Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
7 พฤศจิกายน 2553
 
All Blogs
 
เที่ยวคนเดียวครั้งแรกในชีวิตที่ "เกาหลี" กับบันทึกร่วม 40 หน้า เราว่า...มันยังน้อยไป 10

หลังจากเมื่อคืนนอนร้อน ๆ ในโรงแรมหรูหราที่เราไม่ต้องเสียตังจ่ายไปแล้ว
ก็ได้เวลาทำงานสมกับที่เค้าจ่ายตังค่าเครื่องค่าที่พักมาให้เราซักที
นอนหลับ ๆ ตื่น ๆ ทั้งคืน เพราะแอร์มันร้อน
ตื่นด้วยเสียงนาฬิกาปลุก ง่วงมาก ไม่อยากตื่นเลย

ขนาด 3 วันที่เที่ยวเองนี่ตื่นตามใจตัวเองเลยนะ
ตื่นโน่น 9 โมง 10 โมงค่อยมีพลังลุย
ตอนแรกคิดนะว่ามาทั้งทีต้องเที่ยวให้คุ้ม
ประมาณว่าตื่น 6 โมง นอนเที่ยงคืน ใช้เวลากับค่าเครื่องมารอบเดียวแล้วไม่ต้องกลับมาอีก

แต่พอเอาเข้าจริงมันไม่ได้อย่างนั้นหรอก
เราจะได้เรียนรู้ลิมิตของตัวเองเลยว่าได้แค่ไหน
เพราะชีวิตในกรุงเทพ เราเดินกันไม่ถึง 1,000 ก้าวเลย
เพราะไหนจะต่อรถ ไหนจะมีบันไดเลื่น มีลิฟ มีมอร์ไซด์รับจ้าง ต่าง ๆ นา ๆ ที่ทำให้ชีวิตคนกรุงเทพอย่างเราแทบไม่ต้องเดินเลย
จะเดินก็แค่จากรถไฟฟ้าไปต่อใต้ดิน แต่เดินแป๊บเดียวก็มีบันไดเลื่อนจนถึงชานชลา

แต่เกาหลีมันไม่ใช่อย่างนั้นน่ะสิ
กว่าจะถึงแต่ละชานชลา เดินกันหลายร้อยเมตร แล้วมันตัดกัน 9 สาย ชั้นบน ชั้นล่าง
เดินกันขาแทบหลุด บันไดเลื่อนก็ไม่มี
มิน่า คนเกาหลีถึงขาสวยกัน เพราะออกกำลังกายกันเยอะนี่เอง
แล้วทุกคนก็จะชิน ไม่เหนื่อย เดินไกลก็จะบอกว่านิดเดียว แต่เราเดินขาลาก

บ่นอีกละ
ตื่นเช้ามาก็บ่นเลยเนอะ
ม่ายช่าย ก็แค่เล่าให้ฟังเฉย ๆ

ทุกวันจะกินที่ไม่เชิง breakfast แบบ full course นะ
จะเป็นพวกผลไม้ นม ขนมปังทาแยมอะไรประมาณนี้

เรากินแต่อะไรรู้ป่ะ
แน่นอน
ส้ม
กินมันเกือบ 10 ลูกทุกเช้า
เพราะอย่างที่บอกว่า
ได้แรงบันดาลใจจากการกินส้มจากกระทู้ของผู้ชายคนนี้

เกาหลี หน้าหนาว ~ ทริปนี้สุดโหดแต่โคตรฮาครับ

ที่เล่าเรื่องไปเกาหลีได้ฮามากมาย แนะนำให้เข้าไปอ่านค่ะ
ไม่ไปเกาหลีก็เข้าไปอ่านที่เค้าเล่าได้ สุดยอดแล้วผู้ชายคนนี้ ทั้งตัวอักษร ทั้งภาพ
แล้วบรรยายส้มเกาหลีซะจนอยากกิน

ส้มบ้านเค้าอร่อยมาก
ดูเหมือนจะไม่น่ากินนะ เพราะมันดูเหี่ยว ๆ
แต่แกะง่ายมาก เพราะเปลือกมันร่วน
ลองชิมดู
โอ้ว แม่จ้าวววววว
มันหวานมาก เปรี้ยวจิ๊ดเดียวหรือแทบไม่มีความเปรี้ยวเลย
แล้วยิ่งกว่านั้น

มันไม่มีเม็ด!!!!!!

