กุ้งม้าลายหรือ Zebra Crayfish หรือบางที่เรียกว่า Tiger Lobster นั้น นับได้ว่าเป็นกุ้งเครฟิช ที่ได้มีการนำมาจำหน่ายกันมายาวนานในท้องตลาดบ้านเรา ตามแหล่งจำหน่ายสัตว์น้ำที่มีชื่อเสียง อย่าง ตลาดนัดสวนจตุจักร , ตลาดนัด สนามหลวง 2 เป็นต้น สามารถที่จะหาน้องกุ้งเครฟิชชนิดนี้มาเลี้ยงได้อย่างสม่ำเสมอ
อย่างไรก็ตาม กลับพบว่า มีผู้ประสบความสำเร็จ ในการเลี้ยง จนได้ลูกได้หลานของกุ้งชนิดนี้ ไม่มากรายนัก และหลายๆคนก็พบว่า กุ้งที่เพิ่งนำมาเลี้ยงได้ไม่นานนัก ก็กลับตายในเวลาไม่นานนัก จนอาจจะทำให้ผู้เลี้ยงหลายๆคน ค่อนข้างที่จะรู้สึกท้อถอยในการเลี้ยง และคิดว่ากุ้งเครฟิชชนิดนี้ เป็นกุ้งที่เลี้ยงได้ยากอีกชนิดหนึ่งเหมือนกัน
ซึ่งการเลี้ยงกุ้งชนิดนี้นั้น ถึงแม้จะไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนัก แต่ก็คิดว่าไม่ถึงกับยากจนเกินไปนักครับ หลักๆ ก็คือ ต้องมีการคัดเลือกกุ้งที่มีความสมบูรณ์ ในการนำมาเลี้ยง ซึ่ง กุ้งม้าลาย ที่วางจำหน่าย โดยทั่วๆไปนั้น หลายๆร้าน มีสภาพที่ไม่สมบูรณ์นัก เนื่องจากกุ้งมีความบอบช้ำ และ อาจจะอดอาหารจากการเดินทางมาเป็นเวลานาน ทำให้กุ้งโดยส่วนใหญ่ที่จำหน่ายนั้น มีความเครียดสูง ซึ่งพลอยทำให้ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ได้ยาก และ มีอาการป่วยง่าย และ เมื่อป่วยแล้ว ส่วนใหญ่ จะไม่สามารถรอดชีวิตได้ ทำให้ผู้เลี้ยงส่วนใหญ่เมื่อนำมาเลี้ยงแล้ว ไม่ประสบความสำเร็จ ในการเลี้ยงให้รอด หรือ ขยายพันธุ์ ดังนั้นการเลือกกุ้งม้าลายไปเลี้ยงนั้น ก็ต้องใช้หลักในการพิจารณาคัดเลือกเช่นเดียวกับกุ้งเครฟิชอื่นๆ เช่น ต้องดูในส่วนของความสมบูรณ์ของระยางค์ต่างๆ ก้าม , ขาเดิน ตรวจสอบในส่วนของบาดแผลตามลำตัว ว่า มีมากหรือไม่ มีอาการของโรคต่างๆ ปรากฏหรือไม่ กุ้งมีอาการซึม ไม่ร่าเริง ไม่กระปรี้กระเปร่าหรือไม่ ซึ่งแม้ว่า จะไม่ถึงกับเป็นการการันตีได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ว่ากุ้งที่เราจะซื้อมานั้น จะรอดได้อย่างแน่นอน แต่ก็ทำให้ผู้เลี้ยงมีเปอร์เซ็นต์ ในการเลี้ยงกุ้งชนิดนี้รอดมากขึ้นครับ
