So much to do, So much to see; U'll never know if u don't go
Group Blog
 
 
มิถุนายน 2552
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
8 มิถุนายน 2552
 
All Blogs
 

กระบี่--ขับรถไปเองก็ได้ ง่ายจัง

ไม่นานหลังจากกลับจากกาญจนบุรี พี่คนเดิมชวนไปเที่ยวอีกแล้วคะ ไม่ใกล้ไม่ไกลแค่กระบี่เท่านั้นเอง ตกลงกันว่าจะเอารถไปกันคนละคัน เพราะพี่แกมีเพื่อนไปด้วย ฮ่ะๆๆๆก็ดีเหมือนกัน นานๆจะได้มีโอกาสเอารถวิ่งออกต่างจังหวัดสักครั้ง ไม่รอช้า รีบโทรฯหาสหายรักที่อยู่พังงาเพื่อเพิ่มสมาชิกอีกหนึ่งทันที

นัดวันกันได้ ก็ออกเดินทางกันสายๆหน่อย เพราะแค่ร้อยกว่ากิโลฯก็ถึงแล้ว ขับกินลมกันไปสัก 2 ชั่วโมงกำลังดี เพราะใช้ความเร็วอยู่ในอัตราที่ปลอดภัย ว่าแล้วเจ้าของบล๊อกก็ต้องแวะเข้าอำเภอเมืองพังงาเพื่อไปรับเพื่อนซะก่อน ไม่งั้นคืนนั้นอาจได้นอนคนเดียว(กลัวผีแย่เลย 555)

ขับไปคุยไปถึงกระบี่เกือบๆเที่ยง แต่เพราะยังไม่หิว เพราะตุนเสบียงไประหว่างทางกันด้วย ทำให้เราได้แวะที่แรกกันที่สุสานหอย 75 ล้านปี จขบ เองไปมาสองสามครั้งแล้ว แต่เพื่อนดิฉันนี่สิ สาบานได้ว่าเพิ่งเคยมาครั้งแรก และภาพที่เห็นทำเอามันอึ้งคะทุกคน เพราะอะไรไปดูภาพกันดีกว่า



นี่ละคะ คือสุสานหอย แต่ที่เพื่อนมันนึกภาพ มันบอกว่านึกว่าจะเป็นหอยตัวโตๆ ฮ่ะๆๆๆตอนเด็กๆที่มาครั้งแรกก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ไม่ว่ากันเพื่อน ว่าแล้วก็ไปเดินหาซื้อไรสวยๆกันดีกว่า ที่นี่ร้านขายของเยอะมากๆ เลือกกันเพลินเลย ที่สำคัญราคาไม่แพงเลย แต่ก็ต่อรองราคาด้วยนะคะ รักษาสิทธิผู้บริโภค

ออกจากสุสานหอย ท้องก็เริ่มร้องว่าแล้วก็ไปหาไรกินกันก่อนดีกว่าเนอะ เวลาหิวๆแล้วมันคิดไรไม่ค่อยออกอ่ะ ว่าแล้วก็แวะเติมพลังกันก่อนแถวหาดนพรัตน์ธาราที่ขึ้นชื่อ อิ่มแล้วก็ค่อยลงไปเดินเล่นยืดเส้นยืดสายกันเล็กน้อย ก่อนจะขับต่อกันไปที่อ่าวนาง เพื่อหาที่พัก ระหว่างทางเด็กๆ(ลูกๆพี่เขา)ก็เล่นน้ำกันไป ส่วนเจ้าของบล๊อกขอนั่งเม้าท์กะเพื่อนอยู่ริมชายหาดนั่นเอง

ตอนที่เราไปกันนั้น กระบี่ยังคงเงียบเหงาจากเหตุการณ์ภัยพิบัติสึนามิมาได้แค่ปีเดียวเท่านั้น ได้ที่พักกันแล้วก็เอาข้าวของไปเก็บกันคะ นอนกลิ้งแก้เมื่อยกันสักพัก พี่ปุ๊เจ้าของรถที่ยืมใช้ตอนไปกาญฯโทรมาหารุ่นพี่ แต่เจ๊แกดันยื่นมาให้เราคุยซะได้ อ่ะคุยก็คุย แต่นึกสงสัยในใจ ทำไมตอนเห็นๆกัน ถึงไม่ค่อยพูดละพี่ ทีตอนคุยโทรฯงี้ พูดน้ำไหลไฟดับเชียว

