
 |
|
 |
 |
|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | |
|
|
|
|
 |
 |
|
|
9 วัน 4 ประเทศ ตอนที่ 2 ถนนทุกสายมุ่งหน้าสู่โรม
หลังจากวันแรกเป็นวันเดินทาง วันที่ 2 ลุยกรุงไคโร มาต่อกันดีกว่า
เช้าวันที่ 3 หลังจากบุฟเฟ่ห์อาหารเช้าที่โรงแรมในไคโร ซึ่งเต็มไปด้วยอาหารหลากชนิดทั้งอาหารเช้าแบบฝรั่งไปจนถึงอาหารแบบโลค่อลของอิยิปต์แท้ๆ ไอ้เราก็ได้แต่มอง อยากลองก็อยาก แต่ไม่รู้จริงๆ ว่าอะไรควรจะกินกับอะไร
8โมงเช้า ทุกคนพร้อมเดินทางที่สนามบินนานาชาติไคโรพอมีเวลาช้อปปิ้งเล็กน้อยที่สนามบิน เลยได้ปิดท้ายด้วยกระเป๋าผ้าพื้นสีดำพิมพ์ลายสุดเก๋ ราคาเพียง 5 ยูเอส ตกเป็นเงินไทยก็ไม่ถึง 200 บาท นับว่าถูกมากๆ สำหรับกระเป๋าผ้าไซด์ใหญ่ขนาดนี้

แล้วก็ได้ของฝากจากอิยิปต์อีกเล็กน้อย เป็นภาพวาดบนกระดาษปาปิรุส ซึ่งคาดว่าจะมอายุอย่างน้อยๆ ก็ 100 ปี แต่ถ้าเก็บรักษาดีๆ อาจอยู่ได้หลายพันปี เหมือนที่เห็นในพิพิธภัณฑ์ (แม้ว่าเราไม่อาจจะรู้ได้เลยว่ามันจริงรึเปล่าก็ตาม)
ภาพวาดม้วนใส่กระบอกเพื่อให้ง่ายต่อการเดินทาง หน้าตาตาแบบนี้

เดินทางกันต่อดีกว่า บินจากกรุงไคโรสู้กรุงโรม ใช้เวลาราวๆ 3เกือบ 4 ชั่วโมง ในที่สุดเราก็มาถึงกรุงโรมตอน 10.05 น. มาถึงสนามบินลีโอนาร์โด ดาวินชี่ เข้าแถวตรวจคนเข้าเมืองอยู่พักนึงกว่าจะออกมาได้เสียเวลาไปพอสมควร
เจ้าหน้าที่ของบริษัททัวร์ชื่อบริษัททราฟังก้า (เป็นชื่อที่ตั้งตามชื่อสนามรบในสมัยจักรวรรดิโรมัน (ขออภัยหากจำผิด) มาตั้งเป็นชื่อบริษัท) ซึ่งเป็นบรษัทที่ co กันกับบริษัททัวร์ที่เมืองไทยมารอรับอยู่แล้วที่สนามบิน
เพียงครู่เดียวเราก็เดินทางสู่เมืองโรมโดยรถโคชขนาด 50 ที่นั่ง (แน่นอนว่านั่งกันสบายอีกตามเคย ทั้งทริปมี 16 คน รวมไกด์)

ใกล้ถึงแล้ว กรุงโรม...
ในสมัยอาณาจักรโรมันโบราณเรื่อยมา แม้แต่ในปัจจุบันก็เถอะ ก็ยังกล่าวกันว่า "ถนนทุกสายมุ่งหน้าสู่โรม" ซึ่งเราไม่แปลกใจเลย...
พิซซ่า อาหารชื่อดังประจำชาติอิตาลี (แม้จริงๆ แล้วจะเป็นอาหารของชนชั้นแรงงานเพิ่มประทังความหิวพอให้อิ่มท้องก็ตาม)

ไม่กี่นาทีต่อมา เราก็ถึงจุดหมาย ที่แรกที่เราจะไปเยือนกัน คือนครวาติกัน นครรัฐซึ่งมีอิสระในการปกครองตนเอง ตั้งอยู่กลางกรุงโรม
เท่าที่ทราบ แต่เดิมอิตาลีใช้เมืองฟลอเรนซ์เป็นเมืองหลวง แต่พอตกลงกับทางวาติกันได้ โดยยอมให้วาติกันเป็นรัฐอิสระ ปกครองตนเองได้ วาติกันจึงยินยอมเข้าร่วมกับเป็นส่วนหนึ่งของกรุงโรม
จากนั้นมาเมืองหลวงของอิตาลีจึงกลายเป็นกรุงโรม โดยมีนครวิติกัน ศูนย์กลางทางจิตใจของคริสต์ศาสนิกชนทั้วโลกเป็นหัวใจสำคัญ

