ใช้ชีวิตให้คุ้ม อิสระในทุกมุมมอง
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2552
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
15 พฤษภาคม 2552
 
All Blogs
 
วันฝนพรำ กับความรู้สึกดีๆที่ ++เวียดนาม++

เสมือนอาหารจานด่วนอีกครั้งสำหรับเวียดนาม ที่นึกอยากไปก็ไป จองตั๋วโปรแอร์เอเชียได้ มีเวลาเก็บข้อมูล 1 สัปดาห์ จากความตั้งใจดีอยากมีความทรงจำแจ่มๆที่เวียดนาม ลองหาข้อมูลจากทั้งพันทิบและเทรคกิ้งไทย อ่านไปอ่านมา นอกจากปวดกบาลแล้วยังต้องปวดใจ อุเหม่! ประเทศไรหว่า ไมมันน่าหยดหยองเพียงนี้ คอมเม้นท์กันแต่ละที อ่านแล้วเกือบถอดใจวันละหลายๆรอบแน่ะ


แต่เอาวะ เงินก็จ่ายไปแล้วเกือบครึ่ง ถอดใจไปตอนนี้มีแต่เสียกับเสีย ก็เอาน่า ลองมันซักตั้ง ให้มันได้เห็นกับตาเจอกับตัว ที่เค้าว่า "มาเวียดนามไม่โดนโกง แสดงว่ามาไม่ถึง" ก็อ่าน อ่านและอ่าน จากประสบการณ์ของใครต่อใครที่เคยไปมาแล้วเอามาแชร์ จดโน๊ตทำชีท หาข้อมูลราคาที่พัก อาหารการกิน การเดินทาง เตรียมแม้กระทั่งเรื่องช้อปปิ้ง(ที่ไม่ค่อยเน้นซักเท่าไหร่) อะไรที่ใครๆเตือนว่าจะเจอ เจอแล้วต้องทำไง จำไว้หมด จนมาถึงวันเดินทาง ตื่นเต้นม๊ากมาก


โปรแกรม 4 วัน 4 คืน 7 พค.- 11 พค. 52 กับเพื่อนร่วมทางอีกหนึ่ง


วันแรก: บินไปกับหางแดงไฟล์ท FD3700 ถึงสนามบินนอยไบเวลา 8.35 น. เที่ยวย่านจัตุรัส Ninh Binh และ Ho Tay ชม Water Puppet Show รอบค่ำ


วันที่สอง-สาม: ฮาลองเบย์ 2 วัน 1 คืน นอนบนเรือ


วันที่สี่: Hoa Lu - Tam Coc


วันที่ห้า: กลับกรุงเทพฯ โดยหางแดงไฟล์ท FD3701 ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ 11.25 น.


*******************


7 พค. 52



ถึงฮานอยพร้อมสายฝนเชียวหมู่เฮา หลังจากผ่าน ตม. เรียบร้อย ก็ออกมาเจอคนขับรถชูป้ายรับไปโรงแรมในย่าน Old Quarter เราบอกคนขับว่าอยากได้ sim card เค้าก็พามาเลือกซื้อเป็นเคาเตอร์ในสนามบินน่ะแหละ คนขายบอกราคามา ถึงกับอึ้งกึมกี่คับ ซื้อไม่ลงเลย เพราะราคาบอกมาแสนกับอีกเกินครึ่งแสนด่อง แถมชี้ป้ายติดราคาให้ดูอีกด้วย เป็นเชิงว่า "ราคามาตราฐานนะ ไม่ได้โม้" เราจำได้จากที่อ่านมา มันไม่ถึงนี่นา แค่ 5 หมื่นถึงหกหมื่นก็ซื้อได้แล้ว เราเลยไม่เอา คนขับก็พาไปอีกเคาเตอร์ ก็ราคาเดียวกันอีก เราเลยบอกคนขับไปเหอะ เด๋วค่อยไปหาแถวๆ Old Quarter ก็ได้ฟะ คนขับก็ไม่ว่าไร ยอมไปแต่โดยดี ระหว่างทาง พวกเราก็สร้างสัมพันธ์อันดีกับคนขับด้วยการแบ่ง โกปิโก้ กะ ฮาร์ทบีท พร้อมบอกด้วยว่า "It's free" คนขับดีใจจัด "แถ่งกิ๊ว" มาชุดใหญ่เลย



รถที่มารับเป็นโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ทั้งงามทั้งใหม่เชียว ทำให้นึกถึงทริปพม่า โอว!มันช่างต่างกันราวฟ้ากับเหว เอิ้ก...เอิ้ก



ไปถึงโรงแรม Prince 79 แจ้งชื่อเรียบร้อย พนักงานก็ยื่นกุญแจห้องให้ อยู่ตั้งชั้น 3 แน่ะ แต่วัยรุ่นอย่างเรา ไหวค่ะไหว ถึงห้องปุ๊ป ก็สำรวจตรวจตราปั๊ป ตามที่ได้อ่านรีวิวของเพื่อนๆในห้อง BP แอร์เย็นไม๊ น้ำไหลดีไม๊ มีน้ำอุ่นน้ำเย็นไม๊ ทีวีล่ะ มีไม๊ เตียงล่ะเป็นไง หัก ยุบ ยวบป่าว โอ๊กอ๊าก เอี๊ยดอ๊าดป่าว จนมีแอบคิดนิดนึงว่า เอ...เราวิตกจริตเกินไปป่าวเนี่ย เมื่อสำรวจไม่พบความผิดปกติแล้ว ก็แจ้นออกจากห้อง เพื่อโบกแท็กซี่ไปเที่ยวตามแผนเลย ก่อนไปถามพนักงานว่าค่าแท็กซี่ประมาณเท่าไหร่ เค้าบอกว่าประมาณ 50 พัน อืม...ไม่ต่างจากที่อ่านมา...พอทน


ก่อนโบกแท็กซี่ เราขอแวะซื้อ sim card ก่อน เพราะจำเป็นต้องใช้โทรฯน่ะ ข้างๆโรงแรมที่พัก เห็นอยู่ 2 ร้าน ร้านแรกดูหรูเกิน เราเลยเดินไปร้านสอง ที่ดูโลโซหน่อย เหมาะกะเราเล้ย เรามีแบงค์ 5 แสนด่อง ที่ตอนแรกกลุ้มใจไม่น้อยว่าจะจัดการกับมันไงดีแบบที่ไม่โดนโกง เพราะรีวิวว่า ควรแลกแบงค์ย่อยๆไว้ ซื้อของแบงค์ใหญ่ อาจโดนทำเนียนทอนไม่ครบ ลองถามเจ้าของร้านดูว่าเค้ามีทอนไหม เค้าว่ามี เราเลยโอเค ได้ sim มาแล้ว ก็จัดการเปลี่ยนใส่มือถือเลย กะว่าถ้ามีปัญหาจะได้สู้รบปรบมือกันซะที่ร้านนี่แหละ ปรากฎ ปัญหาเกิดจริงๆด้วย เพราะไม่รุเราไปกดปุ่มไรเข้า เลยเจอเสียงในฟิล์มอย่างเดียว ฟังไม่ออกอ่ะ แถมโทรไม่ได้ด้วย เจ้าของร้านนี่ก็สุดยอด ขายเป็นอย่างเดียว ทำไงให้โทรได้ เค้าไม่รุแฮะ ที่แย่กว่านั้น คือเค้าพูดอังกฤษไม่ได้ด้วยล่ะ แต่ด้วยน้ำใจ เค้าเดินไปร้านข้างๆ เป็นร้านขายเสื้อและจำพวกของที่ระลึก ให้มาช่วย เจ้าของร้านนั้นก็ใจดีมาช่วยแต่ด้วยภาษาอังกฤษแบบ snakeๆ fishๆ เราก็เอาล่ะหว่า ไงเนี่ย กดโน่นจิ้มนี่อยู่นานสองนาน แต่ก็ยังทำให้โทรไม่ได้อยู่ดี แปลกใจมั่กๆๆๆๆ อารายหว่า ตกลง แค่เปิดใช้บริการเบอร์มือถือ มันยากเย็นงั้นเชียวรึ แล้วคนพวกนี้ เค้าไม่ใช้มือถือกันเลยหรอไงฟะ ใจเราก็กังวลว่า เอ...มาบริการขนาดนี้ จะมีขอค่าเหนื่อยตอนหลังป่าวเนี่ย เมื่อทำไม่ได้ เราก็ชักไม่อยากรอแระ กะว่าไปเที่ยวก่อน ตอนเย็นค่อยมาให้พนักงานโรงแรมทำให้ดีกว่า เสียเวลาชะมัด แต่ไม่ทันได้ทำอย่างใจคิด สองเจ้าของร้านพลันหายศีรษะไปพาเจ้าของร้านขาย sim ร้านหรูมาช่วย กดๆจิ้มๆ ไม่กี่จึ๊ก บิงโก! เป็นอันใช้ได้ เราก็ขอบอกขอบใจยกใหญ่ 3 อาเฮียก็ไม่ได้เรียกร้องค่าบริการไรเลย มีแต่โบกมือบ๊ายบายให้อย่างเป็นมิตรเป็นของแถมอีกตะหาก โอย...ซึ้งคับพี่น้อง



