 |
 |
 |
 |
 |
|
 |
 |
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
 |
30 มีนาคม 2553 |
|
 |
 |
|
 |
|
|
|
 |
 |
 |
 |
|
 |
 |
 |
 |
|
ประโยคธรรม-- หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก--
การเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารภพน้อยภพใหญ่นี้ มันทุกข์ร้อนมาก ๆ ผู้ไม่ปรารถนาที่จะมาเวียนว่ายตายเกิดอีก ต้องปฏิบัติตนรักษาศีล บำเพ็ญภาวนา ตั้งศรัทธาให้มั่นคง ปฏิบัติธรรมกำหนดรู้ถอดถอนความยึดมั่นถือมั่นในอารมณ์ทั้งปวง ถอดถอนความยึดถือในโลกทั้งปวง ในธรรมทั้งปวง ความเป็นตัวเป็นตน ความแบกหาม เอาสมมุติทั้งหลายทิ้งไปให้หมด สละไปให้หมด จึงได้ชื่อว่าเป็นผู้หลุดพ้นจากการเวียนว่าย ตายเกิด
------------------ การเดินย่ำไปในโลกธรรม ถ้าจิตเหนื่อยล้าก็จงพักเอากำลังแห่งสติปัญญาอันกล้าหาญ ไม่หวั่นไหวในสภาพทั้งปวง โลกธรรมมันยาวไกลไม่สิ้นสุด จิตหลุดพ้นแล้ว แม้โลกธรรมจะแสนไกลไร้ความหมาย เจริญธรรมอันเลิศแด่ท่านผู้ประเสริฐ
---------------------
เพชร หรือ คริสตัล ที่ว่าบริสุทธิ์นั้น เกิดจากธรรมชาติของโลก เพชรที่ว่าบริสุทธิ์ยังไม่บริสุทธิ์เท่าอัฐิพระอรหันต์
--------------------- ความโง่ในโลก ที่เราโดนหลอกเอย คนนั้นหลอก คนนี้หลอก มันไม่ใช่ความโง่ที่เรียกว่าหนักหนาอะไร แต่ที่หนักคือ เราโง่ให้กิเลสมาสับรางจิตใจของเรา ให้ไปผิดทาง
--------------------- ขึ้นชื่อว่าเป็นนักปฏิบัติแล้ว อย่าเลือกที่ปฏิบัติ ที่ไหน ๆ ก็ปฏิบัติได้ทั้งนั้น ปฏิบัติให้ตื่นรู้อยู่ในกายทุกอากัปกิริยา
-------------------- ขึ้นชื่อว่าเป็นนักปฏิบัติแล้ว อย่าเลือกที่ปฏิบัติ ที่ไหน ๆ ก็ปฏิบัติได้ทั้งนั้น ปฏิบัติให้ตื่นรู้อยู่ในกายทุกอากัปกิริยา ----------------------- ภพชาติทั้งหลาย แม้จะเป็นกษัตริย์ หรือจะเป็นยาจก หรือจะเป็นปุถุชนคนธรรมดา หรือจะเป็นสัตว์เดรัจฉาน ต่างก็เป็นภพชาติที่อยู่ในวังวนแห่งการเวียนว่ายตายเกิดทั้งสิ้น --------------------- ความประเสริฐแห่งใจ หาเจ้าของไม่ได้ แม้ใจจะประเสริฐมากเพียงใด ก็ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตนเราเขา ไม่ควรยึดถือ เราไม่ใช่ประเสริฐ ประเสริฐไม่ใช่เรา -------------------- หัวใจแก่นแท้ของนักปฏิบัติธรรมตามธรรมคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ ความไม่ยึดถือเอาเป็นเจ้าของในสิ่งทั้งปวง
------------------ อย่าไปมองธรรมในที่อื่นไกล ธรรมไม่ได้อยู่ที่โบสถ์ วัด ศาลา แต่ธรรมอยู่ที่ใจของเรา ------------------ ท่านทั้งหลาย เราอย่าเข้าใจว่าพระพุทธเจ้านั้นสอนให้เราสร้างแต่บุญเพื่อไปเกิดในสวรรค์ อย่างเดียว แต่หัวใจของพระพุทธเจ้าที่เน้นหนักลงมา คือ ให้เราได้หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดตามพระองค์
------------------- สภาพสติปัญญาที่จะน้อมนำธรรมคำสอนเข้าฝังในหัวใจ จะเข้าไปในจิตใจมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับกำลังสติปัญญาของแต่ละคนแต่ละท่านที่ได้สั่งสมมาตั้งแต่อดีตชาติ จนถึงปัจจุบันชาตินี้ เพราะว่าการบำเพ็ญบารมี ไม่ว่าจะเป็นการบำเพ็ญด้วยการให้ทาน รักษาศีล ภาวนา ของแต่ละคน แต่ละท่านนั้น สะสมกำลังบารมีส่วนนี้มาแตกต่างกัน
------------------- ถ้าเราได้จาบจ้วงพระอริยเจ้าองค์หนึ่ง ก็เหมือนเราได้จาบจ้วงทั้งหมด ทั้งพระพุทธเจ้าทั้งพระอรหันต์เจ้าทั้งหลาย ตั้งแต่ครั้งอดีตกาลจนถึงปัจจุบันกาลนี้ ผลกรรมนั้นมันหนักหนาสากรรจ์มาก ----------------- ยศถา บรรดาศักดิ์ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณทั้งหมดเกิดขึ้นแล้วในโลกนี้ เราก็ไม่ได้เอาไปด้วย เป็นสักแต่ว่าสมมุติในโลกนี้แค่นั้น ท่านจะเป็นมนุษย์ผู้มีสมบัติใหญ่โต มีชื่อแปลก ๆ มีรถยนต์นั่นคือเครื่องสมมุติ ผู้ที่บำเพ็ญตนให้พ้นจากกิลสตัณหา เห็นสมมุติเหล่านั้นให้เด่นชัด เห็นทุกอย่างเป็นสมมุติ รู้สมมุติเหล่านั้นแล้วทิ้งสมมุติเป็นแดนเกิด ภพชาติจึงดับไป --------------- โดยพระเดชพระคุณท่านหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก
เราหาความทุกข์ทางใจไม่มีอีกแล้ว ทั้งสุขแลทุกข์ก็หายไปจากใจ มีไว้เพียงทุกข์เวทนาส่วนกายเท่านี้ ดวงใจอันนี้ไม่ได้หวั่นไหวในทุกข์เวทนาทั้งส่วนกาย และสุขส่วนใจ ไม่ยึดฝ่ายสุข ไม่ยึดฝ่ายทุกข์ เรามีธรรมเป็นอาหารทางใจ อันธรรมนี้หล่อเลี้ยงใจเราตลอดกาล อย่าไปยึดถือ เอาเป็นตัวตน
Create Date : 30 มีนาคม 2553 |
|
3 comments |
Last Update : 30 มีนาคม 2553 17:22:20 น. |
Counter : 785 Pageviews. |
|
 |
|
|
| |
โดย: da IP: 124.120.6.112 30 มีนาคม 2553 23:52:19 น. |
|
|
|
| |
|
|
 |
 |
 |
 |
|
|