Journey Journal with NineNoname

<<
กันยายน 2558
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
8 กันยายน 2558
 

สแกนทริป (Scan Trip)

     ตั้งชื่อตอนอย่างกับชื่อหนังสือกันเลยทีเดียว ... เหอ เหอ ... เรื่องของเรื่องคือทริปนี้ไปเที่ยว 3 ประเทศในแถบสแกนดิเนเวียนมา นั่นคือ นอร์เวย์ สวีเดนและเดนมาร์ก เราเตรียมตัวกันล่วงหน้านานหลายเดือน ทั้งเรื่องวีซ่า เรื่องที่พัก เรื่องการเดินทาง ฯลฯ  เพราะไม่อยากให้มารีบร้อนกันทีหลัง ได้วีซ่ามาตั้งแต่เดือนมิถุนายน  ออกเดินทางวันที่ 19 สิงหาคมตอน 01:20 ด้วย TG950 ถึงสนามบิน Kastrup ที่โคเปนฯ ตอนเกือบ 8 โมงเช้า ใช้เวลาบนเครื่องบิน 11 ชั่วโมงโดยประมาณ คุณชายผ่าน 2 ชั่วโมง (ฮ่องกง) ผ่าน 5 ชั่วโมง (ญี่ปุ่น) มาหละคราวนี้เจอ 11 ชั่วโมงเข้าไปจะไหวไหม ไปลุ้นกัน …


 
ออกเดินทาง ... 

     11 ชั่วโมง พ่อแม่ก็เลยต้องเตรียมไปให้ครบ น้ำเอย นมเอย ของเล่นเอย เอาขึ้นเครื่องไปให้เต็มที่ ก่อนเข้าไปก็แจ้งเจ้าหน้าที่ตอน X-ray กระเป๋าซะหน่อย ... ก็ไม่มีปัญหาอะไร คุณชายหลับตั้งแต่ยังไม่ขึ้นเครื่อง ตื่นอีกทีตอนอยู่บนเครื่องหละ ยังคงตื่นตาตื่นใจเหมือนเดิม ช่วงเครื่องกำลังขึ้นและลงก็ให้เขาทานน้ำ ทานนมเพื่อให้เขากลืนน้ำลาย ช่วยไม่ให้หูอื้อและลดการงอแงได้ ขาไปค่อนข้างสบายเนื่องจากเป็นไฟล์ทดึก ขึ้นเครื่องไปสักพักก็หลับ ตื่นมาอีกทีก็ตอนทานข้าวเช้ากันเลย นั่นก็เครื่องเกือบจะลงหละ หาการ์ตูนมาให้ดู เอาของเล่นมาให้เล่นอีกนิดก็ถึงพอดี ... พ่อแม่ต้องแอบเอาของเล่นมา surprise ด้วย ... ภารกิจลุล่วง ... 555

     เราไปถึงประมาณ 8 โมงเช้า การตรวจต่าง ๆ ไม่เคร่งครัดมากนัก ใบ ตม. ก็ไม่ต้องเขียน ของต้องสำแดงก็ไม่มีคนยืนตรวจ อาจจะเพราะเข้มงวดตั้งแต่ขอวีซ่าแล้วก็เป็นได้ ตรงนี้เลยดูสบาย ๆ ทริปนี้ในส่วนของโคเปนฯ ก็คล้ายกับคราวที่แล้วที่เขียนไว้ใน ... โคเปน I love u ... ไปเก็บมาหมดหละ คราวนี้เลยไปกันแบบชิว ชิว ไม่เร่งรีบ ได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ประกอบกับพาคุณชายไปด้วย ไปกันแบบสบาย ๆ จะดีกว่า ไปถึงก็เอาเสื้อผ้าไปเก็บ แล้วก็ขึ้นรถไฟไปเมือง Malmo ประเทศสวีเดน ใช้เวลาเดินทางแค่ 20 นาทีกับ 3 สถานีรถไฟ เราก็ได้ไปเที่ยว 2 ประเทศในวันเดียว ... 

