[PK] Sweet Trip with Love : Chapter 4

สวัสดีผู้อ่านทุกๆท่านค่ะ :)

วันนี้ก็ได้เวลาปล่อยตอนที่ 4 มาแล้ว หลังจากดองไว้เกือบ 1 เดือนเต็ม --*
อาจจะไม่ค่อยหวานเท่าไหร่นะคะ เพราะว่าดันมาลงในวันที่ทุกๆคนคงโดนจัดหนักจาก"ใครคนนั้น" จนหวานกันมาก่อนหน้าแล้ว ใช่มั้ยคะ :)

ยังไงก็ฝากติ ฝากชมด้วยนะคะ ตอนนี้มีแต่น้ำเหมือนเคย เดี๋ยวตอนหน้าพาเที่ยวจริงๆจังๆแล้วค่ะ :)

**ฟิคเรื่องนี้มีตัวละครที่เกิดมาจากละครเรื่อง "พรุ่งนี้ก็รักเธอ" ซึ่งในเนื้อเรื่องส่วนนี้เป็นการกล่าวถึงรูปแบบความรักประเภท Boy's Love ถ้าหากใครรับไม่ได้ หรือไม่ชื่นชอบรูปแบบความรักดังกล่าว ผู้เขียนก็ขอความกรุณาให้กดออกได้เลยนะคะ .. แต่ถ้าใครสนใจอยากจะอ่านความรักอีกรูปแบบหนึ่งในแบบ "คลีน" ก็ขอเชิญชวนให้ลองมาสัมผัสได้เลยค่ะ .. แล้วพวกเขาจะทำให้คุณหลงรัก :)


******************************************************************

Chapter 4

เป็นเวลาเกือบเย็นแล้วสำหรับวันแรกของการเดินทางมายังเซี่ยงไฮ้ หนุ่มหน้าหวานที่เฝ้าคาดโทษคนรักยังคงนั่งทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ตัวเองทำอย่างไร้อารมณ์ ตะเกียบคู่หนึ่งในมือก็ถูกเขี่ยไปเขี่ยมากับเส้นบะหมี่สีเหลืองนวลที่เริ่มอืดได้ที่จนแทบจะไม่เหลือน้ำในชาม ดวงตาคู่หวานกลับพลันเหม่อลอยออกไปหากแต่ภายในดวงตาคู่นั้นยังคงคุกรุ่นไปด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองจากเหตุการณ์เมื่อครู่

... ปล่อยให้คนเขาเป็นห่วงมากแค่ไหน เคยรู้ตัวบ้างไหมเนี่ย ฮึ่ยย ! ...
และเป็นช่วงเวลาอีกไม่นานนัก ที่ผู้ต้องหาหน้าคมได้เดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมเสื้อผ้าอาภรณ์เป็นที่เรียบร้อยด้วยท่าทางเนิบๆกับสายตาที่ส่งมาว่าสำนึกผิดเสียเต็มประดา หากแต่สายตาคู่หวานของก้องบดินทร์ก็ยังคงเลือกที่จะไม่หันไปทางอื่น เพราะรู้ดีว่า หากปล่อยให้สายตาของตนเข้าไปสบกับดวงตาของคนตรงหน้าเมื่อไหร่

...ที่เคยง้องอน เคยคาดโทษมากขนาดไหน ก็เป็นอันจบกัน ...

“ก้อง คุณยังไม่หายโกรธผมเหรอ”
เสียงอ่อยๆจากคนที่เพิ่งนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามดังขึ้น พลางพยายามส่งสายตาออกไปอ้อนคนรักไว้สุดฤทธิ์ หากแต่คนหน้าหวานก็ยังคงผูกปมไว้ตรงกลางหน้าผากนั้นไม่เลิก แถมยังเบือนหน้าหนีไปทางอื่นอีกต่างหาก

“ผมขอโทษ... ผมผิดไปแล้ว”

“หึ....”
เสียงเบาๆจากลำคอถูกส่งออกมาอย่างจงใจ เจ้าของเสียงนั้นยังคงเบือนหน้าหนีจากสายตาของคนหน้าคมตรงหน้า เพื่อหวังเก็บซ่อนความรู้สึกบางอย่างที่วิ่งแล่นอยู่ในใจอย่างพุ่งพล่านในทันทีที่ได้ยินคำว่า ‘ขอโทษ’ จากปากของคนรัก แต่ทิฐิที่คนอย่างก้องบดินทร์ถือไว้นั้นก็กลับมีมากพอที่จะหยุดความรู้สึกเหล่านั้นลงได้ ด้วยการ ‘หันหน้าหนี’

