วันเกิดผมเองครับ 13 กันยาฯ
นึกวางแผนกับแฟนว่าจะไปไหนดี เห็นเขาอยากไปตลาดน้ำท่าคา
ก็เลยดูปฏิทินว่าวันไหนตรงกับข้างขึ้น ข้างแรมที่ 2 7 12 บ้าง
เสาร์ - อาทิตย์นี้ไม่ตรงเลยครับ ไปตรงเอาอาทิตย์หน้า แต่ความที่ตั้งใจแล้ว
ทริปนี้ ยังไง๊ ยังไง ก็ต้องไป อิอิ ก็ผมอยากไปเที่ยวอุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยามนี่
ส่วนตลาดน้ำท่าคา เอาไว้ทริปหน้า เร็วๆนี้นะจ๊ะ
บรรยายย้อนนะครับ จากหลังไปหน้า เริ่มจากอัมพวาก่อนเลย
บรรยากาศของตลาดน้ำอัมพวา
ร้านขายของที่มีกลิ่นอายของวันเก่าๆ
เห็นแล้วคิดถึงสมัยเด็กๆ
ตลาดน้ำ ของจะซื้อจะขายก็ต้องมากับเรือแบบนี้สิครับ
เขามีให้ไปล่องเรือดูหิ่งห้อย ไม่ค่อยสนเท่าไร มันมืดจะเห็นก็คงเห็นแต่หิ่งห้อย
ฝนตกพรำๆ มันจะมีให้ดูรึ เอาแน่ๆ ล่องมันกลางวันชมธรรมชชาติสองฝั่งคลองดีกว่า
ขึ้นฝั่งวัดแรก วัดกุฎีทอง
ลายลงรักปิดทองที่ประตูและหน้าต่าง เริ่มจางหายไปตามกาลเวลา
จากเดิมที่มีทั้งหลัง ก็เหลือจางๆอยู่กับหน้าต่างและประตู
บรรยากาศสองฝั่งคลอง ซึ่งเรียกให้ถูกต้องเรียกว่าสองฝั่งแม่กลอง
ย้อนกลับไป ก่อนที่จะแวะมาถึงตลาดอัมพวาก็คือที่นี่ครับ ค่ายบางกุ้ง
ก่อนเสียกรุงครั้งที่สองที่นี่เคยเป็นค่ายทหารเรือในสมัยพระเจ้าเอกทัศน์และถูกพม่าตีแตก
แต่หลังจากสมเด็จพระเจ้าตากสินกู้เอกราชได้แล้วได้โปรดให้คนจีนจาก ระยอง ชลบุรี ราชบุรี
และกาญจนบุรี รวบรวมพลพรรค มาตั้งเป็นกองทหารรักษา ค่ายบางกุ้ง
ซึ่งยังไม่มีทหารรักษาค่ายนี้จึงเรียกว่า "ค่ายจีนบางกุ้ง"
เมื่อฤดูแล้งปลายปี พ.ศ. 2310 กองทัพพม่า 3,000 นาย เข้ามาทางเมืองไทรโยค
ครั้นถึงบางกุ้งเห็นค่ายทหารจีนของพระยากรุงธนบุรีตั้งอยู่ ก็ล้อมค่ายไว้
ความทราบถึงสมเด็จพระเจ้าตากสิน ได้โปรดให้พระยามหามนตรี(บุญมา)
จัดกองทัพเรือ 100 ลำเศษ
พร้อมด้วยศาสตราวุธมายังค่ายบางกุ้ง
พระยามหามนตรีคาดการณ์ว่าค่ายบางกุ้งล่อแหลมกำลังจะแตกอยู่แล้ว
จึงรีบเดินทัพเข้าโจมตีพม่าที่ล้อมค่ายไทย-จีนบางกุ้งโดยฉับพลัน
การรบครั้งนี้ตะลุมบอนกันด้วยอาวุธสั้น ทำให้พม่าอยู่ในศึกกระหนาบ
แน่ใจว่าทัพหลวงของไทยติดตามมายิ่งเสียขวัญ ฝ่ายไทยกลับฮึกเหิม