อากาศที่โรมวันนั้น ค่อนข้างเย็นอยู่มาก น่าจะราวๆ 10 องศาต้นๆ แต่ก็ยิ่งทำให้การเยือนวาติกันครั้งนี้ของเรายิ่งน่าสนใจยิ่งขึ้น เมืองที่สวยอยู่แล้วก็ยิ่งสวยแปลกตา ราวกับอยู่ในสวรรค์
ทั้งที่ยอมรับตามตรงว่าก่อนหน้าที่จะออกมาชะโงกทัวร์นี้ วาติกันไม่เคยอยู่ในความสนใจเลย

ตอนแรกเรามีเวลาที่วาติกันเพียง 30 นาที ตามประสาชะโงกทัวร์ แต่เนื่องจากมีคนรอเข้าคิวเพื่อเข้าชมความงามของวาติกันจนแถวยาวเป็นกิโล (ซึ่งเราก็ยินดีต่อแถวรอ)
ทำให้เรามีเวลาที่นี่นานขึ้นถึง 1 ชั่วโมงเต็ม แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่สาแก่ใจอยู่ดี

ภายในเต็มไปด้วยศิลปะวัตถุสำคัญมากมาย ตั้งภาพวาด รูปปั้น เสา ประตู ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ทั้งผนัง พื้นผิว เพดาน ล้วนเต็มไปด้วยสิ่งที่มีความสำคัญทั้งสิ้น
น่าเสียดายที่ภาพถ่าย รูปแกะสลัก "เพียต้า" ผลงานชื่อดังของไมเคิล แองเจอโล่ นั้น ถ่ายมาแต่ภาพดูไม่ได้เลย -*-
(นู๋ผิดไปแล้วค่า ที่ไม่ยอมลงทุนซื้อกล้องใหม่ อิแก่ที่มีอยู่นี่มันถ่ายภาพในที่แสงน้อยไม่ได้)
เอารูปปั้นสวยๆ ไปดูแทนก่อนแล้วกัน

หลังจากตื่นตากับความยิ่งใหญ่และงดงามของวาติกัน อย่างไม่เคยคาดคิดมาก่อน ก็ได้เวลาแล้ว
ไกด์ต้อนทุกคนกลับไปขึ้นรถ (เหมือนลูกเป็ดเลยแฮะ) เพื่อมุ่งหน้าสู่ที่ต่อไป
จุดหมายต่อไปของเราจัดอยู่ในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคเก่าอีกแห่งหนึ่ง มันคือ โคลอสเซี่ยม สนามกีฬาซึ่งในสมัยโรมันโบราณ มีไว้สำหรับเป็นแหล่งประลองกำลังเพื่อความบันเทิงชนิดหนึ่ง
อย่างคนสู้กับคน หรือคนสู้กับสัตว์ แล้วขายบัตรให้คนเข้ามาดูกัน หรือแม้กระทั่งให้นักโทษออกมาต่อสู้เพื่อจะปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระ หรือไม่ก็ต้องพบกับความตาย
สนามแห่งนี้เคยจุคนได้มากถึง 5หมื่นคน ในยุคโรมันโบราณนี่ นับว่าไม่ใช่น้อยๆ
สำหรับเราชั้นล่างสุดดูน่ากลัวมาก เพราะมีลูกกรงเหล็ก แบ่งเป็นห้องๆ เอาไว้ขังนักโทษ หรือสัตว์ร้าย อดคิดไม่ได้ว่า ณ ที่นี้ เคยมีคนเสียชีวิตมามากมายขนาดไหนแล้ว

ร้านขายของที่ระลึกข้างทาง ช่วยเพิ่มสีสรรให้นักท่องเที่ยวหัวดำอย่างเรามาก ไกด์จะถือธงชาติไทยขนาดราวๆ 1 ฟุต เดินนำหน้า เผื่อใครมองหาตัวไม่เจอ เพราะคนจะเยอะมาก
แล้วอยู่ๆ ก็มีฝรั่งผมทองคนหนึ่งพูดขึ้นว่า "ไทย แฟล๊ก" หรือธงไทย พี่ที่ไปทริปเดียวกันหันไปถามทันทีว่ารู้จักด้วยหรอ พี่แกตอบแบบมั่นใจมากว่ามวยไทย 55+