เขารู้ดีว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะหลบหนีสายตาคู่พิฆาตของคนตรงหน้าได้ แต่อย่างน้อยๆ..ขอลองแกล้งให้ได้สำนึกขึ้นมาจริงๆสักครั้งก็ยังดี

“คุณจะหันหน้าหนีผมไปแบบนี้อีกนานแค่ไหนครับก้อง ผมก็ขอโทษคุณแล้วนี่นา..”
เสียงบ่นกระปอดกระแปดหลุดออกจากคนทำผิด หากทว่าเสียงนั้นกลับไปทำให้อารมณ์ที่เริ่มเย็นลงของคนหน้าหวาน กลับมาคุกรุ่นอีกครั้งโดยไม่ได้ตั้งใจ...

ใบหน้าหวานที่เคยเบือนหน้าหนีกลับหันเข้ามาผจญกับคนถูกคาดโทษ แก้มขาวใสที่เคยได้เห็นกลับกลายเป็นมีสีเลือดขึ้นมาในชั่วพริบตา

“คุณขอโทษผม แล้วมันทำให้ผมเลิกห่วงคุณได้ไหมล่ะ ?”

“ก้อง...”

“คุณรู้บ้างไหม ว่าตอนที่คุณนอนเล่นสบายใจอยู่ในห้องน้ำ ผมเป็นห่วงคุณมากขนาดไหน ! แล้วคุณจะมาขอโทษผมง่ายๆแค่นี้เพื่อให้ผมหายโกรธงั้นเหรอพี ฝันต่อไปเถอะ !”

สิ้นเสียงตวาดลั่นจากคนหน้าหวานแล้ว เหลือเพียงแต่หยดน้ำที่ไหลรินออกจากดวงตาคู่สวยสู่แก้มขาวทีละน้อย ดวงตาที่เคยหวานชื่นไม่แพ้ดวงหน้าก็กลับสั่นไหวไปตามแรงกระเพื่อมของความรู้สึกเมื่อครู่... ก้องบดินทร์ยกเรียวมือข้างหนึ่งขึ้นมาปาดน้ำตานั้นออกพลางเบือนหน้าหนีคนตรงหน้าที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม หากแต่สองขาที่ยืนหยัดขึ้นเพื่อหวังจะก้าวออกไปจากสถานการณ์ตรงหน้ากลับทำให้พีรวิชญ์เริ่มรู้สึกตัวขึ้นมาในทันที... เขายื่นมือที่แข็งแกร่งออกไปคว้าแขนเรียวบางของคนรักไว้ในเสี้ยววินาที พร้อมกับพาตัวเองลุกขึ้นยืนด้วยหวังเหนี่ยวรั้งเจ้าของต้นแขนนั้นได้

“ผมขอโทษจริงๆก้อง... ยกโทษให้ผมเถอะนะ”

“......”

“เรามาที่นี่กันเพื่อจะเที่ยว เพื่อที่จะพักผ่อนด้วยกันไม่ใช่เหรอครับก้อง ผมไม่ได้ต้องการทำให้คุณเป็นห่วงผมจนเราต้องมางอนกันแบบนี้ แต่ผมก็เป็นมนุษย์คนนึงนะก้อง ล้าเป็น เหนื่อยเป็น... ก่อนจะมาที่นี่กับคุณ คุณก็รู้.. ว่าผมเพิ่งจะกลับมาจากการประชุมได้ไม่ถึง 2 ชั่วโมงดีด้วยซ้ำ หลายวันมานี้ผมได้พักผ่อนน้อยมาก มากจนผมเฝ้านับวันรอที่จะได้มาที่นี่กับคุณ ผมหวังว่าที่นี่จะสามารถทำให้ผมสบายกายสบายใจแล้วก็ได้สร้างความทรงจำที่ดีกับคุณ เพราะฉะนั้น...”

“.......”