มื้อเย็นเราตกลงกันว่าจะไปหาไรกินกันในตัวเมืองคะ มาทั้งทีไปชมตัวเมืองกระบี่กันด้วย ว่าแล้วก็มั่วๆกันไป ทั้งคนนำทาง(พี่เขา)และคนขับตาม(จขบ.)ขับแล้วหลงนี่เป็นเรื่องธรรมชาติคะ ซ้อมหลงกันไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ พรุ่งนี้ยังมีให้หลงต่อกันอีก อิอิ

คืนนั้นจบด้วยการเดินเล่นทอดน่องของจขบ.กะเพื่อนสาวหน้าหาดอ่าวนางคะ เดินชมร้านรวง พูดคุยรับลมทะเลกันไปสบายๆแล้วค่อยกลับมาอาบน้ำนอน เพราะพรุ่งนี้เราจะไปชมทะเลแหวกกันเพราะตอนเย็นพี่ๆเขาแอบไปติดต่อเช่าเรือหางยาวกันไว้แล้ว

ตื่นเช้ามาด้วยเสียงโทรศัพท์สายในที่เจ้าเจ ลูกเจ๊เขาโทรมาปลุก โฮะๆๆๆเป็นสาวเป็นนาง ตื่นสายกันจนต้องให้เด็กช่วยปลุก อายเด็กมันจริงๆเดินออกมาแวะซื้อโรตีเป็นอาหารเช้ากินกันหน่อย แล้วก็ไปลงเรือกัน นั่งเรือจากอ่าวนางไปไม่นาน ก็ถึงแล้วคะ ทะเลแหวก แต่ไมมันไม่แหวกเหมือนในทีวีเลยอ่ะ คนขับเรือเขาบอกว่า มันแล้วแต่น้ำ และข้างขึ้นข้างแรมด้วย เอ้า แหวกเท่านี้ก็เท่านี้ว่ะ ลงๆๆๆๆ

ก็เดินลุยน้ำกันไปคะ แต่ก็สนุกดีนะ พอมองเห็นสันทรายเป็นแนวๆให้จินตนาการตาม ว่าตอนน้ำลงเต็มที่คงสวยน่าดู แต่ยังไม่หมดคะ เพราะค่าเรือที่เช่ามา เขารวมการพาไปแวะเกาะปอดะและนั่งเรือชมรอบเกาะไก่กันด้วย แต่เกาะไก่เนี่ยเขาไม่ให้ลง เพราะอะไรนะ จำไม่ได้ด้วยสิ แห่ะๆๆๆ แต่เราก็ได้ลงเหยียบทรายขาวๆร้อนๆกันที่เกาะปอดะคะ บนเกาะเขามีที่พักด้วยนะคะ คืนเท่าไหร่ จำไม่ได้แต่ว่าก็น่าอยู่ดีเหมือนกัน เงียบสงบ เหมาะสำหรับพักผ่อนและหลีกหนีความวุ่นวายคะ เพราะเขาดับไฟตอนสามทุ่มละ

เดินเล่นกันอิ่มแล้ว ที่จริงอยากเล่นน้ำเหมือนกันนะคะ แต่ไม่มีใครเล่นด้วยเลย ก็เลยไม่เอาดีกว่า ไม่มีเพื่อน แอบเซ็ง มาทะเลแต่ไม่เปียกเลย อ้อ ไม่ใช่คะ ไม่เปียกทั้งตัวสิ เพราะตอนเดินลุยน้ำที่ทะเลแหวก ก็เปียกไปหน่อยนึงนะ กลับคะกลับฝั่งกัน ขึ้นเรือกลับ ลงเรือปั๊บจ่ายตังค์ เดินกลับโรงแรม อาบน้ำกันเล็กน้อย แล้วก็เช๊คเอ้าท์คะ เพราะพี่เขามีโปรแกรมไปดูโชว์กันต่อที่ภูเก็ตแฟนตาซี แต่เจ้าของบล๊อกกับเพื่อนไม่ได้ไปคะ(ทั้งๆที่ไม่เคยไป แต่ก็ไม่นึกอยากจะไปเลยแฮะ)

