หอเอน ปีซ่า และ ฟลอเรนซ์สุดสวย

วันที่ 2 ที่ Italy

เริ่มต้นวันใหม่ เราทานอาหารเช้ากับลูกทัวร์ด้วยกัน แบบว่า มันไม่มีไข่ดาว

มันมีแต่ไข่ต้ม ว้า ไม่มันส์เลยอ่ะ เราอารมณ์ว่าอยากกินไข่ดาว แฮม ไส้กรอก (ไปกินที่บ้านเลยไป)

เราก็เลยไม่เจริญอาหาร เพราะปกตินิสัยชอบอะไรหนักๆ แต่เช้าก็ไหว มันมองไปแวไม่รู้จะกินไรดี

เลยกินครัวซอง กะ แฮม สู้ TGM บ้านเราก็ไม่ได้ มันจืด แถมบางโรงแรมก็ไม่ให้เอา Ketchup วางด้วย

แต่ที่ Excelsior นี่เค้าให้วางได้ พี่บีก็เลยว่า Rosa และ Maggi เอาไว้

พวกเราเลยยิ้มออกกันหน่อย

ว่าแล้วดิฉันก็แอบเอา ครัวซอง กับ ไข่ต้ม 2 ฟอง ใส่ถุงลงเป้ไปหน้าตาเฉย

ไม่ต้องห่วง มองซ้ายมองขวาแล้ว บ๋อยเค้าไม่เห็น ไม่เสียชื่อคนไทยในต่างแดน

อาจารย์ ดร.นิโคลัส กับ อ.แพท สองสามีภรรยา คู่ HoneyMoon รุ่นแม่ก็มาด้วย

อ.แกบอกว่า เอาไข่ต้มเก็บไปกนยามหิวก็ดีนะ อาจารย์เสนอ  นุ้ยก็สนองค่ะ ฮ่าๆ

ว่าแล้วเราก็ต้องไปเดนถ่ายรูปนิดหน่อย ถ่ายไปถ่ายมา เอ๊ะเสียงเค้าหายไปไหนกัน

โน่น เค้าขึ้นรถกันแล้ว วิ่งหูตูบเลย ไม่อยากโดนเขม่น แต่วันแรกๆ ฮ่าๆๆ

แต่โชคดี มีผู้ใหญ่หลายท่านเข้าห้องน้ำ รอดตัวไป

เราออกเดินทางประมาณ 8.30 แล้วก็ต้องวิ่งจากที่ ทัสคานีเพื่อไปยังเมือง Milan และ Florence โหะๆๆ

สุดแสนจะโรแมนติกมากมาย ได้ยินกิตติศัพท์มานะ

ระหว่างทางพี่บีไกด์คนเก่งก็เล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ บอกแล้วว่า Talk  Show ดีดีนี่เอง ขำมาก กระเพาะฉี่สะเทือน

แต่เราหยุดไม่ได้ บอกแล้วว่าคนขับต้องตรงไปเลย แต่เค้าจะบอกเราว่า ประมาณกี่นาทีถึงปั๊ม

เค้ามีกฏว่า ห้ามขับรถเกิน 8 ชม. ต่อ 1 วัน เอ๊ะ หรือว่า 10 ชม. คือจำไม่ได้ ฮ่าๆๆ

เดี๋ยวจะไปถามสามีอีกที

โดยคนขับเค้าจะมี CD บันทึกไมล์ กับชม.ที่รถวิ่ง แล้วต้องเอาไป Donwload ส่งให้กรม..อะไรซักกรม

ถ้าเค้าฝ่าฝืนมากมากเค้าจะโดนยึดใบอนุญาต

(ดีเน้อ บ้านเรานี่ฮ่อ ตะบึง หลับในไปไม่รู้กี่คนแล้ว)