จากนั้นเรียกแท็กซี่ได้คันนึง เราจำทะเบียนและบริษัทไม่ได้ บอกว่าไปสุสานลุงโฮนะ เท่าไหร่ เค้าบอก 50 พัน ซึ่งก็ตรงตามที่พนักงานโรงแรมบอก เราต่อเค้า 45 ละกัน เค้าชะงักนิดนึงก่อนตอบโอเค้ แต่เพราะเสียเวลาไปเยอะ จึงไปไม่ทันสุสานลุงโฮที่ปิดแล้วตั้งแต่ 11โมง พวกเราเลยต้องเปลี่ยนแผนไปเริ่มที่อื่นแทน ขณะกำลังปรับเปลี่ยนแผนการเที่ยวอยู่ ก็มีหนุ่มเวียด เข้ามาเสนอบริการโมโตพาเที่ยว สนนราคาคนละ 50 พันด่อง โดยเริ่มจากหน้า Museum ไป Quan Thanh Temple, Tran Quac Pagoda, Ho Tay Temple, ไปนอกเมืองซึ่งไกลพอสมควร เพื่อตามหาสถานที่นึงที่เป็นรีเควสท์เฉพาะของเรา กลับมาที่ Ho Chi Minh Museum และ Van Mieu โดยทริปเริ่มตอน 11.20 จบเวลา 18.30


ตอนที่เค้าพามาส่ง Quan Thanh Temple นึกว่าเค้าจะขอเก็บเงินเลย ตามที่ศึกษาข้อมูลมาว่า คนเวียดไม่ยอมขาดทุนและพร้อมจะเอาเปรียบนักท่องเที่ยวเสมอ จึงไม่ควรจ่ายเงินก่อนได้รับสินค้าหรือบริการ แต่เราแบบว่า แม้ไม่อยากโดนเอาเปรียบก็ไม่คิดเอาเปรียบใครไง ก็เลยถามเค้าว่าจะให้จ่ายส่วนนึงตามระยะทางก่อนเลยไม๊ ทีนี้หนุ่มโมโตมันดันตอบกลับมาว่า "ไม่เป็นไร ยังไม่ต้องก็ได้" เราก้อ งง อ่ะดิ เอาไงดีล่ะทีนี้ ตอบแบบนี้มันไม่มีในตำราอ่ะ ตอนนั้นคิดจริงๆ มันจามาไม้ไหนหว่า... สุดท้ายมีแลกเบอร์โทรกันเพื่อนัดเวลารับไปต่อที่อื่น เพราะเราบอกจะเดินไป Tran Quac Pagoda เอง โดยที่ยังไม่ต้องเสียก่อนซักกะด่อง



เรื่องเล่านิดนึงที่วัด Quan Thanh มีอยู่ว่า สาวเวียดอนงค์หนึ่งเดินเข้ามาหาเรากะเพื่อน ในมือคุณเธอเต็มไปด้วยเปิ๊ดสะก๊าดรูปสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ คุณเธอปรี่เข้ามาทักทายเรา พร้อมเดาว่าเรามาจากไหน เริ่มด้วย Japan เราว่า No เธอยังคงพายามต่อ Korea China Hong Kong Taiwan เราเลยบอกพอเหอะ พร้อมเฉลย I'm Thai เธอชมเราสวยงั้น งี้ โง้น นึกในใจ เฮ่ย! ชั้นไม่ได้บ้ายอนะเฟ้ย ขี้เหร่ปานนี้ ดั๊นชมสวย อ่ะโด่ รู้หรอกน่า มาแผนเนี้ย เธอเสนอตัวถ่ายรูปเรากะเพื่อนให้ เราก๊อนึกในใจ "ฮั่นแน่ ตรูรุแระ" แต่ยังไม่ทันได้ปฏิเสธ เธอผู้นั้นรีบชิงบอกว่า free, no money เราก๊อ เอาวะแกล้งทำเป็นเสียรู้เค้าหน่อยดีฝ่า เพื่อนมองหน้าเราเชิงถาม เอาจิงอ่ะ รู้ไม่ใช่หรอ เราก๊อพนักหน้าเชิงตอบ เอาน่า ชิวๆ ว่าแล้นก๊อ ยื่นกล้องให้ พร้อมไปโพสต์ท่า เธอคนนั้นถ่ายให้สองรูป(ซึ่งรูปออกมาทำเรากะเพื่อนเสียเซล์ฟอิ๊อ๋ายเยย) เสร็จสรรพ ชักชวนให้ช่วยซื้อของในมือ แหม! ตามสูตรเป๊ะ จริงๆเราว่าเค้าให้ราคาดีมั่กๆๆๆเลยนะ ชุดนึง 20 ใบ 10 พันด่อง เป็นราคาที่เราซื้อจากที่อื่นไม่ได้ แต่ตอนนั้นกับเธอคนนั้น เราไม่ได้ซื้อ จริงๆก็อยากช่วยอยู่หรอก แต่หนทางอีกยาวไกลและเราเที่ยวด้วยโมโต ซื้อตอนนี้มีหวังเยินก่อนได้เขียนอ่ะดิ และเธอคนนั้นจะมาว่ากันไม่ได้นะ เพราะเธอเสนอตัวถ่ายรูปให้เองน้า แบบประกาศจุดยืนซะดังลั่น free no money เราป่าว งก น้า




สรุปว่าไปได้โปสการ์ดที่ร้านขายของในวัดวันเมียว แพงกว่าที่เธอผู้นั้นขายให้อีก สมน้ำหน้า อยากทำงกดีนัก 555



ก็เที่ยวๆๆจนถึง 6 โมงครึ่งในราคาตามที่ตกลงไว้น่ะล่ะ เพียงแต่ขากลับ โมโตเสนอตัวไปส่งที่โรงแรม ไอ้เพื่อนเราก็นึกว่าหนุ่มใจดีมีบริการแถม แต่เราเกิดเอะใจ เลยถามว่า "ฟรีป่าว" มันว่า "No problem very cheap" แล้วมันบอกให้ขึ้นรถเลย เราไม่เอาดิ ให้มันบอกก่อนว่าเท่าไหร่ มันว่า 5 หมื่น โฮ๊ะๆตาหลก นี่ถ้าชั้นต้องเสียค่าโมโต 5 หมื่นกลับโรงแรม ชั้นเรียกแท็กซี่ไม่ดีกว่าเรอะ สบายกว่ากันเยอะ มันเลยลดให้เหลือ 3 หมื่น เราก็ยังไม่เอา บอก 3 หมื่น เดินกลับดีกว่า มันว่าไกลน้า ถ้าโบกแท็กซี่ไม่ต่ำกว่า 6 หมื่น เราส่ายหน้าบอกว่าจะเดิน (ตอนนั้นเล่นเกมส์วัดใจว่ามันจะลดให้ป่าว จริงๆก็ไม่อยากเดินนักหรอก เพราะมันต้องเดินไกลพอเรียกเหงื่อได้เป็นปี๊ปๆ) สุดท้ายมันว่าคนละหมื่น อืม...ค่อยยังชั่ว โอเคก็ได้ จำใจนะเนี่ย หงิ หงิ นี่แหละน้า เกือบไป นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อะไรที่อยู่นอกเหนือจากที่ตกลงไว้ มันคิดเงินทั้งนั้น แล้วถ้ามันบอก very cheap จงอย่าไป cheap กะมัน ให้มันบอกมาเลยว่าเท่าไหร่ เพราะ 100 ทั้ง 100 cheap มันน่ะ expensive เรา


