

 

โดย: ช้างบางนา IP: 61.19.220.5 12 ตุลาคม 2548 12:41:58 น.  

 

ไปมาเมื่อไร อยากไป อยากไป

อิอิ น้าโหดจะไปจริงป่าว

ไปเวียดนามป่าว พี่จิ๋ว ไปเวียดนามกับผมไหม ต้นธันวา อิอิ
ไปเดินป่าเวียดนามน่ะ

 

โดย: เสือจุ่น (เสือจุ่น ) 12 ตุลาคม 2548 15:22:10 น.  

 

ไปมา2002ค่ะ อยากไปอีก เห็นเค้าว่าซ่อมแซมเสร็จปีนี้นะคะ
ถ้าไปอีกนี่มีแก๊งค์ไปหลายคนแล้วนะ ดีจัง คุณช้างบางนาจะไปด้วยเหรอ
ท่าทางน่าไปเนอะ คุณเสือจุ่น สงสัยไปตามล่าหาสิงโตอีกรึเปล่าคะ
เวียดนามก็อยากไปเพราะดูละคร...ฮอยอัน ฉันรักเธอ

 

โดย: noojew IP: 203.188.14.81 13 ตุลาคม 2548 19:32:32 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


noojew
Location :
นครปฐม Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






"noojew"ชื่อในพันทิบมาตั้งแต่ยังใช้อมยิ้มรุ่นเก่าค่ะ แวะเข้าไปหลายห้องแต่พักนี้ส่วนมากจะชอบเข้ามาที่
จตุจักรเรือนกล้วยไม้ กับ ห้องต้นไม้
ทำงานประจำ แต่ชอบทำงานอดิเรกมากกว่า ชอบทำหลากหลายอย่าง สนใจไปหมด.........แต่คงไม่มีอะไรดีซักอย่าง
อาศัยว่าทำแล้วสบายใจก็พอ บล๊อกนี้เลยค่อนข้างสารพัดเรื่องตามใจคนเขียนค่ะ
เก็บโน่นเก็บนี่มาลง มีสาระบ้างไม่มีสาระบ้าง
ขอบคุณที่แวะมาชมนะคะ



clocksforwebFree!







Friends' blogs
[Add noojew's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.