“คุณหายโกรธผม แล้วก็หยุดร้องไห้ได้แล้วนะครับคนดี.. ผมรู้ว่าคุณเป็นห่วงผม แต่ผมไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดเรื่องนี้ขึ้นจริงๆนะก้อง...”
พีรวิชญ์เอ่ยประโยคสุดท้ายด้วยน้ำเสียงนุ่มหู ไม่มีวี่แววของพีรวิชญ์เจ้าอารมณ์ที่ก้องบดินทร์ได้เคยเจอะเจอมา แต่กลับกลายเป็นตัวของก้องบดินทร์เสียเอง ที่ดูจะร้อนอกร้อนใจจนควบคุมอารมณ์ตัวเอง ควบคุมความคิดของตัวเองไว้ไม่อยู่... มือที่แข็งแกร่งของคนผิวเข้มถูกยื่นออกมาเกาะกุมมือของคนรักเอาไว้ทั้งสองข้าง ก่อนที่เสียงของคนสำนึกผิดจะดังขึ้นอีกครั้ง

“ยกโทษให้ผมนะ...”

“พี...”

“ว่าไงก้อง... ยกโทษให้ผมนะครับ ผมสัญญา... ว่าจะไม่หลับในห้องน้ำให้คุณห่วงอีกแล้ว”
หนุ่มหน้าคมเอ่ยคำสัญญาพร้อมรอยยิ้มกว้างๆที่ทำให้หนุ่มหน้าหวานได้เห็นเขี้ยวเล็กๆของคนตรงหน้าอีกครั้ง... รอยยิ้มที่ทำให้คนโกรธง่ายอย่างเขา แทบหายโกรธเป็นปลิดทิ้งในทันที

...คำสัญญาของพีรวิชญ์ เป็นเรื่องจริงที่เชื่อได้เสมอสำหรับเขา...

“ก็ได้พี.. ผมยกโทษให้คุณก็ได้ นี่เห็นว่าเหนื่อยจริงๆหรอกนะ “
เสียงอ้อมแอ้มหวานใสถูกเอ่ยขึ้นพร้อมใบหน้าสีชมพูระเรื่อของคนหน้าหวาน ริมฝีปากเล็กๆที่อวบอิ่มนั้นเผยรอยยิ้มเล็กๆออกมา ซึ่งนั่นก็ทำให้พีรวิชญ์ออกอาการดีใจทันทีที่ได้เห็น

“จริงๆนะก้อง..”

“ก็จริงสิคุณ ผมจะโกหกคุณไปทำไม หรือว่า.... คุณอยากให้ผมโกรธ ใช่มั้ย ?”
คำถามหลังนั้นคนตอบเปลี่ยนเป็นหันมาทำตาโตใส่คนถามอย่างอดไม่ได้ แววตาท่าทางลิงโลดจนน่าหมั่นไส้ของคนตรงหน้ามันช่างทำให้ก้องบดินทร์นึกอยากจะโกรธขึ้นมาจริงๆจังๆอีกสักที

“ปะ..เปล่านะก้อง เปล่าๆๆๆ ผมแค่อยากได้ความมั่นใจเฉยๆ ไม่งั้นเกิดคุณงอนผมอีก เราก็ไม่ต้องเที่ยวกันพอดี จริงมั้ยครับ”

“หึ... เราจะไม่ได้เที่ยวกันก็เพราะคุณคนเดียวเลยพี ลืมไปแล้วรึไง ว่าไอ้ที่คุณเหนื่อยจนต้องไปนอนในห้องน้ำก็เพราะ....”
เสียงต่อว่าต่อขานของคนร่างบางถูกกลืนหายไปทันทีที่นึกขึ้นได้ จากความคิดที่คิดจะต้อนคนอีกฝ่ายให้จนมุม ก็กลับกลายเป็นเปิดช่องว่างให้ตัวเองเสียเปรียบขึ้นมาในทันที... รอยยิ้มขันจากใครอีกคนเผยขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี สายตาเจ้าเล่ห์ของพีรวิชญ์ถูกส่งมาให้คนรักเข้าอีก

“เพราะอะไรเหรอก้อง...? ผมเหนื่อยเพราะอะไรเหรอ...?”

“ฮึ่ยยย..พี ไม่เอาแล้ว ผมไม่พูดแล้ว ผมจะไปเที่ยว!”
เสียงประท้วงโวยวายจากหนุ่มหน้าหวานดังขึ้นพร้อมอาการบิดข้อมือเรียวเล็กของตนที่ยังคงถูกเกาะกุมไว้ด้วยมือของพีรวิชญ์ แต่เจ้าของมือนั้นก็ยังคงจับข้อมือเล็กๆของคนรักไว้แน่น

“จะไปเที่ยว.. แล้วจะบิดข้อมือไปไหนล่ะครับนั่น ไปกับผมก็ได้ จับมือกันไปแบบนี้ อุ่นดีออกนะ”

“ฉวยโอกาส !”

