=ตาเห็นแต่สิ่งที่อยากมอง หูได้ยินแต่สิ่งที่อยากฟัง=
Group Blog
 
 
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
29 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 

ICA

วันนี้ได้ไปเที่ยว Helsingborg ซึ่งห่างจากบ้านเราไปประมาณ 500 km ทางใต้

ตื่นตั้งแต่ตี 4 สิบห้า หน้าตางัวเงีย คลำทางไปเปิดไฟ แชะ... ตกใจกับหน้าตัวเองสามวิ... เริ่มแปรงฟัน อาบน้ำ

กินข้าวเช้า ยังเคี้ยวไม่ทันหมดคำ ก็ต้องออกจากห้อง เวลา ตีห้าสิบห้า เพื่อไปขึ้นรถไฟรอบ ตีห้าครึ่ง

บังเอิ๊ญ... เจออาจารย์จะไปฟังอนาคตคุณด๊อกที่อีกเมืองพอดี ก็เลยคุยกันด้วยภาษาอังกฤษพังๆ ของเรา

แผนที่จะนอนยาวก็เลยพังครืน

เปลี่ยนรถไฟไปสามเที่ยว สุดท้ายก็ถึง Helsingborg ณ เวลา 11.30

เป็นการเดินทางที่ยาวนานมาก.................. แต่หนุกดี เพราะได้ไปกับเพื่อนๆ หลายคน (สี่คนรวมเราด้วย เยอะไม๊เนี่ย)

จากนั้นก็ต้องนั่งรถเมล์ไปอีกสี่สิบนาที เพื่อไปถึง ICA warehouse อันแสนจะไฮโซ

ป้ายรถเมล์อยู่ในบริษัทเลยทีเดียว รู้สึกตัวเองเป็น VIP (very idiot person) ไงก็ไม่รู้อ่ะ เขินจัง...

สิ่งแรกที่ชอบทำในการไปรง. ต่างๆ ก็คือดูการจัดออฟฟิศและที่ทำงานของเค้า แต่ละที่มันช่างน่ามาทำงานจริงๆ ทุกอย่างสะอาด พร้อมใช้งาน

ที่สำคัญมีผลไม้ ชา กาแฟ ให้กินตลอดเลย คิๆๆ (ชอบของฟรี)

ตอนไปถึงก็มีคนมารับไปคุยว่า ต้องการดูอะไรบ้าง

ถึงเวลาอาหารกลางวันแล้ว เนื่องด้วยว่าเรากินข้าวเช้ากันตั้งแต่ตีสี่กว่าๆ อาหารให้ท้องของเราจึงถูกเผาผลาญจนหมดเกลี้ยง ก็คุยเล่นๆ กับเพื่อนๆ ว่า จะมีอะไรให้เรากินบ้างน๊า เพราะเราต้องไปกินข้าวที่โรงอาหารของ ICA เพื่อนสวีดิชบอกว่า หวังว่าจะมี meat ball อร่อยๆ กับมันฝรั่งบดนะ เราก็ยิงมุข หวังว่าจะมีอาหารไทยนะ หัวเรากันเอิ๊กอ๊ากสนุกสนาน พอไปถึงโรงอาหาร รายการอาหารขึ้นว่าวันนี้



ต้มข่าไก่ กับ ข้าวหอมมะลิ




กี๊ดดดดดดดดดดสลบ อาหารไทยอะไรจะโกอินเตอร์ขนาดเน้... นี่มันรง. นะจ๊ะ ไม่ใช่ food center ที่มีอาหารให้เลือกหลายอย่าง แล้ววันนี้ดันมีอาหารไทยพอดีเป๊ะ เสร็จเรา คิๆๆ

แต่ต้มข่าไก่เค้าทำข้นเกินไป เหมือนใส่แป้งมันไปด้วย เลยคล้ายๆ แกงกะหรี่หน่อยๆ แต่เอาวะ ด้วยอารมณ์หิวขนาดนี้ มีกลิ่นใบมะกรูดกะข้าวสวยให้กินก็สุขใจจะแย่แล้ว (ดีกว่ามีทบอลเยอะเลย)

กองทัพเดินด้วยท้อง (เหมือนอเล็กซานเดอร์บอกรึป่าวนะ) ก็ถึงเวลาทัวร์รง.