กลับถึงโรงแรม ล้างหน้าล้างตาเข้าห้องน้ำเรียบร้อย พาเพื่อนมาซื้อยาที่ร้านขายยา พอดีว่ามีฝรั่งซื้ออยู่ก่อน เพื่อนเลยต้องรอคิว เราลืมของ เลยบอกให้เพื่อนจัดการซื้อเอง ส่วนเรากลับโรงแรมไปหยิบของ พอกลับมาเพื่อนว่า รอเงินทอน มันยังไม่ทอน แถมเพื่อนว่า ตอนแรกมันคิดเงินเกินราคา พอดีเพื่อนเห็นป้ายราคาเลยชี้ให้มันดู มันเลยจำนนต่อหลักฐาน เราก็เอาเลย เรียกเลย คุณๆ เงินทอนล่ะ ทอนมาซะดีๆ มันทำไม่สนใจ ยังคงขายยาให้ฝรั่ง เราตะโกนเลยสิทีนี้ เงินทอนล่ะ มันทำท่าทางไม่พอใจแฮะ แต่ก็ยังไม่ยอมทอน มันหันไปหยิบลูกอมไรซักอย่างส่งให้ แทนเงินทอน ก็มองหน้ากันกับเพื่อนเอาไงดี จริงๆมันก็แค่ 2 พันด่อง ตีเป็นเงินไทยก็แค่ไม่ถึง 4 บาท แต่แบบว่า ไม่สบอารมณ์อ่ะ ก็เพราะมีไอ้พวกนิสัยอย่างนี้ไง คนดีๆ เลยต้องพลอยโดนมองเสียๆหายๆไปด้วย ทั้งๆที่คนดีๆอาจมีมากกว่าก็ได้


มันยื่นลูกอมให้ใช่ไม๊ เอาดิคับ เรื่องไรไม่เอา ไงๆก็คงชวดเงินทอนแล้วนี่ กะว่าจะขอมันอีก 3 เม็ด แต่เกรงใจเพื่อน แบบว่าเพื่อนหน้าบางไง ไม่เหมือนเรา อย่างหนา กร๊ากกกก พอมันเห็นเราเอา (เดาว่าใช้มุกนี้บ่อย แล้วส่วนใหญ่คนอื่นเค้าคงไม่เอากัน แล้วมันได้ผลไง) มันถามเลยว่าเรามาจากไหน เราน่ะคนมารยาทงาม เค้าถามมา เราก็ตอบไป "ชั้นมาจากประเทศไทย" มันทำหน้าเย้ยหยันสิ้นดี แหม! มาหลอกด่าตรูแบบนี้ มีเรอะ จะยอม สวนกลับทันทีสิครับ "อ้อ!ก็เพราะหล่อนน่ะเป็นคนเวียดนามไงล่ะ" แล้วก็ยักคิ้วอย่างยียวนกวนประสาทสุดฤทธิ์แถมให้ 1 ที หน้ามันบอกบุญไม่รับสาหัสเลยทีนี้ เป็นอันหายกันก็ได้วะ แล้วก็จูงมือเพื่อนเดินออกมาเลย สะใจโคดๆ


จบเรื่องไม่สบอารมณ์แล้ว ก็ไปกินข้าวที่ New Day Restaurant ถ.Ma May โรงแรมแนะนำ ราคาเดียวกับที่คนเวียดกิน แบบว่าแอบดูเค้าเขียนบิลตอนคนเวียดสั่ง พนักงานเห็นเราชะเง้อ ก็เลยเปิดให้ดูกันจะจะ ว่านักท่องเที่ยวกินราคาเดียวกับคนพื้นที่ ยห.จ้า



หลังอาหารค่ำ พวกเราก็ไปดูหุ่นกระบอกน้ำรอบ 2 ทุ่ม ฝากโรงแรมซื้อบัตรให้ ราคาหน้าบัตร 60 พันด่อง แต่เราจ่าย $3.5 สำหรับที่นั่ง VIP แถว D9,D10 ซึ่งคำณวนเป็นเงินไทยอิงเรทแลกเงินจริงตอนที่ไป ถูกกว่าซื้อเองด้วยเงิน VND ตั้งบัตรละ 3 บาทแน่ะ งานนี้ได้กำไรแฮะ อิอิ



ระหว่างที่รอชมหุ่นกระบอก ได้รับ sms จากหนุ่มโมโตที่ว่าจ้างพาตะลอนฮานอย ว่าจะถามอยู่หรอก ที่ sms มางี้น่ะ หมายถึงจะเลี้ยง รึว่าจะพาไปกินร้านที่ชาร์จแพงๆ แล้วแบ่งทรัพย์เข้าเป๋าล่ะ (เดาว่าข้อหลังนะ) เพื่อนว่าช่างเหอะ อย่าไปสนใจ เราเป็นคนหัวอ่อนเชื่อคนง่าย ใครว่าไรเชื่อโม้ด เพื่อนว่างี้ เราว่าตามกันจร้า


สำหรับหุ่นกระบอกน้ำนี่ ขอบอกเลยว่าชอบนะ แม้จะฟังไม่รุเรื่องเพราะเค้าซาวนด์แทรคตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ด้วยศิลปการถ่ายทอดด้วยท่วงท่าของหุ่นกระบอกและน้ำเสียงของคนพากย์และทำนองเพลงที่ขับขาน เราว่าไม่ยากเกินเดาเอาเรื่องได้นะ



จบจากชมโชว์ก็มาเดินดูแสงสียามราตรีซักเล็กน้อย ร้านรวงทะยอยเก็บและปิดกันแล้ว เดินมาหน่อยเดียวเอง ได้กระเป๋าเดินทางแม่ลูกใหญ่กว่าเคบินไซซ์ บอกยี่ห้อลุงแซม 2 ใบ ในราคาเกือบๆ 1900 บาท ลองต่ออยู่หลายร้าน ลดได้เท่านี้ ก้อเลยโอเคที่ร้านสุดท้าย เพราะหน้าตาดี ไม่บุบบู้ปี้เหมือนถูกปู้ยี่ปู้ยำ จากนั้นไปซื้อน้ำเปล่าเตรียมออกศึกวันรุ่งขึ้นที่ฮาลองเบย์ ราคาน้ำที่ซื้อ ขวดใหญ่ 7 พันด่อง จากร้านโชห่วยข้างๆโรงแรม จำได้ว่ารีวิวแนะนำให้ซื้อในซุปเปอร์ ราคาขวดเล็ก 4 พัน ใหญ่ 7 พัน เราซื้อข้างนอกราคาเท่ากัน คืนนั้นเลยนอนหลับฝันดี ราตรีสวัสดิ์


8 พค. 52



หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย ก็ขนกระเป๋าลงมาฝากชั้นล่างของโรงแรม เอาไปแต่เพียงกระเป๋าที่แบ่งเสื้อผ้าเครื่องใช้สำหรับนอนบนเรือ เด็กที่โรงแรมบอกรถจะมารับตอน 8 โมงครึ่ง ไอ้เราก็เลยใจเย็น กะเดินหามื้อเช้ากิน แต่เดินไป 2-3 บล็อคถนน มันยังไม่โดน เลยกลับโรงแรม ดีว่าหอบเอาคุ้กกี้ S&P มาจากเมืองไทย เลยได้คาร์บอไฮเดรท+ไขมันรองท้องไปก่อน เดินถึงหน้าโรงแรม ปรากฎ รถมารออยู่ก่อนแล้ว เหลือบดูนาฬิกา อุ๊ย!ตาย 8 โมงตรงเผ็ง ก็เลยเอาตั๋วมาดู อู้วว มันลงไว้ 8.00-8.30 แล้วทีนี้ใครผิดล่ะเนี่ย แก๊สโซฮอลล์ละมั้ง อิอิ


ขึ้นรถได้ไม่นาน ไกด์ก็แนะนำตัว พร้อมชักชวนให้นักท่องเที่ยวแนะนำตัวด้วย ซึ่งทริปนี้มีผู้ร่วมชะตากรรมทั้งสิ้น 10 ชีวิต 2 แหม่มฝาแฝด จากไหนไม่รุ ไม่ได้ยินและไม่ได้ถาม 2 หนุ่มจากฮอลแลนด์ 1 คู่รักจากสวีเดน กับอีก 1 คู่รักจากดินแดนอาทิตย์อุทัย และ 2 สาวเมดอินไทยแลนด์ หลังแนะนำตัวเสร็จ ไกด์ก็ร่ายยาวเกี่ยวกะฮานอยและฮาลองเบย์ ไอ้เราเนี่ย เป็นคนนอนง่าย ขึ้นรถปุ๊ปไม่ถึง 10 นาที เฝ้าพระอินทร์แร่วก๊าบบบ


รถแล่นมาได้ซัก ชม.กว่าๆ ลูกทัวร์ถูกปลุกตื่นกลางทางเพื่อพักยืดเส้นยืดสาย 20 นาที ที่ร้านขายของฝากแห่งหนึ่ง พวกเราเดินๆดูแล้วขอผ่าน เพราะมันแพงไม่เหมาะกะกระเป๋าเบาอย่างพวกเรา จากนั้นรถก็ไปต่ออีกประมาณ ชม. ถึงท่าเรือฮาลอง รอเรือเทียบท่า และส่งลูกทัวร์ one trip trip ชาวญี่ปุ่นไปรวมกะอีกกรุ๊ป และรับ 2 แหม่มเมืองผู้ดี กับอีก 1 หนุ่มฉายเดี่ยวแห่งเนปาล รวมใหม่ได้ 11 ชีวิต