แยกย้ายรถใครรถมันกันเสร็จ จขบ.กับเพื่อนตัดสินใจไปต่อกันที่ อ.คลองท่อมคะ ไปสระมรกตและน้ำตกร้อนกัน และอย่างที่เกริ่นๆไว้ เรื่องหลงเป็นเรื่องธรรมชาติคะ ว่าแล้วก็หลงมันไปอีกสองครั้ง ครั้งแรกเข้าไปในตัวเมืองแล้วหาทางออกไม่ได้ เพราะจได้ว่าทางไปอำเภอคลองท่อมน่ะมันต้องผ่านสามแยกใหญ่ๆก่อน ว่าแล้วก็ใช้เพื่อนที่มาด้วยให้เป็นประโยชน์ ก็ตัวเองขับรถอยู่ ถ้าไม่ใช่มันแล้วจะเป็นใครที่จะลงไปถามละคะ อิอิ

ได้ลู่ทางแล้วก็ไปกันต่อ มาถึงสี่แยก อ.คลองท่อมมีงงเล็กน้อย ว่าแล้วก็ถามกันอีกสักรอบเพื่อความแน่ใจ(แผนที่น่ะอยู่ในมือ แต่ยอมรับคะ ว่าอ่านกันไม่เป็นเอาซะเลย เฮ้อ) พี่วินมอไซด์รับจ้างคือตัวช่วยที่ดีของเรา แต่ด้วยความที่คิดว่า ทางแยกที่เขาบอกมันต้องเข้าไปอีกหน่อย หลังจากเลี้ยวซ้ายที่สี่แยกแล้ว ก็ทำให้หลงไปอีก10กิโลฯโน่นละคะ ถึงจะรู้ตัวว่าหลง 555

ถามอีกๆๆถามชาวบ้านแถวนั้นแหละ ถึงได้รู้ว่ามันต้องเลี้ยวตั้งแต่แยกเล็กๆที่เห็นทีแรกนั่นแล้ว อ่ะ โอเคน้ำมันตอนนั้นยังไม่แพงเท่าปัจจุบัน ไปต่อคะ คราวนี้ขับไปช้าๆกันพลาดอีกเป็นหนที่สาม และแล้วเจ้าสี่ล้อคันเก่งก็พามาถึงที่แรกคะ น้ำตกร้อน ไปดูกันหน่อยดิ่ ทำไมถึงชื่อน้ำตกร้อน ที่นี่เขาพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบแล้วนะคะ ทางเดินเข้าไปก็ทำไว้ดีเชียว แต่ออกจะผิดหวังเล็กน้อย กับขนาดน้ำตกคะ แต่ระหว่างทางที่เดินไป ทั้ง จขบ และเพื่อนต่างทดสอบความร้อนของน้ำที่เห็นเป็นระยะๆ อืม อุ่นใช้ได้เลย

แต่เรายังมีอีกที่คะที่ต้องไป สระมรกต จะสวยสมคำล่ำลือขนาดไหน ไปดูให้เห็นกะตากันดีกว่า แต่กว่าจะถึง เล่นเอาถอดใจกันเลยทีเดียว ทางเดินเข้าค่อนข้างไกลนะคะ 800เมตร สำหรับคนที่เดินไม่บ่อย นับว่าไกลเอาการ แต่ภาพที่เห็นก็สวยจริงๆ มิน่าถึงได้ชื่อ สระมรกต ก็มันมรกตจริงๆ สวยจนอยากกระโจนลงไปเลย แต่ไม่ได้เตรียมไรกันลงมานี่สิ เลยได้แต่มองตาละห้อยกันไป
ขากลับออกมา ก็เลยหาเรื่องให้ตื่นเต้นกันเองด้วยการเดินไปในทางที่เขาปิดไว้ไม่ให้เดิน จริงๆมันเป็นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ที่ต้องมีเจ้าหน้าที่นำทางนะคะ แต่วัยรุ่น(ตอนปลาย)น่ะคะต้องเข้าใจ อยากรู้อยากลอง อยากหาไรตื่นเต้นให้ชีวิต ก็เลยโดดข้ามรั้วกันไปสองคน