ที่เราต้องมาดู WH ที่นี่เพราะกระบวนการเป็นแบบอัตโนมัติ ซึ่งมันเกี่ยวข้องกับการทำรายงานของเรา

ก้าวแรกเข้าไปป๊าบ... ความรู้สึกคือ



หนาวอ่า............. เล่นพามาส่วนแช่เย็น 4 องศา (สัญลักษณ์ไม่เจอเหมือนคุณดีดีเลย อิๆ) แล้วไม่มีเสื้อหนาวเนี่ย ทรมานกันชัดๆ



พอพ้นโซนหนาวมาได้ ก็ไปดูส่วนของแห้งซึ่งเป็นส่วนที่เราสนใจ

ที่นี่เป็นงานอัตโนมัติทั้งหมด ความรู้สึกเหมือนเราอยู่อีกโลกนึง โลกอนาคตที่เคยเห็นในหนัง รถคันเล็กๆ วิ่งเองตามสายพาน รอให้ของมาตกปุ๊ (ตามเซนเซอร์สั่ง) แล้วก็ผ่านสายพานขึ้นไปที่ชั้นเก็บของสูงสิบหกเมตร ถ้าต้องการของบนชั้นก็จะมีรถอีกคันไปเอาของลงมา ผ่านสายพานไปส่วนคัดแยก

ที่ส่วนคัดแยก คนทำหน้าที่แค่สแกนบาร์โคด นั่งดูเครื่องทำงาน ขยับนู่นนิด นี่หน่อย เวลากล่องอาจบิดเบี้ยวไปบ้าง

ทุกอย่างทำตามคำสั่งที่มนุษย์กรอกลงไปให้ทำ ขับเคลื่อนไปไม่เคยปริปากบ่นหรือว่างอแงใดๆ ทั้งสิ้น

ดูแล้ว มนุษย์นี่ช่างน่ากลัว และน่าชื่นชมในเวลาเดียวกัน สามารถสร้างสิ่งต่างๆ เหล่านี้ได้ ในขณะที่การบริโภคของมนุษย์ก็มากมายซะจนเราต้องสร้างที่เก็บที่ใหญ่ขนาดนี้เชียวหรอเนี่ย

ผ่านส่วนคัดแยกก็เป็นส่วนจัดลงตู้เพื่อส่งไปร้านค้าย่อยสาขาต่างๆ ที่จุดนี้ยังใช้คนเอาของใส่ตู้อยู่ แต่การทำงานง่ายมาก เพราะคนไม่ต้องก้มๆ เงยๆ อะไรเลย ทุกกล่องจะเคลื่อนตามสายพานมาในระดับที่คนหยิบง่าย และคนก็จะวางของลงบนถาด (ก้นตู้) พอเต็มชั้นก้นตู้ก็จะต่ำลงไป เพื่อให้คนใส่ของชั้นบนได้โดยไม่ต้องเขย่ง ทำไปจนครบตาม order ก็คือจบงานของคน

ส่วนตู้ที่เต็มนั้นก็จะเคลื่อนไปสู่ส่วนพันพลาสติกให้มันแน่นๆ เวลาขนส่งจะได้ไม่โคลงเคลง แล้วก็เลื่อนไปบนสายพานรอคนมาลากไปยังตู้คอนเทนเนอร์รอการส่งไปร้านปลีกต่อไป

ขากลับ เราต้องนั่งเครื่องบินกลับ เพราะไม่มีรถไฟแล้ว ไม่งั้นก็ต้องนอน night train สิบกว่าชม.

