All the girls standing in the line for the bathroom !!!

*** หมายเหตุ : สงวนลิขสิทธิ์ บทความและผลงาน ใน Blog นี้ครับ ***
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
9 สิงหาคม 2551
 
All Blogs
 
" มาตรฐาน" ในการตัดสินคุณค่า หรือพิพากษา ตัวคน หรือสิ่งต่างๆ


สมมติคุณอายุ 6 ขวบ คุณ ฟังเพลงๆหนึ่ง ในตอนนั้นคุณคิดว่า มันเป็น เพลงที่เยี่ยมยอดเหลือเกิน

เมื่อคุณโตขึ้น อายุ 20 ปี คุณฟังเพลงอย่างลึกซึ้งขึ้น รู้จักวิเคราะห์แยกแยะ คุณมีมาตรฐานใหม่ในการตัดสิน

และถ้าคุณใช้มาตรฐานใหม่วิเคราะห์ คุณจะพบว่า เพลงที่คุณชอบนั้นมันช่างห่วยแตกเสียจริง

แต่เชื่อได้เลยว่าส่วนใหญ่ คุณจะไม่กลับมาวิเคราะห์มันอีกรอบหรอก

เมื่อคุณได้ยินเพลงนั้นอีกครัง คุณจะยังมีความรู้สึกเดิมๆกับเพลงนั้นเสมอ





หรือเหตุการณ์ที่คุณนัดเจอเพื่อนๆเก่าแก่ ที่ไม่ได้เจอมานาน

เมื่อ นาย ก. เดินเข้ามาหานาย ข. ซึ่งไม่ได้เจอมา 5 ปี แล้วบอกว่า เฮ้ ข. นายยังเหมือนเดิมอยู่เลย

แต่ขณะที่ผม เจอนาย ข. บ่อยๆ กลับพบว่า ข. มันอ้วนขึ้น ดำขึ้น กว่าก่อนเยอะ

แต่ทำไมนาย ก. ที่พิจารณาแค่แวบเดียว กลับบอกว่าไม่เปลี่ยน

หรือแค่ว่า จำได้ว่าเป็นใคร ก็บอกว่าคนคนนั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลง




หรือว่า อะไรก็ตามที่เราตัดสิน หรือ พิพากษาไปแล้ว แค่ความรู้สึกคุ้นเคยเก่าๆ เราก็จะไม่ตัดสิน หรือพิจารณามันใหม่ด้วยซ้ำ แม้ว่าเราจะมีมาตรฐานใหม่ในการตัดสินแล้วก็ตาม



มันก็ไม่ได้เป็นแบบนี้เสมอไปหรอกครับ แต่ส่วนใหญ่มันจะเป็นอย่างนี้ เท่าที่ผมสังเกตเห็น


มันเลยทำให้ผมต้องพิจารณาละเอียดๆ เวลาจะตัดสินอะไร (ปกติผมจะไม่ค่อยเป็นหรอกครับ แบบนี้ แต่บางทีเวลาจะดูหนัง เห็นชื่อผู้กำกับที่ผมคิดว่าห่วยก็จะไม่อยากดู ทั้งที่มีหลายคนบอกว่าดี พอมีคนถามว่าหนังเรื่องนี้สนุกไหม ผมอาจเผลอบอกว่าห่วย เป็นบางครั้ง แต่ส่วนใหญ่ผมจะพูดว่า คนที่ดูมาแล้วเขาว่าไม่สนุก หรือ คนที่ดูมาแล้วบอกว่าสนุก เพื่อเป็นการไม่ลำเอียง) อย่างเวลาหยิบหนังเก่าๆที่เคยดูตอนเด็กมาดูใหม่ หรือเจอเพื่อนสมัยประถม ก็จะคิดว่า มันโตมาตั้ง 20 กว่าปี นิสัย ทัศนคติมันอาจเปลี่ยน อย่ายึดติดความเคยชินว่ามันเป็นคนอย่างไร


แต่จากการสังเกต คนอื่นๆ มักจะเป็นอย่างที่ผมบอกจริงๆนะ


เหมือนว่า สำหรับสิ่งเก่าๆ หรือ สิ่งที่เคยตัดสินไปแล้วโดย "มาตรฐานเก่า" เมื่อพบเจอกับสิ่งนั้นอีกครั้งเราก็ยังใช้ "มาตรฐานเก่า" ในการตัดสิน แม้ว่าเราจะมี "มาตรฐานใหม่" ในการตัดสินที่ดีกว่า (ดีกว่า หมายความว่า น่าจะมีเหตุมีผล และเป็นมาตรฐานที่เป็นที่ "ยอมรับ" ของตัวเราเองในปัจจุบันได้มากกว่า) เราก็จะไม่ใช้ "มาตรฐานใหม่" กลับยึดติด สิ่งที่เราเคยได้ตัดสินไปแล้ว


แม้บางทีเราไม่ได้มีมาตรฐาน หรือ เกณฑ์ใหม่ในการตัดสิน (ใช้เกณฑ์เก่านั่นแหล่ะ) แต่สิ่งที่เราตัดสินไปแล้ว แม้ว่ามันจะเปลี่ยนไป เราก็จะไม่สนใจ ยังเอาคำตัดสินเดิมมาใช้กับสิ่งนันอยู่