แล้วกากมันไม่เหนียวเคี้ยวและกลืนลำบากเหมือนส้มเมืองไทย

เรากินในโรงแรมวันนึงเกือบ 10 ลูก
ทำให้ระบบขับถ่ายเราดีไปเลย
กินมันแทนข้าวเช้าและเย็น
ฝรั่งที่ไปประชุมด้วยกันแอบแซว
ว่าเห็นยูที่ห้องอาหารทีไร ยูก็กินแต่ส้มตลอด

ก็กรูไม่ได้กินข้าวจริง ๆ กินแต่ส้ม
แล้วระบบขับถ่ายดีจริง ๆ
ถ่ายได้ทุกวันเลย
แล้วแบบ
ถ่ายแล้วกลิ่นไม่เหม็นนะ
มันกลิ่นเหมือนส้มอ่ะ 5555
ก็อย่างว่าแหละ
เช้ากับเย็นกินแต่ส้ม จะให้ถ่ายเป็นอะไรวะ เหอะ ๆ

วันสุดท้าย
เลยว่าจะลงไปซื้อกลับบ้านกินซะหน่อย
ไปดูราคาแทบช็อค



ทีเห็นราคา 1,580 วอนเนี่ย
ต่อ 1 ขีดนะจ๊ะ
ขีดละ 43 บาท
หรือโลละ 430
เลิก ๆ
ไม่ต้องกงต้องกินมันแล้ว
ขึ้นไปกินส้มฟรีบน Executive Lounge แทนข้าวเหมือนเดิมดีกว่ากรู

ฟัง conference แบบฟังไป ง่วงไป กาแฟก็เอาไม่อยู่
ตอนพักเที่ยงเค้ามีอาหารว่างให้กิน
ก็รีบ ๆ กินแล้วว่าจะลงไป shopping ตรงแหล่งช้อปปิ้งข้างล่างโรงแรมที่บอกว่ามันเยอะและยาวมากสุดลูกหูลูกตา แถมของก็ถูกและแฟชั่นอีกต่างหาก

แต่อย่างว่าแหละนะ
เราจะแยกตัวไปคนเดียวก็เสียมารยาท
เลยต้องรอหมู่คณะ
แต่กว่าจะย้ายขบวนกันออกไปได้
จากที่จะรีบกินรีบลงไปเดินภายใน 1 ชั่วโมง
แต่กลับเหลือเวลาจริง ๆ แค่ 20 นาทีเพราะรอกันไป รอกันมา
บางคนขอขึ้นห้องก่อนอีก
รับรู้ถึงความอิสระของการเที่ยวคนเดียวเมื่อ 3 วันที่แล้วเลย

ลงไปช้อปวันแรก เจ้านายอิชั้นก็ล่อ skinfood ไปหลายหมื่นวอนเลย
เลยได้เรียนรู้ว่า skinfood สาขานี้งกของแถมมาก
พี่อีกคนซื้อไปแสนกว่าวอนยังไดของแถมไม่ถึง 20 ชิ้นเลย
แถมบอกว่าถ้าจะเอาเป็นเซ็ทเล็ก ๆ ก็ไม่มีแถมซอง ๆ
อิชั้นก็ขอเป็นภาษาอังกฤษก็แล้ว เกาหลีขอ sample ก็แล้วก็ยังไม่เพิ่มให้
แล้วเค้าไม่พูดอังกฤษเลย ถามอังกฤษ แต่ตอบมารัวเป็นภาษาเกาหลี โบกไม้โบกมือไม่ให้ ไม่มี ไม่ได้ท่าเดียว

เราเลยยังไม่ซื้อของที่ทุกคนฝากสารพัดแบรนด์ list ยาวเป็นหางว่าว
กะว่าเดี๋ยวเย็นนี้ไปซื้อที่อื่นดีกว่า เพราะสาขานี้ใกล้จริง แต่ของแถมน้อย
จริง ๆ ทุกคนที่เค้าฝากซื้อก็คงไม่ได้ซีเรียสเรื่อง sample นะ
แต่มันก็นิดนึงนะ มันก็กระชุ่มกระชวยในการฝากซื้อกับคนรู้จักที่ไปเกาหลีที่ได้มากกว่า pre order ตามเน็ทก็ตรงได้ของแถมนี่แหละ

