สรุปเนื้อหาบทที่ 7 [31 ม.ค.56] Supply Chain Management (SCM) Enterprise Resource Planning Customer Relation Management Supply Chain Management (SCM) ระบบจัดการการบริหารและเชื่อมโยงเครือข่ายตั้งแต่ supplier , manufacturers , distributors เพื่อส่งมอบสินค้าหรือบริการให้ลูกค้าโดยมีการเชื่อมโยงระบบข้อมูล วัตถุดิบ สินค้าและบริการ เงินทุน รวมถึงการส่งมอบเข้าด้วยกัน เพื่อให้การส่งมอบเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสามารถส่งมอบได้ตรงตามเวลาและความต้องการได้ Supply Chain IIIustration ขั้นตอนวิวัฒนาการไปสู่ระบบการจัดการ Supply Chain การกำเนิดระบบการบริหาร Supply Chain มีต้นแบบมาจากการส่งลำเลียงอาหารและอาวุธต่างๆ ตามระบบส่งกำลังบำรุงของทหาร โดยเฉพาะในช่วงสงครามที่ต้องการความมั่นใจว่าอาวุธและอาหารจะต้องจัดส่งให้เพียงพอกับความต้องการ ไปยังสถานที่ที่กำหนดอย่างตรงเวลา เพื่อให้เกิดความสูญเสียน้อยที่สุด จึงต้องวางแผนจัดลำดับให้มีประสิทธิภาพดีที่สุด ต่อมาได้มีการพัฒนาแนวความคิดและมีการดัดแปลงให้กับธุรกิจการค้าและอุตสาหกรรม มีระยะของการเปลี่ยนแปลงธุรกิจเพื่อเข้าสู่กระบวนการบริหาร Supply Chain 4 ระยะ คือ ระยะที่ 1 องค์กรในรูปบบพื้นฐาน (The Baseline Organization) เป็นรูปบบการบริหารจัดการแบบดั้งเดิม ไม่ค่อยจะมีความยืดหยุ่น ที่ต้องการสร้างผลกำไรสูงสุดขององค์กร โดยเน้นความชำนาญในการทำงานของแต่ละแผนก แต่ละฝ่ายต่างทำงานเป็นอิสระต่อกันไม่เกี่ยวข้องกัน ระยะที่ 2 องค์กรที่รวมหน้าที่ทางธุรกิจเข้าด้วยกัน (The Functionally Integrated Company) แต่ละองค์กรเริ่มจะจัดตั้งเป็นบริษัท มีการรวบรวมหน้าที่ ลักษณะงานที่เป็นประเภทเดียวกันและฝ่ายเดียวกัน ไม่มีการแบ่งแยกหน้าที่ความรับผิดชอบออกจากกันอย่างเด็ดขาด ระยะที่ 3 องค์กรที่รวมการดำเนินงานภายในธุรกิจไว้ (The Internally Integrated Company) องค์กรมีการพัฒนาและปรับปรุงโครงสร้างองค์กรของตนอย่างต่อเนื่องจากระยะที่ 2 โดยฝ่ายต่างๆ มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ทำให้มีการติดต่อประสานงานเชื่อมโยงระหว่างฝ่ายทำงานมากขึ้น ระยะที่ 4 องค์กรที่รวมการดำเนินงานภายนอกธุรกิจไว้ด้วย (The Externally Integrated Company) ระยะที่บริษัทก้าวเข้าสู่รูปแบบการบริหารแบบ Supply Chain อย่างเต็มตัว โดยมีการปรับโครงสร้างการบริหารแบบ Supply Chain ภายในบริษัทของตนเองไว้เรียบร้อยแล้ว และหันมาให้ความสำคัญกับกลยุทธ์การบริหารลูกโซ่อุปทานภายนอก การบริหารจัดการ Supply Chain เป็นการจัดการที่ต้องอาศัยความร่วมมือของคู่ค้าที่เกี่ยวข้องใน Supply Chain เป็นสำคัญ องค์กรที่มีความรู้ในการบริหารจัดการดี ควรถ่ายทอดแนวคิดและวิธีการปรับปรุงระบบงานและการประสานงานระหว่างองค์กรให้แก่องค์กรอื่นๆ ใน Supply Chain ได้ ความสามารถในการประสานระบบงานระหว่างองค์กรใน 3 ส่วนหลัก ได้แก่ 1.ศักยภาพในการประสานระบบการจัดการระหว่างกลุ่ม Suppliers (Supply - management interface capabilities) เพื่อให้ระบบปฏิบัติการโดยรวมมีต้นทุนต่ำที่สุด มีระบบโลจิสติกส์ในการส่งผ่านวัตถุดิบ ผลิตและส่งมอบสินค้าที่มีประสิทธิภาพและสามารถใช้ประสิทธิภาพของระบบโลจิสติกส์ในการแข่งขันเชิงรุก เพื่อสร้างสรรค์ระบบการส่งมอบสินค้าที่รวดเร็ว ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น 2.