นั่งรถเมล์สองต่อ กินข้าวเย็น แล้วก็นั่งเครื่องบิน กำหนดถึงเวลา 20.30 ตอนแรกรถจะกลับมาบ้านมีรอบ 20.35 ไม่งั้น มีอีกทีชม. ครึ่งก็เซ็งไปแระ คิดว่าได้นั่งรถรอบ 22.00 แหง แต่เครื่องดันถึงเร็วกว่ากำหนด เลยลองเสี่ยงวิ่งไปให้ทันรอบ 20.35 วิ่งสับหลอกยังกะจะไปลงแข่งรักบี้ อเมริกันฟุตบอล สุดท้ายก็ทัน เย่.... ไม่ต้องรอนาน ดีใจมากมาย

สรุปวันนี้สิ่งที่ได้มีหลายอย่าง หนึ่งล่ะ ได้ความรู้เอามาทำรายงาน ได้ข้อมูลมากมาย สอง ได้ความรู้สึกดีๆ เกี่ยวกับเพื่อนๆ ไป เพราะตอนแรกก็ไม่ค่อยได้คุยกันมาก เหมือนสนิทกันมากขึ้น สาม ได้ไปเที่ยว (ฟรี รร. ออกให้ คิๆ) และ สี่ ได้กินอาหารไทยแบบไม่ได้คาดคิด สรุปแล้ว วันนี้ประสบความสำเร็จกับการไป Helsingborg และหวังว่าสิ่งที่ได้มาวันนี้จะเพียงพอเพื่อเอาไปทำรายงานนะ




 

Create Date : 29 ตุลาคม 2551
7 comments
Last Update : 29 ตุลาคม 2551 5:55:14 น.
Counter : 522 Pageviews.

 

หวัดดีครับคุณน้อง

โห...คุยกันมาตั้งนาน
ตกลงไม่ได้อยู่เมืองไทยเหรอครับ 5555

พี่ก๋านึกว่าเราอยู่เมืองไทยซะอีก

แบบนี้ตอนเราคุยกัน
ก็แสดงว่าที่นั่นก็ดึกมากๆเลยใช่มั้ยครับ 55555



อ่านชื่อเมืองเฮลซิงบอร์ก
พี่ก๋านึกถึงเมืองเฮลซิงกิ อ่ะ 55555
ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน 5555





 

โดย: ก๋าคุง (กะว่าก๋า ) 29 ตุลาคม 2551 7:50:55 น.  

 



โหยยยยยยยยย
ไหนว่าเขียนไม่เก่ง
เขียนไม่เกิน 5 บรรทัด
นี่เขียนตั้งยาว
แล้วก็อ่านสนุกด้วย

4 องศา
ดีดีถึงตายเลยนะนั่น
เพราะเป็นคนที่มีปัญหากับอากาศเย็นมากๆเลย

แค่แบบว่าตอนกลางคืน
เพื่อนหรือน้องเปิดแอร์
ก็จะฆ่ากันอยู่แล้ว
เพราะดี.ทนไม่ไหวเลย

ไปนั่งทำงานในออกฟฟิส
คนอื่นนั่งตากแอร์กันสบายใจ
แต่ดี.ป่วย

อยู่ในรถคนอื่นปกติกับแอร์ในระดับเดียวกัน
แต่ดี.ก็เย็นกว่าทุกคน

เป็นคนที่น่ารังเกียจในหมู่เพื่อนมากเลย
เวลามีอะไรที่เกี่ยวกับเรื่องความเย็นเนี่ย

แต่หวานเย็น ไอศรีมเย็นๆยังหม่ำอยู่น๊า


จะรออ่านต่อค่ะ
นึกเหมือนพี่ก๋าเลยค่ะ
ตอนที่เห็นจากบล็อกพี่ก๋า
ดี.ก็นึกว่าอยู่เมืองไทย
เพราะเป็นเวลากลางวัน



 

โดย: ^^♥ (มัชชาร ) 29 ตุลาคม 2551 8:01:23 น.  