สมมติว่า แต่ก่อน นาย ก. เป็นคนตลกๆ ไม่ซีเรียสกับชีวิต แม้ปัจจุบัน เขาจะกลายเป็นคนที่จริงจังกับชีวิตขึ้น
แต่เมื่อคนส่วนใหญ่มอง นาย ก. ก็จะยังมองว่า เป็นคนตลกๆ ไม่ซีเรียสกับชีวิต เหมือนเดิม (ทั้งที่บางทีก็รู้ว่า มันจริงจังขึ้น ก็เถอะ)



เห็นได้ว่า บางทีถึงจะใช้มาตรฐานเดิม แต่กับสิ่งที่เราเคยตัดสินไปแล้ว แม้มันเปลี่ยนแปลงไป เราก็จะไม่ตัดสินมันใหม่ ยังคงยึดความรู้สึกเดิมๆ อยู่



ที่น่าสนใจก็คือ


ทำไมเราไม่ใช่ทัศนคติใหม่ ที่มากประสบการณ์กว่า มาตัดสินสิ่งเก่าๆ ที่เราเคยใช้ประสบการณ์อันน้อยนิดตัดสินไปหล่ะครับ


กลับยึดเอาสิ่งที่เคยตัดสินด้วย ประสบการณ์อันน้อยนิด เป็นหลัก





งั้นคนที่เป็นโจร แต่ติดคุกชดใช้ความผิด พ้นโทษ และกลับใจแล้ว ก็จะถูกมองว่า "เลว" เสมอ ถ้าเรายังยึดติดความเชื่อเดิมในอดีต

แต่การจะพิจารณาแต่ปัจจุบันว่าเขาเป็น "คนดี" ก็ไม่น่าจะถูกเหมือนกัน เพราะเราจะไว้ใจ 100% ก็ไม่ดี





ในกรณีเช่นนี้ เราไม่ควรตัดสินคน หรือสิ่งต่างๆ จากอดีต เพียงอย่างเดียว

พิจารณาจากปัจจุบันอย่างเดียวก็ไม่ดี

เราควรพิจารณาทั้งในอดีต และ ปัจจุบัน น่าจะดีที่สุด




มีความเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้บ้างครับ


Create Date : 09 สิงหาคม 2551
Last Update : 9 สิงหาคม 2551 9:58:18 น. 33 comments
Counter : 1138 Pageviews.

 
เรื่องนี้ ผมเคยตั้งกระทู้แสดงความคิดเห็นไว้แล้วใน pantip

ตาม Link นี้
//www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X6844119/X6844119.html
และ
//www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L6847364/L6847364.html
ครับ


เห็นว่าน่าสนใจเอามาลง Blog ซะเลย
ว่างๆ จะเอา comment ในทั้ง 2 กระทู้มาลงให้อ่านครับ


ส่วนสิ่งที่จุดประเด็นคือ แฟนผม เล่าเรื่องเกี่ยวกับเพื่อนๆ ที่โรงเรียนเก่าให้ฟังครับ


โดย: navagan วันที่: 9 สิงหาคม 2551 เวลา:9:56:58 น.  

 
คนเราต้องใช้เวลาสักพักละมังครับ ถึงจะยอมรับ "มาตรฐานใหม่" หรือยอมรับ "ความเปลี่ยนแปลง" ของบางสิ่งบางอย่างที่ฝังใจไปแล้ว



โดย: nanoguy IP: 125.24.153.79 วันที่: 12 สิงหาคม 2551 เวลา:8:01:22 น.  

 
ขอเอา คำตอบที่น่าสนใจ จากกระทู้ใน pantip มาลงครับ


โดย: navagan วันที่: 16 สิงหาคม 2551 เวลา:10:04:00 น.  

 
เริ่มจาก ห้องหว้ากอ


ความคิดเห็นที่ 1

*สังเกต

ข้อสรุปสั้นๆ
"ได้ใหม่ลืมเก่า"

จากคุณ : Practical x 2 - [ 30 ก.ค. 51 06:40:43 ]


โดย: navagan วันที่: 16 สิงหาคม 2551 เวลา:10:05:26 น.  

 
ความคิดเห็นที่ 2

มาตรฐาน
น่าจะเป็นเกณฑ์ ที่มีตัวชี้วัดที่วัดได้
ถึงจะทำให้การตัดสินใจอย่างถูกต้อง
แต่เมื่อเรามีเกณฑ์ใหม่ ไม่จำเป็นที่เราต้องยกประเด็นทั้งหมดขึ้นมาพิจารณาใหม่

แต่คนเรามักจะยึดติดในพฤติกรรมเดิมๆ ไม่ชอบทำอะไรใหม่ๆ เพราะสัญชาตญาณของมนุษย์แสวงหาความปลอดภัย

การรับรู้ คนเราจะรับฟังในสิ่งที่ตนเองอยากฟัง
ส่วนมากจะตัดสินใจด้วยอารมณ์ แล้วจึงหยิบยกเหตุผลมาประกอบการตัดสินใจ
เนื่องจากคนเราไม่ใช่คอมฯที่คำนวณอย่างเที่ยงตรง

การใช้มาตรฐานง่ายๆมาตัดสินในระยะสั้นๆ ย่อม ไม่เทียบเท่าใช้มาตรฐานที่เที่ยงธรรมและระยะเวลานานได้อะ

จากคุณ : Mr.TOMato - [ 30 ก.ค. 51 07:36:24 ]


โดย: navagan วันที่: 16 สิงหาคม 2551 เวลา:10:05:46 น.  