ศักยภาพในการประสานระบบการจัดการให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า (Demand - management interface capabilities) เป็นระบบการบริหารจัดการเพื่อการให้บริการที่มีคุณภาพและการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า ทั้งก่อน ระหว่าง และภายหลังการขาย เพื่อสร้างความได้เปรียบเพิ่มขึ้นในเชิงการแข่งขัน คุณภาพโลจิสติกส์ที่ต้องการคือ ความรวดเร็ว การมีสินค้าพร้อมจำหน่ายเมื่อลูกค้าต้องการ การส่งมอบสินค้าที่สมบูรณ์สอดคล้องตามความต้องการของลูกค้าและการมีระบบสื่อสารที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้ 3.ศักยภาพในการประสานระบบการจัดการสารสนเทศ (Information management capabilities) ระบบสื่อสารระหว่างองค์กรใน Supply Chain มีความสำคัญอย่างยิ่ง ก่อนที่บริษัทข้ามชาติจะเริ่มต้นประกอบการในประเทศต่าง ๆ จะต้องมีการวางโครงสร้างพื้นฐานทาง IT พิจารณาวางแผนกับปัญหาในเรื่องการประสานข้อมูลต่าง ๆ ทั้งในระบบองค์กรและระหว่างองค์กรโดยพัฒนาร่วมกันไปพร้อมๆ กับการวางกลยุทธ์ ปัญหาของการจัดการ Supply Chain การจัดการ Supply Chain ให้ประสบความสำเร็จเป็นสิ่งที่ทุกองค์กรต้องการ สามารถจำแนกได้ดังนี้ 1.ปัญหาจากการพยากรณ์ การพยากรณ์ความต้องการสินค้าเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการจัดการ Supply Chain ซึ่งการพยากรณ์ที่ผิดพลาดมีส่วนสำคัญที่ทำให้การวางแผนการผลิตผิดพลาด และอาจจะทำให้ผู้ผลิตมีสินค้าไม่เพียงพอกับความต้องการของลูกค้าที่เกิดขึ้น 2.ปัญหาในกระบวนการผลิต เกิดจากกระบวนการผลิตอาจจะทำให้ไม่สามารถผลิตสินค้าได้ตามเวลาที่กำหนดไว้ เช่น เครื่องจักรเสีย ทำให้ต้องเสียเวลาส่วนหนึ่งในการซ่อมแซมและปรับตั้งเครื่องจักร 3.ปัญหาด้านคุณภาพ จะส่งผลให้กระบวนการการผลิตต้องหยุดชะงัก และทำให้ไม่สามารถส่งมอบสินค้าให้แก่ลูกค้าได้ตามที่กำหนดไว้ นอกจากนั้นระบบการขนส่งที่ไม่มีคุณภาพสามารถส่งผลกระทบต่อผู้ที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานได้เช่นกัน 4.ปัญหาในการส่งมอบสินค้า การส่งมอบที่ล่าช้าเกิดขึ้นได้ตั้งแต่เรื่องของวัตถุดิบ งานระหว่างทำและสินค้าสำเร็จรูป เช่น supplier ส่งมอบวัตถุดิบล่าช้า ทำให้ผู้ผลิตไม่สามารถผลิตสินค้าได้ตามตามตารางการผลิตที่กำหนดไว้ นอกจากนั้น ระหว่างกระบวนการผลิต การส่งต่องานระหว่างทำที่ล่าช้าตามไปด้วยในกรณีที่ไม่สามารถปรับตารางการผลิตได้ทัน 5.ปัญหาด้านสารสนเทศ สารสนเทศที่ผิดพลาดมีผลกระทบต่อการจัดการโซ่อุปทาน ซึ่งทำให้การผลิตและการส่งมอบสินค้าผิดไปจากที่กำหนดไว้ 6.