เกือบลืม ตอนออกจากแคว้นทัสคานี เค้าพาไปซื้อครีมที่มำจากมะกอกบริสุทธิ์

สกัดออกมา ใช้ทาผิว ทาหน้า ทาปาก

เค้าว่ากันว่า ดีมากมาก ลูกทัวร์กรุ๊ปเก่าๆที่เคยไปยังฝากพี่บีมาหิ้วไปเป็นลังเลย

เราก็เลยซื้อมั่ง  บางคนปากแตก ปากแห้งเนื่องจากสภาพอากาศก็ซื้อ lip เลยอิอิ

เราเห็นเป็นของดี หาไม่ได้ในบ้านเรา เลยซื้อมาฝากญาติ พี่น้องที่นี่ แบบครีมทาผิว หลอดละ 12 ยูโร

600 กว่าบาท เหอะเหอะ

และแล้วก็ออกเดินทางไปถึงที่ที่เราจะต้องไปเปลี่ยนรถ จากรถโค้ช ไปเป็นรถเมล์

เนื่องจากว่าที่ที่เราจะไปคือ หอเอนเมือง ปิซ่า

นับวันมันก็เอนลง เอนลง มีการบูรณะและพยายามแก้ไขเพื่อไม่ให้มันล้มครืนลงมา

เสียหายต่อ มรดกโลก เค้าเลยไม่ให้รถบัส รถใหญ่ทั้งหลายเข้าใกล้บริเวณรัศมี 5 กิโลเมตร

โอ มายด์ รอคิวอีกแล้ว เอาสิ สู้กับฝรั่งอ่ะ ฝรั่งก็มีไปเที่ยว

เค้าก็ต้องไปแบบเรา มันจะมี Parking ใหญ่ๆไว้ให้จอดรถโค้ช  ทุกคนต้องมารอรถเมล์ของเค้า

แบบรถ ยูโร 2 ตอนบ้านเรา ไอ่ขาไปและกลับ เราดันไปอยู่ไอ่ตรงที่มันเชื่อม2 ตอนพอดี พอรกเลี้ยวนี่

เราต้องเขยิบขาตาม แล้วขอโทษ มันไม่ได้ขึ้นกันีละน้อยๆ มันแถบจะเหมือนรถเมล์บ้านเราตอน 7 โมง

คือห้อยได้ ห้อยแล้ว ดีนะไม่เจอแขก ตายแน่แน่ตู ยอมดมจักกะแร้ตัวเองดีกว่า

พี่บีบอกว่า เราต้องเล็งให้ดีดี พยายามไปให้หมดกรุ๊บ ไม่งั้นเดี๋ยวคลาดกัน เอ๋าจับมือคนของตัวไว้ให้ดีดี

พอไปถึงป๊าบ เรียกว่าแงะกันออกมาจากรถเมล์เลย  เมล์นรกมาก แต่สนุกนะ ไม่ใช่ไม่สนุก

พี่บีบอกให้เรากินข้าวกันก่อน ที่ร้านอาหารไม่ไกลจากทางเดินเข้าไป PIZA เท่าไหร่

เอาละ หม่ำๆๆ กัน เม้าท์กัน หลังจากนั้น พี่เค้าให้เวลาพวกเราเดินเข้าไปในบริเวณ PIZA กันประมาณ 1.15 นาที

ฟังดูเหมือนเยอะใช่ไหมล่ะ

แต่จิงๆเนี่ย วิ่งหูตูบเลย

อันนี้ถ่ายกันเอง  จะเห็นไหมว่า มีคนอยู่เยอะแยะเลยด้านหลัง แต่รู้ไหมว่าเค้าห้ามเข้า

เนื่องจากว่ากลัว PIZA จะพังลงมา สมัยก่อนให้เข้าไปได้ คนจะเข้าไปทำท่า เหมือนดันหอเอนเอาไว้

หรือไม่ก็เอานิ้วจิ้ม นิ้วดันแล้วแจ่จะดีไซด์ท่าออกมา

แต่เชื่อไหมว่า ฝรั่งเค้าไม่สนใจเหมือนกันนะ แหกกฏเข้าไปนั่งนอนเล่นบนสนามหญ้าเขียวขจี

หญ้าของ Italy สวยมาก ไว้ค่อยพูดต่อไปเน้อ

ตอนนี้กลับมาที่ PIZA ก่อน....