ซึ่งไอ้ sample ที่ไปขูดกับบีเอแต่ละแบรนด์มาเราก็ไม่เอานะ
ใส่เป็นถุงรวม ๆ แล้วเอาไปให้คนฝากซื้อหมด
เราซื้อเองได้ของแถมก็เอาไปรวมหมด ไม่อยากมานั่งแกะใช้ทีละเล็กทีละน้อย
คนฝากซื้อเห็นก็ดีใจ ตาโต
มันปลื้มตรงนี้แหละ ที่เห็น sample หลาย 10 ชิ้นหลากหลายแล้วมานั่งเลือก นั่งคุ้ยกันอย่างสนุกสนาน
อีคนที่ไปซื้อให้ก็สนุกสนานเห็นชาวบ้านนั่งรื้อเหมือนคุ้ยเสื้อผ้าเวลา sale อย่างไงอย่างงั้น

วันนี้วันแรก ดีใจแอบเลิกเร็ว
เลยแยกวงนั่ง subway เข้าเมืองแอบแว๊ปไปดูทงแดมุนกะเค้าหน่อยซิ
ใน subway ตอน 4 โมงเย็นมีแต่คนนั่งหลับกันเป็นแถวเลย
subway ที่นี่เอาอาหารเข้ามากินได้ด้วยนะ
subway ที่นี่เบรคแรงมาก
ยืนเขียนไดอารี่อยู่ ตอนเบรคทีนี่ตัวไถลไปเลย

แหม
ก็อย่างที่บอก
มีเวลาเขียนไดอารี่แค่ 2 ช่วงเวลาเอง
คือแวะนั่งกินขนมถ้าเป็นร้าน กับใน subway นอกนั้นก็เดินตลอด
กลับถึงห้องก็หมดพลัง ไม่มีแรงเหลือแม้กระทั่งจับปากกา
ขนาดยกมือพนมสวดมนต์ก่อนนอนยังแทบไม่มีแรงเหลือเลย

ดูป้ายโฆษณา
สังเกตมาหลายวันแล้ว
เกาหลีเป็นประเทศที่ใช้พรีเซ็นเตอร์เปลืองมากถึงมากที่สุด
สินค้าทุกอย่าง บ้าบออะไรก็ต้องมีพรีเซ็นเตอร์
ร้านจะกระจอกยังไงก็มีโปสเตอร์ดารา นักร้องเกาหลีติดเอาไว้

ไปถึงทงแดมุน
โอ้โห
ประตูน้ำดี ๆ นี่เอง
แถมวันที่เราไปมี 2 ตึกมันหยุดทุกวันอังคาร แจ็คพ็อตจริง ๆ
แต่ก็ดีละล่ะ
เพราะแค่เดินตึกแรก
เดินแป๊บเดียวเอง แค่ให้รู้ว่าเป็นยังไง
แต่ไม่ได้อะไรเลยเพราะเสื้อผ้ามันแพง
เสื้อผ้าแฟชั่นเหมือนประตูน้ำเป๊ะ แต่แพงกว่า 2-3 เท่าตัว
คุณภาพก็ไม่ได้ดีอะไรมากมาย
ขนาดเดินแว๊ป ๆ 15-20 นาทีในตึกเดียวยังได้ยินคนพูดภาษาไทยเลย
ไปสถานที่อื่นที่ไม่ได้อยู่ในโปรแกรมทัวร์นี่ไม่ได้ยินภาษาไทยเลยนะ
พอมาแหล่งช้อปปิ้งในโปรแกรมทัวร์ ไปไหนก็ได้ยินภาษาไทย
แต่วัยรุ่นเกาหลีผู้หญิงสมัยนี้มีแต่สูง ยาวเข่าดี หน้าเรียว จมูกโด่งกันเป็นแถวเลย