“อ๊ะ.. ก็ถ้าผมไม่ฉวย คุณก็ไม่ยอมให้ผมจับน่ะสิก้อง ตกลงเอาไงดีครับ เราจะไปเที่ยวข้างนอกกันได้รึยัง”

“คุณก็นำไปสิ”
ก้องบดินทร์อ้อมแอ้มออกมาอีกหนึ่งประโยค เป็นอันว่าวันนี้พีรวิชญ์พิชิตใจก้องบดินทร์ไปได้อีกครั้ง ชายหนุ่มผิวเข้มกลั้นรอยยิ้มแห่งความยินดีไว้อย่างยากเย็น ก่อนจะตัดสินใจก้าวออกมาจาก’โต๊ะเจ้าน้ำตา’พร้อมๆกับที่ดึงมือของยอดดวงใจออกมาด้วย

เมื่อความขุ่นข้องหมองใจเลือนหายไป สิ่งที่เหลือไว้ก็มีเพียงแต่... ความรัก
ความรักที่พร้อมจะอบอวลตลอดการเดินทางครั้งนี้ของคนสองคนอย่างไม่มีวันจบสิ้น...

การเดินทางที่ไม่ใช่เพียงการเดินทาง แต่มันคือการเดินทางที่แสนพิเศษ... การเดินทางของความรัก

เมื่อคนสองคนพร้อมใจกันเดินออกจากห้องพร้อมๆกับมือทั้งสองที่เกาะกุมกระชับไว้ด้วยกัน ก็ส่งผลให้บรรยากาศรอบข้างที่เริ่มดูวุ่นวายกลายเป็นเรื่องน่าค้นหา หนุ่มหน้าหวานเฝ้ามองบรรยากาศโดยรอบอย่างตื่นตาโดยที่ยังมีมือของคนหน้าคมจับไว้ไม่ห่างกัน ท้องฟ้าที่เคยเป็นสีฟ้าขาวนั้นบัดนี้เริ่มเปลี่ยนเป็นสีครามเข้มด้วยผลพวงจากดวงอาทิตย์ที่ลับชอบฟ้า ถนนคนเดินอันเป็นถนนสายหลักของเขตเก่านามผู่ซีอย่างถนนหนานจิง ก็เริ่มคึกคักไปด้วยผู้คนหลากหลายภาษา ทั้งฝรั่งหัวทอง คนไทยอย่างพวกเขา และชาวจีนเจ้าถิ่นนับพันนับหมื่นคนที่พากันออกมาเดินเที่ยวชมและดื่มด่ำไปกับบรรยากาศยามค่ำคืนที่แสนสวยงาม แสงไฟและป้ายโฆษณาขนาดใหญ่จากหลายร้านเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับผู้มาเยือนหน้าใหม่อย่างก้องบดินทร์นัก

ถนนหนานจิง หรือที่ชาวจีนเรียกกันว่า หนานจิงลู่ (NanJing Road) เป็นถนนสายสำคัญเส้นหนึ่งของเซี่ยงไฮ้ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่าอย่าง’ผู่ซี’ ถนนหนานจิงนั้นขึ้นชื่อในเรื่องแหล่งช็อปปิ้งและสถานที่ท่องเที่ยว ที่ดูจะครบครันและสวยงามมากจากเหล่าแสงไฟในยามค่ำคืน ตลอดระยะทางที่มีร้านค้ามากมายหลายรูปแบบตั้งอยู่เรียงรายเต็มสองฝั่งถนน

ในที่สุด... พีรวิชญ์ก็ตัดสินใจคว้ามือก้องบดินทร์พาเข้าไปในภัตตาคารจีนที่ดูหรูหราแห่งหนึ่ง เมื่อเขามองเห็นได้ชัดว่า บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอืดๆของคนรักนั้นได้ถูกย่อยไปจนหมดแน่แล้ว

“คุณพาผมเข้ามาที่นี่ทำไมพี ?”
หนุ่มหน้าหวานหันมาถามคนรักอย่างแปลกใจ เขาเอียงคอน้อยๆให้กับคำถามที่ถามออกไป จนคนถูกถามที่เห็นอาการดังกล่าวถึงกับอมยิ้ม ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งยกขึ้นมาวางบนศีรษะของคนช่างสงสัยพร้อมออกแรงขยี้หัวเล็กน้อย

