สายฝนรัก ตอนที่ 2 (ตอนจบ)






หญิงสาวยิ้มน้อยๆ สายตาเลื่อนลอย ขณะที่รินน้ำใส่แจกันบนเค้าเตอร์ แล้วจัดดอกไม้แสนสวยทั้งสีแดงและสีขาวลงไปในแจกัน นุกุลก็เดินออกมาจากหลังร้านพอดี ในมือมีกล่องใบโตบรรจุด้วยของสำหรับตกแต่งประดับประดามากมาย เพื่อใช้สำหรับตกแต่งร้าน ก่อนที่จะถึงวันคริสต์มาส ที่จะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้

 

เมื่อคนตัวสูง จอมยียวน ที่มีรอยยิ้มติดปากอยู่เป็นนิจกลับนิ่ง ไม่พูดไม่จา วิสาจึงร้องถาม


"เมื่อกี้นุจะบอกอะไรเหรอ มีไร"


"เปล่านี่" นุกุลเพียงแต่ยักไหล่เบาๆอย่างไม่ใส่ใจ


"เปล่าอะไร ก็เมื่อกี้ กระตุกข้อมือซะแรงเชียว"


คนตัวสูงยังเฉย วิสาจึงยักไหล่บ้าง


"เชอะ ไม่บอกก็ตามใจ นี่ เอาโมบายล์รูปหัวใจมาให้หน่อย เดี๋ยวจะแขวนไว้ที่ประตูดีกว่า"


ถามชวนคุย "นี่นุ นายว่า ถ้ามีคนให้ดอกกุกลาบสีขาวและสีแดงทั้งสองสี หมายความว่าอะไรเหรอ"


นุกุลยังคงก้มหน้าก้มตาเลือกของในกล่อง ไม่ยอมหันมาสบตา ทำราวกับว่าของในกล่องนั้นมีความสำคัญเสียเต็มประดา


"ความหมายของคนอื่นเหรอ ไม่รู้สิ แต่ที่เคยได้ยินมา เค้าว่ากันว่ากุหลาบขาวหมายถึงความบริสุทธ์ใจไม่หวังผลตอบแทน ส่วนกุหลาบแดงหมายความว่า ผมหลงรักคุณเข้าแล้ว"


...คำตอบนั้น ทำให้หญิงสาวนิ่งไป ก่อนที่จะหันหลับมามองดอกกุหลาบในแจกันอีกครั้ง เขาคนนั้น ผู้ชายกลางสายฝนคนนั้นมีความบริสุทธิใจ ไม่หวังผลตอบแทนและกำลังหลงรักเธองั้นหรือ


...ความหมายที่ได้รับนี้ จริงจังขนาดไหนกันนะ...


"แต่ถ้าทั้งสองอย่างรวมกัน หมายความว่า.." เขานิ่งไปชั่วครู่ "สองเรารวมเป็นหนึ่งเดียว"


"สองเรารวมเป็นหนึ่งเดียว หวานจัง" พูดทวนเบาๆคนเดียว ก่อนจะหันมาแซวนุกุล "แหม จะว่าไป นายก็รู้เรื่องโรแมนกติกแบบนี้เหมือนกันเหรอ แปลกดี"


หันไปรับโมบายล์ยาวระโยงระยางรูปหัวใจมาจากจากมือของนุกุล ก่อนจะก้าวขึ้นเก้าอี้ที่หยิบมาวางไว้เมื่อครู่ แต่ดูเหมือนว่าความสูงนั้นก็ยังไม่เพียงพอจะแตะถึงกรอบบนของประตูอยู่ดี นุกุลจึงแย่งสิ่งนั้นออกไปจากมือ ก่อนผลักหญิงสาวลงมา แล้วก้าวขึ้นไปติดโมบายล์แทน ก่อนจะถอยลงมายืนเคียงข้างกัน ใกล้จนแทบได้ยินเสียงของลมหายใจ


"เป็นไง โอเคเปล่า"


"อืม" วิสาพยักหน้า"สวยดี แต่แหม..ดีจัง”...