     Malmo เป็นเมืองเล็ก ๆ เงียบ ๆ แค่นั่งรถไฟจากสนามบินข้ามทะเลไปนิดเดียวก็ถึง ค่าโดยสารเราซื้อแบบไปกลับและเป็น Family ก็จะได้ราคาที่ถูกลงอีก คราวนี้ไปตรงกับวันที่เขากำลังจัดงานพอดี จากเมืองเงียบ ๆ เลยค่อนข้างครึกครื้น ก็สนุกสนานกันไปอีกแบบเอาบรรยากาศมาให้ชมกันครับ

บรรยากาศระหว่างเดินทางและในเมือง Malmo

     ผมว่าคุณชายค่อนข้างปรับตัวได้เร็วนะ ... หลับนิดนึงตอนช่วง 10 โมงเช้า แล้วออกไปเที่ยว Malmo มาหลับอีกทีก็ 2 ทุ่มตามเวลาโคเปนฯ คิดเป็นเวลาไทยก็ตี 1 เลยนะนั่น (เวลาที่โคเปนฯ ช้ากว่าไทย 5 ชั่วโมง) เช้าวันรุ่งขึ้นตื่นขึ้นมาก็ไปออกกำลังกายสักหน่อย อากาศเย็นสบาย แถมบ้านที่เราพักอยู่ใกล้ชายหาดและทะเลสาบ พาคุณชายไปเดินเล่นรับลมเย็น ๆ ยึดเสื้น ยึดสาย สูดออกซิเจนให้เต็มปอดก่อนจะออกไปเที่ยวก็สบายไปอีกแบบ Slow life นี่มันดีอย่างนี้นี่เอง ...

   
Slow life 

     คราวที่แล้วได้แค่ผ่าน คราวนี้พาคุณชายมาด้วย เลยขอเข้าซะหน่อยหละกัน สวนสนุก Tivoli สวนสนุกเก่าแก่ที่ตั้งอยู่กลางเมือง ตรงข้าม Central Station หรือ หัวลำโพงบ้านเรานี่แหละ เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1843 จนปัจจุบันก็ 172 ปีเอง สำหรับสนนราคาค่าเข้าชม (อย่างเดียว) ก็ 99 DKK ประมาณ 500 บาทไทย เด็กอายุต่ำกว่า 8 ปีเข้าฟรี วันอาทิตย์ถึงวันพฤหัสบดีเปิด 11 โมงเช้าถึง 5 ทุ่ม วันศุกร์, เสาร์เปิด 11 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน คุณชายยังไม่สนใจเล่นอะไรเลย ออกจะชอบดูมากกว่าเข้าไปเล่นเอง ... 555 ... ตอนแรกว่าจะพาไป Lego Land แต่ดูท่าแล้วเอาไว้โตอีกหน่อยดีกว่า

Extreme life

     เดินเล่นสักพักก็ออกมาเดินต่อในเมืองตามถนนคนเดินกัน ย่านนี้เรียกกันว่า Strøget  เป็นถนนคนเดินที่ยาวที่สุดในโลก มีร้านค้ามากมาย ตั้งแต่ร้านธรรมดาจนถึงแบรนดัง ๆ ตั้งแต่ราคาถูกจนถึงราคาแพงระยับ พระเจ้าหลุยส์ พระเจ้าชา(แนล) เปิดโอกาสให้เข้าไปทำความเคารพได้อย่างใกล้ชิด คราวนี้คุณนายไม่ได้อะไรกลับมา ของส่วนใหญ่กลายเป็นของคุณลูกชาย และไหน ๆ ก็เปลี่ยนแผน ไม่ไปหละ Lego Land เลยจัด Lego จากร้านในเมืองมาซะหลายชุดทีเดียว ...

