|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
บ้านเก่า
“ไม่ ได้เหงา แต่มีเวลามากเกินไป” ได้ยินเพื่อนบางคนบ่น ฟังแล้วให้รู้สึกว่า โลกนี้ช่างไม่มีความพอดี คนที่ว่างก็ว่างเหลือเกินจนไม่รู้จะเอาเวลาไปทำ อะไร คนที่ยุ่งก็ยุ่งจนไม่มีเวลาจะไปทำอะไรเหมือนกัน
ในวัย เด็กเราไม่เคยรู้สึก “เหงา” และเราไม่เคยรู้จักคำว่า “ว่าง” ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วเป็นช่วงวัยที่เรามีเวลาเหลือเฟือกับชีวิตในแต่ละวัน เลิก เรียนก็เร็ว เสาร์อาทิตย์ก็หยุด ไหนจะมีช่วงปิดเทอมอีกเป็นเดือน แต่ทำไม เราไม่เคยได้ยินเด็กสักคนเลยบ่นว่า เหงา หรือ มีเวลาว่างมากเกินไป ใน วัยนั้นเราสามารถอยู่กับตัวเองได้ ไม่มีเพื่อนเล่น เราก็สามารถหยิบ ตุ๊กตุ่นตุ๊กตามาสร้างโลกจินตนาการของเราอยู่คนเดียวได้
เป็น ช่วงเวลาที่เราไม่จำเป็นต้องมีสุขเหลือล้น หากก็ไม่เคยสำลักความทุกข์
บ้าน หลังเก่าของฉันจัดอยู่ในย่านชานเมืองกรุง หลังบ้านเป็นทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ สุดลุกหูลูกตา ระหว่างบ้านกับทุ่งนี้คั่นด้วยบ่อน้ำเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยปลาช่อน ปลาหมอ ปลากัดลูกหม้อ ปลากระดี่ หรือปลาดุก รอบ ๆ บ้าน รายล้อมไปด้วยต้นมะพร้าว มะม่วง และต้นไม้ใหญ่สารพัดสารพัน แต่ฉันก็เติบ ใหญ่ขึ้นมาโดยที่ปีนต้นไม้ไม่เป็นเอาเสียเลย ไม่ว่าจะเป็นต้นอะไร บ้าน เราเป็นครอบครัวใหญ่ มีทั้งตายาย ลุง น้า ชีวิตในวัยเด็กของ เราก็ช่างมีอิสระ ด้วยว่าแม่ก็ต้องออกไปทำงาน ยายก็ต้องออกไปขายของ หลังเลิกเรียนฉันและน้อง ๆ จึงถูกปล่อยให้อยู่กับตา ซึ่งตาก็จะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการนอน เราจึงเป็นอิสระเท่าที่จะมีได้ในวัยนั้น
หลัง บ้านเรามีเฉลียงไม้ใต้ต้นฝรั่งขี้นก มีกรงกระต่าย 1 ตัว หนูตะเภา 2 ตัว และนกแก้ว 2 ตัว มีกระรอกอาศัยอยู่บนต้นฝรั่งขี้นกที่ฉันเห็นบ่อยจนทึกทักเอาเองว่าจำมันได้ และ รู้สึกว่า “เรา” รู้จักกัน ทั้ง ๆ ที่มันอาจจะเป็นคนละตัวก็ได้ เราตั้งชื่อกระต่ายว่า ไอ้ขาว ด้วยความที่ตัวมันขาวจั๊วนั่นเอง หนูตะเภาตัวหนึ่งชื่อ “ซื่อ” อีกตัวชื่อ “บื้อ” น้าเป็นคนตั้งให้ ตลกดีเวลาเรียก ส่วนนกแก้วเราก็เรียกมันว่า “ไอ้แก้ว”
จาก เฉลียงนี้มองออกไปจะเห็นฟ้าสีเข้มตัดกับเขียวของทุ่งหญ้ากว้างไกล มีทิว มะพร้าวอยู่ลิบ ๆ หากไม่ไปช้อนปลา หาตั๊กแตน หรือเล่นดีดลูกแก้ว ฉันมักใช้เวลาอยู่ตรงนี้ครั้งละนาน ๆ ป้อนหญ้าให้หนูตะเภา กระต่าย และนั่งดูนกแก้วกินพริก ปนความสงสัยทุกคราว่ามันไม่รู้สึกเผ็ดบ้างหรือไร แดด อ่อนลมพัดมาจากทุ่งเย็นสบาย บางคราก็นั่งมองสีเขียวของใบไม้ ที่เขียวต่างเฉดกันไปในแต่ละใบ หรือจะนอนมองเมฆบนฟ้า ที่ถูกลมพัดพา จินตนาการเป็นสัตว์ต่าง ๆ นั่นช้าง โน่นปลาวาฬ ตรงโน้นมังกรไง ฉันเคยเถียงกับน้องแทบเป็นแทบตายเรื่องเมฆที่ฉันเห็นเป็นลิง ส่วนน้อง เห็นเป็นปลาวาฬ
กับ น้อง ๆ เราชกต่อยกันบ้างบางครั้งด้วยอารมณ์แบบเด็ก ๆ มีทั้งแย่งของเล่น แย่งกันให้อาหารกระต่าย แย่งที่นั่งหน้ากรงนกแก้ว เมื่อต่างฝ่ายต่างไม่ยอมพี่น้องก็เลยชกกันเอง ตัวฉันนั้นก็เก่งแต่กับ น้อง แต่กับเด็กนักเลงแถวบ้านนั้นฉันกลัวจนแทบไม่มองหน้าเลยเวลาเดินผ่าน กลัว โดนไถเงิน ไถลูกแก้วหรือรูปลอกบ้าง จนไม่กล้าสบตาเวลาผ่านพวกมัน
