ผลิตภัณฑ์ไล่ยุงมีทั้งชนิดที่ใช้สารเคมี และชนิดที่ใช้น้ำมันตะไคร้หอม เป็นสารออกฤทธิ์ในการไล่ยุง หากผลิตภัณฑ์ใช้สารเคมีในการไล่ยุง บนฉลากต้องมีเลขทะเบียนในกรอบเครื่องหมาย อย. หากผลิตภัณฑ์ใช้น้ำมันตะไคร้หอม บนฉลากต้องมีเลขที่รับแจ้งโดยไม่มีเครื่องหมาย
อย.ย้ำ ผลิตภัณฑ์ไล่ยุงจะไม่สามารถฆ่ายุงได้ แต่ผู้ใช้ยังต้องระวังการใช้ไม่ให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้และเด็ก โดยปฏิบัติตามข้อแนะนำบนฉลากอย่างเคร่งครัด
ปัจจุบันมีสินค้าที่เป็นผลิตภัณฑ์ไล่ยุงเป็นจำนวนมาก โดยผลิตภัณฑ์ไล่ยุงเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์ในการไล่ยุงแต่ไม่สามารถฆ่ายุงได้ ออกฤทธิ์โดยไปรบกวนกลไกการรับรู้กลิ่นของยุง นิยมใช้ในรูปแบบทาหรือฉีดพ่นผิวหนัง โดยสารสำคัญที่พบบ่อย ได้แก่ ดีท (DEET) และน้ำมันตะไคร้หอม (citronella oil) ผลิตภัณฑ์ไล่ยุงที่มี ดีท (DEET) เป็นสารออกฤทธิ์ในการไล่ยุงนั้น จัดเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ต้องได้รับการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และมีการแสดงเลขทะเบียน อย.วอส.โดยในกรอบเครื่องหมายประกอบด้วยอักษรย่อ วอส. (วัตถุอันตรายที่ใช้ในทางสาธารณสุข) ตามด้วยเลขทะเบียนทับปี พศ.บนฉลากผลิตภัณฑ์อย่างชัดเจน
ผลิตภัณฑ์ไล่ยุงที่เป็นที่นิยมอีกชนิดหนึ่งคือ
ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำมันตะไคร้หอม (citronella oil) ซึ่งเป็นน้ำมันหอมระเหยสกัดจากต้นตะไคร้หอม เป็นสารออกฤทธิ์ในการไล่ยุง โดยต้องมีประสิทธิภาพในการออกฤทธิ์ไล่ยุงลายบ้านได้ไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมง ผลิตภัณฑ์น้ำมันตะไคร้หอมจัดเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 1 ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าไม่ต้องขอขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย แต่จะต้องแจ้งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับแจ้งแล้วจะมีเลขที่รับแจ้งบนฉลากทับปี พศ.โดยไม่ต้องแสดงเครื่องหมาย อย.บนฉลาก
แม้ว่าการใช้ผลิตภัณฑ์ไล่ยุงเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยป้องกันมิให้ยุงกัดได้ แต่ผู้ใช้ต้องให้ความระมัดระวังในการใช้ด้วยโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ไล่ยุงที่มีส่วนผสมของสารเคมี ดังนั้นก่อนใช้ควรอ่านฉลากและปฏิบัติตามวิธีใช้และคำแนะนำรวมทั้งคำเตือนบนฉลากผลิตภัณฑ์อย่างเคร่งครัด
สำหรับผลิตภัณฑ์ประเภทแป้งหรือโลชั่นห้ามนำไปทาแทนแป้งหรือโลชั่นทั่วไป ควรทาเมื่อต้องการใช้ป้องกันยุง และต้องระวังมิให้เด็กนำไปทาเล่น ควรทาเมื่อมีความจำเป็นอย่าใช้ติดต่อกันเป็นประจำ อย่าทาบริเวณเนื้อเยื่ออ่อน อาทิ บริเวณใกล้ตา ริมฝีปาก เปลือกตา รักแร้ หรือทาบริเวณที่เป็นแผล เป็นต้น
ภายหลังจากการใช้ผลิตภัณฑ์ หากต้องการหยิบจับอาหารควรล้างมือให้สะอาดเสียก่อน นอกจากนี้ควรเก็บผลิตภัณฑ์ในที่มิดชิด ห่างจากเด็ก อาหารและสัตว์เลี้ยง
หากเป็นผลิตภัณฑ์ที่ประกอบด้วยน้ำมันตะไคร้หอม ควรปิดฝาให้สนิท อย่าให้ถูกแสงแดด เปลวไฟหรือความร้อน ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ไล่ยุงทุกครั้งขอให้นึกถึงข้อแนะนำในการใช้ผลิตภัณฑ์ไล่ยุงต่างๆเหล่านี้ เพื่อมิให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้โดยเฉพาะเด็กเล็ก
ที่มา...กองพัฒนาศักยภาพผู้บริโภค อย.
