Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2553
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
5 สิงหาคม 2553
 
All Blogs
 
เที่ยวคนเดียวครั้งแรกในชีวิตที่ "เกาหลี" กับบันทึกร่วม 40 หน้า เราว่า...มันยังน้อยไป 4

หลังจากเดินในมหาลัยมาแล้ว
คราวนี้เลยออกมาเดินถนน main หลักกับตรอก ซอก ซอยกันบ้าง
ร้านค้าก็จะเป็นแฟชั่นผู้หญิง มีทั้งเสื้อผ้าเป็นหลัก
แล้วก็รองเท้า กระเป๋า เครื่องประดับ แล้วก็ร้านขนม
ตรงนี้ก็มองวัยรุ่นน้อง ๆ ผู้หญิงเพลินไปเลย








แต่ไม่ค่อยกล้าถ่ายรูปเท่าไหร่
แล้วเดินย้อนขึ้นมา
Display เค้าสวยดี
เป็นรูปรองเท้าผู้หญิงที่ใหญ่มาก
ลองดูในรูปแล้วเทียบกับคนดู







แต่รองเท้าแฟชั่นที่เกาหลีซื้อไม่ได้เลยนะ
ง่อย ๆ แบบร้องเท้าแตะก็ 15,000 วอน ก็ประมาณ 400 บาทแล้ว
ยิ่งถ้าเป็นส้นสูงแฟชั่นเนี่ยนะ เริ่มต้นที่ 45,000 คูณแม่ 0.027 ดูแล้วกัน ก็พันกว่าบาท แต่ก็มีวัยรุ่นผู้หญิงมุงกันเพียบ





มิน่าล่ะ
ตอนที่ staff เกาหลีมาประชุมที่ไทยนะ
ขนซื้อรองเท้าแตะน่ารัก ๆ บ้านเราคู่ละ 200 กลับกันเพียบเลย
นอกจากรองเท้าแล้วนะ
สิ่งที่คนเกาหลีซื้อกลับก็จะเป็นครีมของ Boots หรือใน Boots ที่เป็นเป็นยี่ห้อไทย ๆ เช่น Sabai A-Rom ไรเงี้ย
เพราะว่าที่เกาหลีไม่มีร้าน Boots แต่มี Watson นะ
แล้วเพื่อนบอกว่าคนเกาหลี ญี่ปุ่นมาเหมาซื้อ Loreal บ้านเราเพียบเลย ไม่เว้นแม้แต่ในสนามบิน

เดินจนเหนื่อยตั้งแต่ 11 โมง
ไม่ไหวละ ตอนนี้บ่าย 2 เข้าไปแล้ว
ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยนอกจากก้อนขนมปังสลัดสามสหายจาก 7-11 บ้านเราไปครึ่งก้อน
เดินผ่านร้านแถวนั้นร้านนึง
วัยรุ่นมุงเยอะมาก แต่หน้าร้านก็เล็กมาก
เป็นร้านน้ำผลไม้ปั่นที่ถูกมากในย่านนั้น
แก้วเล็ก ๆ แก้วนึงต่ำสุดก็ 1,500 วอน หรือ 40 บาท (นี่ถูกแล้วเหรอวะ) คือแก้วมันเล็กมากอ่ะ
ไอ้เราก็ไม่ไหวละ หิวน้ำ ซื้อซะหน่อย
แต่กว่าจะสั่งได้ เล่นเอาเมื่อยมือ ไม่ได้เมื่อยปากนะเพราะเค้าฟังอังกฤษกันไม่ได้ ตอบก็ตอบไม่ได้ทั้ง ๆ ที่เป็นเด็กมหาลัยยืนฟังกันตั้งเยอะ
จนได้พ่อหนุ่มอัศวินที่พอพูดภาษาอังกฤษรู้เรื่องมาอธิบายให้ฟังว่ามีน้ำอะไรบ้าง เพราะมันเป็นภาษาเกาหลีหมดเลย

แล้วน้องผู้ชายคนนั้นก็บอกว่าเคยไปเรียนภาษาอังกฤษที่ออสเตรเลียมาเลยพอพูดได้
แล้วทำงานที่ร้านอาหารไทยด้วย
บอกว่าชอบอาหารไทยมากเลย แต่ยังไม่เคยไปเที่ยวเมืองไทยนะ
แต่คาดว่าคงต้องไปเที่ยวแน่นอน