ลองเข้าไป tourist information ดูว่ามีที่ไหนน่าสนใจที่ไม่ได้อยู่ในโปรแกรมทัวร์คนไทยมั้ย
ขนาดเจ้าหน้าที่ในนั้นก็ยังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้
เดินออกมากางแผนที่ดู
ก็มีอาสาสมัครชาวเกาหลีเดินเข้ามาพูดภาษาจีนใส่
เอิ่ม
ตูฟังไม่รู้เรื่อง ขออังกฤษได้มะ

เค้าบอกว่านึกว่าเราเป็นคนจีน
เค้าเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือนักท่องเที่ยวตามแหล่งที่มีนักท่องเที่ยวเยอะ ๆ
เค้าบอกว่าเค้าเคยมีเพื่อนคนไทยด้วย
สอนภาษาไทยเค้าหลายคำ
แต่ที่เค้าจำได้แม่นคือ "น่ารักสุด ๆ"
เราก็เลยถามคำนี้เป็นภาษาเกาหลีบ้างเผื่อจะเจอหนุ่มเกาหลีที่น่ารักสุด ๆ ไว้ในฝึกประโยคนี้บ้าง
เราก็ถามเค้าว่าตอนนี้ละครเรื่องไหนกำลังดัง
ถามมาก็จำไม่ได้แล้ว เจ็บใจจริง ๆ ฮา ๆ

แล้วก็ถามว่าเราจะซื้อพวกเครื่องสำอางหลายแบรนด์เลยที่เพื่อนเราฝากซื้อ
ไปซื้อที่ไหนดี
เค้าก็บอกว่าที่ทงแดมุนนี่ก็ได้
แต่ถ้าอยากได้ของแถมเยอะ ๆ ให้ไปซื้อที่เมียงดงดีกว่า
เพราะเค้ารู้ว่าคนไทยชอบของแถมเยอะ ๆ (เอิ่ม คนไทยสร้างชื่อจริง ๆ 555)

แต่อิช้านตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่อยากไปที่ ๆ ทัวร์คนไทยลง
แล้วจริง ๆ ถ้าไม่ต้องมาซื้อของฝากก็จะไม่มาทงแดมุนกับเค้าแน่นอน
ที่นี่จะซื้อก็ซื้อได้นะ แต่ว่าแต่ละร้านมันไกลกันหลายช่วงตึกเกินไป
ก็เลยถามน้องเค้าว่ามีที่ไหนที่ร้านเครื่องสำอางมันอยู่ใกล้ ๆ กันแล้วมีหลาย ๆ แบรนด์บ้าง
หรือที่ไหนวัยรุ่นเกาหลีชอบไปเดินจ๊ะ ขอคุณพี่ไปเดินเล่นดูวัยรุ่นเกาหลีให้หนำใจหน่อยซิ
แหล่งที่ตรงกับที่คุณพี่ต้องการก็คือสถานีคังนัมเจ้าค่ะ

แล้วก็ถามว่าเย็นนี้เราจะไปขี่จักรยานที่ไหนดี
เค้าก็แนะนำให้ไปที่ jamwon ดู

แล้วปฏิบัติการตามล่าหาเครื่องสำอางที่ชาวบ้านฝากซื้อยาวเหยียดก็เริ่มขึ้น
โดยนั่ง subway จากทงแดมุนไปสถานีคังนัม แหล่งช้อปปิ้งของวัยรุ่นเกาหลี
เป็นแหล่งช้อปปิ้งข้างใน subway เหมือนข้างล่างโรงแรมเราเลย
แต่ของจะแพงกว่า ดูแฟชั่นจ๋าและดูดีมีระดับกว่าสถานี Expree Bus Terminal อยู่หน่อยนึง
ถ้าให้เทียบ

มันคงเหมือนเสื้อสยาม ที่จะแพงกว่าเสื้อประตูน้ำ แต่ก็แฟชั่นเหมือนกันแต่สยามดูเสื้อผ้าจะตัดเย็บดีกว่าประมาณนั้น
ทีนี่เป็นแหล่งรวมร้านขายเสื้อผ้า และเครื่องสำอางทุกแบรนด์ของเกาหลีก็มากองรวมกันที่นี่
ไม่กล้าถ่ายรูปเลย ต้องแอบยกกล้องขึ้นมามั่วกดแบบไม่มองเอา
เพราะวัยรุ่นเดินกันเยอะ อายเค้า
งงกับที่ตั้งมากมาย หลงไป หลงมา
มองแผนที่ก็ยังหลง