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ทำการศึกษาและเฝ้าระวังยุงลายดื้อต่อสารเคมีกำจัดแมลงในการควบคุมยุงลายตามภาคต่างของประเทศไทย พบว่ายุงลายเกือบทุกพื้นที่ดื้อต่อสารเคมีกำจัดแมลงเพอร์เมทริน (permethrin) ชี้สาเหตุอาจเกิดจากการใช้สารเคมีดังกล่าวติดต่อกันเป็นเวลานาน ทำให้ยุงลายสร้างความต้านทานขึ้นมา
นายแพทย์จักรธรรม ธรรมศักดิ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า โรคไข้เลือดออกเกิดจากเชื้อไวรัสเดงกี่ ติดต่อโดยมียุงลายบ้านเป็นพาหะสำคัญ ซึ่งเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญ เนื่องจากไม่มียารักษาแต่จะรักษาตามอาการเท่านั้น ส่วนวัคซีนที่ใช้ป้องกันโรคขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพัฒนา
วิธีป้องกันคือการป้องกันไม่ให้ยุงลายกัดและการกำจัดลูกน้ำยุงลายโดยการใช้สารเคมีทีมีฟอส การพ่นหมอกควันหรือพ่นฝอยละเอียดด้วยสารเคมี permethrin , deltamethrin และ fenitrothion เพื่อกำจัดยุงตัวเต็มวัยในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค แต่การใช้สารเคมีติดต่อกันเป็นเวลานานจะทำให้ยุงสร้างความต้านทานขึ้นมา ส่งผลให้เกิดปัญหาการควบคุมและป้องกันโรคไข้เลือดออกได้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จึงได้จัดทำโครงการเฝ้าระวังการดื้อต่อสารเคมีกำจัดแมลงที่ใช้ในการควบคุมยุงลาย เพื่อศึกษาการดื้อต่อสารเคมีทีมีฟอสของลูกน้ำยุงลาย รวมทั้งการดื้อต่อสารเคมีที่ใช้พ่นกำจัดตัวเต็มวัยที่มีการใช้ในปัจจุบัน
เมื่อพบเจอยุง วิธีกำจัดยุงส่วนใหญ่จะใช้สารเคมี หรือสเปรย์กำจัดแมลง นอกจากยุงจะไม่ตายแล้ว เมื่อยุงได้รับสารเคมี ยุงจะสามารถพัฒนาตัวเองเพื่อต่อต้าน โดยเมื่อแม่ยุงได้รับสารเคมี ลูกยุงที่อยู่ในท้องจะรับเอาสารเคมีแล้วสร้างภูมิคุ้มกัน เมื่อลูกยุงเกิดมาและได้รับสารเคมีชนิดเดิม ยุงก็ไม่ตาย ซึ่งปัจจุบันสารเคมีในท้องตลาด ไม่สามารถฆ่ายุงให้ตายได้ บริษัทก็ได้พัฒนาเพิ่มความเข้มข้นให้ผลิตภัณฑ์เรื่อยๆ ซึ่งส่งผลต่อผู้ใช้งาน ทำให้คนรับเอาสารเคมีและสะสมในร่างกายเกิดเป็นโรคภัยใหม่ๆ ขึ้นมา
หัวหน้าฝ่ายศึกษาและกำจัดแมลงโดยใช้สารเคมี กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า
วิธีการกำจัดยุงที่จะไม่ทำให้ยุงสร้างภูมิคุ้มกันคือ การใช้ผงซักฟอก โดยผสม ผงซักฟอก 1 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 2 ลิตร หรืออาจใช้สบู่ละลายน้ำ หรือน้ำยาล้างจาน ละลายน้ำก็ได้ เมื่อผสมแล้วใส่ในขวดน้ำที่มีหัวเป็นเปรย์ฉีดพ่น นำไปใช้ฉีดพ่นเพื่อกำจัดยุงได้ เนื่องจากไปยับยั้งระบบหายใจของยุง และลูกยุงไม่สามารถพัฒนา สร้างภูมิคุ้มกันได้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์
ที่มา ... กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์