 
ความคิดเห็นที่ 3

ทัศนคติคนเปลี่ยนแปลงตามประสบการณ์ชีวิตค่ะ

จากคุณ : เสียงจากบ้านนา - [ 30 ก.ค. 51 08:26:11 ]


โดย: navagan วันที่: 16 สิงหาคม 2551 เวลา:10:06:22 น.  

 
ความคิดเห็นที่ 4

^
^
^
^

ตอบ คห.3 คุณ "เสียงจากบ้านนา "

ใช่ครับ แต่ทำไมเราไม่ใช่ทัศนคติใหม่ ที่มากประสบการณ์กว่า มาตัดสินสิ่งเก่าๆ ที่เราเคยใช้ประสบการณ์อันน้อยนิดตัดสินไปหล่ะครับ

กลับยึดเอาสิ่งที่เคยตัดสินด้วย ประสบการณ์อันน้อยนิด เป็นหลัก



****
มาเพิ่มเติมความเห็นครับ

แม้บางทีเราไม่ได้มีมาตรฐาน หรือ เกณฑ์ใหม่ในการตัดสิน (ใช้เกณฑ์เก่านั่นแหล่ะ) แต่สิ่งที่เราตัดสินไปแล้ว แม้ว่ามันจะเปลี่ยนไป เราก็จะไม่สนใจ ยังเอาคำตัดสินเดิมมาใช้กับสิ่งนันอยู่



สมมติว่า แต่ก่อน นาย ก. เป็นคนตลกๆ ไม่ซีเรียสกับชีวิต แม้ปัจจุบัน เขาจะกลายเป็นคนที่จริงจังกับชีวิตขึ้น

แต่เมื่อคนส่วนใหญ่มอง นาย ก. ก็จะยังมองว่า เป็นคนตลกๆ ไม่ซีเรียสกับชีวิต เหมือนเดิม (ทั้งที่บางทีก็รู้ว่า มันจริงจังขึ้น ก็เถอะ)



เห็นได้ว่า บางทีถึงจะใช้มาตรฐานเดิม แต่กับสิ่งที่เราเคยตัดสินไปแล้ว แม้มันเปลี่ยนแปลงไป เราก็จะไม่ตัดสินมันใหม่ ยังคงยึดความรู้สึกเดิมๆ อยู่
แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 51 08:43:02

แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 51 08:42:17

จากคุณ : จขกท. (navagan) - [ 30 ก.ค. 51 08:38:54 ]


โดย: navagan วันที่: 16 สิงหาคม 2551 เวลา:10:06:52 น.  

 
ความคิดเห็นที่ 5

จริงๆแล้วคำตอบมันอยู่ที่ตัวเองนะคะ

เวลาคิดแบบนี้ก็ลองถามตัวเองสิทำไมเราเป็นคนแบบนี้ล่ะ คำตอบมันจะมีก็เพราะ......(แล้วแต่จะคิด)

ยกตัวอย่างมาถามเรา เราก็มีคำตอบของตัวเอง ก็เพราะชั้นยังติดภาพเธอสมัยที่ยังอยู่ด้วยกันไงล่ะ เราไม่ได้เจอกันนาน ชั้นไม่รู้ว่าเธอเปลี่ยนไปยังไง ยังคิดว่า 10 ปีที่แล้ว เธอเป็นยังไงก็น่าจะเป็นอย่างนั้น เธอเปลี่ยนไปตอนไหนชั้นจะไปรู้เหรอ (10ปีแล้วนะเฟ้ย) เลยต้องใช้ภาพในสมัยก่อนมันตัดสินในครั้งแรก

แต่ความคิดมันอาจเปลี่ยนไปได้เสมอเมื่อเรากลับมาติดต่อกันอีกครั้ง เราเจอกันบ่อยขึ้น ทำให้ได้เห็นว่าเธอพัฒนาขึ้นไม่เฉิ่มเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

เราถึงบอกว่ามันเกิดจากประสบการณ์เปลี่ยนทัศนคติ


อื่มไม่รู้จะอธิบายยังไง เราถนัดแต่ภาษาพูด วิชาการไม่เป็น

จากคุณ : เสียงจากบ้านนา - [ 30 ก.ค. 51 09:35:17 ]


โดย: navagan วันที่: 16 สิงหาคม 2551 เวลา:10:07:19 น.  

 
ความคิดเห็นที่ 6

เรื่องบางเรื่องมันจะฝังใจ

มันเป็นคงสัญชาติญาติหนึ่งเลย แยกออกจากการใช้เหตุและผล
และเขาว่าผู้หญิงจะเป็นมากกว่าผู้ชาย

ดังมีคำกล่าวมากมายที่ทำนองว่า ความประทับใจแรกพบสำคัญมากเสมอ

จากคุณ : LAST VODKA - [ 30 ก.ค. 51 09:43:28 ]


โดย: navagan วันที่: 16 สิงหาคม 2551 เวลา:10:08:03 น.  