บรรยากาศเหมือนเดินอยู่มาบุญครองชั้นขายมือถือมาก ๆ
(ก็มันขายมือถือด้วยนี่หว่า)
แล้วไอ้ skinfood กับ Etude นี่มันห่างกันคนละฝั่งเลยนะ

ก็เลยซื้อ Etude ก่อนร่วมแสนวอน ให้ของแถมได้บ้าบอ ไก่กามากมาย
มีอันเดียวที่ดีหน่อยคือ moistfull mask




ที่เหลือให้ไอ้พวก ที่ปัดขนตาสำรอง แบบไม่ใช่มาสคาร่านะ เป็นที่ปัดอย่างเดียว
แล้วก็รองเท้าฟองน้ำห่วย ๆ แล้วก็ผ้าเช็ดหน้าผืนเล็ก ๆ บาง ๆ เนื้อผ้าห่วย ๆ เหมือนผืนละ 5 บาท 10 บาทอย่างนั้นแหละ
เราก็เลยตัดสินใจเอาพวกไก่กาพวกนั้นไปแลกกับ moistfull mask ให้หมดเลย
คืนไป 10 กว่าอัน ได้กลับมา 5-6 อัน อารายวะ ไม่แฟร์เลย
ชั้นคืนไป 10 ก็ต้องได้กลับมา 10 สิ
เถียงแทบตาย ได้เพิ่มมาอีก 2 อัน
ชั้นเถียงเป็นภาษาอังกฤษ บีเอตอบกลับเป็นภาษาเกาหลี แต่ก็เข้าใจกัน แต่ไม่ให้โว้ย ประมาณนั้น

แล้วก็แบกข้าวของ move จาก Etude ไปร้าน Skinfood สาขานี้เก๋นะ
มีเทสเตอร์หลายอย่างแยกไว้แต่ละชนิดอยู่ในกระบะช่อง ๆ หน้าร้านเลย
เราก็เข้าไป แล้วเอา list ที่ฝากซื้อไปให้เค้าหยิบ ซื้อไปแสนกว่าวอนอีกแล้ว ร่ำรวยจริง ๆ อีนี่ ไม่ใช่เงินกรูเล้ย
แล้วบีเอก็คำนวณแล้วบอกว่าสามารถหยิบเทสเตอร์ได้ sixty
เราก็ตกใจสิ
ห๊า
Sixty?
เค้าก็บอกว่า yes
ตาลุกวาวเลยชั้น
รีบโกยเลย
หยิบเทสเตอร์ตรงกระบะหน้าร้านทุกชนิด ทุกช่องที่มี
หยิบไปได้ 20 อัน
บีเออีกคนที่เฝ้าหน้าร้านที่มองเราอยู่ก็บอกว่า
no no no
sixteen, not sixty
อ้าว
ก็อีกคนที่คิดเงินบอกว่า sixty นะ ชั้นก็ย้ำกะเค้าแล้วเค้าบอกว่า yes ด้วย
เค้าก็พยายามอธิบายเป็นภาษาอังกฤษว่าไม่ใช่ เค้าพูดผิด
แต่ช้าไปแล้ว
อิชั้นหยิบได้ 20 อันก็ใส่ถุงใหญ่แล้วแบกสะบัดบ็อบหนีไปเลย
ปล่อยให้บีเอยืนงง ไม่รู้จะเรียกเรากลับยังไงดี

เทสเตอร์ skinfood ที่ได้มาอารมณ์ประมาณนี้เลย



หลังจากหมดภารกิจ Etude กับ Skinfood แล้ว
จากที่อยากจะเดินดูวัยรุ่น ดูแบรนด์อื่นก็หมดพลังเลย
เพราะ 2 ถุงใหญ่ ถุงละร่วม 2-3 กิโลข้างมือก็ฉุดพลังไปจนหมด
เพราะแต่ละคนฝากซื้อกันขวดแก้วทั้งนั้น ไหนจะรองพื้น เบส สารพัดครีม ตลับแป้งไม่รู้อีกกี่ตลับ