 



สวีเดนห่างจากไทยกี่ชั่วโมงคะ


มะกล่ำตาหนู สวยค่ะ
แต่อันตราย
ดี.อ่านจากข้อมูลที่นำมาเขียน
เลยรู้ว่าอันตรายมาก
มีเด็กๆเสียชีวิตมาแล้วเพราะไปกินมัน
ดี.ไม่ได้เขียนเล่าไว้
พี่ห้ามไว้น่ะค่ะว่าไม่ให้เขียนละเอียด
แค่บอกว่าทานไม่ได้พอแล้ว
ดี.เลยเขียนสั้นๆพอ


คุณนุ้ยไม่รู้จะเขียนอะไร
ก็เขียนเรื่องชีวิตที่อยู่ที่นั่นก็ได้ค่ะ
ดี.ว่ามีความทรงจำมากมายน่าจดจำแน่ๆเลย
อย่างน้อยก็เก็บเป็นความทรงจำให้เรากลับมาอ่าน

ที่แน่ๆ ดี.จะได้อ่านด้วย



 

โดย: ^^♥ (มัชชาร ) 29 ตุลาคม 2551 15:57:44 น.  

 

บันทึกที่น้องนุ้ยเขียนในบล็อก
อย่าลืมเซฟไว้ใน word นะครับ
เผื่อบล้อกมีอันเป็นไป (ซึ่งเคยเกิดขึ้น)
เราจะได้มีข้อมูลความทรงจำเก็บไว้

วันนี้อ่านอาจยังไม่รู้สึกอะไร
แต่เมื่อเวลาผ่านไปแล้วเราได้ย้อนกลับมาอ่าน
เราจะรู้สึกครับว่าเรา "เติบโตขึ้น" จริงๆ




ใกล้จบแล้วสินะครับ
ได้ทำ Thesis แล้ว
น้องนุ้ยนางงามจะกลับมาพัฒนาเมืองไทยแล้ว 5555

พี่ก๋าฝากความหวังไว้ที่คนรุ่นเรานั่นแหละครับ






 

โดย: กะก๋า ฮา 3 สายสะพาย (กะว่าก๋า ) 29 ตุลาคม 2551 22:40:19 น.  

 

สวัสดีครับน้องนุ้ย

จำได้ว่าเคยเล่าไปแล้วว่าพี่ก๋าเขียนไดอารี่ยังไง
แต่เอาเรื่องนึงที่เห็นได้ชัดๆเลยดีกว่า

ตอนนั้นพี่ก๋าเพิ่งเริ่มเขียนไดอารี่ครับ
เขียนจริงจังตอนเรียนมหาวิทยาลัยปี 1

วันที่พี่ก๋าเริ่มรู้ตัวว่าอยากเขียนไดอารี่มากๆคือ
วันหนึ่งพี่ก๋าขับมอเตอร์ไซด์กลับบ้านเช่า
ระหว่างทางพี่ก๋าเห็นเด็กตัวเล็กๆ อุ้มหมาขี้เรื้อน.....

ภาพนั้นล่ะสะเทือนใจมาก
กลับมาพี่ก๋าก็เขียนๆๆๆๆๆ
เขียนทุกความรู้สึกลงไป

พี่ก๋าเลยรู้ว่าถ้าเราเขียน "ความรู้สึก"
ไม่เขียน"เหตุการณ์" เรื่องราวที่เรารู้สึก
มันจะมีอะไรให้เขียนมากมายเลย

เช่น น้องนุ้ยลองเขียนความรู้สึกเหงา เศร้า สุข ทุกข์
โกรธ ฯลฯ

เลือกเอาในแต่ละวันที่เราผ่านมันมา
แล้วก็เขียนเป็นภาษาของเราเอง ไม่ต้องคิดว่ามันจะเป็นกลอน หรือกวีหรือเปล่า
ไม่ต้องคิดว่ามันจะใช้คำถูกต้องหรือไม่

อ้อ...เอาอารมณ์เฉื่อยมาเขียนด้วยก็ได้นะ 55555

นั่นล่ะ --- รับรอง

เขียนได้ไม่มีเบื่อหรอกครับ อิอิอิ


ปัจจุบันพี่ก๋าไม่ได้เขียนไดอารี่แล้ว
เพราะพอทำบล็อกความคิด ความรู้สึกก็อยู่ในงานที่ทำในบล็อกไปโดยปริยาย

สมุดไดอารี่จึงเป็นสมุดจดคำคมของพี่ก๋าครับ





 

โดย: ก.วรกะปัญญา (กะว่าก๋า ) 30 ตุลาคม 2551 6:40:33 น.  