 
ความคิดเห็นที่ 8

ยึดมั่น ถือมั่น

จากคุณ : Funnyy - [ 30 ก.ค. 51 11:03:01 ]



โดย: navagan วันที่: 16 สิงหาคม 2551 เวลา:10:08:35 น.  

 
ความคิดเห็นที่ 9

ใช่ละครับ จริงๆในทางจิตวิทยา
คนเรามักตัดสินคนจากแวบแรกที่เห็น อาจตัดสินอยู่ลึกๆในจิตใต้สำนึก

เวลาไปทำความรู้จักใคร ถ้าเราคุยด้วยความเป็นมิตร หรือยิ้มให้
เขาก้จะจำภาพนั้น เป็นตัวของเราติดตัวไป

แต่ถ้าเราทำให้เขาไม่พอใจในครั้งแรก เขาก็จะจำเหมือนกัน
ถึงตอนหลังเราจะแก้ไข การตัดสินครั้งนั้นก้ยังคงอยู่

เหมือนเป็นการสแตมป์หน้าผากบันทึกลงความทรงจำไปเลย
ว่าไอ้คนนี้ นิสัยเป็นงี้ๆๆ เวลาไปเจอก้เหมือนมีป้ายในจินตนาการอยุบนหัวเขา

แต่ถ้าจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนได้ครับ แต่ต้องแบบให้เห็นชัดเจน
เพราะเราก็โตพอที่จะรู้จักแยกแยะ วิเคราะห์ได้เองว่า นิสัยมันเปลี่ยนกันได้
แต่มันก็จะทำให้เราประหลาดใจนิดหน่อย เพราะการเปลี่ยนความเชื่อ
ที่เชื่อมาตลอด ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย

จากคุณ : Sir.ขงเบ้ง - [ 30 ก.ค. 51 16:02:39 ]


โดย: navagan วันที่: 16 สิงหาคม 2551 เวลา:10:09:08 น.  

 
ความคิดเห็นที่ 10

เป็นเรื่องปัจเจกบุคคลครับ
แต่ละคนมีวิธีแยกแยะจัดลำดับความสำคัญไม่เหมือนกัน

จากคุณ : ขยะสังคม - [ 30 ก.ค. 51 20:16:39 ]


โดย: navagan วันที่: 16 สิงหาคม 2551 เวลา:10:09:36 น.  

 
ความคิดเห็นที่ 11

ตามคห.10เลยครับ แต่ละคนไม่เหมือนกัน

จากคุณ : PT (Ps Tohchang) - [ 31 ก.ค. 51 02:55:49 ]


โดย: navagan วันที่: 16 สิงหาคม 2551 เวลา:10:09:58 น.  

 
ความคิดเห็นที่ 12

... เข้ามาดู

จากคุณ : Mr. Fusion - [ 31 ก.ค. 51 16:27:02 ]


โดย: navagan วันที่: 16 สิงหาคม 2551 เวลา:10:10:22 น.  

 
ค่อไปจากห้อง สวนลุม ครับ


โดย: navagan วันที่: 16 สิงหาคม 2551 เวลา:10:12:11 น.  

 
ความคิดเห็นที่ 3

ประสบการณ์



จากคุณ : Jump.Jr - [ 31 ก.ค. 51 03:08:51 ]


โดย: navagan วันที่: 16 สิงหาคม 2551 เวลา:10:13:12 น.  

 
ความคิดเห็นที่ 4

ผมว่าขึ้นอยู่กับเราต้องการอะไรจากคำตอบ

บางทีเราก็ต้องการแค่ความรู้สึกเก่าๆเมื่อครั้งยังเด็ก ได้ยินเพลงนั้นเพลงนี้ โหยหาอดีต โหยหาเพลงเก่าๆมาฟัง นึกถึงความหลังครั้งจีบเพื่อน ฯลฯ แบบนี้เราก็ไม่ต้องใช้มาตรฐานอะไรทั้งนั้น

บางครั้งเราก็ต้องการจะวิเคราะห์เพลงเพื่อนำเสนอรายงานวิชาเรียน สมมติว่าเลือกเพลงของลิฟท์กับออย เราก็ต้องใช้มาตรฐานทางภาษา ทางดนตรี ดูว่าการใช้คำสละสลวยมั้ย ความหมายเป้นยังไง เครื่องดนตรีดีมั้ยหรือใช้คีย์บอร์ดห่วยๆอันเดียวแต่งเพลง

บางครั้งเราก็ต้องการจะวิเคราะห์เพลงเพื่อนำเสนอเพื่อน สมมติว่าเพื่อนอยากได้เพลงอกหักมาฟัง เราแนะนำเพลงของลิฟท์กับออยให้เพื่อน เพื่อนอาจจะบอกว่ามันเป้นเพลงเก่ากึ๊กก็ได้ หรือจะบอกว่ามันเป็นเพลงเพราะก็ได้ ขึ้นอยู่กับมาตรฐานของเพื่อน ส่วนมาตรฐานเราคือ เราคิดว่าเพลงนี้มันตรงกับสิ่งที่นายต้องการ

ผมใช้เพลงมาเทียบดูนะครับ ไม่รู้จะใช้ได้รึเปล่า แต่คิดว่าเรื่องอื่นคงคล้ายๆกัน

จากคุณ : CARAGIO - [ 31 ก.ค. 51 04:34:45 ]


โดย: navagan วันที่: 16 สิงหาคม 2551 เวลา:10:13:34 น.  

