On The Trip (MOSCOW I)
o รูปแรกเป็นอพาทร์เม้นที่จองจากเมืองไทยพอไปถึงเจ้าของห้องเค้าส่งแท็กซี่มารับที่ สนามบินด้วย ตอนนั้นจำได้ว่าไปลงที่ Domodedovo International airport (Russia, Moscow) แท็กซี่มาถือป้ายรอแล้ว พามาส่งถึงที่พักเลย คนรัสเซียขับรถในกรุงเทพฯ ไม่ได้แน่ ๆ คะ อารมณ์ฉุนเฉียวมาก ปาดซ้ายแซงขวาตลอด คนนั่งเวียนหัวจะแหวะอ่ะ ในห้องมีห้องครัวแล้วก็ห้องโถง แล้วก็ห้องนอน 1 ห้องคะo พอเดินตรงไปก็ห้องโถงคะ สวยดีมี TV ให้ดูด้วยคะ แต่เป็นภาษารัสเซียหมดเลย ไม่มีอังกฤษเลยซักคำ เห่อ ๆ o ห้องนอนอ่า เล็กแต่ว่าอุ่นสบาย ตอนที่ไปปี 49 เค้ายังไม่ห้ามเอาของเหลวขึ้นเครื่อง เลยซัดน้ำเปล่าไป 2 ขวด โลชั่นอีก 1 ขวด ที่โน่นน้ำเปล่าแพง ซื้อน้ำผลไม้กินดีกว่าคะ อิอิo รูปนี้ถ่ายตอน 8โมงเช้ากว่าๆแล้วง่ะ ยังไม่มีการเคลื่อนไหวเลย มีก็แต่น้องหมาวิ่งไปมาบ้างสองสามตัว คนที่นี่เค้าทำงานกัน 10โมงเช้าขึ้นไปคะ สงสัยจะหนาวเลยทำงานกันสายมากๆ o ตึกสูงยอดแหลมๆที่อยู่ข้างหลังนะเป็นแถวที่พัก ทุกวันก็ต้องเดินไกลพอสมควรเพื่อที่จะไปขึ้นรถไฟฟ้า วันนี้หิมะเริ่มละลายแล้วดูสภาพเหมือนกองน้ำแข็งเน่า กุงเกงเละตุ้มเป้ะเลย เข้าใจเลยคะว่าทำไมคนที่นั่น ชาย/หญิง เค้าจะชอบใส่รองเท้าสุ้นสูงๆ โดยเฉพาะผู้หญิงจะใส่รองเท้าบูทสูงครึ่งแข้ง แบบที่บ้านเราใส่เป็นแฟชั่น เหตุแท้จริงคงเพื่อการดำรงชีวิตo โทรมหมดเลยถึงที่จัดงานแล้ว กว่าจะมาถึงได้ทรหดพอสมควร หึหึ ทั้งเมืองไม่มีภาษาอังกฤษซักตัว ป้ายนี่เค้าเขียนว่าอะไรก็ไม่รุ้ ดีนะมาจนถึงปะคะ เข้าข้างในกันดีกว่าo วันแรกที่ไปหนาวมากคะ รูปข้างบนน่ะวันหลังๆ หิมะเริ่มละลาย นี่เป็นรูปวันแรกที่ไปงานเลยหูสย์ดูจิ้หิมะหนาเป็นเมตรเลย อ่าหนาวจังๆ หิมะ หิมะo อะนะทางเดินดีก็มีให้ไม่เดินนะคนเรา อยากจะลงไปเหยียบหิมะซะงั้น สรุปวันนั้นรองเท้าเจ้งคะ หิมะกัดหักสองท่อนเยยย สมน้ำหน้าเจง ๆo ที่จัดงานวันต่อ ๆ มา สรุปว่าหนาวสุดๆวันเดียวคือวันเรกที่ไป ที่เหลือเละหมดทูกวันเลย ดูจิ้หน้าเริ่มหงิก เดี๋ยวมีเละกว่านี้อิกคะo ขอแนะนำว่าถ้าใครจะต่างประเทศในช่วงปลายหนาว คือหิมะกำลังเริ่มละลาย เอาบู๊ทหนังสูงประมาณหน้าแข้งไปเลยคะ และต้องใส่ขากุงเกงไว้ในรองเท้าด้วย ไม่งั้นกุงเกงเละโคลน รองเท้าอื่นไม่เหมาะอย่างยิ่ง ดูสภาพแถมจู่ๆ มีฝนตกด้วย ซ้ำเติมกันเจิงๆ o อันนี้ป้ายเมโทรเค้าอ่ะ เห็นป้ายยังงี้อย่าดีใจไปคะ กว่าจะเดินหาทางลงได้แทบแย่ เห่อๆ ไม่ตั้งใกล้ๆ แบบรถไฟฟ้าใต้ดินบ้านเรา นะ ซิ บก ไห่ o เย่ๆ เจอแล้วทางลงรถไฟใต้ดิน