พอลงเรือเป็นที่เรียบร้อย ไกด์ก็แจกกุญแจห้องให้ สมาชิกพร้อมใจกันมูฟในบัดดล ห้องใครห้องมัน พวกเราได้ห้อง 206 อยู่ท้ายเรือ ตรงข้ามห้องคู่สวีทชาวสวีดิช เรือลำนี้มี 6 ห้องด้วยกัน ทางเข้าห้องอยู่ด้านใน มีทางเดินตรงกลาง เราเห็นบางลำ มีทางเข้าห้องจากกาบเรือ ก็ดีไปอีกแบบ เปิดประตูรับลมทะเลคงสบายน่าดู




สภาพห้องนอนเริ่ดค่ะ ถูกใจมั่กๆๆๆ นี่ขนาดแค่ standard นะ ไม่อยากคิดเล้ยว่า ถ้า deluxe น่ะ จะหะรูขนาดไหน ห้องจากที่เห็นในรูปแล้ว ยังมีโต๊ะเครื่องแป้ง ถังขยะในห้องนอน 1 ในห้องน้ำ 1 มีถังดับเพลิงติดตั้งไว้ทุกห้อง ชูชีพก็ด้วย มีผ้าเช็ดตัวและเครื่องอาบน้ำพร้อม อ้อ! private bathroom นะจ๊ะ



ในห้องอาหาร นอกจากโต๊ะอาหารขนาดใหญ่กว้างขวางไม่แออัดแล้ว ยังมีทีวี รับสัญญาณเคเบิลได้ด้วย พร้อมคาราโอเกะ ไว้เอนเตอร์เทนนักท่องเที่ยว but ที่เห็นก็มีแต่เด็กเรือนั่นแหละใช้บริการ ส่วนนักท่องเที่ยวอ่ะหรอ นั่งเม้าท์แตกไงล่ะ ก่อนอาหารเที่ยงมีเสริฟน้ำส้ม free of charge ด้วยนะ...ขอบอก



เมื่อทุกคนพร้อม ก่อนเสริฟอาหารไกด์อธิบายระเบียบบนเรือ พร้อมยื่น notice ให้อ่านทำความเข้าใจกันถ้วนหน้า อืม...ขอชมเชยในความชัดเจน


สำหรับอาหาร กินดีทุกมื้อ โดยมื้อแรกบนเรือ เปิดจานแรกมาก็ประทับใจแร้น เพราะเป็นกุ้งทะเล แต่ได้โควต้าคนละตัว หุหุ ร่วมด้วย ปลาราดพริก ปอเปี๊ยะทอด(หร่อยที่สุดเท่าที่กินในทริปนี้) ไก่ยอทอด ผัดผักบุ้ง ข้าว ปิดท้ายด้วย ส้มล้างปาก



หลังอิ่มท้องกันแล้ว แต่ละคนก็ทะยอยขึ้นดาดฟ้าเรือเพื่อจับจองพื้นที่กินลมชมวิวกัน โดยมีไกด์คอยอธิบายเกี่ยวกับภูมิทัศน์เป็นระยะๆ



ซูมระยะไกล จนได้เห็นบ้านใกล้เรือนเคียง อดตาร้อนผ่าวๆๆๆไม่ได้แฮะ เค้ามีระเบียงส่วนตัวด้วยอ่ะ จ่ายกันไปเท่าไหร่เนี่ย




นั่งกินลมชมวิวได้ซักพักใหญ่ๆ เรือก็มาจอดเทียบท่าให้เดินเท้าเข้า "ถ้ำสวรรค์" แบ่งเป็น 3 ห้อง ความสวยและความกว้างขวาง เพิ่มขึ้นทีละห้อง พวกเราก็ไม่ลืมเก็บภาพมุมสูงเหมือนๆคนอื่นเค้า



เที่ยวถ้ำเสร็จ ว่าจะของีบซักแป๊ป นอนม่านตายังไม่ทันปิดดี ไกด์มาตามให้ไปพายคายัค เอ้า! ต้องเลือกซะแระ จะเอาคายัค รึ จะเฝ้าพระอินทร์



หลังเปรมจากพายคายัคแล้ว เรือก็มาจอดแวะที่ Titov Island ให้พักผ่อน เล่นน้ำตามอัธยาศัย ไกด์สุดหล่อของทริป ถือโอกาสเล่นวอลเล่บอลอย่างเมามันกับบรรดาเด็กเรือ มีแม่ค้าเรือพายมาขอแจมด้วยล่ะ she แรงเยอะโคดๆ ขอบอก ไกด์มาชวนอยู่หรอก แต่เห็นพี่แกตบลูกกันแต่ละที เรางี้ขอบายดีกว่า เกิดแดะไปเล่นแล้วพลาดท่า เจอตบลูกเข้าหน้า ดั้งยุบ ตาแตก ทำไง ไม่มีประกันด้วย มะอาววววว ก็เลยเลือกปูผ้านอนตากลมทะเลสูดอากาศแสนสดชื่นให้ชุ่มปอดแทน



ใกล้เวลาอาคารค่ำ ไกด์ก็เรียกลูกทัวร์ขึ้นเรือ มีเวลาให้อาบน้ำอาบท่าอีกสิบกว่านาที ไกด์คนดีมาเคาะประตูห้องเรียกไปกินข้าวได้แล้ว แหม...บริการทุกระดับ ประทับใจจริงๆ Smiley อาหารมื้อค่ำนี้ มีปูจ๋าด้วยล่ะ แล้วก็ผัดผักไรก็ไม่รุแต่ดูหน้าตาคล้ายๆผักกวางตุ้ง สลัดผัก ไก่ชุปแป้งทอด หมูทอด เฟรนช์ไฟรด์ ข้าว และตบท้ายด้วยแตงโม มื้อนี้นั่งร่วมโต๊ะกับคู่รักจากดินแดนสแกนดิเนเวียในฝัน ก็เลยเม้าท์กันมันส์กระจาย หลังอาหารกะว่าจะนอนดูดาวเอาบรรยากาศบนดาดฟ้าเรือให้หายอยาก แต่แบบว่าอากาศมันเย็นและชื้นมั่กๆๆ นั่งๆนอนๆได้แค่ซักพัก ก็พร้อมใจกันกลับห้องเถอะ และแล้วก็นอนหลับฝันดีไปอีกหนึ่งคืน


9 พค. 52


อาหารเช้าเสริฟตอน 7.30 บอกตรงๆ ไม่อยากตื่นเลยจริงๆ 7 โมงเศษ ไกด์ผู้น่ารักคนเดิมก็มาเคาะประตูเรียก พร้อมคำทักทายอย่างอ่อนโอน "อรุณสวัสดิ์ เมื่อคืนนอนหลับสบายไหมครับ อีก 15 นาทีจะเสริฟมื้อเช้าแล้วนะครับ" น่ารักจริงๆ ไกด์เรา อิอิ อาหารเช้าเป็นสไตล์ฝรั่ง ไข่ดาวแห้งๆ ขนมปังย่างแต่ตากลมจนแข็ง กล้วย มีชา กาแฟ เสริฟให้ฟรี ขอย้ำ ฟรี!



หลังมื้อเช้า เรากะเพื่อนก็ไปร่วมวงสนทนากับเพื่อนนานาชาติ หลายๆคนจบจากทริปเวียดนามแล้วจะเข้ากัมพูชา เที่ยวนครวัด พนมเปญ จากนั้นจะไปจบทริปที่เมืองไทย ดูๆเค้าก็สนใจไม่น้อยว่าสถานการณ์การเมืองบ้านเราเป็นไงมั่ง ถามว่าเค้ากังวลไม๊ เค้าว่าไม่หรอก เพราะไม่ได้เข้าไปร่วมด้วย คงไม่น่ามีปัญหา ก็มีคุยกันเรื่องเสื้อเหลืองเสื้อแดง มีแซวเล็กๆ เพราะเห็นเพื่อนฮอลแลนด์สวมเสื้อเหลือง วงสนทนาก็เลยฮาตรึม



เรือแวะที่เกาะกั๊ตบาเพื่อรับนักท่องเที่ยวที่นอนบนเกาะก่อนตรงดิ่งกลับฮาลอง ถึงท่าเรือประมาณเที่ยงได้ จากนั้นรถตู้ก็พามากินมื้อเที่ยง ซึ่งเป็นมื้อสุดท้ายของทริปตามแพ็คเกจ ที่รีสอร์ท Viethouse Lodge อาหารจัดมาเป็นเซ็ต 10 อย่าง ประกอบด้วย Pumpkin Soup, Salad, Fried Ha Long Spring Rolls, Crispy Flour Fried Shrimp, Friend Fish in Tomato Sauce(คล้ายๆปลากระป๋อง) Stirred Fried vegetable with garlic, Steam Rice, Fresh Fruit, Vietnam Tea ก็หร่อยดีนะ แถมวิวดีมองเห็นอ่าวฮาลองเบื้องหน้า สุดยอด!