 
ความคิดเห็นที่ 5

มาตรฐานจะเปลี่ยนไปตามกาลเวลา วัย(อายุ) และประสบการณ์ค่ะ

จากคุณ : เป็นกำลังใจให้เสมอ.... - [ 31 ก.ค. 51 06:59:27 A:117.47.49.7 X: TicketID:182095 ]


โดย: navagan วันที่: 16 สิงหาคม 2551 เวลา:10:14:10 น.  

 
ความคิดเห็นที่ 6

บางทีเราว่ามันเป็นเรื่องของความรู้สึกมากกว่า,, ภาพในใจของแต่ละคน

เวลาเรามองเค้าก็จะจำภาพในความทรงจำแบบนั้นๆของเรา,,, แต่ถ้ามานั่งพิจารณามันก็ จะค่อยๆสังเกตุในรายละเอียดและความเปลี่ยนแปลง โดยใช้สายตารับรู้ และใช้สมองประมวลผล


เหมือนผมมองพ่อกับแม่ของผม,,, ผมก็ไม่ได้สังเกตุอะไรหรอกว่า ท่านจะแก่ขึ้นขนาดไหน ตีนกาเยอะขึ้นรึเปล่า เพราะเราจำพ่อกับแม่ในแบบของเราเอาไว้,,, จนมานั่งสังเกตุดีๆแล้วพิจารณา ก็จะเห็นว่าเออ พ่อกับแม่เราแก่ขึ้นนะ แบบนั้นแบบนี้,, โดยใช้สมองประมวลผล


ก็คงเหมือนพ่อกับแม่มองเราเป็นเด็กเสมอในสายตาท่าน,,, แม้เราจะโตจนมีลูกมีเมียแล้วก็ตาม


ภาพในใจของแต่ละคน,,, ก็จะเป็นภาพที่ประทับใจหรือติดตามาตลอดจนเราจะจำภาพของคนๆนั้นในแบบนั้นๆไว้ในใจเราเสมอ

อันนี้ คิดในแบบของเรานะ ออกจะ งงๆ,,, ไม่รู้ตอบตรงคำถามมั้ย+555



จากคุณ : Sky Vodka - [ 31 ก.ค. 51 08:09:43 ]


โดย: navagan วันที่: 16 สิงหาคม 2551 เวลา:10:15:10 น.  

 
ความคิดเห็นที่ 7

เราตัดสินและให้คุณค่า สำหรับใครซักคนจากที่ได้เห็น ได้สัมผัส และพิพากษาคนคนนั้นจากการกระทำของเขา

จากคุณ : i am taee - [ 31 ก.ค. 51 08:24:40 ]


โดย: navagan วันที่: 16 สิงหาคม 2551 เวลา:10:15:29 น.  

 
ความคิดเห็นที่ 8

เราว่ากระทู้แบบนี้ ตั้งห้องไหนก็ได้นะ


ส่วนตัว สิ่งที่เราใช้ตัดสินคุณค่าตัวคน


ความเชี่ยวชาญ...โดยอ้างอิงจากมาตรฐาน ค่ะ

จากคุณ : ++SMILE LOGIN++ - [ 31 ก.ค. 51 09:14:00 ]


โดย: navagan วันที่: 16 สิงหาคม 2551 เวลา:10:16:31 น.  

 
ความคิดเห็นที่ 9

ถ้าเพื่อนทั่วๆไป ผมใช้ความมันส์ตัดสินอะครับ

ใครมันส์ ผมคบด้วยทั้งนั้นอะ

จากคุณ : นายแมมมอส - [ 31 ก.ค. 51 09:14:46 ]


โดย: navagan วันที่: 16 สิงหาคม 2551 เวลา:10:16:52 น.  

 
ความคิดเห็นที่ 10

ไม่เคยตัดสินนะ
แค่ "รับรู้" เอาไว้เฉยๆ

จากคุณ : แพรเพลง - [ 31 ก.ค. 51 09:39:34 ]


โดย: navagan วันที่: 16 สิงหาคม 2551 เวลา:10:17:17 น.  