หลังจากได้กุ้งมาแล้ว ให้ผู้เลี้ยงนำไปเลี้ยงในสถานที่ๆ สงบ อาจจะเป็นอ่างที่มีน้ำที่หมักให้ pH ต่ำลงเล็กน้อย เหมือนกับสภาพในธรรมชาติของเขา และมีที่หลบซ่อนมากๆ ก็จะเป็นการดียิ่ง กุ้งที่มาใหม่ ก็จะลดความเครียดลง น้ำในที่เลี้ยง ต้องสะอาดอย่างยิ่ง และมีอ็อกซิเจนสูง การเปลี่ยนถ่ายน้ำ มีความจำเป็น ควรทำเป็นระยะๆ อย่างเหมาะสม ถ้าในช่วงแรก ยังไม่มั่นใจว่า กุ้งจะเริ่มกินอาหารหรือยัง ก็อาจจะใส่พวกหอยน้ำจืดฝาเดียว เช่น หอยตระกูล Ramhorn เอาไว้ก็ได้ เพราะว่ากุ้งชนิดนี้ ชอบกินหอยครับ ถ้าเป็นไปได้ ก็อาจจะมีการเพาะหอยจำพวกนี้เอาไว้เยอะๆ ก่อนหาน้องกุ้งมาลง ก็จะทำให้เลี้ยงได้ง่ายขึ้นครับ อย่างไรก็ตาม อาหารสำเร็จรูปเขาก็กินได้ แต่ต้องระมัดระวัง เรื่องอาหารเหลือด้วยนะครับ กุ้งจะอาหารแค่เพียงประมาณ 1 - 4 เปอร์เซ็นต์ ต่อน้ำหนักตัว ในทุกๆ 3 วัน โดยประมาณเท่านั้น การใส่ใบไม้แห้งบางประเภท เช่น ใบหูกวาง ก็จะเป็นอาหารให้กับเขาได้ และ ดีกับสุขภาพของเขาด้วยครับ ส่วนอุณหภูมิ ถ้าสามารถทำให้อยู่ได้ที่ประมาณ 20 - 26 องศาได้ กุ้งจะชอบมากครับ แต่ถ้าบวกลบนิดๆหน่อย กุ้งก็สามารถอาศัยอยู่ได้เช่นกันครับ ซึ่งถ้าทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดีแล้ว
สำหรับการผสมพันธุ์กุ้งชนิดนี้นั้น ถ้ากุ้งมีสุขภาพแข็งแรงดีแล้ว ผู้เลี้ยงสามารถใช้การจับคู่ แบบ 1 ต่อ 1 ตัวผู้ และ ตัวเมีย ในการผสมพันธุ์ได้ กุ้งเครย์ฟิชชนิดนี้ จะผสมพันธุ์ไม่บ่อยครั้ง อาจจะเพียงช่วงปีละ 1 ครั้ง โดยเฉลี่ยเท่านั้น และ ตัวเมียจะใช้เวลาในการฟักไข่ราว 30 - 50 วัน ขึ้นอยู่กับการพัฒนาของตัวอ่อน ลูกกุ้งสามารถกินไรทะเลแรกฟักได้ดีที่สุด แต่ก็สามารถปรับตัวกินอาหารสำเร็จรูปแบบบดเป็นผง และ อาหารอื่นๆได้เช่นกันครับ ถ้าลูกกุ้งเริ่มมีการตายขึ้นมา หลังจากออกจากท้องแม่ ก็ให้ผู้เลี้ยงสามารถใส่เกลือทะเล สำหรับเพิ่มค่าอัลคาไลน์ และค่าความกระด้างได้เล็กน้อยครับ
ในบ้านเรา ณ ขณะนี้ โดยส่วนตัวแล้ว กระผมยังไม่เห็นว่า มีฟาร์มใดทำแต่กุ้งม้าลายอย่างเดียวโดยชัดเจนนะครับ แต่คาดว่า มีพี่ๆน้องๆ ทำการเพาะพันธุ์กันหลายท่านอยู่ โดยอาจจะเพาะพันธุ์ไปร่วมๆกับ กุ้งเครย์ฟิช สาย C ตัวอื่นๆ ครับ และ ลูกๆของกุ้งม้าลายก็เป็นที่ต้องการในท้องตลาดดีในระดับหนึ่งเลยครับ