ปัญหาจากลูกค้า เป็นความไม่แน่นอนอย่างหนึ่งของโซ่อุปทาน เช่น ลูกค้ายกเลิกคำสั่ง ในบางครั้งผู้ผลิตได้ทำการผลิตสินค้าไปแล้วส่วนหนึ่ง แต่ได้รับการยกเลิกคำสั่งซื้อจากลูกค้าในเวลาต่อมา จึงทำให้เกิดต้นทุนในการเก็บรักษาสินค้าคงคลังส่วนนั้นไว้ Bullwhip Effect ปัญหาที่เกิดจากความแปรปรวนเล็กน้อยของความต้องการถูกนำมาขยาย เมื่อส่งข้อมูลกลับต้นทาง เทคโนโลยีสารสนเทศใน Supply Chain เทคโนโลยีช่วยในการจัดการ Supply Chain ให้มีประสิทธิภาพนั้น มีองค์ประกอบที่สำคัญไม่ว่าจะเป็นการจัดการเรื่องความต้องการของผู้บริโภคที่มีต่อสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ ให้ใกล้เคียงความจริงมากที่สุด การจัดหาสินค้าและผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็วและมีคุณภาพ และสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ขาดตลาดและที่สำคัญไปกว่านั้นคือการนำความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมาเป็นเครื่องมือช่วยในการจัดการให้ระบบ Supply Chain มีความต่อเนื่องไม่ติดขัด ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ (E-Business) ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ (E-Business) หรือในบางครั้งเรียกว่า พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce) เป็นการใช้เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ในกระบวนการทางธุรกิจและการดำเนินงานระหว่างธุรกิจกับธุรกิจและระหว่างบุคคลกับธุรกิจ ธุรกิจที่อยู่ในโซ่อุปทานส่วนใหญ่จะมีการดำเนินธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์กับ supplier และลูกค้าประโยชน์ที่ได้รับจากการทำธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์มีหลายประการ - เกิดการประหยัดต้นทุน เนื่องจากมีการใช้เทคโนโลยีแทนแรงงานคน ทำให้ราคาของสินค้าลดลง - ลดการใช้คนกลางในการดำเนินธุรกิจ เช่น ผู้ค้าส่ง ผู้ค้าปลีก ผู้ให้บริการ เป็นต้น - ลดกิจกรรมที่ไม่จำเป็นระหว่างโซ่อุปทาน - ทำให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์จากสารสนเทศมากขึ้น การใช้บาร์โค้ด (Bar Code) บาร์โค้ดหรือรหัสแท่ง เป็นสัญลักษณ์ที่อยู่ในรูปแบบของแท่งบาร์ ประกอบด้วยบาร์ที่มีสีเข้มและช่องว่างสีอ่อน ซึ่งเป็นตัวแทนของตัวเลขและตัวอักษร สามารถอ่านได้ด้วยเครื่อง scanner มันจึงทำหน้าที่ในการจัดเก็บข้อมูลต่างๆ ของสินค้า เช่น หมายเลขของสินค้า ครั้งที่ทำการผลิต เลขหมายเรียงลำดับกล่องเพื่อการขนส่ง ปริมาณสินค้าที่ผลิต รวมถึงตำแหน่งผู้รับสินค้า เป็นต้น การแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ (EDI : Electronic Data Interchange) เป็นเทคโนโลยีอีกประการหนึ่งที่มีประโยชน์อย่างยิ่งต่อการ supply chain เป็นระบบถ่ายทอดข่าวสารข้อมูลจากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่งในรูปสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ โดยรูปแบบข่าวสารข้อมูลนั้นจะมีการจัดรูปแบบและมีความเป็นมาตรฐานเดียวกันตามที่ได้ตกลงกันไว้ เรียกว่า EDI Message ผ่านเครือข่ายการสื่อสาร (Telecommunication Network) ทำให้เพิ่มความถูกต้องและรวดเร็วในการทำงาน การใช้ซอฟต์แวร Application SCM การนำซอฟต์แวร์มาพัฒนาและประยุกต์ใช้งานในปัจจุบัน เช่น Enterprise Resource Planning (ERP) เป็นซอฟต์แวร์ที่จัดเป็นระบบศูนย์กลางขององค์กรทั้งหมด ทำหน้าที่ประสานงานหลักๆ ในด้านต่างๆ เช่น การเงิน การผลิต และการจัดคลังสินค้า Advance Planning and Scheduling จัดสร้างแผนการผลิตและจัดตารางเวลาโรงงานการผลิต