 
ความคิดเห็นที่ 11

เวลาที่ผ่านไปแถวเยาวราช คลองถม สำเพ็ง

เราจะกรี๊ดไปตลอดทาง กับกระจาดที่แม่ค้าหาบมาขาย

บ๊ะจ่าง กะลอจี๊ กุยช่าย ขนมไหว้เจ้าจีนๆหวานๆเคลือบน้ำตาลทั้งหลาย ฯลฯ



ก็จริงอย่าง จขกท.ว่านะ

มาตรฐานใหม่บอกเราว่า ไอ้ของพวกนี้รสชาติห่วยแตก(ชิบ) หวานแหลมปรี๊ดดดดดดด

ขนมหวานบางชนิดก็เคี้ยวยากฟันแทบหัก หาความอร่อยไม่เจอ สีก็ฉูดฉาด




แต่แปลกไหม

เจอทีไรเราต้องโดดใส่ ไม่ได้อยากกินนะ

แต่ซื้อเพราะคิดถึงวันไหว้เจ้าตอนเด็กๆที่เดินตามอาม่าไปศาลเจ้า

คิดถึงอาแป๊ะหน้าโรงเรียนขายขนมใส่ในกระทงกลัดไม้เล็กๆ กระทงละ 2 บาท

คิดถึง กลิ่นอับๆของบ้านเก่า คิดถึงชาวแก๊งค์หน้าตลาดที่เล่นทอยตุ๊กตากัน ฯลฯ

ภาพมันชัดมากกระทั่งแหวนหยกสีเขียวๆที่แม่ใส่ตอนทำครัวหน้าเตาอั้งโล่



ทุกครั้งที่เห็นขนมพวกนี้ เราจะยังมีความรู้สึกเดิมเสมอ



จากคุณ : แงๆๆๆๆๆๆๆๆๆ คิดถึงบ้านอ่า (แม่ขวัญข้าว) - [ 31 ก.ค. 51 10:00:35 ]



โดย: navagan วันที่: 16 สิงหาคม 2551 เวลา:10:18:09 น.  

 
ความคิดเห็นที่ 12

....ส่วนตัว..ไม่มีมาตรฐานในการตัดสินนะ....

ใช้อารมณ์ของตัวเองล้วน ๆ ว่าตัวเองอยากคุยกับใคร

ชอบกินอะไร.... เหม็นอะไร.... เบื่ออะไร....


เปลี่ยนไปเรื่อยตามใจตัวเอง..



จากคุณ : ปิศาจสีชมพู (berkery74) - [ 31 ก.ค. 51 10:02:59 ]



โดย: navagan วันที่: 16 สิงหาคม 2551 เวลา:10:18:48 น.  

 
ความคิดเห็นที่ 13

คิดว่า มันเป็นเรื่องการประทับใจครั้งเเรก(จะดีหรือเลวค่อยว่ากัน) มันจะฝังอยู่ในส่วนลึกของใจ

คนที่ไม่เคยทำ พอได้ลองอะไรครั้งเเรกจะจดจำอารมณ์ได้ดี ครั้งต่อมาถึงเเม้จะเป็นอย่างไร ก็ไม่สามารถเเย่ง พท. นั้นไปได้เเล้ว

อีกอย่างคือ น่าจะเป็นเรื่อง อารมณ์ ที่มีอิทธิพล เหนือเหตุผล

จากคุณ : fourbot - [ 31 ก.ค. 51 11:16:26 ]


โดย: navagan วันที่: 16 สิงหาคม 2551 เวลา:10:19:18 น.  

 
ความคิดเห็นที่ 14

.....เวลาเปลี่ยนคนเปลี่ยน แต่ความรู้สึกเหมือนเดิม......

.....สมัยวัยรุ่น ไม่ฟังเพลงไทยเลยเพราะมีแต่เพลงที่ก็อป ถ้าฟังจะเป็นฟังพวกเพลงใต้ดิน แปลกๆ แรงๆ ส่วนเพลงไทยก็ได้รับฟังบ้างตามสื่อทั่วไป เมื่อเวลาเปลี่ยน ตอนนี้ฟังได้ทุกแนว เงื่อนไขและกำแพงทางความคิดลดลง เวลาได้ยินเพลงเก่าๆ มันจะรู้สึกถึงอารมณ์ช่วงเวลาขณะนั้น ภาพเก่าๆ ความรู้สึกเก่าๆ มันย้อนกลับมา......

......ชิววีตมันไม่หยุดนิ่ง ทุกอย่างเปลี่ยน ไม่จีรัง.....

จากคุณ : คาซีโอเพย่า. - [ 31 ก.ค. 51 13:00:29 ]


โดย: navagan วันที่: 16 สิงหาคม 2551 เวลา:10:19:39 น.  

 
ความคิดเห็นที่ 15

สิ่งที่ จขกท.บรรยาย เราขอใช้คำว่าทัศนคติค่ะ(Attitude)
และไม่ได้ตัดสิน เพียงแต่แสดงความคิดในมุมนั้นออกมา
และ....เราเอง ก็ยังเปลี่ยนยาก..เพราะมันคือการมองโลกแบบตัวเราเอง


บางครั้งบางเรื่อง ต่อให้เข้าใจมัน มีเหตุผลรองรับ แต่ทัศนคติก็สามารถสร้างความลำเอียงในใจได้เสมอ.. ขึ้นกับว่า ณ เวลานั้น เรามีสติ พอที่จะแยกแยะและวางใจเป็นกลางได้หรือเปล่า..

จากคุณ : อินทวา - [ 31 ก.ค. 51 13:21:22 ]


โดย: navagan วันที่: 16 สิงหาคม 2551 เวลา:10:20:10 น.  