ก็เลยถามน้องเค้า
ว่าเราจะไปย่านชินชนต่อ เป็นแหล่งมหาลัยเหมือนกัน
ที่เค้าบอกว่าจะมีของขายแบบนี้เหมือนกัน
ห่างกัน 1 สถานี
แต่น้องเค้าบอกว่าไม่ต้องไปหรอก ไม่มีอะไร
ถ้าอยากเดินเล่นแหล่ง shopping ผู้หญิงแบบนี้ตรงนั้นไม่ค่อยมีนะ
เพราะบ้านเค้าอยู่แถวนั้น
ตรงย่านนั้นจะเป็น Cafe ซะมากกว่า
เราก็เลยเปลี่ยนแผนไม่ไปมันละ
เดินเล่นเย็นใจมันตรงนี้นาน ๆ ดีกว่า

แล้วเดินผ่านวัยรุ่นเกาหลี 2 คนถือวาฟเฟิลไอติมน่ากินมากผ่านมา
เลยมองไปทางที่ ๆ เค้าเดินมาเลยมาเจอร้านนี้





ถูกมาก
วาฟเฟิลใส่ไอติมแค่ 1,500 วอนเองหรือ 40 บาท รีบปรี่ยเข้าไปนั่งพักขาแล้วสั่งทันใด



ทริปนี้ถ่ายรูปอาหารหรือขนมที่กินน้อยมาก
คือไม่ค่อยชอบถ่าย หรือ ถ่ายไม่ทัน หิวแล้วกินก่อนประจำ
แล้วจริง ๆ ไม่ค่อยได้ซื้อกินหรอกเพราะกินยาก
แถมอันไหนไม่สมราคาก็ไม่กิน 555 เช่นอยากกินนะชาเขียวนมของโปรด อยู่บ้านเราแก้วละ 30-40 แต่ไปอยู่เกาหลีแก้วละ 100 กว่าบาท เอิ่ม ต่อมอยากเราอุดตันกระทันหันเลย ไม่อยากจะคิดว่า Starbucks บ้านเค้าจะแก้วละเท่าไหร่วะเนี่ย (ก็มีเดินผ่านร้านแห่งนะ แต่ไม่ได้เข้าไป เพราะเข้าไปก็ไม่ได้สั่งกินอยู่ดี)

เครื่องดื่มเราแต่ละวันก็จะประมาณนี้
น้ำผลไม้ปั่นกับนมกล้วย เกือบทุกวัน



สั่งได้เพลนมาก
คือส้มปั่น
จริง ๆ อยู่เมืองไทยไม่เคยกินส้มปั่นนะ
ไม่ชอบ มันเปรี้ยว แล้วเค้าใส่น้ำเชื่อมเยอะ
มันไม่เจ้มจ้น จืด ๆ เปรี้ยวจาง ๆ น้ำเยอะ ๆ เหมือนกินน้ำเปรี้ยวใส่กลิ่นส้ม
แต่ทำไมอยู่เกาหลีถึงอยากกินส้มก็ไม่รู้
จริง ๆ รู้
เพราะมันถูกสุด 555
พวกแตงโม สับปะรด เมล่อนและผลไม้อันอื่นที่ไม่รู้จักจะอีกราคานึง
เลยเอานี่แหละ ถูกสุด ตามประสาแบ็คแพ็คไส้แห้งแถมเรื่องมากในการกิน

แต่จริง ๆ ได้แรงบันดาลใจจากการซื้อส้มกินจากกระทู้ของผู้ชายคนนี้

เกาหลี หน้าหนาว ~ ทริปนี้สุดโหดแต่โคตรฮาครับ

ที่เล่าเรื่องไปเกาหลีได้ฮามากมาย แนะนำให้เข้าไปอ่านค่ะ
ไม่ไปเกาหลีก็เข้าไปอ่านที่เค้าเล่าได้ สุดยอดแล้วผู้ชายคนนี้ ทั้งตัวอักษร ทั้งภาพ
แล้วบรรยายส้มเกาหลีซะจนอยากกิน

ลองกินเข้าไป
เฮ้ย
อร่อยว่ะ
เข้มข้น
ส้มเน้น ๆ
คือเค้าเอาส้มลงไปปั่นเลย
มีกากส้มด้วย