“ก็ดูท่าทางคุณคงหิวน่ะสิ เห็นเดินทีหมดเรี่ยวหมดแรง ฮ่ะๆ”

“ฮึ่ยยย ! พีอ่ะ .. มาขยี้หัวผมทำไมเนี่ย ผมไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ !”
เสียงประท้วงแสนหวานที่ดังขึ้นอย่างลืมตัวนั้นดังออกมาจากปากเล็กของก้องบดินทร์พร้อมๆกับที่เขาใช้มือข้างหนึ่งยกขึ้นมาปัดมือของพีรวิชญ์ออก แม้ว่าคนในร้านส่วนมากจะเป็นชาวจีน แต่เสียงนั้นก็ดังมากพอที่จะเรียกให้พวกเขาหันมามองต้นเสียงเป็นตาเดียวกัน

ภาพของผู้ชายสองคนที่ดูหยอกล้อกันอย่างสนิทสนม... ทำให้คนในร้านออกอาการทั้งอมยิ้ม แปลกใจ และ ไม่ชอบใจ

“ก้อง... เบาๆหน่อยครับ คนในร้านเขามองเรากันหมดแล้วนะ”
พีรวิชญ์ส่งเสียงเตือนทันทีที่รับรู้ได้ถึงบรรยากาศรอบตัว เขายกนิ้วชี้ขึ้นมาแตะไว้ที่ปากเป็นท่าประกอบ ก่อนจะตัดสินใจดึงตัวของก้องบดินทร์ออกมาหน้าร้านเพื่อหลีกหนีสายตาเหล่านั้นในทันที

“คุณจะพาผมไปไหนอีกพี ?”

“ก็พาคุณหลบคนพวกนั้นน่ะสิ หรือคุณอยากนั่งทานข้าวโดยมีสายตาของคนในนั้นพากันมองล่ะ หือมม ?”

“แต่พวกเค้าไม่รู้จักเราซะหน่อยพี คุณก็คิดมากไปได้”
หนุ่มน้อยยังคงพูดจาไร้เดียงสาเช่นเคย ผิดไปจากก้องบดินทร์ในยามปกติมากนัก โดยเฉพาะก้องบดินทร์คนที่คิดมากตอนอยู่ที่โรงแรม กลับกลายเป็นเด็กน้อยไม่สนใจใครในยามที่อยู่บนท้องถนนต่างเมืองซะอย่างนั้น !

“ก้องงงง...”
เสียงที่เอ่ยออกมาอย่างเหนื่อยใจของพีรวิชญ์สร้างรอยยิ้มขันบนในหย้าของก้องบดินทร์ หนุ่มหน้าหวานหัวเราะกับตัวเอง จนคนที่ดูเหนื่อยใจตรงหน้านั้นกลับกลายเป็นฝ่ายออกอาการแปลกใจเสียเอง

“หัวเราะอะไรก้อง ตลกมากนักเหรอครับ”

“ก็ตลกคุณน่ะสิ ทีอย่างงี้ล่ะทำมาเป็นห่วงสายตาคนมอง ทีตอนทำล่ะไม่รู้จักคิด !”
“เอ๊า ! ก็ผมรักของผมอ่ะ ผมจะทำอย่างนั้นแล้วมันผิดตรงไหนล่ะก้อง”

“ผิดตรงที่คุณทำนั่นแหละพี ! เห็นมั้ยล่ะ เพราะคุณคนเดียวเลย ผมเลยอดกินข้าวเลยอ่ะ”
คราวนี้ก้องบดินทร์ออกอาการงอนคืนแก่คนหน้าคมบ้าง เขาพาร่างของตัวเองเดินแยกออกไปจนพีรวิชญ์ต้องรีบเดินตามด้วยเกรงว่าถ้าทิ้งให้เดินงอนไปเรื่อยๆพวกเขาอาจพลัดหลงกันได้

ใช่... พีรวิชญ์ไม่ได้กังวลมากจนเกินไป แต่เพราะรอบตัวพวกเขาตอนนี้มีแต่คน..คน.. และคน !