เราเนี่ยเห็นแล้วอยากเข้าไปนอนท่าปลาดาว แยกแขนแยกขา ให้แฟนถ่ายจากบนลงมา ตัดกับหญ้าสีเขียว

ต้องสวยมากแน่แน่  กำลังคิดว่าจะเข้าไปมั่ง

ปรากฏว่า ได้ยินเสียง ปี๊ดดดดดดดดดดด ยาวและดังมาก หูเกือบแตก

ตำรวจ หรือ รปภ.ไม่รู้เดินชี้นิ้วไล่ให้พวกฝรั่งใน ลาน ออกไป ถือกระบองสีดำดำมาด้วย

แต่เชื่อไหมว่า เค้าออกกันแบบว่า เนือยมาก แบบไม่กลังเกรง จนมันจะถึงตัวอยู่แล้วเพิ่งลุกจากท่านอน

โอ มายด์  เป็นเรานะ วิ่งหูตูบ ตับปลิวไปแล้ว ดีนะไม่ได้เข้าไป

อันนี้เราได้คู่ฮันนีมูนอีกคู่นึงที่ไปด้วยกัน มาแลกกันถ่าย

เห็นมัน บนสนาม ไม่มีใครแล้ว ฮ่าๆๆ แต่เดี๋ยวอีกสักพักก็เข้ามากันใหม่ ดื้อเหมือนกันนะเนี่ยคนที่โน่น

คุณสามี กับท่าคลาสิก ที่ทุกคนที่ไปเยือนต้องทำ ฮ่าๆๆ แต่อย่าดูของเราเลย  ออกแนวน่าเกลียด เพราะแฟนเราไม่เข้าใจ

ว่าเราอยากได้แบบไหน มันเลยออกมาขำขำ ตอนเรา Post ท่า มีฝรั่งเอา I Phone มายืนถ่ายเราด้วย

เขินเลยออกมาไม่สวย อย่างแรง

หลังจากชื่นชมกับปิซ่าแล้ว คุณสามีเธอก็อยากจะเดินไปดูสถาปัตยกรรม

ไอ้เราก็อยากจะไปเดินซื้อของที่ระลึก ที่มันมีอยู่ทุกตารางนิ้วเลย

ส่วนใหญ่ ก็เสื้อ แมกเนต ปูนปลาสเตอร์รูป ปิซ่า 1-10 ยูโร

เราไม่ได้ซื้อปูนมา มันหนักกระเป๋า เดินหาเสื้อตัวจิ๋วให้ น้องแบมแบม

เจออันนึงน่ารักมากมาก เป็น snoopy ยืนพิง ปิซ่า อยู่ 4 ยูโร

แล้วเราก็ยังไม่เอาตอนนั้น เพราะคิดว่ายังไม่สวยพอ  ปรากฏว่ายิ่งเดินกลับออกไป ยิ่งไม่มีลายน่ารักเลย

ถ้าใครจะไปเราฝากซื้อหน่อยจิ นะ นะ  ตัวนึง ฮ่าๆๆ

สุดท้ายก็ไม่ได้เสื้อมา

ได้ แมกเนต มาแทน อันละ 2 ยูโร แต่อันนี้โชคดีที่ซื้อด้านนอก เพราะว่าแบบเดียวกันเป๊ะ ข้างใน 5 ยูโร

เอาละออกจาก PiZa ไปขึ้นเมล์นรก ก่อนจะไปขึ้นรถโค้ชสุดหรู

มุ่งหน้าไปยังเมือง Florence พี่บีพาเดินเป็นสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ เส้นรอบวง 12 กิโล ฮ่าๆๆ

ชมเมือง ดูรูปปั้น ของศิลปินดังๆที่มารวมกันที่นี่

และที่สำคัญ ได้กินไอติม Homemade ขึ้นชื่ออร่อยมากๆ ระหว่างรอคนอื่นๆถ่ายรูปวิหาร Duomo

เราก็เห็นร้านไอติม และ Pizza แหม มาถึงที่ต้องกิน

สั่ง ไอติมไป 5 ยูโรได้ 2 รส

เราสั่ง Tiramisu และ Vanila Strawberry มากิน โฮ้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