ถึงโรงแรมแล้วต้องเช็คอินใหม่อีกรอบ คราวนี้ได้ห้องชั้น 2 ค่อยยังดี อิอิ หลังจากทำธุระส่วนตั๊วส่วนตัวกันเสร็จ ก็ไปหามื้อเย็นหม่ำกัน มื้อนี้ขอลองบุ๋นชา ร้าน Bun Cha Dac Kim แต่เป็นร้านสอง เพราะเพื่อนที่เคยมาฮานอยคราวก่อน บอกให้ช่วยลองหน่อย ว่าร้านไหนหร่อยกว่ากัน อืม...จะบอกร้านไหนหร่อยกว่าดีล่ะ เพื่อนลองร้านหนึ่ง เราลองร้านสอง เอาเป็นว่าใครรู้ช่วยบอกที



หลังอิ่มท้องแทบแตกกันแล้ว ก็ต้องเดินย่อยล่ะ จาก ถ.Hang Manh เดินแป๊ปเดียวก็ถึงโบถส์ St.Joseph ช่วงที่ไป มีพิธีรับศีลไรซักอย่าง ก็เลยอยู่สังเกตุการณ์ซักพัก



(ในรูป magnet ฮาลองเบย์สี่เหลี่ยม 2 อัน ได้จากที่อื่น)


จากนั้นช้อปของที่ระลึกนิดหน่อย จำพวก magnet ติดตู้เย็น พวงกุญแจ เราซื้อได้อันละ 10 บาท แม่ค้ารับเงินไทยด้วย ที่ประทับใจ ไม่ใช่เพราะซื้อได้ถูกหรอกนะ คือตอนเราเลือกพวงกุญแจสาวในชุดอ๋าวหย๋าย เราไม่ระวัง ทำตกพื้นไปอันนึง แล้วคอตุ๊กตาสาวมันหัก แม่ค้าก็ไม่ได้ว่าไรเลยซักคำ ไม่มีแม้กระทั่งบอกให้เรารับผิดชอบ แต่เราเองที่รู้สึกผิด เพราะตัวเองสะเพร่าเอง ตอนจ่ายเงิน เราให้ 100 บาทสำหรับของ 10 ชิ้น แล้วอีก 10 บาทสำหรับพวงกุญแจที่ทำตก เราบอกแม่ค้าให้เอาใส่ห่อพลาสติกให้ละกัน แม่ค้าหันหลังไปควานหาไรซักอย่างขยุกขยิกในถุงใบใหญ่ หันกลับมาพร้อมกาว 1 หลอด แม่ค้าก็เอากาวติดตัวกับหัวตุ๊กตา แล้วประกบให้กาวติด ระหว่างนั้น เราหันไปคุยกับเพื่อน หันกลับมา แม่ค้าก็โชว์ตุ๊กตาให้ดูว่าประมาณว่า นี่ไงติดกาวให้แล้ว และก็ใส่ห่อพลาสติกยื่นให้กับเรา ก่อนออกจากร้าน พวกเราหันไปบ๊ายบายลูกชายตัวน้อยน่ารักของเค้า เพื่อนเราถ่ายรูปไว้ได้



ความซึ้งใจมันบังเกิดเอาอีตอนที่กลับถึงโรงแรมแล้ว จัดของเตรียมทริปสำหรับวันรุ่งขึ้น ก็เอาไอ้ตุ๊กตาตัวที่ติดกาวออกมาดูอีกที กะว่าไปถึงกทม.แล้ว จะเอากาวล็อกไทท์ที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมมาติดใหม่ ปรากฏ ไอ้ตัวนี้คอมันไม่มีรอยแตกหักง่ะ ตัวอื่นก็ไม่มี เรารู้ทันที แม่ค้าเปลี่ยนตัวที่ดีให้ตอนที่เราหันคุยกับเพื่อน แต่แกล้งทำให้เราเข้าใจว่า เค้าติดกาวให้เรียบร้อยแล้วนะ คิดแล้วน้ำตาแทบร่วง คือมันก็แค่ 10 บาทที่เราเสียไปอ่ะนะ ซึ่งเราไม่ได้รู้สึกไม่ดีที่ต้องชดใช้ ก็เราทำเสียเองนี่นา ก็ต้องรับผิดชอบไป แต่นี่มันไม่ใช่ไง เราได้ตัวใหม่มา ในราคาของที่ทำเสีย ก่อนมาทริปเวียดนาม เราเตรียมใจมากมายกับการต้องเจอเอาเปรียบ แต่นาทีนั้น เป็นความรู้สึกที่ตรงข้าม มันบอกไม่ถูกเลย และไม่คิดว่าจะได้รับจากใครในฮานอย ขอบคุณน้ำใจของเธอผู้นั้น แม่ค้าที่แสนใจดี



จากนั้นก็ไปเดินเล่น ขากลับแวะเดิน night market แถวๆ ถ. Hang Dao ดูๆของที่ขาย เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ โอยสารพัด sameๆกะตลาดสะพานพุทธบ้านเราเนี่ยแหละ ออกแนววัยรุ่นทันสมัยเชียว และแล้วก็หมดวันแห่งความสุขไปอีกวัน


10 พค. 52


เช้านี้ตื่นทันหามื้อเช้ากระแทกปากละ เจอร้านเฝอร้านนึงอยู่ใกล้ๆกะโรงแรม ร้านอยู่ในตรอกเล็กๆ มองดู โอ้ว! ว้าว! คนเต็มร้านเลยแฮะ ท่าทางน่าจะหร่อยนะเนี่ย พวกเราเลือกนั่งโต๊ะหน้าร้าน เจ๊คนขายยิ้มให้อย่างเป็นมิตร(แต่จิตใจคิดไรไม่รู้แฮะ) ถามเป็นภาษาท้องถิ่น เดาเอาว่า พวกเราจะสั่งอะไร เราบอกเฝอกา ก่อนเจ๊แกจะตะโกนบอกแม่ครัวเราไม่ลืมถามราคา (ตามตำราที่อ่านมา ว่าก่อนสั่งอาหาร ต้องถามราคาซะก่อน) เจ๊แกหันหลังไปหยิบสมุดโน๊ตเล็กๆ มาเขียน 12 จริงๆเราว่ามันก็แพงอยู่นา เฝอชามละ 12 พันด่องเนี่ย แต่เหลือบดูเพื่อนแล้ว เพื่อนทำหน้าว่าโอเคเหอะ เดินหาเด๋วจะอดกินอีก เราก็เลยสั่งแค่ 1 ชามให้เพื่อน ส่วนตัวกินโยเกิร์ตที่หร่อยโคดๆ ซื้อเมื่อคืนจาก Haproพอเจ๊แม่ครัวยกเฝอมาเสริฟ ก็พูดใส่พวกเราว่าชามละ 20 พันด่อง เราทำหน้า งงๆ เอ๊ะ ไรกันเนี่ย ตรูโดนแระรึ โต๊ะข้างๆพ่อแม่ลูก คนเวียด มองพวกเราอยู่ ตัวแม่ตะโกนบอก ทะเว้นตี้ นึกในใจ เออ...ตรูรู้ เจ๊แม่ค้าที่เขียน 12 ให้เรา ตอนนี้มาเขียนเลข 20 แทน เราก็ส่ายหน้าให้สิค้าบ แล้วชี้เลข 12 เจ๊แกก็ชี้ 20 เราทำหน้าบอกบุญไม่รับมั้ง เจ๊แกเลยเปลี่ยนมาชี้ที่เลข 12 แล้วก็พยักหน้าให้ เดาว่าเพราะชามเฝอมันมาเสริฟแล้วไง เจ๊แกคงกลัวพวกเราลุกมั้ง ก็เลย เออๆกะ 12 อย่างที่บอกตอนแรก เราบอกเพื่อนให้กินเหอะ เพื่อนก็กิน บอกว่าหร่อย ให้เราชิม อืม...ยอมรับ ตั้งแต่กินเฝอมาทั้งในไทย ลาว และเวียดนาม ชามนี้รสชาติเริ่ดสุด มันหวานน้ำต้มกระดูกน่ะ ไม่ใช่หวานเพราะป้าชูเหมือนที่เคยกิน เอาละ พอกินเสร็จ ถึงตอนจ่ายเงิน เพื่อนส่งแบงค์ 2 พันด่อง 6 ใบให้ใยเจ๊แม่ครัว เจ๊แกรับไปนับแล้ว โบ้ยมือว่าไม่ใช่ แล้วส่งเงินคืนเพื่อนเรา ไอ้เราก็นึกว่าเพื่อนนับผิด เลยหยิบมานับเอง เอ...ก็ถูกนี่หว่า 12 พันด่อง ก็เลย อ้อ! มันกะเอา 20 พันด่องนี่เอง โห...ยอมไม่ได้วุ้ย แกเล่นโกงกันจะๆเลยหรอวะ เราเลยบอกเพื่อนลุกเดินไปก่อนเลย เด๋วจัดการเอง ใยเจ๊แม่ครัวตะโกนใส่เจ๊คนที่บอกราคาเราครั้งแรก เดาอีกทีว่า คงบอกให้เก็บเรา 20 พันด่อง เจ๊หน้าร้านทำท่ากระอักกระอ่วนสิ้นดี เราได้ที ยัดเงินใส่มือเจ๊แกแค่นั้นน่ะแหละ แล้วเดินออกจากร้านเลย ประมาณว่า ถ้าจะเอา 20 พันด่อง ก็ตามมาเอา แต่ด้วยภาษาปะกิตเท่านั้นนะ ถ้ามาคุยภาษาเวียดล่ะก้อ เชอะ! เด๋วเจอตรูทำมึน ไม่เข้าใจมั่ง สรุปไม่รุมันด่าไล่หลังมาป่าว แต่เพื่อนเราจ่ายแค่ 12 เท่านั้น เกือบไปแร่วน้อ...