 ไม่ค่อยได้อะไรเท่าไหร่ ... เหรอออออ

     บนถนนเส้นนี้มีห้างดังอยู่ห้างหนึ่งนั่นคือห้าง Illum ที่ปัจจุบันมีเจ้าของและบริหารงานโดยคนไทย นั่นคือ กลุ่มธุรกิจเซ็นทรัล (Central Group) ที่ได้เข้าไปซื้ออาคารและกิจการมาบริหารตั้งแต่ปี 2013 ในสนนราคาแค่ 2.5-3 พันล้านโครนเดนมาร์กหรือประมาณ 12.5-15 พันล้านบาทเท่านั้นเอง ... เหอ เหอ ... โซนตรงกลางห้างเปิดโล่งตั้งแต่ชั้น 1 จนถึงเพดานทำให้ห้างดูหรูหรา โปร่ง โล่ง เดินช๊อปสบาย ... 555 ... แถมเอาบัตร Central card ไปใช้เป็นส่วนลดได้ด้วยนะเออ... เดินเล่นกันจนเย็นก็กลับไปพักผ่อนกัน

บรรยากาศบริเวณจัตุรัสบนถนน Strøget

     วันรุ่งขึ้นเราจะเดินทางไปเมืองออสโล (OSLO) ประเทศนอร์เวย์ ไม่ได้ไปด้วยเครื่องนะแต่เราจะเดินทางกันด้วยเรือสำราญเปลี่ยนบรรยากาศกันซะหน่อย เป็นเรือของบริษัท DFDS Scandinavian Seaways ชื่อ Pearl Seaways สูง 11 ชั้น มีห้องพักหลายแบบให้เลือก เราจองกันล่วงหน้าค่อนข้างนานจึงได้ราคาที่ไม่แพงนัก ควรเลือกเดินทางวันธรรมดาที่ไม่ใช่ศุกร์-อาทิตย์จะได้ราคาที่ถูกกว่า


 
บรรยากาศก่อนขึ้นเรือ

     ช่วงเช้าของวันเดินทางพอมีเวลาเราเลยไปหาเจ้าบ้านกัน เขาว่าถ้ามาแล้วไม่มาทักทายจะเหมือนว่ามาไม่ถึงโคเปนฯ ใช่แล้วครับ Little Mermaid นั่นเอง คราวที่แล้วมาฝนตก ฟ้ารั่ว เลยไม่ได้ภาพนัก คราวนี้ชดเชยได้ดีมาก ฟ้าสวย แดดใส หน้าดำกันเลย ... 555 ... เดินเล่น ถ่ายรูปกันสักพักก็ไปขึ้นเรือกันดีกว่าครับ เขาเปิดให้ check in กันตั้งแต่บ่าย 3 โมง 15 นาที เรือออกจากท่าเรือที่โคเปนฯ ตอนบ่าย 4 โมงครึ่ง ไปถึงออสโลตอน 9 โมง 45 นาที (เป๊ะ) ของอีกวันและออกเดินทางกลับตอน 4 โมงครึ่งมาถึงท่าเรือที่โคเปนฯ ตอน 9 โมง 45 นาที (เป๊ะ) ของอีกวันเช่นกัน สรุปทริปนี้เรานอนบนเรือ 2 คืนเที่ยวออสโล 6 ชั่วโมง ...

     บนเรือก็มีอะไรให้ทำพอสมควร มีร้านอาหารหลายร้าน หลายแบบให้เลือกใช้บริการ มีคาสิโน มีร้านค้าปลอดภาษีด้วย ราคาของบนเรือนี่ซื้อได้เลยครับ เพราะลองเทียบดูแล้วถ้าซื้อในเมืองต้องขั้นต่ำ 300 DKK ถึงจะ Refund Tax ได้แถมเวลาเอาไป Refund ก็จะโดนหักค่าธรรมเนียมอีก แต่บนเรือนี่ลดต่อชิ้นกันไปเลยไม่มีขั้นต่ำไม่ต้องมาเสียเวลาและค่าธรรมเนียมจากการ Refund

บรรยากาศบนเรือ

     บนเรือมีส่วนไว้ให้เด็ก ๆ เล่นหลายโซนอยู่เหมือนกัน แต่ที่คุณชายจองตลอดคือ Lego มานั่งประจำการทั้งขาไปและขากลับ โดยมีเพื่อน ๆ หน้าใหม่สับเปลี่ยนหมุนเวียนมาเล่นด้วยตลอด ... 555 ... ในส่วนของร้านปลอดภาษีก็มีของเล่นเด็กขายด้วย คุณชายเองก็ไปดู ๆ ดูเหมือนสนใจหลายอย่าง แต่ก็ไม่ได้รบเร้าว่าจะเอาให้ได้ คุยกันรู้เรื่องว่ามีแล้ว ก็โอเค ไม่เอา...พ่อ แม่ ก็รอดตัวไป