สุดยอดดดดดดมากเลยจ๊อด

อร่อยโคต- อ่ะ จิงๆเรื่องจิง อร่อยจิงๆนะ

แล้วเราก็โดนไอติมเรียกน้ำย่อยเข้าให้

เพื่อนร่วมทัวร์เค้ากิน Pizza กัน เราเลยเอาหน่อย 3 ยูโร

หน้าเห็ด ไม่น่าเชื่อ ไม่มีการปรุงเพิ่ม แต่มันอร่อยอย่างประหลาด เผลอกินเข้าไปเกือบหมด ลืมไปว่าสามี

ยังไม่ได้กิน ฮ่าๆๆๆ ว่าเราไม่ได้นะ

เพราะเค้าติดใจรสชาดไอติม ซื้ออีก 1 ชุด ของเค้าก็บอกว่าอร่อย รู้สึกจะ กาแฟ กับ มินต์ หรือไงเนี่ย

หลังจากกินไอติม และ ถ่ายรูปกันเป็นที่เรียบร้อยเราก็เดินกลับมาขึ้นรถกัน

ระหว่างทาง มีมุมกำลังสวย พี่บีเลยถ่ายให้ สวยมากค่ะ ขอบคุณจ๊ะ

ริมแม่น้ำ Arno River, Florence

ได้เวลากลับที่พำนัก วันนี้เราเปลี่ยนไปเป็นโรงแรม Radison

ก่อนเข้าพักเราได้ไปกินอาหาร Italian แบบ Full Course เลย เริ่มจากซุป คือ ไม่อร่อยเลยอ่ะ

ไม่มีใครบนโต๊ะทานหมดเลยอ่ะ ฮ่าๆๆๆ มันเหมือนอาหารเด็ก นึกถึงลูกเราเลย

ต่อไปก็เป็นเมนู สปาเกตตี้ คือจานใหญ่มาก เริ่มอิ่ม

ต่อมาก็ขำเลย เพราะว่า บางโต๊ะที่เค้าแทบจะไม่แตะซุปเลยเนี่ย บริกรเค้าไม่เก็บ แล้วก็ไม่เสริฟ์จานใหม่

คือก็เข้าใจ บางคนเค้าทานไม่ได้จิงๆ แบบว่ามันไม่อร่อย

เหมือน Chef จะไม่พอใจ เริ่มมีเสียงโครมครามมาจากในครัว

พวกเรารีบกินซุปมัน กระเดือกเข้าไป ฮาสาดเลย

พอถึง Main Course โอ มาย อีกรอบ

ชิ้นมันใหญ่มากกกกกกกกกกกกกกกก เราจะกินหมดไหมเนี่ย

แต่เชื่อม๊ะว่า หมด ฮ่าๆๆๆ ตลกละ

แล้วก็เข้าห้องพัก ไม่อยากจะบอกว่าเค้าเพิ่งปรับปรุง

ขอโทษนะ แดงทั้งโรงแรม นึกว่าอยู่เมืองจีน ทางเดินปูพรมสีแดง ตลอดทาง เรานึกว่าเออเดี๋ยวเข้าห้อง

คงได้พักสายตา เปิดมาแดงทั้งห้อง  ของเพื่อนห้องอื่นก็แดง

แต่ยุโรปอากาศหนาวซะ 80 เปอร์เซนต์ของปี เค้าเลยไม่มีแอร์ มีแต่ Heater แต่รร.วันแรกอ่ะ มันอยู่ในหุบเขา

เรานอนได้สบาย แง้มหน้าต่างไว้นิดๆให้ลมเข้า แต่ก็กลัวคนปีนเข้ามา นอนไม่ค่อยหลับเท่าไหร่

พอมาวันนี้ เหนื่อยมาก ว่าจะนอนให้หลับ ปรากฏว่า ห้องพักอยู่ชั้น 2 เองเลยไม่กล้าเปิดหน้าต่าง

แอบร้อน แต่ด้วยความที่คงจะเหนื่อย หลับสนิทเลย ตื่นตอน Morning Call พอดี

ดูกันเองเลยรูปโรงแรมแห่งที่2

พอแค่นี้ก่อน พรุ่งนี้มาเขียนใหม่

Create Date : 07 สิงหาคม 2551		4 comments
Last Update : 12 สิงหาคม 2551 17:44:39 น.
Counter : 2394 Pageviews.
Share Tweet