รถตู้มาเก็บพวกเรา 8 โมงตรงเผ็งอีกเช่นเคย นึกชมเชย อืม...รุแระ ข้อดีของคนเวียดเห็นชัดๆ คือเรื่องตรงต่อเวลาเนี่ยแหละ จากนั้นก็ไปรับเพื่อนร่วมทาง เป็นหนุ่มเมืองแดจังกึม 4 นาย แล้วรถก็มุ่งใต้ไปยัง Hoa Lu ใช้เวลาเดินทางประมาณ ชม.เศษๆ โดยมีจอดพัก 20 นาที ที่ร้านของฝากอีกตามเคย ถึง Hoa Lu ซึ่งเคยเป็นเมืองหลวงเก่าของเวียดนาม โอบล้อมด้วยภูเขาทั้งสี่ด้าน ไกด์พาเดินชมวัด Dinh พร้อมเล่าประวัติความเป็นมา บลา...บลา...บลา... ให้เวลาอยู่เดินเล่นถ่ายรูป 20 นาที จากนั้นไกด์ว่าเด๋วไปต่อ Tam Coc เลย คือในโปรแกรมจะไม่ได้ไปวัด Le ที่อยู่ใกล้ๆกัน เพราะสำคัญน้อยกว่า แต่แบบว่า ไมอ่ะ ใกล้ๆเอง แวะหน่อยไม่ได้เหรอ เราก็เลยทำใจกล้า หน้าไม่อาย (อิอิ) เดินเข้าหาพี่ไกด์ ถามว่า "Are we going to Le Temple" ไกด์หยุดคิดนิดนึง แล้วตอบ "OK. I will take you to the Le" เราก็ 555 เป็นอัน เสร็จโจร คริ คริ



หลังจากได้ยลวัด Le (ที่ก็ไม่ค่อยมีไรแตกต่างจากวัด Dinh) สมใจ พี่ไกด์ก็เรียกขึ้นรถเพื่อไปต่อที่ Tam Coc ซึ่งเป็นที่หมายสำคัญของทริปวันนี้ ถึงท่าเรือ Tam Coc ประมาณเที่ยง พี่ไกด์ก็อัญเชิญลูกทัวร์รับประทานอาหารเที่ยง ที่พี่ไกด์คุยคำโตว่าเป็น The best restaurant in Tam Coc ก็ไม่รุจริงป่าวอ่ะนะ



ที่แน่ๆเป็นบุฟเฟ่ต์ อาหารเพียบ รสชาตินอกจากไม่น่าเกลียดแล้ว เราว่าบางเมนูเข้าขั้นอร่อยเลยเชียวล่ะ มื้อเช้ารองท้องแค่โยเกิร์ต เที่ยงนี้เลยขอเปิปซะให้เต็มที่ล่ะน้า...



นั่งตรงข้ามกับหนุ่มๆโดบังชิงกิ แห่งแดนกิมจิ ที่พาย๊ามพายามชวนคุยด้วยภาษาปะกิตแบบตี๋อินเทรนด์แท้ๆๆๆ ฟังยากชะม้าดดด หลังอิ่มท้องแล้ว ไกด์ให้เวลาเดินย่อยอีก 10 นาที เวลานี้แสนมีค่า เพราะคนไม่เน้นช้อปอย่างเรา กลับได้กระเป๋าผ้าปักตัวการ์ตูนสาวเวียดนามสีดำมา 1 ใบ ก่อนลงเรือ หนุ่มๆเกาหลีมาขอถ่ายรูปร่วมกับนางแบบจำเป็นด้วยล่ะ ว่าแต่ ลายเซ็นล่ะคุณพี่ ไม่ขอด้วยหรอกหรอ เหอ...เหอ...



เพิ่งเคยเห็นเรือพายตีทะเบียนก็คราวนี้แหละ ลำของเรามีฝีพายเป็นคู่แม่ลูก ขาไปเราขอนั่งหน้า เพื่อนนั่งหลังคอยช่วยสองแม่ลูกพาย อากาศเย็นสบาย มีครึ้มๆเหมือนฝนจะตก ทิวทัศน์สองข้างทางของเทือกเขาหินปูนคล้ายๆฮาลองเบย์ แต่ Tam Coc เป็นคลองที่ใช้แรงคนขุดขึ้น



นั่งดูวิวดีๆไม่ชอบ ขอมีรูปเป็นที่ระลึกซักหน่อย เปลี่ยนที่สลับข้าง นั่งถ่ายรูปเล่นกัน จนเรือสั่นโคลงไปเคลงมา หะหนุกหะหนาน



ระหว่างนั่งชื่นชมความงาม ใจพลันคิดถึงที่อ่านในรีวิว เมื่อมีเรือพายมาขนาบข้างพร้อมเสนอถ่ายรูปให้ เรายกมือโบกบ๊ายบาย เอ้ย! โบกไม่เอา เรือลำนั้นก็พายจากไปไม่มีลูกตื้อ ผ่าน ถ้ำ 1 ถ้ำ 2 มาจนถึง ถ้ำ 3 ตามที่อ่านมา เค้าว่าจะมีพ่อค้าแม่ขาย พายเรือมาตื้อซื้อน้ำให้คนพาย ก็คิดๆ ตายละหว่า เรือลำเรามีตั้ง 2 คนพายเชียวนะ เอ...จะพูดไงดีหว่า ยังไม่ทันได้คิดคำตอบ เรือแม่ค้าก็แจวมาจอดตรงหน้าซะแระ โห...ไวโคด



แล้วก็ตามสูตรสำเร็จเป๊ๆอย่างที่ได้อ่านมาเลย เรานี่ก็ว่าเอาง่ายๆ ซื่อๆ กันเลย บอกขอไม่ซื้อล่ะน้า หันไปบอกตัวแม่ว่า เราเตรียมเงินมาเฉพาะค่าทิปนะ ไม่มีเงินซื้อน้ำให้หรอก สังเกตุหน้าเค้า ก็เดาว่าคงฟังเราไม่รุเรื่องแฮะ แต่เจ๊แม่ค้าก็ไม่ได้ตื้อไรเรามากมายเลย เจ๊แกพายจากไปแต่โดยดีเช่นกัน


ขากลับ ฝนเทลงมา ทำให้เรือทุกลำต้องจอดหลบฝนที่ถ้ำ จังหวะนี้เองก็มีพ่อค้าแม่ขายพายเรือเข้าประชิดเรือนักท่องเที่ยว เสนอขายเสื้อกันฝน โชคดีเพื่อนเรารอบคอบพกร่มมาด้วย เลยรอดจากการต้องสังเวยเงินในกระเป๋า แต่ก็มีนักท่องเที่ยวบางคนที่กลัวเปียก ยอมเสียด่องซื้อเสื้อฝน ไอ้เราเห็นก็อดขำไม่ได้ พอเค้าใส่เสื้อเสร็จปุ๊ป ฝนหยุดตกปั๊ป โห...แม้แต่ฝนฟ้ายังเตี๊ยมกับแม่ค้าขนาดนี้เลยเรอะนี่