จำไว้เลยนะคะคุณผู้อ่าน
ถ้าจะฝากใครซื้อของเนี่ย ดูน้ำหนักของ ๆ ที่เราจะฝากด้วยนะคะ
ถ้าฝากซื้อน้ำหอมเนี่ย ควรจะเกรงใจกันเลยนะคะเพราะมันหนัก
หรือครีมที่เป็นขวดแก้วเนี่ย ซื้อในไทยได้แพงกว่านิดหน่อย ซื้อในไทยเถอะค่ะ
คนแบกมันเป็นภาระจริง ๆ เพราะส่วนใหญ่ ไม่ใช่คุณฝากคนเดียว
แล้วแต่ละคนพอรู้ว่าไปก็ฝากกันแบบ เบส 3 ขวดเงี้ย แป้งอีกคนละ 3 ตลับเงี้ย ยาทาเล็บอีกคนละ 10 สี มาร์สอีกคนละกระปุก 2 กระปุกใหญ่เงี้ย
ฝาก 10 คนก็ไปแล้วร่วม 100 อย่าง ยังไม่รวมของแถม ซึ่งบางครั้งของแถมเป็นเซ็ทอีก แม่เจ้าโว้ย ขอไปออกกำลังแขนก่อนมาช้อปปิ้งดีมั้ยเนี่ย

แต่อิชั้นก็โอเคค่ะ
เพราะถือว่าเราไม่ได้เสียค่าเครื่องบินไปเอง ออฟฟิศจ่าย
เราทำให้ทุกคนในออฟฟิศแค่นี้เรื่องเล็กค่ะ แต่ตอนนั้นไม่ไหวจริง ๆ ค่ะ
หิ้วหนักมากทั้ง 2 มือแล้วก็กลัวถุงขาดด้วยเพราะมันเป็นถุงกระดาษบาง ๆ แบบในรูป





ซื้อเสร็จก็รีบกลับโรงแรมไปเก็บของแล้วค่อยไปปั่นจักรยานต่อ
แต่กว่าจะถึงโรงแรมเนี่ย
แทบลากเลือด
เพราะตอนขึ้น subway กลับโรงแรมเนี่ย มันเป็นช่วง rush hour พอดีประมาณ 6 โมง
subway แน่นเอียด
ขนาดอิชั้นต่อแถวอย่างดี มือ 2 ข้างก็ถือของ 2 ถุงใหญ่แล้ว subway มันจะเต็ม
อิชั้นเข้าไม่ได้เพราะของเยอะ
แต่อีข้างหลังมาจากไหนไม่ได้ ผลักอิชั้นกระเด็นไปข้าง ๆ แล้วก็ขึ้นไปเบียดในรถไฟเฉยเลย

แบบว่าแย่งและผลักอิชั้นกันหลายคนมาก
เมิงไม่เห็นเหรอว้าว่ากรูแบกของเยอะ น่าจะมีน้ำใจหลบให้กรูเบียดเข้าไปด้วยบ้าง
กรูก็ต่อแถวนานนะเนี่ย พอมาทีไรก็เข้าไม่ได้ทุกที
เป็นอย่างนี้อยู่ 2-3 รอบพอให้สำเหนียกว่าถ้ากรูไม่ทิ้งมารยาทหญิงงามอย่างไทย กรูไม่ได้ขึ้นรถไฟแน่นอน
เพราะอยู่หน้าสุดมาหลายรอบแล้ว พอเปิดออกมาก็โดนชนกระเด็นไปข้าง ๆ แล้วสุดท้ายก็เข้าไม่ได้ทุกครั้งไป