เหลือบตามองคนที่ตัวที่สูงกว่าเยอะ"ยังเด็กกว่าแท้ๆ แต่ตัวสูงชะมัด น่าอิจฉา สูงๆแบบนี้ ทำอะไรก็สะดวกไปหมด"


"ก็ไม่หมดทุกอย่างหรอกนะ สูงๆนะดี แต่เด็กกว่านี่ ไม่ดีเลย" เขาแย้ง


"ทำไมล่ะ นายอยากทำอะไรเหรอ อะไรเหรอที่นายทำไม่ได้"


"อยากรู้เหรอ" เขาถามยิ้มๆอย่างกวนๆ ก่อนจะยักคิ้วแผลบ "ยิ่งเจ๊อยากรู้เท่าไหร่ ยิ่งไม่บอกหรอก ไม่อยากเห็นคนแก่หัวใจวาย แต่อยากให้กระวนกระวายเล่น"


ว่าแล้วก็เดินเลี่ยงไปรื้อ ไปค้นของในกล่องใบใหญ่ต่อ ได้ยินเสียงคนแก่กว่าตามหลัง


"เด็กบ้า.."


จากนั้นต่างคนก็ต่างง่วนกับการประดับประดาตกแต่งร้านดอกไม้ไป จวบจนเสร็จนั่นแหล่ะทั้งสองจึงช่วยกับเก็บส่วนที่เหลือและไม่ต้องการใช้ลงกล่อง


แล้วนุกุลก็เอ่ยถาม


"เจ๊รู้เรื่องดอกกุหลาบไปแล้ว ไม่อยากรู้เรื่องอย่างอื่นบ้างหรือ" คนถามยังก้มหายก้มตาอยู่ที่กล่อง


"หืม..ม..เรื่องไร" ไม่เข้าใจ


"อย่างเช่นเรื่องตำนานบันไดผี อะไรแบบนี้"


วิสาตาโต "อย่า..อย่าเล่านะไม่อยากรู้ กลัว..."


นุกุลหัวเราะ"ล้อเล่นน่า...ความจริงผมจะบอกว่าเมื่อกี้นี้ ผีผลักผมตกบันได"


"...นี่..."วิสาทำทาขนลุก "จริงเหรอ ไม่เอา ไม่ล้อเล่น ฉันกลัวจริงๆ นะ ผีที่ไหนอะไร"


"ผีขี้อิจฉาน่ะ"เขาก้มมากระซิบบอกที่ข้างหู


"...หมายความว่าไงผีขี้อิจฉา" วิสายังงง


"ก็หมายความว่า ผีขี้อิจฉา มันผลักบันไดผมให้ส้ม เพื่อเรียกร้องความสนใจจากใครบางคนน่ะสิ"


วิสานิ่งงันไปพยายามทำความเข้าใจกับประโยคนั้น ก่อนจะเข้าใจ..และเอ่ย..


"นายกำลังล้อเล่นใช่ไหม"


"ผมพูดจริง ถึงผมจะเด็กกว่าเจ๊ ทำงานได้เงินเดือนไม่มาก แต่ถ้าเจ๊อยากจะได้ดอกกุหลาบ ผมก็สามารถซื้อให้ได้เหมือนกันนะ"


"...นุ..."


"และถ้าต่อไป ไม่ว่ากุหลาบของผม ที่ผมซื้อให้เจ๊จะเป็นสีอะไรก็ตามแต่ ขอให้เจ๊รู้ไว้นะ ว่ามันมีแค่ความหมายเดียว"


"นั่น..."


ความเงียบที่เกิดขึ้นยาวนาน ทำให้นุกุลต้องเงยหน้าขึ้นมา กับวิสาที่กำลังมองขึ้นมายังคนตรงหน้าอย่างอึ้งไป


...ตาสบตา..เสียงเพลงดังขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งที่ไม่มีใครเปิดเพลง...มันดังขึ้นในใจของวิสา...