ขากลับ ฝีพายคงเมื่อยมือจัด เลยเปลี่ยนคุณ teen มาทำหน้าที่แทน ถือว่าเป็นความโดดเด่นของ Tam Coc ไปซะ คราวนี้สลับให้เพื่อนนั่งหน้ามั่ง เราเขยิบนั่งหลังช่วยเค้าพายอีกแรง หนุกดี ละแล้วมาถึงด่านสุดท้าย ก็ตามที่อ่านมาอีกนั่นแหละ คุณแม่และคุณลูกก็งัดเอาหีบสมบัติขึ้นเปิดเอาของมาขายให้ เราเหลือบดูๆเหมือนกัน แต่มันไม่น่าสนใจ ก็เลยบอกไม่เอา เค้าก็เปลี่ยนเป็นของชิ้นอื่น แต่มันก็ไม่น่าสนใจอีก เลยไม่เอาอีก หลังจากนั้นเค้าก็เลิกล้มความตั้งใจ เก็บของลงหีบแล้วก็พายกลับฝั่งอย่างง่ายดาย สรุปว่าทริปนี้ ไม่ถึงกับโดน "ฮาร์ดเซลล์" ค้าบ


พายยังไม่ถึงฝั่งดี ตัวแม่ก็เอ่ยปากขอทิปซะแล้ว อ่ะไม่ว่ากัน เพราะรู้อยู่แล้ว ถ้าถามเรา จริงๆ เค้าได้ค่าจ้างอยู่แล้ว แต่ถ้าจะให้ทิปเป็นน้ำใจบ้างก็ถือว่าช่วยรายได้เค้า เพราะคนเหล่านี้คือชาวบ้านที่อาชีพหลักคือทำนา นอกฤดูจึงว่างไม่มีรายได้ หรือจะเรียกว่ายากจนก็ไม่ผิด เราตกลงกับเพื่อนว่าให้เค้าคนละ 2 ดอลล่าละกัน ก็ไม่รู้ว่าน้อยไปหรือเยอะไป แต่พวกเราเต็มใจให้ได้เท่านี้แหละ เค้ารับทิปไปอย่างพอใจ ก็เลยคิดว่า 2 ดอลล่า สำหรับเค้ามันช่างมีค่าเหลือเสียเกิน ลาแล้ว Tam Coc ฮาลองบก



(We appreciated your fine assistance. With your arrangement, we didn't even get involved in any unwilling circumstance. Thanks.)


กลับถึงฮานอยเกือบๆหกโมง เจอ Mrs.Nga ผู้จัดการ Prince 79 Hotel และ Golden Land Tour ก็เลยสนทนากันชั่วครู่ เพราะรุ่งขึ้นพวกเราลาจากฮานอยแต่เช้า คงไม่มีโอกาสได้เจอกันแล้ว ต้องขอขอบคุณเธอคนนี้แหละ ที่อดทนตอบคำถามเรามากมายก่ายกอง และขอชื่นชมในความตรงไปตรงมา ต้องบอกเลยว่า ก่อนตัดสินใจเลือกที่นี่,บ.ทัวร์นี้ เราถามอยู่หลายๆเจ้า สำหรับที่นี่ ถามเยอะมั่กๆ ละเอียดด้วย ซึ่งเค้าก็ตอบทุกคำถาม forward เมลให้เพื่อนอ่าน ยังว่าเลย ถามเยอะจัง ทั้งๆที่จ่ายทริปนี้รวมกันแค่ USD166 เอง เมลตอบโต้กันย๊าวยาว อ้าว! ก็คนมันระแวงนี่นา แบบว่าอ่านรีวิวเยอะ จนหยองถึงแหยงไง๊



เอาเป็นว่ากับ Mrs.Nga คนนี้ มิตรภาพดีๆที่เกิดขึ้น ทำให้กลับถึงกรุงเทพฯแล้ว ยังมีเมลคุยกันเป็นระยะๆ และที่ลงรูปมานี่ ก็ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียด้วยแต่ประการใด แค่ความพึงพอใจในบริการที่ได้รับเมื่อเทียบกับที่จ่ายไป ไม่มีไรตุกติก ก็หวังว่า GLT จะรักษามาตราฐานนี้ได้ตลอดไป



หลังคุยร่ำลากันเรียบร้อย ก็ขอตัวไปเก็บตกฮานอย กินมื้อค่ำแล้วย่ำราตรีต่อแบบนอนสต๊อปเลย



แต่เพราะกลับถึงฮานอยเกือบค่ำ ทำให้ไปไม่ทันวัด Ngoc Son ได้แต่เก็บภาพแต่ภายนอกเท่านั้น เสียดายเล็กๆเหมือนกัน คิดว่าสักวันคงได้มาซ่อม



สำหรับมื้อสุดท้ายที่ฮานอย พวกเราพร้อมใจฝากกระเพาะลำไส้ไว้ที่ร้านเดิม แล้วก็ไม่ผิดหวัง เพราะเมนูที่สั่งยังคงหร่อยได้ใจ ร้านนี้ลูกค้าเยอะทั้งคนเวียดและนักท่องเที่ยว ราคาเทียบกับรสชาติอาหาร เราว่าไม่แพงนะ แล้วอย่างที่บอก นักท่องเที่ยว ราคาเดียวกับคนท้องถิ่นคร้าบ



อิ่มท้องแล้ว ก็ย่ำราตรีกัน ภาพโมโตริมทะเลสาปคืนดาบแบบนี้ มีให้เห็นทุกค่ำคืน เค้ามาจอดทำไรกันน้อ...



อ้อ! อุ๊ย! ว้าย! ว้าว! รุแระ ส่วนหนึ่งคงมาจอดทำงี้กันแหง๋มๆ โอย...อิจฉาวุ้ย เล่นเอาน้ำลายหก เอ้ย! น้ำตาตกน่ะ



แพ็คสามแบบนี้ก็มีให้เห็นเยอะอยู่นา



ร้านอาหารไทยในฮานอยก็มีนะ หน้าร้านที่ยืนต้อนรับน่ะ หล่อกระชากใจ ทำให้ต้องยืนนะจังงังชั่วครู่เชียว เกือบสติกระเจิงเดินตามไปนั่งโต๊ะแระ นึกขึ้นได้ พี่คะ น้องยังอิ่มอยู่เลยค่ะ ไว้คราวหน้าละกานนนนน



ลมเย็นๆ ทำให้เดินเล่นเพลิน ดูนาฬิกา โอ้ว! ปาเข้าไปเกือบๆห้าทุ่มแล้ว ใจก็อยากเดินต่อ แต่นอนดึกเกินจะตื่นไม่ไหวเอา แถมกระเป๋ายังไม่ได้แพ็คเลย จำใจกลับที่พำนักอย่างอาลัยยิ่ง เดินมาถึงหน้าโรงแรม เจอคุณเจ้าของร้านขาย sim card(ร้านหรู) ที่เคยช่วยเราสร้างความประทับใจตั้งแต่วันแรกที่เหยียบแผ่นดินเวียดนาม เลยเข้าไปทักและบอกลา พร้อมคำสัญญาว่า ถ้ามีโอกาสมาฮานอยเมื่อไหร่ จะไม่ลืมมาเยี่ยมเยือนแน่ๆ ด้วยเกียรติของเนตรนารี (เมื่อ 10 ปีที่แล้ว เอิ้ก...เอิ้ก)



11 พค. 52


Airport Taxi มารับตอน 7 โมงตรงตามนัด ในช่วงเร่งด่วนของเช้าวันจันทร์ ทำให้ใช้เวลาเดินทางถึงสนามบินนอยไบ 1 ชม.พอดิบพอดี คุณพี่แท็กซี่ช่วยยกกระเป๋าลง เราจึงขอมอบน้ำใจเล็กๆน้อยๆให้ ด้วยเงินเพียงแค่ 11 พันด่องที่เหลืออยู่ คุณพี่ทำท่าดีใจสุดชีวิต คงเพราะไม่คิดว่าจะได้มั้ง รีบดึงมือเราไปทำเชคแอนด์พร้อมคำแท้งกิ้วนับครั้งไม่ถ้วน โธ่! คุณลุงขา ยังไม่ได้ดูเลยนะคะว่าทิปน่ะเท่าไหร่ เด๋วรู้แล้วคงนึกเสียดายอากัปกริยาตะกี้นี้เป็นแน่แท้


ที่สนามบิน นักท่องเที่ยวรอเช็คอินคับคั่งพอสมควร แอร์เอเชียไฟล์ท FD3701 เช้านี้ไม่ดีเลย์ ทำให้ไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิตามกำหนดโดยสวัสดิภาพ