พออีกขบวนมาหลังจากหน้าเริ่มด้าน
อิชั้นก็ถือของแล้วใช้ไหล่กับกาง 2 ข้อศอกเนี่ยแหละดันตัวเองเข้าไปในรถไฟจนได้
เข้าไปก็ไม่มีที่จับอีก ของก็วางไม่ได้เพราะมันเบียดมาก ก็ต้องยืนเกรงไป ตลอดหลายสถานี
แถมรถไฟทีนี่เบรคก็โครตจะแรง
เบรคจอดแต่ละสถานีทีตัวกรูก็ปลิวไปชนคนข้าง ๆ ทีเพราะไม่มีที่จับ
ต้องหิ้วของทั้ง 2 มือเพราะมันวางไม่ได้
ไม่รู้ว่าคนที่ใช้เครื่องสำอางเกาหลีที่ฝากกรูซื้อเนี่ยจะรับรู้ถึงความลำบากของกรูม้าย

ไม่มี๊

แต่ก็ดีใจนะ
เวลาทุกคนได้ของที่ตัวเองฝากแล้วได้ของแถมเนี่ย หน้าทุกคนจะดีใจ ตาเป็นประกาย เลือกเทสเตอร์กว่า 30-40 ชิ้นที่อิชั้นไปขูดบีเอแต่ละแบรนด์มาอย่างยากลำบากเพราะยืนตื้ออยู่นั่น เหอะ ๆ


ขออภัยที่ใช้รูปเครื่องสำอางที่โชว์เป็นรูปที่หาในเน็ทมาทั้งหมด
เพราะเราหมดพลังกับการถ่ายรูปของที่ฝากซื้อจริง ๆ
บางคนอาจจะเห่อ ถ่ายรูปของที่ซื้อทั้งหมดมาให้ดู
แต่เราหมดพลังจริง ๆ ไม่อยากแม้กระทั่งหยิบออกมาเรียง มาถ่ายรูปเลย
มันเยอะและหนักและสูบความสุขเราจริง ๆ
เพราะจริง ๆ เราไม่ได้มีแพลนไปคังนัม
แต่เราต้องนั่ง subway ไปเผื่อซื้อเครื่องสำอางตามลิสอย่างเดียวเลยแล้วก็กลับ
พอคิดถึงความเหนื่อยยากและเหตุการณ์ที่เราเจอบนรถไฟใต้ดินแล้ว มันหมดเลย หมดทุกอย่าง ไม่มีความรู้สึกอยากจะยกกล้องขึ้นมาถ่าย หรือเอาของมาเรียงเลยจริง ๆ


หลังจากมาถึงห้องอย่างทุลักทุเล ก็รีบไปกินส้มที่เล้าน์ก่อนที่มันจะปิดตอนทุ่มนึง
แล้วพร้อมลุยไปเช่าจักรยานปั่นต่อ
เดี๋ยวคราวหน้าเอารูปวิว 2 ข้างทางจักรยานมาให้ดู ได้เห็น Rainbow Bridge อีกแล้ว
สีสั้นจี๊ดจ๊าดกว่าเมื่อวานด้วย แถมทางจักรยานคราวนี้ก็ได้อยู่ติดริมแม่น้ำเลย จากที่เป็นทางคนเดิน



ตามอ่านซีรี่ย์เที่ยวเกาหลีคนเดียวของเราทั้งหมดได้ที่ลิงค์ด้านล่างนะคะ

ผู้หญิงที่ตัดสินใจเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศคนเดียวเป็นครั้งแรก ในใจเค้าคิดอะไรอยู่

เที่ยวคนเดียวครั้งแรกในชีวิตที่ "เกาหลี" กับบันทึกร่วม 40 หน้า เราว่า...มันยังน้อยไป

เที่ยวคนเดียวครั้งแรกในชีวิตที่ "เกาหลี" กับบันทึกร่วม 40 หน้า เราว่า...มันยังน้อยไป 1

เที่ยวคนเดียวครั้งแรกในชีวิตที่ "เกาหลี" กับบันทึกร่วม 40 หน้า เราว่า...มันยังน้อยไป 2

เที่ยวคนเดียวครั้งแรกในชีวิตที่ "เกาหลี" กับบันทึกร่วม 40 หน้า เราว่า...มันยังน้อยไป 3

เที่ยวคนเดียวครั้งแรกในชีวิตที่ "เกาหลี" กับบันทึกร่วม 40 หน้า เราว่า...มันยังน้อยไป 4

เที่ยวคนเดียวครั้งแรกในชีวิตที่ "เกาหลี" กับบันทึกร่วม 40 หน้า เราว่า...มันยังน้อยไป 5