 
ความคิดเห็นที่ 16

ถ้าเรื่องเพลง ... ในตอนเด็กผมคิดว่ามันยอดเยี่ยมก็คือยอดเยี่ยมจนถึงปัจจุบันนี้ ...

เพลงแนว Jazz

จากคุณ : Walking in the Sunshine - [ 31 ก.ค. 51 15:11:22 ]



โดย: navagan วันที่: 16 สิงหาคม 2551 เวลา:10:20:38 น.  

 
ความคิดเห็นที่ 17

เพราะ "อคติ" ครับ ที่ทำให้เราไม่ตัดสินทุกอย่างตามมาตรฐานความเป็นจริง

อคติ หมายความว่า การกระทำอันทำให้เสียความเที่ยงธรรม มี 4 ประการ

1. ฉันทาคติ - ลำเอียงเพราะรักใคร่
2. โทสาคติ - ลำเอียงเพราะโกรธ
3. โมหาคติ - ลำเอียงเพราะเขลา
4. ภยาคติ - ลำเอียงเพราะกลัว

ฉะนั้นการที่เราโตขึ้น รู้มากกว่า มีมาตรฐานที่ดีกว่าแล้ว แต่ยังคงใช้มาตรฐาน
เดิมในการตัดสิน ก็เพราะเรา รัก โกรธ เกลียด โง่ หรือ กลัวนั่นเอง

จากคุณ : ขอความเห็น (FinalPath) - [ 31 ก.ค. 51 16:16:55 ]


โดย: navagan วันที่: 16 สิงหาคม 2551 เวลา:10:20:56 น.  

 
ความคิดเห็นที่ 18

เราทุกคนต่างก็มีไม้บรรทัดเป็นของตนเอง

บางคนมีหลายอัน หลายมาตราส่วน
แล้วแต่จะเลือกหยิบมาใช้ในกรณีไหน บริบทไหน

บางคนมีอันเดียว มาตราเดียว หยิบใช้ไปตลอดชีวิตก็มี

ที่สำคัญก็คือพยายามเรียนรู้ให้ได้ว่า
ในโลกนี้ไม่ได้มี "มาตราส่วน" เพียงหนึ่งเดียว
และไม่นำเอามาตราส่วนของตนเอง
ไปวัดและตัดสินคนอื่นจากไม้บรรทัดของเรา

อีกทั้งยอมรับถึงความเปลี่ยนแปลง
ที่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อไม่ว่ากับคนอื่น
.. หรือแม้กระทั่งกับตัวเราเองก็ตาม

จากคุณ : Constellation - [ 31 ก.ค. 51 22:56:43 ]


โดย: navagan วันที่: 16 สิงหาคม 2551 เวลา:10:21:20 น.  

 
ความคิดเห็นที่ 19

พวกปัจจัยเวลานี้ไม่ค่อยมีผลกับเราเท่าไหร่เลยค่ะ

เราชอบเพลงตอนเด็กๆ เพลงไหน เราก็ชอบอยู่อย่างนั้น เหมือนสมองเรารับรู้อะไรที่มีสาระมากไม่ได้ เราเลยไม่ค่อยสนใจว่า สิ่งที่มีอยู่เดิมมันจะดีกว่าสิ่งใหม่ๆ ตรงไหน

หลายเดือนมานี้ เราพยายามใช้ดินสอไม้ ทั้งๆ ที่เลิกใช้มาตั้งแต่ป.3 ตอนเด็กๆ เกลียดมากเลย มันต้องมาเหลา เสียเวลา ใช้ดินสอกดดีกว่า แต่พอตอนนี้ เออ.. เวลาเหลาดินสอเนี้ย มันได้อารมณ์ดีนะ ให้เราได้คิดอะไรๆ เวลาเรียงดินสอไม้มันก็สวยด้วย ใช้แล้วดูดีว่ะ ..

ถ้าถามว่า ดินสอไม้ กับ ดินสอกด อะไหนดีกว่ากัน เราตอบไม่ได้ค่ะ เพราะแต่ล่ะดีคนละแบบ คนที่เขาพูดว่า เขามีมาตราฐาน เขารู้ว่าดินสออันไหนดีกว่า ก็แล้วแต่เขา แต่เราไม่สามารถตอบได้จริงๆ

เรื่องคนยิ่งแล้วใหญ่เลยค่ะ คนที่ตัดสินคนอื่นง่ายๆ เพียงหนึ่งนาที ถ้าเราอ่านความคิดเขาออก เราไม่คบแน่ๆ เราเกลียดที่สุดคือการการตัดสินคนอื่นง่ายๆ นี่แหละ เวลาเราเจอคนรู้จัก ไม่ว่าจะดีขึ้นแย่ลง เราก็จะพยายามหาข้อดี แล้วคิดว่าดีขึ้นหมดเลย

มีตาก็ต้องมองให้กว้างๆ อย่าให้เอามาตราฐานด้อยเดี้ยอะไรมาบดบังความเป็นจริง

จากคุณ : หวานใจนายโหด - [ 1 ส.ค. 51 01:25:31 ]


โดย: navagan วันที่: 16 สิงหาคม 2551 เวลา:10:21:51 น.  