ใช้เงื่อนไขข้อจำกัดและกฏเกณฑ์ทางธุรกิจในการปรับตารางให้ดีที่สุด Inventory Planning วางแผนคลังสินค้าที่จำเป็นในแต่ละจุดเพื่อกระจายการจัดส่ง เพื่อให้ตรงตามความต้องการของตลาด Customer Asset Management ใช้สำหรับจัดระบบการสื่อสารโต้ตอบกับลูกค้ารวมทั้งระบบขายอัตโนมัติและการให้บริการลูกค้า เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันผู้ผลิตระบบ ERP มีอยู่ 5 รายคือ SAP , ORACLE , Peoplesoft , J.D.Edwards และ Baan เครือ THE MINOR GROUP เครือเดอะไมเนอร์กรุ๊ป เป็นกลุ่มบริษัทชั้นนำในธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอาหารที่เป็นเจ้าของร้านอาหารกว่า 700 แห่งและโรงแรมกว่า 2,400 ห้อง และเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าแฟชั่นกว่า 20 แบรนด์ และได้มีการขยายธุรกิจหลักออกไปสู่ต่างประเทศด้วย ทั้งการลงทุนเองและซื้อกิจการใหม่ เพื่อผลักดันธุรกิจให้เติบโตอย่างรวดเร็ว Food service Hotel and Plaza Entertainment SCM กับเครือ THE MINOR GROUP supply chain เป็นกลยุทธ์ที่ช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันโลกการค้ายุคใหม่ด้วยศักยภาพของอินเตอร์เน็ตที่เชื่อมโยงเครือข่ายหรือห่วงโซ่ supply chain ในรูปแบบของ E-Supply Chain เป็นทีมเดียวกันอยู่ภายใต้ระบบและฐานข้อมูลเดียวกันแบบ Real Time สามารถทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี จึงทำให้ความใหญ่เล็กขององค์กรจะไม่เป็นปัญหาในการแข่งขันทางการค้า ระบบที่เครือ THE MINOR GROUP นำมาใช้ในการจัดการ supply chain ประกอบด้วยระบบหลัก 4 อย่างคือ 1.ระบบ ERP (Enterprise Resource Planning) เป็นเทคโนโลยีบริหารกระบวนการธุรกิจโดยเฉพาะการเชื่อมโยง SCM เน้นการบูรณาการกระบวนการหลักของธุรกิจ เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกรรมประจำวัน ระบบ ERP ที่เครือ THE MINOR GROUP นำมาใช้คือโปรแกรม Oracle ใช้ในการจัดจ้าง การผลิต การขาย การบัญชีและการบริหารงานบุคคลเข้าด้วยกัน 2.ระบบ POS (Point Of Sale) ทุกครั้งที่มีการซื้อขายหน้าร้านทุกสาขาทั่วประเทศ ระบบ POS ของแต่ละสาขาก็จะส่งข้อมูลการขายสินค้าส่งกลับไปยังเซิร์ฟเวอร์สำนักงานใหญ่ เมื่อสำนักงานใหญ่รวบรวมข้อมูลการขายสินค้าของแต่ละสาขาแล้ว ก็จะทำการเปิดใบสั่งซื้อไปยัง suplier ผ่านระบบออนไลน์ให้กับ suplier รายย่อยต่อไป 3.ระบบ Barcode เก็บข้อมูลรายละเอียดสินค้า เพราะจะทำให้บริษัททราบถึงข้อมูลรายละเอียดสินค้าผ่านรหัสใน Barcode 4.ระบบ CRM (Customer Relationship Management) เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดอย่างหนึ่งที่องค์กรนำมาใช้เพื่อบริหารความสัมพันธ์ของลูกค้ากับองค์กรตลอดวงจรชีวิตการเป็นลูกค้า ได้แก่ การตลาด การขาย การให้บริการ และการสนับสนุน โดยใช้ทรัพยากรด้านสารสนเทศ กระบวนการ เทคโนโลยีและบุคลากร โดยเน้นการสร้างประสานสัมพันธ์กับลูกค้าหรือ Demain Chain Management ผ่านการจัดโปรแกรมเพื่อจูงใจลูกค้า |
naiz
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Group Blog All Blog
Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |