แบกเป้ ลุยเดี่ยวฯ วันที่ 66 มะละกา-กัวลาลัมเปอร์
วันที่ 11 พฤษภาคม
เมื่อคืนนอนหลับๆตื่นๆทั้งคืน วันนี้เลยตื่นเช้าประมาณ 7 โมง ไปหาข้าวเช้ากิน ตามร้านที่ถามจากน้าคนที่ชงชาให้เมื่อวาน
ได้กินข้าวมันไก่ แบบมาเลเซีย แปลกดี ปั้นข้าวมาเป็นก้อน แต่ดิฉันว่าข้าวมันไก่ไทยอร่อยกว่าแฮะ
ร้านที่ดิฉันกินนี่เหมือนจะเป็นร้านดัง มีป้ายว่าได้ลงแนะนำในหนังสือพิมพ์ด้วย
เดินไปดูพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับการเดินเรือ แต่เขาเปิด 9 โมง มาเช้าเกิน เลยได้ดูแต่ข้างนอก
ที่นี่จะมีเรือจำลองจากเรือ 'Flora de La Mar' ของโปรตุเกส ที่จมนอกชายฝั่งมะละการะหว่างทางกลับโปรตุเกสเมื่อเกือบ 500 ปีที่แล้ว ข้างในเปิดให้เข้าชมด้วย
ตัดสินใจไม่อยู่รอจนพิพิธภัณฑ์เปิด เพราะวันนี้ตั้งใจว่าจะนั่งรถไฟกลับเข้าไทยเลย ตอนแรกว่าจะค้างที่กัวลาลัมเปอร์คืนนึง
แต่เริ่มเพลียจากการเดินทางนานแล้ว อากาศที่นี่ร้อนอบด้วย เลยว่าจะไปนอนหลบร้อนแถวทะเล
ก่อนกลับแวะกินขนม ที่เขาบอกว่าเป็นของขึ้นชื่อของที่นี่ ชื่อ ABC ย่อมาจาก Air Batu Campur หน้าตาเหมือนน้ำแข็งไสบ้านเรานี่แหละ ก็อร่อยดี กินตอนร้อนๆ
นั่งรถแท๊กซี่ไปสถานีรถบัสมะละกา ซื้อตั๋วรถทัวร์ไปกัวลาลัมเปอร์ โชคดีไม่ต้องรอนาน รถก็ออก
ดิฉันได้นั่งคนเดียว เบาะฝั่งตรงข้ามเป็นนักท่องเที่ยวจากอิรัก 2 คน เขาชวนคุยด้วย ก็คุยกับเขาพักนึง เขาจะไปกัวลาลัมเปอร์แล้วจะพักที่นั่น
พอถึงสถานีรถที่กัวลาลัมเปอร์ ต้องต่อรถแท๊กซี่เข้าไปสถานีรถไฟ หรือตัวเมืองอีกที
อิรัก 2 คนนี้ก็มาชวนดิฉันไปรถคันเดียวกัน จะได้หารค่ารถกัน แล้วก็ชวนเที่ยวในกัวลาลัมเปอร์ก่อนกลับไทย
ตอนดิฉันกำลังคุยอยู่ คนขับรถคันที่ดิฉันนั่งมาก็เดินผ่าน แล้วเอามือมาถูกแถวๆสะโพกดิฉัน แล้วก็เดินผ่านไปยืนอยู่ไม่ไกล แล้วจ้องมองมาทางดิฉันตลอด คนขับรถคันนี้หน้าตาออกทมึนๆหน่อย แบบแขกๆไว้หนวดเคราดกๆ จะดูหน้าดุๆโหดๆ
ตอนนั้นคิดในใจ ยังงัยนี่ตาคนนี้มองแล้วไม่พูดไม่จา
สุดท้ายดิฉันตัดสินไม่ไปรถคันเดียวกับอิรัก 2 คนนั้น คิดว่าประหยัดเงินนิดหน่อย แต่ไม่รู้จะอันตรายหรือเปล่า เอาความปลอดภัยไว้ก่อน
ดิฉันเลยบอกลาแล้วเดินแยกมา ตอนเดินผ่านรถคันที่นั่งมา คนขับรถขึ้นไปนั่งอยู่ในรถแล้ว ดิฉันก็มองหน้าเขาว่าเขาจะว่ายังงัย เห็นมองจัง
เขามองมาแล้วเอานิ้วชี้ส่ายตรงหน้าว ประมาณว่า "ไม่ดี ไม่ดี อย่าไปกับพวกนั้น"
ถึงเข้าใจว่าแกห่วงดิฉันนี่เอง ถึงได้คอยวนเวียนไม่ไปไหน น่ารักจัง ถึงจะหน้าโหดก็เถอะ
ตอนดิฉันขนกระเป๋าไปขึ้นแท๊กซี่ ก็ยังเจออิรัก 2 คนนั้นอีก ดิฉันเห็นก่อนเลย เลยแกล้งทำเป็นมุดเก็บกระเป๋า
เขาก็ตะโกนโหวกเหวกเรียกดิฉันใหญ่ จะให้ไปด้วย ตาคนขับแท๊กซี่คันที่ดิฉันจะไปด้วย ก็บอกว่า 2 คนนั้นเรียกเราแน่ะ ดิฉันก็บอกคนขับไปว่าดิฉันไม่อยากไปกับเขาให้ออกรถไปเลย เริ่่มตื้อเกินแล้ว ชักน่ากลัว
คนขับแท๊กซี่ชวนคุย ถามว่ามาจากไหน พอบอกมาจากประเทศไทย เขาเลยคุยเป็นภาษาไทยด้วย
ตอนแรกนึกว่าคนไทย พูดไทยชัดพอสมควร เขาบอกว่าแต่งงานกับคนไทยเลยพูดไทยได้นิดหน่อย แต่ไม่เคยไปเมืองไทย เก่งมากเลย ไม่เคยไปแต่ยังพูดได้ตั้งเยอะ
มาถึงสถานีรถไฟ จองรถไฟที่จะไปหาดใหญ่ ได้รถ Langawi Express เที่ยว 21.20 มีแค่รถเที่ยวนี้เท่านั้นของวันนี้ นอกนั้นเต็ม
ดิฉันมีเวลาอีก 6 ชม. เลยนั่งรถไฟไปดูตึกแฝดที่กัวลาลัมเปอร์ก่อน ที่นี่มีที่ฝากกระเป๋าด้วย ค่อยยังชั่วหน่อย
นั่งรถไฟไปดูตึกแฝด และเดินเล่นที่ Suria KLCC Mall ฆ่าเวลา กลับมาขึ้นรถไฟที่สถานี ดิฉันเลือกตั๋วนั่ง ในตู้ดิฉันมีคนทั้งหมด 4 คน ผีจะหลอกตาย
มีฝรั่งผู้หญิงเดินทางคนเดียว นั่งเบาะหลังดิฉัน
จริงๆมันควรจะนอนสบายเพราะเบาะว่างเยอะ แต่รถคันนี้สภาพสุดๆมาก ว่ารถไฟไทยเน่าแล้วนะ ดูดีกว่าคันนี้เยอะเลย ห้องน้ำสกปรกมาก น้ำเจิ่งนอง ฝาชักโครกไม่มี
ประตูระหว่างโบกี้ก็ปิดไม่ได้เสียงในห้องโดยสารเลยดังมาก นอนไม่หลับเลย แถมแอร์เย็นมาก ต้องเอาเสื้อผ้าออกมาใส่เพิ่ม
ค่าใช้จ่ายวันที่ 66 : ค่าอาหาร 435 บาท, ค่ารถไปกัวลาลัมเปอร์ 115 บาท, ค่ารถไฟฟ้า 30 บาท, ค่ารถไฟไปหาดใหญ่ 460 บาท, แท๊กซี่ไปสถานีรถบัสมะละกา 145 บาท, แท๊กซี่ไปสถานีรถไฟกัวลาลัมเปอร์ 240 บาท รวมเป็นเงิน 1425 บาท
ยอดรวมทั้งหมด 136,163 บาท
Create Date : 26 สิงหาคม 2554 |
|
1 comments |
Last Update : 26 สิงหาคม 2554 16:00:10 น. |
Counter : 1673 Pageviews. |
|
|
|