ช่วง นั้นเด็ก ๆ กำลังบ้าติดสติ๊กเกอร์ดราก้อนบอล เราซื้อกันเป็นบ้าเป็น หลังโดยไม่รู้ตัวเลยว่าของรางวัลที่แลกนั้นมีราคาถูกกว่ารูปลอกที่เราซื้อ กันตั้งเยอะ แต่มันสนุกตอนแกะกล่อง แล้วต้องลุ้นว่าจะได้ใบอะไร ใช่ใบที่ตามหาอยู่หรือไม่ ส่วนใบที่ได้ซ้ำบ่อย ๆ ไม่รู้จะเอาไปทำอะไรฉันก็เอาไปติดโต๊ะเล่น ติดจนเต็มไปหมด ทุกวันนี้โต๊ะตัวนั้นยังเก็บอยู่ที่บ้านยาย ทุกครั้งที่มองเห็นรูปลอกขาด วิ่นสีซีดบนโต๊ะตัวนี้ ฉันมักเห็นภาพในตอนนั้น
ใบไม้ แห้งเหี่ยวและผลิใบ เวลาเคลื่อนผ่าน ฤดูร้อนมาถึงมะม่วงข้างบ้านออกลูก ยายใจร้อนเก็บมาบ่มในโอ่งให้สุกเร็ว ๆ ฉันชอบเอามะม่วงสุกมาหั่นใส่น้ำแข็ง กิน แล้วเย็นชื่นใจ ฝนแรกผ่านมาหลังจากนั้น น้ำในบ่อล้นเอ่อ เราถือบุ้งกี๋ออกไปจับปลาหมอที่ตื่นน้ำใหม่โดดพรวดพราดขึ้นมาจากบ่อให้จับ ง่าย ๆ บางปีฟ้าไม่รู้เอาน้ำมาจากไหน ฝนตกจนน้ำจากคลองหน้าบ้านท่วมลอดใต้ถุนจนมาบรรจบกับบ่อหลังบ้าน ช่วงนี้ เราจะเห็นตะกวดมากมาย กำลังเล่น ๆ น้ำอยู่ พอเห็นตะกวดก็ให้ตกใจกระโดดขึ้นท่ากันแทบไม่ทัน แม้เราจะเห็นมันไกลถึงคน ละฝั่งคลอง
พ้น ไปลมหนาวพัดมาตามเวลา ไม่เหมือนสมัยนี้ หนาวสมัยนั้นเราต้องใส่เสื้อกัน หนาวไปโรงเรียน บางวันฉันไม่ใส่เสื้อนักเรียน ใส่เสื้อกันหนาวตัวเดียว รูดซิปจนถึงคอ ตกเย็นเราจะเก็บหญ้ามาสุมใส่กรงหนู กรงกระต่าย ให้มันซุกกันหนาว เสร็จแล้วเอาขนมมานั่งกิน มองพวกมัน มันก็มองเรา เบื่อ ๆ ก็นั่งมองฟ้าโปร่งจินตนาการไปถึงมนุษย์ต่างดาวที่เคยดูในโทรทัศน์
ใบไม้ แห้งเหี่ยวและผลิใบ เวลาเคลื่อนผ่าน ฤดูร้อนมาถึง เมฆฝนผ่านไป เราไม่เคยฉุกคิดเลยว่าสักวันมันจะผ่านพ้นไป เวลานี้จะมีเพียงครั้งเดียว ในชีวิต ก่อนแปรเปลี่ยนไปเป็นความทรงจำ
ใน หนาวหนึ่งนั่นเอง ฉันตื่นขึ้นมาเพื่อจะไปโรงเรียน ได้ยินลุงบอกว่าไอ้ขาวตายแล้ว ฉันรีบลุกไปที่ชานหลังบ้าน กรงกระต่ายว่างเปล่า เหลือบมองไปข้างกรงเห็นตะกร้าเล็ก ๆ ไอ้ขาวนอนนิ่งอยู่ในนั้น ฉันเอามือลูบหัวมัน เหม่อ มองอย่างว่างเปล่า
ฉันรู้จักความเศร้าจริง ๆ ก็วันนั้น
Create Date : 22 พฤษภาคม 2553 |
|
6 comments |
Last Update : 22 พฤษภาคม 2553 11:04:52 น. |
Counter : 1099 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ความเหงาล้อมเราไว้หมดแล้ว IP: 69.171.163.187 22 พฤษภาคม 2553 13:46:32 น. |
|
|
|
| |
โดย: ธีรนร (tirannor ) 22 พฤษภาคม 2553 17:38:43 น. |
|
|
|
| |
โดย: Nor@ZetH 23 พฤษภาคม 2553 9:14:56 น. |
|
|
|
| |
โดย: แดน IP: 202.12.74.246 27 มิถุนายน 2553 20:51:15 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
ตรัง Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
ทฤษฎีมีอยู่ว่า...คนเรามีสิทธิ์พบกันและใช้ชีวิตร่วมกัน อาจจะ3ปี 50ปี 1นาที หรือ 1วินาที ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นเพื่อน ศัตรู คนรัก พ่อแม่ หรือแม้แต่ตัวเอง ยังไงพวกเขาก็ต้องจากกัน...บางทีก็ดีใจ บางทีก็เศร้า (ควันใต้หมวก/วิศุทธิ์ พรนิมิตร)
|
|
|
|
|
|
|
ชอบจิงๆ