 
ความคิดเห็นที่ 20

น่าสนใจ ๆ ร่วมด้วย ช่วยวิเคราะห์

ในการที่เราเคยชอบเพลง ๆ หนึ่ง แล้วเมื่อเวลาผ่านไป เรารู้สึกว่ามันก็ไม่ได้เพราะมากมายอะไรเหมือนเดิม
กรณีนี้น่าจะเกิดจากการเปรียบเทียบมากกว่า อย่างที่จขกท. บอกว่าได้มาตรฐานใหม่มาใช้ตัดสิน ก่อนที่เราจะได้มาตรฐานใหม่มา
คงต้องผ่านการฟังเพลงอื่น ๆ มาอีกมากมายพอดู ซึ่งเราอาจจะค้นพบเพลงที่เราชอบมากกว่า ได้สัมผัสเพลงแนวอื่นที่ไม่เคยฟังมาก่อนแล้วชอบ
เลยทำให้ความรู้สึกต่อเพลงแรกที่ชอบ น้อยลงไปเป็นธรรมดา (คนที่ไม่เคยเห็นทะเล ก็ต้องรู้สึกว่าแม่น้ำกว้างใหญ่เหลือคณา)


ส่วนเรื่อง นาย ก. นาย ข. ไม่ได้เจอกัน 5 ปี นาย ก.บอกว่า นาย ข.ยังเหมือนเดิมอยู่เลยนะ แต่ จขกท เจอทุกวันเห็นว่าอ้วนขึ้นมาก
คำว่าเหมือนเดิมนี้ ความหมายมันกว้างมาก นาย ก. อาจจะอยากบอกว่า แววตายังเหมือนเดิมเลยนะ
หรือ ยังชอบแต่งตัวแบบนี้เหมือนเดิมนะ หรืออาจจะบอกว่าดูขี้เล่นเหมือนเดิมเลยนะ ซึ่งมันอาจจะคนละความหมาย กับความแตกต่าง
ทางรูปกายภายนอก เหมือนที่ จขกท เข้าใจก็ได้

พอมาคิดย้อนถึงตัวเอง เวลาเจอเพื่อนเก่า ก็ชอบบอกว่า เห้ย ยังเหมือนเดิมเลยนะ เหมือนกัน แต่ความหมายของผม
หมายถึงว่า ไม่ว่าจะไม่เจอกันนานแค่ไหน แต่ว่าเจอกันทีไรก็ยังรู้สึกถึงความเป็นเพื่อนกันเสมอเหมือนวันเก่า ๆ เลย


ส่วนอีกกรณี เรื่องสิ่งที่ได้ตัดสินไปแล้ว เช่นเรื่องนาย ก. เป็นคนตลก ไม่ซีเรียกกับชีวิต แม้ปัจจุบันเค้าเปลี่ยนเป็นคนจริงจังขึ้นมา
แต่คนส่วนใหญ่ยังมองเค้าเป็นเหมือนเดิม ปัญหาของเรื่องนี้ น่าจะเป็นเรื่องเวลา มากกว่าอย่างอื่น
1. คนเราใช้เวลานานแค่ไหน ในการตัดสินคน ๆ นึงว่าเค้าเป็นคนแบบไหน เจอกันครั้งแรกในชีวิต
คำตอบคือแต่ละคนใช้เวลาไม่เท่ากัน
2. คนเราใช้เวลานานแค่ไหน ในการตัดสินคน ๆ นึงว่าเค้าเปลี่ยนไปจากเดิม เจอกันครั้งต่อ ๆ มา
คำตอบก็คือแต่ละคนใช้เวลาไม่เท่ากัน แต่อย่างน้อย ต้องมากกว่า เวลาในข้อหนึ่ง + เวลาในการเปลี่ยนความคิดเดิม + อคติด + ..

สรุปก็คือ ถ้าคุณอยากให้คนอื่นรู้สึกว่า คุณเปลี่ยนไปแล้ว ก็ไม่ต้องทำอะไรเลย แค่รอเวลา เพราะถ้าคุณเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ เวลาจะทำให้คนอื่น ๆ
รอบ ๆ ข้างคุณรู้สึกได้เอง

จากคุณ : Sa-Ga - [ 1 ส.ค. 51 19:57:32 ]


โดย: navagan วันที่: 16 สิงหาคม 2551 เวลา:10:22:34 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

navagan
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 73 คน [?]




นวกานต์ ราชานาค
Navagan Rachanark


สนใจใน ภาพยนตร์, การวิเคราะห์-วิจารณ์ ภาพยนตร์,ดนตรี, งานเขียน และ ศิลปะอื่นๆ

สร้างสรรค์ผลงานภาพยนตร์ทดลอง และ งานดนตรีทดลอง และ งานเขียน


ปัจจุบันทำงานด้านการตลาด การวิจัยและพัฒนายางสังเคราะห์และยางธรรมชาติ

เริ่มจัดเก็บข้อมูลสถิติการเข้าชม

Time 09:00 Date 31/01/2010

by Histats.com

blogger web statistics

ถูกใจบทความ หรืออยากสนับสนุนเจ้าของ Blog

ก็ช่วย click ที่ Link โฆษณาครับ

ขอบคุณครับ

Friends' blogs
[Add navagan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.