 ร้านต่าง ๆ บนเรือ  

     ร้านอาหารก็มีหลายร้านให้เลือก เราเลือกทานบุฟเฟต์ของร้าน 7 Seas อยู่ที่ชั้น 7 ของเรือ อาหารไม่หลากหลายนัก ส่วนใหญ่เป็นอาหารทะเล นอกนั้นก็เป็นพวกปลาทอด ไก่ทอด เฟรนฟราย สนนราคาก็อยู่ที่คนละ 269 DKK ไม่รวมเครื่องดื่ม ถ้าใครไม่ชอบบุฟเฟต์บนเรือยังมีร้าน Steak House ร้านอาหารอิตาลี ฯลฯ ให้เลือก นอกจากนี้สำหรับคนที่ต้องการดื่มด่ำบรรยากาศ ฟังดนตรีพร้อมจิบเครื่องดื่มเย็น ๆ บนเรือก็มี Club ไว้ให้บริการอีกด้วย


 
บรรยากาศยามพระอาทิตย์ตกบนชั้นดาดฟ้าเรือ

     เราไปถึงออสโลประมาณ 10 โมงเช้าและมีเวลาจนถึง 4 โมงเย็นก่อนที่จะกลับมานั่งเรือลำนี้กลับโคเปนฯ หลายคนคงถามว่าจะทำอะไรที่ออสโล ... ไม่ต้องห่วงครับ เราสามารถซื้อทัวร์จากบนเรือได้เลย โดยมีให้เลือก 3 แบบด้วยกัน แบบ 2 ชั่วโมง (Panorama) 4 ชั่วโมง (Selected highlights) หรือ 5 ชั่วโมง (All inclusive) พวกผมเลือกแค่แบบ Panorama พอครับด้วย 2 เหตุผลหลัก ๆ คือ แบบอื่น ๆ ที่เพิ่มเวลา สถานที่ที่พาไปเพิ่มเติมจะเป็นพวก Museum ต่าง ๆ ซึ่งไม่ค่อยเหมาะสมกับเราเท่าไหร่ อีกเหตุผลคือ ขาไปเขาเอารถมารับที่เรือ แต่ขากลับเขาไปส่งเราในเมืองซึ่งต้องเดินกลับมาที่ท่าเรือเอง (ประมาณครึ่งชั่วโมง) เราก็เลยกะว่าจะเดินเล่นในเมืองก่อนกลับขึ้นเรือ ... สรุป Shopping คือทางเลือกของเรา

  บรรยากาศที่ออสโล

     รถที่ให้บริการเป็นรถบัสใหญ่ มีพนักงาน 2 คนคือไกด์และคนขับรถ เริ่มโดยการพาเราชมรอบ ๆ เมืองกันก่อน หลังจากนั้นก็ขับออกนอกเมือง พาเราไปชมลานแข่งขันสกีแบบกระโดดที่มีชื่อเสียงที่สุดของออสโลนั่นคือ Holmenkollbakken คือแบบว่า อลังการงานสร้างมาก ๆ นอกจากจะสร้างอยู่บนเขา ซึ่งก็สูงอยู่แล้วยังจะสร้างให้สูงขึ้นไป แถมขุดให้ลึกลงไปอีก ... คนกลัวความสูงนี่มีหนาวครับ