รถไฟฟ้าที่โน่นเค้าไม่เหมือนบ้านเราเก่ากว่ายาวกว่าเสียงดังกว่า ข้างล่างเป็นอุโมงค์มีของขายเต็มเลยมีทูกอย่างคะ รวมทั่งบัตรโทรศัพท์ซึ่งเราใช้บริการเป็นประจำ บัตรเค้าราคาไม่กี่ตังส์มีให้เลือก ซื้อมาแล้วก็ใช้โทรศัพท์พื้นฐานตามบ้านเค้านะแหล่ะ โทรกลับเมืองไทยได้เลยแต่วิธีโทรระวังดี ๆ น้าเพราะเค้ามีแต่ภาษารัสเซียง่ะ ระบบที่ใช้เป็นแบบ voice over ip ค่าโทรเลยถูกมากๆ จำได้ว่าประมาณนาทีละ 3 บาทมั่งคะ !!อื่มเห็นเค้าเล่ากันว่าสมัยสงครามโลกเค้าขุดอุโมงค์พวกนี้ไว้หลบสงครามและไว้หลบหนาวด้วย สมัยก่อนยังไม่เปิดประเทศบรรยากาศคงเหมือนในหนังสงครามอ่ะ (ขนาดเปิดประเทศแล้วยังหวาด ๆ) ส่วนคนไร้บ้านยิบซีก็นอนหนาวตายข้างนอกไป เห็นว่าเก็บศพได้เป็นกองภูเขาเลยน่ากลัวเน้อะ ใครเคยไปจะรู้ว่ามันลึกมากๆ เลย ทางลงมีบันไดเลื่อนเกือบทุกสถานี ใครยืนเฉยๆ ต้องชิดด้านขวานะ เพราะด้านซ้ายสำหรับคนที่ต้องการเร็วจะเดินกัน ซึ้ซั้วยืนเดี๋ยวโดนชนตกบันไดไม่รู้ด้วย ดีนะเราหลบทัน ฮา oทุกวันเวลากลับเราต้องเดินจากเมโทรข้ามแม่น้ำนี้วันแรกชอบมากคะอากาศดีเย็นสบาย แต่วันหลัง ๆ แทบไม่ได้เงยหน้ามองแม่น้ำเลย สะพานยาวมากoมีที่ให้พักเหนื่อยถ่ายรูปด้วยคะ วิวสวยดี !!อื่ม มีเรื่องเล่านิดนึงคะ คนไทยเราเป็นเมืองยิ้มชะแมะคะ ไปไหนกะหน้าบานยิ้มแฉ่ง แต่ถ้าไปรัสเซียอย่าไปเดินยิ้มนะคะ อาจโดนข้อหามึมยิ้มหาเรื่องกรู? ได้ โดนมาแล้ววันแรกเลย555 ยังไงก็สงบเสงี่ยมไว้ก่อนเวลาเดินต้องทำหน้าตาซีเรียสอ่ะบึ้ง ๆ หน่อยกะดีคะ ก้มหน้าก้มตา ทำรีบ ๆ เดินจะไปธุระ คนที่นี่เค้าไม่รู้โกรธใครมาหน้าหงิกมาก คนทำงานพอคุยด้วยได้ ถ้าเป็นวัยรุ่นอย่าไปทักส่งเดชนะคะ ตอนที่ไปเพิ่งมีขาววัยรุ่นเค้าฆ่านักศึกษาต่างชาติเสียชีวิต ถ้าเป็นคุณผู้ญ จะไปไหนมาไหนคนเดียวท่าจะไม่รอด เพราะงั้นไปที่นี่ระวังตัวเด่อ สงสัยประชาชนยังไม่ชินกับการเปิดประเทศ!!oอันนี้ถ่ายบนสะพานอ่ะ ถนนบนสะพานเลนเยอะมาก หมดสิทธิ์ข้ามถนนบนนี้ ที่นี่เวลาข้ามต้องระวังรถขับกันเร็วมาก ไม่มีเบรคชนตายเอาดื้อๆพอตอนเย็นๆหรือค่ำๆ หลังเลิกงานคนธรรมดาเค้าจะนิยมรับผู้โดยสารคะ เป็นแท็กซี่เถื่อนว่างั้นเถอะ ถามค่าโดยสารกันเองถ้าพอใจก็ไป แบบประมาณหารายได้พิเศษเราใช้บริการประจำดูคนไหนหน้าตายิ้มแย้มหน่อยกะอเช กะดีนะไม่ชอบง้อพวกแท็กซี่ง่ะกับชาวต่างฃาติพวกนี้ชอบหลอกยังไงไม่รู้oนี่สวนสาธารณะเค้าตกเย็น (อยู่นีต้องดูนาฬิกาตลอด หลงเวลา อากาศครึ้มท้างวัน ไม่รู้กี่โมงกี่ยาม เวลาที่กรุงมอสโกช้ากว่าไทย 3 ชั่วโมงในฤดูร้อน และช้ากว่าไทย 4 