“เดี๋ยวสิก้อง รอผมด้วย !”
พีรวิชญ์รีบร้องตะโกนตามหลังไปอย่างรวดเร็ว แม้ว่าระยะห่างระหว่างทั้งสองไม่ได้มากจนเกินไปนัก แต่เพราะถนนหนทางที่ไม่มักคุ้นสำหรับคนทั้งสองก็ทำให้พีรวิชญ์อดกังวลไปไม่ได้ เขารีบเดินเข้าไปคว้ามือของก้องบดินทร์มาจับไว้จนแน่น ก่อนที่จะหันไประบายยิ้มกว้างๆให้กับคนรักที่หันมามองตาแป๋วด้วยรอยยิ้มขันที่บ่งบอกถึงอาการสะใจเล็กๆ

คนสองคนพากันจับมือเดินท่ามกลางถนนที่เต็มไปด้วยผู้คนปะปนกันไปต่างชาติต่างภาษา แต่สิ่งที่คนทั้งสองนั้นไม่ต่าง.. คือพวกเขาทั้งคู่ ต่างก็มีหัวใจดวงเดียวกัน ที่พร้อมจะพาพวกเขาก้าวต่อไปในราตรีนี้ที่แสนยาวไกล..

เสียงใสๆดังขึ้นท่ามกลางผู้คนอย่างไม่สนใจคนรอบข้างด้วยความตื่นเต้นของตนเอง

“อ๊ะ พี ! ผมอยากได้เสื้อตัวใหม่อ่ะ คุณซื้อให้ผมหน่อยนะ !”

…… เพียงเท่านี้ โลกทั้งใบก็เหมือนมีคนเพียงสองคนแล้ว .........



Create Date : 16 กรกฎาคม 2554
Last Update : 16 กรกฎาคม 2554 16:35:49 น.
Counter : 1121 Pageviews.

4 comments
  
โถๆๆๆ พี่พี ช่างน่าสงสาร ก่อนมาเที่ยวได้พักแค่แป็บเดียวเองอ่ะ แต่ก็ นะ ....แหมๆๆ ไอ้ที่เหนื่อยเนี่ย มันเหนื่อยการเดินทาง หรือว่า เหนื่อยจากการจู๋จี๋กะน้องก้องสองต่อสองกันแน่ค๊าาาา...อิ อิ

พี่พีนี่น่ารักจริงๆ ทั้งหวง ทั้งห่วงน้องก้อง น้องก้องก็น่ารัก ถึงจะขี้งอน แต่คนน่ารัก ทำอะไรพี่พีเค้าก็ทั้งรักทั้งหลงทั้งนั้นแหล่ะเนอะ

เป็นทริปที่หวาน และ น่ารักมากๆเลยค่ะ พี่พีกะน้องก้อง พออยู่ด้วยกันแล้วทำให้โลกนี้สดใสขึ้นมาทันตาเลย

ขอบคุณน้องบีมมากนะคะ

รอตอนต่อไปค่ะ^_^
โดย: hunny (hunnylovelaruku ) วันที่: 16 กรกฎาคม 2554 เวลา:21:13:28 น.
  
คุณพีร์ในโหมดพี่เลี้ยงหนูก้องไปซะแล้ว555+
โดย: miyukik IP: 110.49.228.128, 82.145.208.86 วันที่: 16 กรกฎาคม 2554 เวลา:21:58:19 น.
  
ก้องน่ารัก 5555
โดย: ปุยหมาม่วง วันที่: 17 กรกฎาคม 2554 เวลา:10:28:42 น.
  
น่ารักจังทั้งคุณพีร์ทั้งน้องก้อง
สงสารคุณพีร์จังเหนื่อยจากงานแล้วก็ต้องมาเหนื่อยกับการเดินทาง
แล้วไหนจะต้องมาทำหน้าที่ของสามีที่ดีให้น้องก้องอีกไม่เหนื่อยจนสลบ
ก็แปลกแล้วเนอะ5555
แต่น้องก้องในโหมดน่ารักไร้เดียงสาไม่แคร์สายตาใครก็น่ารักไปอีกแบบเนอะ
ชอบอ่ะ!!!!!แล้วอย่างนี้คุณพีร์ของเราจะไม่รักไม่หลงได้ไงอ่ะ????
น้องบีมแต่งได้น่ารักน่าหยิกจัง...รอตอนต่อไปอยู่นะคะ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
โดย: Keamdesng1@smile IP: 58.9.135.132 วันที่: 22 สิงหาคม 2554 เวลา:19:36:37 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

MF Angsumalin
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



เด็กน้อยตัวเล็กขนาดพกพา ออกมาเดินทางบนโลกใบใหญ่ พกพามาเพียงแค่ตัวและหัวใจ ที่ฝันใฝ่ในฝันที่หมายปอง
กรกฏาคม 2554

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
16 กรกฏาคม 2554