 

พี่ก๋าเพิ่งมารู้ว่า
เราเรียนไปทำไมตั้งหลายปี เรียนถาปัดตั้ง 7 ปี
จบมามาช่วยพ่อทำงานที่ร้าน 55555

แล้วตรูเรียนมาทำไมฟร่ะ




เพิ่งมารู้ว่า
แท้ที่จริงแล้ว
ทุกวิชาที่เราเรียนในมหาวิทยาลัย
มันสอนให้เราคิด
คิดอย่างมีระบบ มีวิธีการ
และสอนให้รู้จัก "แก้ปัญหา"

แค่นั้นเอง

ไม่ว่าจะวิชาไหนก็สอนเราให้คิดแบบนี้
้เวลาเจอโจทย์เลขก็ต้องคิดแบบนี้
ใช้สูตรไหน วิธีไหนคำนวณ
จึงจะได้คำตอบที่ถูกต้อง

พอเรียนจบออกมาเจอปัญหาในชีวิต
เราจะได้รู้จักคิดและหาทางแก้ปัญหา

เขาสอนให้เราคิด
ไม่ได้ไปยึดติดกับสิ่งที่รู้


ปัญหาคือ พอเรียนสูง
เราดันไปติดยึดว่าเรารู้เยอะ รู้มากกว่าคนอื่น
เก่งกว่าคนอื่น
พอคิดแบบนี้ใครจะมาสอนเรา เราก็ไปดูว่าเขาจบอะไรมา
จบต่ำกว่าก็ดูถูกเขา คิืดว่าเขาไม่มีความรู้
แต่ความรู้ที่แท้จริบงในโลกนี้มันมีมากมายมหาศาล
เราทำนาไม่เป็นใช่ไหม เราหาปลาเป็นไหม
เราอาจแก้โจทย์คณิตศาสตร์ยากๆได้ แต่เวลาอกหักคุณรับมือกับมันอย่างไร ?

การศึกษาที่แท้จริง จะต้องสอนเราให้รับมือกับทุกปัญหาเหล่านี้
ไม่ใช่แค่เอาชนะโจทย์ในข้อสอบเท่านั้น


พี่ก๋าโง่
ยอมรับว่าตัวเองโง่
และอยากเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา
กับครูที่แท้จริง

คือ ตัวพี่ก๋าเอง
สุข-ทุกข์ของพี่ก๋าก็คือข้อสอบที่สำคัญที่สุด
ที่พี่ก๋าจะผ่านข้อสอบนี้ไปให้ได้


 

โดย: ก๋าคุง (กะว่าก๋า ) 30 ตุลาคม 2551 16:44:43 น.  

 

kolooki

 

โดย: chan IP: 49.48.30.99 20 กรกฎาคม 2554 20:41:09 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


N_Nirvana
Location :
Västerås Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




คนเราต้องเติบโตขึ้น

ต้องเดินต่อไป

ทุกอย่างเราเลือกเอง

และเราต้องทำให้ดีที่สุด

.....................................................

สองคน ยลตามช่อง

คนหนึ่งมอง เห็นโคลนตม

อีกคน ตาแหลมคม

เห็นดวงดาว อยู่พราวพราย

โดย ท่านภราดา ฟ. ฮีแรห์ แห่งโรงเรียนอัสสัมชัญ

ขอบคุณ...http://www.navy34.com/board342550/index.php?topic=721.0
Friends' blogs
[Add N_Nirvana's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.