ไล่ฟันแทงข้าศึกล้มตายเป็นอันมาก กองทัพไทยได้เรือรบศัตรูทั้งหมด
ชัยชนะในการรบที่ค่ายบางกุ้งนี้ ทำให้กำลังใจของคนไทยทั้งชาติพลอยฮึกเหิมขึ้นด้วย
นับแต่นั้นเป็นต้นมา ก็ไม่ปรากฏว่ามีข้าศึกล่วงล้ำมาถึงเมืองสมุทรสงครามอีก
โบราณสถานที่สำคัญและน่าสนใจของที่นี่คือโบสถ์ปรกโพธิ์
ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่สมัยอยุธยาตอนปลาย
สลักจากหินทรายแดง แสดงปางมารวิชัย ชาวบ้านเรียกว่า หลวงพ่อโบสถ์น้อย
จุดเด่นของที่นี่อีกอย่างหนึ่งคือมีรูปปั้นแม่ไม้มวยไทยเรียงราย
เสียงมรรคทายกแว่วมาว่า คุณพ่อบ้านห้ามพาคุณแม่บ้านไปดูเด็ดขาด อันตรายต่อชีวิต
และเนื่องจากที่นี่เคยมีคนจีนมารวมกันเป็นทหารอาสากู้ชาติ (ไม่เกี่ยวกับการเมืองตอนนี้นะครับ ขอเน้น)
จึงมีการสร้างทหารจีนในชุดนักรบไว้เป็นอนุสรณ์เพื่อระลึกถึงความเสียสละ
จากนั้นผมขอย้อนกลับไปถึงสถานที่ก่อนหน้าที่จะมาถึงค่ายบางกุ้ง
นั่นคืออุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม
สถานที่แรกคืออาคารเชิดชูเกียรติ (Hall of fame)
รวมเอาบุคคลสำคัญหลายๆท่านจากหลายชาติ หลายภาษา
ใน Hall of fame นี้ ห้องที่สว่างที่สุด พอจะใช้กล้องมือถือ Nokia N71 ของผมถ่ายได้
ก็เห็นจะมีแต่ท่านอาจารย์มนตรี ตราโมชย์ นี้ละครับ
ประธานเติ้งและประธานเหมา
ถัดมาก็เป็นลานพระ 3 สมัย
- อยุธยา
- สุโขทัย
- เชียงแสน
- อยุธยา
- สุโขทัย
- เชียงแสน
บรรยากาศภายในร่มรื่น สวยงาม
ขนาดร้านขายกาแฟภายในอุทยานยังทำออกมาแบบย้อนยุคน่านั่งจริงๆ
ทัศนาเอาเถิดครับท่าน
แถมของก็ขายไม่แพง ราคาพอๆกับข้างนอก
(ขออนุญาตไม่อธิบายมาก เดี๋ยวจะหาว่าได้ค่าโฆษณา ^_^)
ถัดมากเป็นถ้ำชาดก จัดแสดงชาดกเรื่องชูชก
(ข้างในแสงน้อย กล้องของผมถ่ายไม่ได้จ้ะ T_T)
ชักเยอะ โพสต์รวดเดียวเลยละกันนะ
จบที่ลานพระอวโลกิเตศวรครับ
แปะท้ายนิดนึงครับ
พอดีไปเจอว่าเคยถ่ายภาพตลาดอัมพวาไว้เมื่อเดือนกุมภาฯปี 50
บรรยากาศ
ภาพของตลาดอัมพวาปี 2550
คนแน่นมาตั้งแต่ปี 50 แล้วละครับ
บ้านไม้หลังนี้ดูเก่าแบบคลาสสิกดีครับ
รวมภาพเพิ่มเติมอัมพวา 4 ภาพพอดี
ตอนนี้ฮิตจิงๆ