ณ สนามบินสุวรรณภูมิ ยังได้รับมิตรภาพดีๆจากหนุ่มใหญ่ชาวฟินแลนด์คนหนึ่ง เข้ามาทักทายเพราะคิดว่าเราเป็นคนเวียดนามมาเที่ยวเมืองไทย (นึกในใจ หน้าชั้นมันเหมือนคนเวียดตรงไหนหว่า) ขณะรอกระเป๋า หนุ่มใหญ่เดินไปโอพาปราศัยไรกับเพื่อนเราไม่รู้ แต่สักครู่เดินมาหาเราแล้วเรียก "ที่รัก" พร้อมถามว่า เข้าใจความหมายไม๊ นึกในใจอีกแระ คนไทยโว้ย ถ้าไม่เข้าใจแล้วแมวไหนมันจะเข้าใจล่ะจ๊ะ ก็เลยถามกลับ ภาษายูล่ะพูดว่าไง ตามที่ได้ยิน หนุ่มว่า "รักกัส" อาจจะฟังผิดก็ได้ แต่ก็พูดตอบกลับเค้าด้วยคำนี้ล่ะ อ่ะ เป็นอันเจ๊ากันไป ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายเอากระเป๋า แล้วก็โบกมือบ๊ายบายร่ำลากันฉันมิตร


ทริปครั้งแรกที่เวียดนามก็จบลงอย่างแฮ้ปปี้เอนดิ้งด้วยประการฉะนี้



ก่อนเดินทาง เราแลก USDและVND เช็คอัตราแลกเปลี่ยน บวก ลบ คูณ หาร แล้วไม่ต่างเท่าไหร่กับแลกที่นอยไบ โชคดีออฟฟิศอยู่ใกล้ซุปเปอร์ริชเลยฝากพี่เมสเซนเจอร์แลกให้



ปัญหาของซุปเปอร์ริช บางทีเค้าไม่มีแบงค์เล็ก ของเราเจอแบงค์ 5 แสนกะแบงค์ 5 หมื่นและ 1 หมื่น 2 ใบ แต่โชคดีที่เราไม่เจออุปสรรคในการจัดการกับแบงค์ใหญ่ ถ้าจะแลกที่นี่ ลองโทรเช็คก่อนว่ามีแบงค์เล็กป่าวน่าจะดีกว่า


สำหรับเรื่อง บ.ทัวร์ที่ฮานอยมีเยอะ แต่ละทริปอาจมีได้หลายราคา โดยมากราคาที่บอกขายหน้าร้านจะกลางๆ แต่ถ้าต่อราคาได้ เค้าอาจจัดแพ็คเกจราคาถูกให้(โดยที่ไม่บอกนักท่องเที่ยว) ทัวร์ฮาลองเบย์ บ.เรือมีหลายเจ้ามากๆ ราคากลางๆสำหรับนักท่องเที่ยว 1 วัน จะอยู่ที่ $25-28,ค้าง 1 คืน $38-42 ถ้าต่อราคาได้ถูกกว่านี้มากๆ จะได้เรือเก่าซ่อม เรือพวกนี้หลักๆแล้วเค้าไว้บริการคนท้องถิ่นหรือนักเรียนนักศึกษากระเป๋าเบา คุณภาพและบริการจึงตามราคา แต่ก็มีบางเอเย่นต์ที่เอาเปรียบจัดๆ ขายทัวร์ราคามาตราฐานแต่ส่งต่อให้บ.ทัวร์ชั้นต่ำ พวกนี้ทำการท่องเที่ยวเสียเพราะเห็นแค่ margin ที่เพิ่มขึ้นไม่เท่าไหร่ แย่มั่กๆ





Create Date : 15 พฤษภาคม 2552
Last Update : 23 พฤษภาคม 2552 1:19:09 น. 12 comments
Counter : 3850 Pageviews.

 
สวัสดีครับ ได้มีโอกาสเข้ามาดูที่คุณ Review ไว้ดีมากๆๆเลย คือผลจะไปเที่ยวฮานอยกันเอง กับเพื่อนที่ ธรรมศาสตร์อ่ะครับ แต่ว่ายังไม่รู้อะไรเลย ภาษาอังกฤษ ก็ยิ่งกว่างูๆปลาๆ เลยอยากจะขอคำแนะนำ และขอคำปรึกษา จะได้มั๊ยครับ ขอรบกวนช่วยเหลือ และแนะนำให้กับเด็กตาดำๆๆ หน่อยนะครับ goodtime111@hotmail.com


โดย: pic IP: 203.157.14.233 วันที่: 20 พฤษภาคม 2552 เวลา:11:34:06 น.  

 
จขบ.น่ารักจัง !!!


โดย: คุณแหวะ IP: 61.90.75.135 วันที่: 20 พฤษภาคม 2552 เวลา:13:14:34 น.  

 
รูปสวยมากมายเลยคุณพี่


โดย: lil pig IP: 125.24.189.131 วันที่: 20 พฤษภาคม 2552 เวลา:18:56:29 น.  

 
ข้อมูลดี ละเอียดด้วยครับ
บรรยายเยอะดี ชอบครับ

ขอปรึกษาหลังไมค์เพิ่มแล้วกันครับ


โดย: Chocolate Monday วันที่: 21 พฤษภาคม 2552 เวลา:4:17:11 น.  

 
เล่าเรื่องได้สนุกมาเลยครับ......

รายละเอียดเพียบ..เยี่ยมมากเลยครับ..

รีวิวอันนี้ จะเป็นประโยชน์ให้กับเพื่อนๆ ได้เลยครับ


โดย: TonTon1977 วันที่: 21 พฤษภาคม 2552 เวลา:12:13:49 น.  

 
ไปกันเองแต่ผู้หญิง ใจกล้า นับถือๆ ผมไปมาครั้งหนึ่ง เข็ดจนตายกับประเทศนี้


โดย: good guy groovy IP: 110.49.39.10 วันที่: 2 มิถุนายน 2552 เวลา:14:17:07 น.  

 
สวัสดีค่ะ
พอดีว่า เรากับเพื่อนๆ จะไปเที่ยวเวียดนามกันอ่ะค่ะ เลยอยากจะสอบถามรายละเอียดต่างๆหน่อยอ่ะค่ะ เพราะอ่าน review ของคุณแล้วน่าสนใจ
รบกวนได้มั้ยค่ะ มีอีเมล์ติดต่อได้หรือเปล่าค่ะ
ขอบคุณค่ะ


โดย: Vietnam IP: 125.24.165.95 วันที่: 29 กรกฎาคม 2552 เวลา:17:18:25 น.  

 
คุณ Vietnam: ยินดีให้ข้อมูลทุกอย่างที่รู้ค่ะ ถามในบล็อกก็ได้ หรือเมลมาได้ที่ love_errors@hotmail.com อาจตอบเมลช้าหน่อยนะคะ รบกวนใส่หัวข้อเรื่องด้วย ปกติเมลจากคนไม่รู้จัก มักไม่เปิดอ่านค่ะ ถ้ามี login พันทิบ หลังไมค์ได้เลยค่ะ


โดย: LoveError วันที่: 30 กรกฎาคม 2552 เวลา:9:57:39 น.  

 
ขอบคุณมากเลยค่ะคุณ LoveError
ที่ยินดีให้คำปรึกษา เพราะทริปนี้บอกตามตรงค่ะว่าตื้อจริงๆ ไม่ทราบจะปรึกษาใคร เพราะว่าตอนที่เพื่อนโทรมาบอกว่าจะบุคตั๋วไปเที่ยว จะไปเวียดนามนะ ยังตื้ออยู่เลยค่ะจนเดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นอยู่ เพราะเพื่อนดิฉันเองก้อไม่มีข้อมูลอะไรให้เลย
ถ้ายังไง จะยิงคำถามไว้ในบล็อค ไว้ให้คุณ loveError ช่วยแนะนำแล้วกันนะค่ะ
พอดีว่าไม่ได้เป็นสมาชิกพันทิบอะค่ะ


โดย: Vietnam IP: 125.24.169.172 วันที่: 30 กรกฎาคม 2552 เวลา:14:11:49 น.  

 
Dear Netsai,
i'm Mrs.Nga, thanks for the photo, it's really nice
for now we have some problem with the website so could you please change the email address to my email: ngabeauty79@yahoo.com.vn
we are making a new website now, after it finish i will send it to you to get a review
thank you
sincerely,
Mrs.Nga
+84 913399658


โดย: mrs.Nga IP: 123.16.196.142 วันที่: 12 มีนาคม 2554 เวลา:13:36:08 น.  

 
ไกด์ที่นำเที่ยว ฮาลิงเบย์ ชื่อ ถัง รึป่าวครับ


โดย: คุณ หนู IP: 202.28.214.78 วันที่: 21 พฤษภาคม 2554 เวลา:19:33:10 น.  

 
พี่เล่าเรื่องสนุกมากเลยคับ
ขอบคุณที่เอามาแชร์นะครับ


โดย: อะไรว้าา IP: 124.121.214.161 วันที่: 7 กันยายน 2555 เวลา:2:34:36 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

LoveError
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





No title

 

 

 


Friends' blogs
[Add LoveError's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.