ทั้งสูง ทั้งลึก ... บรึ๊ยยยย

     หลังจากให้เวลาเราลงไปถ่ายภาพประมาณ 20 นาทีก็พาเราไปชมอีกหนึ่งสถานที่ ที่คนมาที่นี่ต้องมานั่นคือ Vigelandsparken ซึ่งตั้งอยู่ใน Frogner Park ที่นี่ถือว่าเป็นสวนประติมากรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก เนื่องจากมีประติมากรรม การแกะสลักรูปเหมือนจากหินแกรนิตเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่จะแสดงถึงวงจรชีวิตของมนุษย์ เป็นผลงานของ Gustav Vigeland ประติมากรที่มีชื่อเสียงของนอร์เวย์ โดยจุดเด่นที่สุดคือ เสาโมโนลิท (Monolith) ที่เป็นรูปแกะสลักคนจำนวนมากปีนป่ายกันอยู่ เสานี้มีความสูงประมาณ 17 เมตร ใช้เวลาสร้างกว่า 22 ปีเลยทีเดียว นอกจากนั้นยังมี The wheel of life  และ Angry little boy ประติมากรรมที่มีชื่อเสียงของสวนแห่งนี้ และนี่คือข้อเสียของการไปกับทัวร์ เรามีเวลาแค่ประมาณครึ่งชั่วโมง รถไปจอด (น่าจะ) ตรงกลางสวนแล้วไกด์ก็พาเดินออกไปด้านหน้าเพื่อขึ้นรถที่วนไปจอดรอ เราก็เลยเห็นกันแค่ Monolith กับ Wheel of life แบบไกล ๆ ...

 
บรรยากาศใน Vigelandsparken

     กลับมาขึ้นรถก็เป็นอันจบทริปชะโงกทัวร์ (Panorama) ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงนิด ๆ รถก็พาเรากลับไปส่งที่ City hall กลางเมือง มีเวลาเหลือพอสมควรเราเลยถือโอกาสเดินเล่นพร้อมหาอะไรทานก่อนกลับไปขึ้นเรือกัน เดิม ออสโล เป็นอาณานิคมของชุมชนชาวไวกิ้ง ปัจจุบันเป็นเมืองหลวงของประเทศนอร์เวย์ มีสถานที่ท่องเที่ยวทางศิลปะ วัฒนธรรม สถาปัตยกรรม และ ธรรมชาติมากมาย ใช้เงินสกุล นอร์เวย์โครน (NOK) ปัจจุบันถูกจัดอันดับว่าเป็นเมืองที่มีค่าครองชีพสูงที่สุดในโลก ... เหอ เหอ ... รู้อย่างนี้แล้วยังจะช้อปไหวไหมครับ ... เท่าที่เดินดูก็ได้แค่เดินดูอย่างเดียวจริง ๆ   ... 555 ...

   
ครอบครัวหรรษาที่ Nyhavn

     กลับมาขึ้นเรือแล้วเดินทางกลับ ค้างอีกหนึ่งคืนบนเรือ ถึงโคเปนฯ เช้าวันอาทิตย์ตอนเกือบ 10 โมง เราวางแผนว่าจะเดินเล่นในเมือง เพราะเย็นนี้มีนัดทานข้าวและพรุ่งนี้ก็กลับแล้ว เราซื้อตั๋วรถบัสของ DFDS มาลงในเมืองแล้วเดินไปนั่งเรือชมวิวเล่นที่ Nyhavn ท่าเรือที่เห็นมาตั้งแต่เด็ก (ในภาพจิ๊กซอว์) ใช้เวลา 1 ชั่วโมงกับเงิน 40 DKK ไปกับบรรยากาศของบ้านเรือนริมแม่น้ำ เสร็จแล้วก็มาเดินเล่นในเมือง ก่อนไปทานอาหารเย็นและกลับที่พัก วันรุ่งขึ้นก็สบาย ๆ เดินทางกลับช่วงบ่าย ๆ แล้วถึงกรุงเทพ 6 โมงเช้าของอีกวัน ... การเดินทางหมื่นลี้เริ่มต้นด้วยก้าวแรกเสมอ ขอให้มีความสุขและสนุกกับการเดินทางครับ

 

๑๙-๒๕ สิงหาคม ๕๘




Create Date : 08 กันยายน 2558
Last Update : 8 กันยายน 2558 16:43:40 น. 0 comments
Counter : 3444 Pageviews.  
 
Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

iamnoname
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]





[Add iamnoname's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com