เที่ยวคนเดียวครั้งแรกในชีวิตที่ "เกาหลี" กับบันทึกร่วม 40 หน้า เราว่า...มันยังน้อยไป 6

เที่ยวคนเดียวครั้งแรกในชีวิตที่ "เกาหลี" กับบันทึกร่วม 40 หน้า เราว่า...มันยังน้อยไป 7

เที่ยวคนเดียวครั้งแรกในชีวิตที่ "เกาหลี" กับบันทึกร่วม 40 หน้า เราว่า...มันยังน้อยไป 8

เที่ยวคนเดียวครั้งแรกในชีวิตที่ "เกาหลี" กับบันทึกร่วม 40 หน้า เราว่า...มันยังน้อยไป 9

เที่ยวคนเดียวครั้งแรกในชีวิตที่ "เกาหลี" กับบันทึกร่วม 40 หน้า เราว่า...มันยังน้อยไป 10

เที่ยวคนเดียวครั้งแรกในชีวิตที่ "เกาหลี" กับบันทึกร่วม 40 หน้า เราว่า...มันยังน้อยไป 11

เที่ยวคนเดียวครั้งแรกในชีวิตที่ "เกาหลี" กับบันทึกร่วม 40 หน้า เราว่า...มันยังน้อยไป 12

เที่ยวคนเดียวครั้งแรกในชีวิตที่ "เกาหลี" กับบันทึกร่วม 40 หน้า เราว่า...มันยังน้อยไป 13

เที่ยวคนเดียวครั้งแรกในชีวิตที่ "เกาหลี" กับบันทึกร่วม 40 หน้า เราว่า...มันยังน้อยไป จบ!



Create Date : 07 พฤศจิกายน 2553
Last Update : 23 กันยายน 2556 16:27:06 น. 8 comments
Counter : 2988 Pageviews.

 
แฟนขับ ตามมาเที่ยวด้วยคนครับ


โดย: auraball วันที่: 7 พฤศจิกายน 2553 เวลา:18:13:50 น.  

 
รีวิวได้สนุกมากค่ะ เข้าใจอารมณ์เลย


โดย: Bpearl วันที่: 7 พฤศจิกายน 2553 เวลา:20:20:21 น.  

 
ตามมาอีกรอบ วีรกรรมเมามันส์มากค่ะ
ไว้ได้มีโอกาสไปเกาหลี จะไม่บอกใครเลย
กลัวน้ำหนักของฝาก


โดย: Bpearl วันที่: 7 พฤศจิกายน 2553 เวลา:20:53:12 น.  

 
อึดมากค่ะ!
เดินช้อปและฝ่าฝูงชนขนาดนั้น
ยังสามารถไปปั่นจักรยานต่อได้ มุ่งมั่นมากค่ะ ^^
รอดูรูปและเรื่องราวมันๆ ต่อนะคะ


โดย: Onion Admirer IP: 58.137.1.154 วันที่: 8 พฤศจิกายน 2553 เวลา:9:24:52 น.  

 
แวะมาเที่ยวค่ะ
Thank you นะค๊า


โดย: aewpiggypinkky วันที่: 8 พฤศจิกายน 2553 เวลา:14:11:56 น.  

 
ทักทายค่ัะ


โดย: นกหลากสี วันที่: 10 พฤศจิกายน 2553 เวลา:18:35:00 น.  

 
ขอตามไปเที่ยวด้วยคนค่ะ เกาหลียังไม่เคยไป


โดย: kidthung maanoy วันที่: 11 พฤศจิกายน 2553 เวลา:5:30:09 น.  

 
คิดๆ ไปแล้วเมืองไทยน่าจะมีอาสาสมัครแบบนี้บ้าง เพื่อที่ว่าคนต่างชาติจะได้ไม่โดนหลอก ที่วัดพระแก้วนี่ตัวดีเลย


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 27 ธันวาคม 2553 เวลา:15:50:45 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หนูลีลี
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 94 คน [?]




ไม่อินกับการเขียนบล็อคมาตั้งแต่บล็อคสุดท้ายปี 2561 แล้วค่า
Friends' blogs
[Add หนูลีลี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.