30 นาทีต่อมาเราก็มุ่งหน้าไปยังจุดหมายต่อไปอีกครั้ง แม้จะไม่ใช่สิ่งมหัศจรรย์ของโลก แต่ก็เป็นอะไรที่หลายคนรอคอย
แล้วก็ไม่ผิดหวังเลย
เราก้าวลงจากรถอีกครั้งและเดินตามพี่ไกด์ข้ามถนนเข้าศซอยเล็กๆ ซึ่งเต็มไปด้วยบรรยากาศแบบยุโรปแท้ๆ อย่างร้านกาแฟริมถนน ร้านขายไอติมเจลาโต้ชื่อดัง (แม้อากาศในตอนนั้นน่าจะต่ำกว่า 10 องศาแล้วก็ตาม) ร้านขนมปัง ในทีสุดเราก็เดินมาถึง น้ำพุเทรวี่
ปฏิมากรรมหินอ่อนแบบบาร๊อคเล่าเรื่องราวของเทพเจ้ากรีก สวยชนิดที่ต้องร้อง "ว้าว" ออกมาอีกครั้ง (หลังจากร้องเหมือนกันที่กิซา กับ วาติกัน)
เชื่อกันว่าถ้าได้โยนเหรียญด้วยมือซ้าย ข้ามไหล่ขวา ลงไปในน้ำพุ (หรือมือขวาข้ามไหล่ซ้ายหว่า) แล้วจะทำให้เรามีโอกาสกลับมาเยือนที่นี่อีก
แน่นอนค่ะ ว่าดิฉันโยนเหรียญไทยไป 2 เหรียญ ทำมันทั้ง 2 ข้าง55+ แต่ไม่รู้จะได้กลับมาอีกไหมนะ

งามทุกมุม และคนเยอะจริงๆ ไกด์เตือนให้ระวังกระเป๋า เล่นเอาต้องคอยคลำๆ ไปที่กระเป๋า กล้อง และพาสฟอร์ตอยู่ทุก 5 นาทีเลยทีเดียว (เราอาจจะติดมากไปหน่อย)
แต่ก็คุ้มนะที่ได้มาเยือน

ใกล้ๆ น้ำพุเทรวี่เลยไปจนถึงย่านบันไดสเปน จะมีร้านรวงของบรรดาแบรนเนมระดับโลกเปิดอยู่เต็มไปหมด
แต่เรามากับชะโงกทัวร์มีหรือจะมีโอกาสแวะ ได้แต่เดินโฉบผ่านตามประสา55
แต่ก็ดีนะ ไม่เปลือง55

หลังจากน้ำพุเทรวี่กับบันไดสเปน (เพิ่งรู้ว่าได้ชื่อนี้เพราะตั้งอยู่ใกล้กับสถานทูตสเปน) ก็ได้เวลาเข้าที่พัก ระหว่างทางสองข้างทางเมืองโรมยามหัวค่ำช่างสวยบาดใจ เสียดาย กล้องไม่ค่อยดีอีกตามเคย สภาพแสงน้อยนี่อย่าหวังเลยว่าจะได้รูปดี แง...

ขนาดสะพานก็ยังมีรูปปั้นสวยๆ ให้ประทับใจ

พอเข้าโรงแรม ซึ่งตั้งอยู่ชานเมือง (อันนี้เข้าใจเพราะว่าโรงแรมในเมืองคงจะแพงน่าดู แล้วเราก็มาแบบทัวร์ราคาประหยัดต้องทำใจ) ก็เป็นอันว่าเข้าโรงแรมแล้วก็หมดสิทธิ์ไปไหนทั้งนั้น (เพราะไม่มีอะไรให้ไปดูไม่เหมือนพักในโรม)
แต่ไอ้ห้องน้ำนี่สิ มันอะไรหว่า มีอ่างเล็กๆ อยู่ข้างๆ ชักโครกด้วย แต่เตี้ยกว่าชักโครก ใครรู้ว่าไว้ทำอะไรช่วยบอกที55

เถียงๆกันไป ไม่รู้มันเอาไว้ทำอะไร
ก. โถฉี่ของผู้ชาย (มันเตี้ยกว่าชักโครกนะ ถี่ยังไงเนี่ย) ข. โถไว้ปล่อยของเก่าเวลาเมา -*- ค. โถไว้อาบน้ำเด็ก ง. โถไว้ล้างอวัยวะบางส่วน จ. ถูกทุกข้อ
************************** เดี๋ยวจะมาต่อ วันที่ 4 ค่ะ
Create Date : 01 พฤศจิกายน 2552 |
Last Update : 1 พฤศจิกายน 2552 18:03:58 น. |
|
6 comments
|
Counter : 1581 Pageviews. |
|
 |
|
|
โดย: ดอกหญ้ากับลมหนาว IP: 151.59.102.209 วันที่: 1 พฤศจิกายน 2552 เวลา:22:18:20 น. |
|
โดย: ลิซ IP: 203.144.144.165 วันที่: 11 พฤศจิกายน 2552 เวลา:14:08:44 น. |
|
โดย: จ๋า IP: 203.156.186.210 วันที่: 20 พฤศจิกายน 2552 เวลา:13:46:18 น. |
|
โดย: tangmo12 IP: 58.8.128.77 วันที่: 5 ธันวาคม 2552 เวลา:21:00:05 น. |
|
โดย: Nueng IP: 203.144.144.164 วันที่: 7 มีนาคม 2553 เวลา:0:14:09 น. |
|
โดย: sunisa IP: 87.72.241.38 วันที่: 3 เมษายน 2553 เวลา:6:00:28 น. |
|
| |
|
meaw-angle |
 |
|
 |
|