กุ้งชนิดนี้มีชื่อสามัญนามหลายชื่อเลยที่เดียว ที่นิยมเรียกขานกัน ในหลายๆพื้นที่ก็เช่น Western Yabby, Black Crayfish, BlackYabby,Blue Black AustralianCrayfish หรือ Koonacs เป็นต้น แต่ชื่อ Koonacs นี่ จะใช้เรียกทั้ง Cherax preissii และ Cherax glaber แต่ชื่อทางการค้านี่ ที่ฮิตมากๆ ติดปากกันเลยทีเดียว ก็คือ " black jet " ที่บางที ผู้เขียนก็เคยเห็นมีการเรียกเพี้ยนไปเป็น " แบล็คแจ็ค " ( อันนี้ ชัวร์ เพี้ยนที่สยามประเทศแน่นอน ) ฟังทีไรแล้ว มือสั่น อยากเรียกเพื่อนๆมาตีวงเสียให้ครบขาเสียล่ำไป อิอิอิ ^ _ ^

กุ้ง Cherax preissii และญาติๆของมันก็คือ Cherax glaber นี้ (มีลักษณะที่ใกล้เคียงกันมากทีเดียวล่ะครับ แต่ทั้งสองชนิดนี้ ก็อาศัยอยู่ในแหล่งที่อยู่ คนละถิ่นฐานกันครับ )สามารถเติบโตให้มีความยาวได้ถึง 20 เซนติเมตรเลยทีเดียว และ มีจุดเด่นอยู่ที่ สันนูน 4 ส่วนที่ส่วนหัว และ จะไม่มีหนามที่กรี ของมัน และปล้องส่วนท้าย โดยส่วนใหญ่แล้ว เราจะพบพวกเขาในรูปแบบสีดำ ที่น่าประทับใจ แต่จริงๆแล้ว กุ้งชนิดนี้ สามารถพบได้ทั้งสีที่ออกน้ำตาล - ดำ และ น้ำเงิน-ดำ แต่สิ่งที่น่าสนใจของกุ้งชนิดนี้ ก็คือ หนวดจับสัญญาณ สองคู่ ( โดยที่คู่ที่ใหญ่กว่า จะเรียกกันว่า antennae และ คู่ที่เล็กกว่า จะเรียกว่า antennules ) ซึ่งส่วนนี้ล่ะครับ ที่เมื่อมาตัดกับสีดำแดง แล้ว เข้ากั๊น เข้ากันทำให้พี่ๆน้องๆ หลายๆ ท่านต้องตกหลุมรักโดยทันที ซึ่งในส่วนของลำตัวนั้น จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน แบบเป็น ส่วนหัว , ช่วงอก , และส่วนท้องครับ

ในส่วนของการดำรงชีวิตของกุ้งชนิดนี้นั้น ด้วยความเป็นกุ้งที่มีพื้นที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นดินเสียเป็นส่วนใหญ่ ทำให้เราจะสามารถพบกุ้งประเภทนี้ ได้ที่ตามหนองน้ำแห้งๆ ส่องดูรูของพวกมัน แล้ว ก็ขุดๆ เข้าไป อย่างไรก็ตาม กุ้งประเภทนี้ จะขุดหลุมอยู่ลึกมากเลยทีเดียว โดยที่ในหลุมก็จะมีเพียงความชื้นแฉะและน้ำขังอยู่ไม่มากนัก แต่กุ้งก็สามารถเอาตัวรอดจากสภาพธรรมชาติที่แห้งแล้งได้ ( แต่พอนำมาเลี้ยงในที่เลี้ยง ทุกอย่างล้วนอุดม จัดเต็มอย่างยอดเยี่ยม --- กลับตายกันได้ไม่ยากเลย เฮ้อ )ไปจนถึงในหน้าที่ธรรมชาติมีความอุดมสมบูรณ์ ก็จะออกมา หากิน ผสมพันธุ์ เพื่อขยายเผ่าพันธุ์ต่อไปครับ โดยทุกอย่างที่ว่ามานี่ ก็จะทำกันอยู่ในรูที่ขุดนี่ล่ะครับ ( สุโค่ยจริงๆ )

กุ้งชนิดนี้ เพศเมียนั้น จะเริ่มให้ผลผลิตได้ เมื่อเติบโตได้ขนาดความยาวลำตัว ที่ประมาณ 12 เซนติเมตรขึ้นไปครับ ขั้นตอนการฟักไข่ ส่วนใหญ่ จะกินเวลาโดยเฉลี่ยที่ประมาณ 5 สัปดาห์ครับ ส่วนจำนวนปริมาณของไข่ จะอยู่ที่ปริมาณ 30 – 50 ฟองต่อ 1 แม่ ในส่วนนี้ก็ขึ้นอยู่กับขนาดของกุ้งที่เป็นแม่พันธุ์ด้วยครับ การเลี้ยงดูกุ้งเครย์ฟิช ชนิดนี้ ให้มีชีวิตอยู่ได้ง่ายขึ้นนั้น ควรจะเลี้ยงในน้ำที่มีอุณหภูมิราวๆ 15 - 22 องศาครับ บางที่ก็ว่า ซัดไปเลย 12 องศา โหดดิบ เอานิ้วจุ่มน้ำ แป๊บเดียวนิ้วชา นวดเท้าให้ภรรยา ไม่ได้เลยก็ว่าได้ครับ ดังนั้น ถ้าใครขี้เกียจนวดเท้า นวดหลังให้ภรรยา ก็เลี้ยงกุ้งตัวนี้เอาไว้ แล้วเอานิ้วจิ้มน้ำวัดอุณหภูมิบ่อยๆ แล้วบอกภรรยาไปว่า นิ้วชา นวดให้ไม่ไหว ก็จะได้ไม่ต้องนวดให้ภรรยา แต่ไม่รู้จะโดน “ ***ติงภรรยา “ หรือเปล่า อันนั้น คนเขียนไม่ขอรับประกันนะจ๊ะ ^ _ ^

ในบ้านเรานั้น มีการนำเข้ากุ้งเครย์ฟิช ชนิดนี้มาเลี้ยงบ้างเหมือนกัน ในบางช่วงของปี แต่ทางผู้เขียนเองในตอนนี้ ยังไม่ได้เคยได้รับข่าว แจ้งถึงความสำเร็จในการเพาะพันธุ์ จากผู้เลี้ยงรายใด อย่างไรก็ตาม คาดว่า ในอนาคตอาจมีผู้ที่ประสบความสำเร็จในการเพาะพันธุ์กุ้งเครย์ฟิชชนิดนี้ ก็เป็นไปได้ครับ

กุ้งเครย์ฟิชชนิดนี้ จริงๆ แล้วเป็นอาหารของชนเผ่าพื้นเมือง อะบอริจิน ในออสเตรเลียมานานกว่าร้อยปีแล้ว ( แอบเสียดายนิดหน่อย ) และในพื้นที่ของออสเตรเลียเอง ก็มีการทำฟาร์มเพาะเลี้ยงเจ้ากุ้งเครย์ฟิช ชนิดนี้อยู่บ้าง แต่ก็มีไม่แพร่หลายนัก และ มีการจำหน่ายออกไปสู่ท้องตลาดไม่มากนักในแต่ละปี

เรียบเรียง : กษิดิศ วรรณุรักษ์

เครดิต ภาพ :

https://www.rbmaqua.com.au/PicACPCheraxPreissii.jpg