...อยากเปิดเผยใจตัวเองเท่าไร ต้องกลั้นใจทำเฉยๆ เท่านั้น บ่อยครั้งก็ถามตัวเอง แต่แล้วก็ไม่พบคำตอบเหมือนกัน ทำไมต้องเก็บซ่อนใจไว้อย่างนี้ ที่เราทำไม่ดียังไง ต่างก็รู้ว่าเราห่วงใย และคิดถึงกันมากแค่ไหน แต่ต้องซ่อนไว้ทุกวัน เราทำสิ่งไหนที่ผิด ถึงต้องปิดไว้ลึกๆ แค่นั้น จะมีไหมสักวัน ได้เผยมันไปทุกความรู้สึกดีๆ...

...นี่เธอคงไม่ได้ตีความหมายคำพูดของเขาผิดไปใช่ไหม เขาบอกเธอว่า เขากำลังเรียกร้องความสนใจจากเธอหรือ เขาหมายความว่าอย่างนั้นจริงๆหรือเปล่า หรือเขาแค่กำลังล้อเล่นในวันฝนตก...








“ความหมายเดียวที่เธอว่า..มันคืออะไรล่ะ...” ถามเพื่อความแน่ใจ


“มันหมายความว่า ...ผมรักเจ๊ไง...”...เขาตอบ...


ท่ามกลางความคิดที่สับสนวุ่นวาย ประตูถูกเปิดอีกครั้ง พร้อมๆกับผู้ชายคนเดิมที่มากับสายฝนชะโงกหน้าเข้ามา ตัวเขาเปียกปอน ไปหมด


"เอ่อ กำลังยุ่งอยู่หรือเปล่าครับ ขอโทษนะ พอดีผมลืมร่มน่ะ" ธวัชชัยชี้ไปที่ร่มสีขาวขาวคันเดิม ซึ่งวางเติ่งอยู่บนโต๊ะตัวเล็กข้างเค้าเตอร์


...วิสาได้แต่มองหน้าผู้ชายตัวสูงสองคนสลับไปสลับมา


คนหนึ่งคิ้วเข้มแบบหนุ่มวัยรุ่น ตาคมมีแววมุ่งมั่นจริงใจ เนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยสีที่เริ่มแห้ง และปลายคิ้วเข้มมีพลาสเตอร์ปิดไว้...กับอีกคนซึ่งเป็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่สุภาพเรียบร้อย เปี่ยมไปด้วยมิตรไมตรี ดูหล่อเหลาดึงดูดใจยิ่งกว่าเคย เพราะทรงผมที่เคยเนี๊ยบเริ่มยุ่งเหยิงจากการเปียกฝน


ผู้ชายกลางสายฝนกับผู้ชายใกล้ตัว ใครกันนะที่จะมาเป็นผู้ชายในฝันคนต่อไป แทนผู้ชายที่ชื่อ อนุชิต สพันธ์พงษ์


...หรือวันนี้จะเป็นแค่ April Fools'Day วันแห่งการโกหกและล้อเล่น...


แต่ไม่เป็นไรหรอกมัง ชีวิตไม่จำเป็นต้องรีบร้อนไม่ใช่หรือ รอใครซักคนมาได้ตั้งยี่สิบเก้าปี รออีกหน่อยเพื่อความชัดเจนจะเป็นไรไป ซักวันคงได้รู้กัน


ว่าหนึ่งคนคนนั้นคือใคร...







**หัวใจคนเขียน เลือกแล้วว่าคือใคร

หัวใจคนอ่านล่ะ...เลือกหรือยัง









Create Date : 07 ธันวาคม 2555
Last Update : 7 ธันวาคม 2555 5:54:32 น. 2 comments
Counter : 1019 Pageviews.

 
คนอ่านคนนี้
ขอเคี้ยวหญ้าอ่อนแหละกัน


โดย: เหมือนพระจันทร์ วันที่: 8 ธันวาคม 2555 เวลา:11:49:22 น.  

 
^^งั้นก็ใจตรงกับคนเขียนแล้วล่ะ 55+


โดย: nikanda วันที่: 8 ธันวาคม 2555 เวลา:20:24:23 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

nikanda
Location :
จันทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 31 คน [?]




ลายปากกา









New Comments
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2555
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
7 ธันวาคม 2555
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add nikanda's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.