แรกๆเดินไปก็ยังมีวิวและสายน้ำใสๆให้มอง แต่พอเดินลึกเข้าไปๆก็ยิ่งเข้าใกล้ป่าเข้าไปทุกที แล้วก็เริ่มหันมามองหน้ากันเอง แล้วคำถามก็หลุดออกมาจากปากเพื่อนว่า "กลับกันไหม?"
"อ่ะ มาถึงครึ่งทางแล้ว จะกลับทำไมไปต่อ ชัวร์เชื่อดิ่ มันต้องไปออกตรงนั้น เชื่อฉันๆ" จำได้ว่าตอบเพื่อไปว่างั้น แต่ในใจก็ตุ้มๆต่อมๆชักหวาดๆ จะหลงอีกรอบป่ะเนี่ย ว่าแล้วก็เอามือถือมาดูสัญญาณหน่อยจิ๊

ว่าแล้วเชียว ไม่มีสัญญาณจริงๆด้วย เฮ้อ!! เอาว่ะ มาถึงขั้นนี้แล้ว จะถอยกลับได้ไง ไปต่อๆๆๆๆ เดินไปก็เหลียวหน้าแลหลังตลอด คงไม่มีอะไรออกมาให้หวาดเสียวกว่านี้อีกนะ และแล้วหลังจากเดินกันสักยี่สิบนาที แสงทองรำไรก็อยู่ข้างหน้าคะ มีสะพานให้เดินข้ามไป เหมือนที่เห็นตอนเดินเข้ามา และแล้วทางออกก็อยู่ตรงหน้า

หันไปยิ้มโล่งใจกะเพื่อน เฮ้อ ในที่สุดก็ออกมาได้ นึกว่าจะหลงป่าซะแล้ว แหง่ว!!! เพื่อนมันเจริญพรยกใหญ่ แล้วก็ฮากันสนั่น รีบชิ่งไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว เพราะเจ้าหน้าที่เริ่มหันมาเหล่ ว่าไอ้สองคนนั้นมันไปยืนทำไรกันตรงนั้น ทั้งๆที่เขาปิดไม่ให้ไปอ่ะ ฟิ้วว....รีบไปก่อนที่จะถูกสอบสวนดีกว่า อิอิ

ขึ้นมาบนรถได้ก็กลับสิคะ แต่ก็ต้องแวะไปส่งเพื่อนที่พังงาก่อน เลยได้รับเลี้ยงหมูสเต๊ะเจ้าอร่อยจากเพื่อนไปซะสามสิบไม้ อิ่มมากๆ ถึงเวลาอันสมควรก็กลับคะ ยังอีกตั้ง80กว่ากิโลฯกว่าจะถึงภูเก็ต อยากกลับให้ถึงก่อนค่ำ แต่เหมือนสวรรค์แกล้งคะ ระหว่างทางฝนตกหนักมาก มองทางก็ไม่ค่อยเห็น ฟ้าก็มืดเร็วจนน่าตกใจ กว่าจะถึงบ้านเล่นเอาปวดตาไปหมด เพราะต้องใช้สมาธิอย่างสูงในการเพ่งมองทาง

และแล้วก็ถึงบ้านโดยสวัสดิภาพพร้อมความสนุกและประทับใจ จนถึงทุกวันนี้แล้วยังสามารถนำมาเขียนเล่าได้อย่างยืดยาว ทั้งๆที่ก็ผ่านมาหลายปีแล้วนี่ละคะ

**รูปที่นำมาลงทั้งหมดในบล๊อก เอามาจากอินเตอร์เน็ตนะคะ ขออภัยจริงๆแต่ก็พยายามเลือกรูปให้เหมือนอย่างที่ตาเห็นจริงๆ ไม่ว่ากันน้า




 

Create Date : 08 มิถุนายน 2552
0 comments
Last Update : 9 มิถุนายน 2552 12:58:44 น.
Counter : 1352 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


HidaikoSunshinE
Location :
ภูเก็ต Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




เป็นคนมองโลกในแง่ดี แต่ใครๆมักบอกว่าเป็นคนร้ายกาจ ชอบสมาคมแต่คุยไม่เก่ง พูดภาษาไทยแต่ทำไมคนฟังมักไม่เข้าใจ ชอบอ่านเป็นชีวิตจิตใจแต่ก็เฉพาะเรื่องที่ตัวเองสนใจเท่านั้น เอาแต่ใจแต่ก็เอาแน่เอานอนไม่ได้ ที่แน่ๆไม่เคยทำความเดือดร้อนให้ใคร ไม่นิยมการโกหก ปากตรงกะใจที่หนึ่ง
Because i'm a type B..
New Comments
Friends' blogs
[Add HidaikoSunshinE's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.