ชั่วโมงในฤดูหนาวคะ) คนแก่ก็จะพาหมาๆ ลงมาออกกำลังพร้อมขับถ่ายแล้วก็จะได้เจอสังคมหมาๆ ด้วยกันบ้าง (เห็นเวลาน้องหมาเจอกันจะดีใจสุดชีวิต) แม่บ้านก็จะพาลูกเด็กเล็กแดงลงมาเข็นรถเดินเล่นกันทุกวัน น้องหมาก็อึบนหิมะที่เห็นขาวๆ น่านแหละฉะนั้นใครไปเมืองนอกแล้วคิดอยากลองชิมหิมะ ต้องคิดให้มาก ๆ ก่อนนะ อิอิoขากลับเดินผ่านสวนนี่ทุกวันจนรู้จักทักทายคุยกับชาวบ้านแถวนี้ ทำให้รู้สึกดีกับคนที่นี่ขึ้นมากเลยoที่พักอาศัยคนที่นี่เป็นตึกๆ อย่างที่เห็นในรูปคะ เค้าเล่าว่าแต่ก่อนเป็นตึกร้างสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 พอทุกอย่างผ่านไปรัฐบาลเค้าก็เอามาทำเป็นอาพาทรเม้นให้คนซื้อหรือเช่าอยู่ ตึกที่นี่แข็งแรงและหนามากคะ ตามที่พักจะมีน้ำร้อนน้ำเย็นจากการประปาเค้าเลย เค้าคุยว่าน้ำเค้ากินได้เลย แต่เรากินไม่ลงอ่ะ เพราะรู้มาว่าเค้าใส่สารเคมีเร่งให้น้ำเดือนเร็วขึ้น อ่อ บ้านเค้าค่าไฟถูกมากเพราะเค้ามีโรงไฟฟ้านิวเครียร์ คนที่นี่เค้าเลยไม่เดือนร้อนกับค่าประปา ไฟฟ้าแบบบ้านเรา ดีจัง..ส่วนตึกที่นี่อายุเก่าแก่มากถ้ามันพูดได้คงได้ฟังเรื่องสยองกันขนหัวลุกอ่ะคะ..ตั้งแต่ไปเห็นบ้านส่วนตัวน้อยมากแทบไม่เห็นเลยก็ว่าได้ คงต้องออกไปนอกเมืองเปล่าไม่แน่ใจเหมือนกันเพราะที่เราพักมันกลางเมืองหลวงเค้าอ่ะ ห้องเค้าใหญ่นะคะภายในแบ่งเป็นหลายห้องเหมืองบ้านเพียงแต่ไม่มีนอกบ้านแค่นั้นเอง พูดไปที่จริงก็ดีนะเพราะมันหนาวคงไม่มีใครอยากเดินรอบ ๆ บ้านถ้าไม่จำเป็นจริงๆoเหมือนกล่องระเบิดอ่ะตอนเช้ากับตอนเย็น เวลาอื่นคนหายกันเข้าที่พักหมด อื่มที่นี่คนจีนกับเวียดนามเยอะก็ไม่รู้ว่าเค้าอยู่กันยังไงคงอาศัยร่วมหรือเป็นพี่เลี้ยงเด็กให้แม่บ้านรัซเซียมั่งเห็นหลายบ้านมีคนเอเชียอยู่ด้วยoเด็กๆ น่ารักมากขาวและถูกห่อจนมิดชิด เด็กทารกก็ห่อมิดเหลือแต่ลูกตา อากาศเย็นมากคะตอนที่ไปยังติดลบในบางวัน แต่หิมะเริ่มละลายแล้วoเราเดินผ่านสวนนี้ทุกวันจนรู้จักกับคนแก่และแม่บ้านเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี ทุกวันขากลับก็จะซื้ออะไรมานั่งกินที่สวนนี้ รู้สึกอบอุ่นเหมือนอยูบ้านแล้ว การได้รู้จักพูดคุยกันคนเหล่านี้ทำให้เราเปลี่ยนความรู้สึกที่ไม่ค่อนดีจากวันแรก ๆ หมดไปถ้าได้ไปอีกครั้งก็อยากกลับไปพักที่เดิม ไม่รู้ว่าเด็ก ๆ จะโตแค่ไหนแล้ว ลุงที่เคยคุยกันจะยังจำกันได้อยู่หรือเปล่าน้า น้องหมามิลันดาจะแก่ลงแค่ไหนเชียวoใครที่จะไปประเทศรัสเซียก็ลองเข้าไปอ่านข้อมูลทั่วไปของประเทศนี้ดูก่อนก็ได้คะClikehere
ไหงได้มาเที่ยวมอสโกซะเนี่ย