ดีนะที่เราไม่กินผัก แต่กินผลไม้ได้เกือบหมด
ส้มนี่ก็กินกากด้วยนะ เพื่อนบางคนมันไม่กินกาก กินแต่น้ำ
บางคนกินกาก แต่แม่งต้องมานั่งเอาเส้นใยที่มันติดกับเนื้อส้มออก
อีพวกนี้เห็นแล้วน่ารำคาญมากมาย

อย่างเราไม่กินผักบางประเภทก็ไม่กินเลย
ไม่ได้มานั่งคัดเลือกกินแบบนี้
พี่ที่ออฟฟิศก็คนนึงก็ขำนะ
ไม่กินผักโรย
พอเค้าเผลอใส่มา
พี่แกนั่งเอาตะเกียบคีบออกทีละเส้น
คนอื่นกินกันหมดแล้ว
พี่แกยังคีบผักโรยออกไม่หมดเลย
5555


มารู้วันหลัง ๆ ตอนกินที่โรงแรมว่าส้มบ้านเค้าอร่อยมาก
ดูเหมือนจะไม่น่ากินนะ เพราะมันดูเหี่ยว ๆ
แต่แกะง่ายมาก เพราะเปลือกมันร่วน
ลองชิมดู
โอ้ว แม่จ้าวววววว
มันหวานมาก เปรี้ยวจิ๊ดเดียวหรือแทบไม่มีความเปรี้ยวเลย
แล้วยิ่งกว่านั้น

มันไม่มีเม็ด!!!!!!

แล้วกากมันไม่เหนียวเคี้ยวและกลืนลำบากเหมือนส้มเมืองไทย

เรากินในโรงแรมวันนึงเกือบ 10 ลูก
ทำให้ระบบขับถ่ายเราดีไปเลย
ไม่อยากจะบอกเลยว่าตอนย้ายจากบีวอนคืนละ 500 บาทไปอยู่ JW Marriott Seoul คืนละ 8,000 บาทเนี่ย แทบจะกินส้มแทนข้าวเลย เพราะมันอร่อยมากจริง ๆ กินมื้อนึง 5-6 ลูกก็อิ่มแล้ว
ฝรั่งที่ไปประชุมด้วยกันแอบแซว
ว่าเห็นยูที่ห้องอาหารทีไร ยูก็กินแต่ส้มตลอด
ก็กรูไม่ได้กินข้าวจริง ๆ กินแต่ส้ม
แล้วระบบขับถ่ายดีจริง ๆ
ถ่ายได้ทุกวันเลย เพราะเรามีปัญหาเรื่องระบบขับถ่ายมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว
แล้วแบบ
ถ่ายแล้วกลิ่นไม่เหม็นนะ
มันกลิ่นเหมือนส้มอ่ะ 5555
ก็อย่างว่าแหละ
เช้ากับเย็นกินแต่ส้ม จะให้ถ่ายเป็นอะไรวะ เหอะ ๆ

แต่ตอนอยู่โรงแรมก็ไม่ได้ถ่ายมาเลยนะ
อายฝรั่งมัน
เดี๋ยวมันหาว่าบ้านนอก ก็บ้านนอกจริงอ่ะ
กรูไม่เคยมานี่หว่า อะไร ๆ ก็ไม่เหมือนบ้านกรูแม้กระทั่งส้ม
วันสุดท้าย
เลยว่าจะลงไปซื้อกลับบ้านกินซะหน่อย
ไปดูราคาแทบช็อค



ทีเห็นราคา 1,580 วอนเนี่ย
ต่อ 1 ขีดนะจ๊ะ
ขีดละ 43 บาท
หรือโลละ 430
เลิก ๆ
ไม่ต้องกงต้องกินมันแล้ว
ขึ้นไปกินส้มฟรีบน Executive Lounge แทนข้าวเหมือนเดิมดีกว่ากรู

อ้าว
ไปไหนแล้วเนี่ย
กลับมาแบ็คแพ็คต่อ
เล่าเรื่องวันหลัง ๆ ซะงั้น
ก็นั่งกินวาฟเฟิลไอติม กับส้มปั่นแล้วก็นมกล้วยไป
ก็นั่งเขียนไดอารี่กับดูแผนที่ไปซึ่ง 2 สิ่งนี้ต้องติดตัวตลอดยิ่งกว่า passport





ไดอารี่นี่เขียนตลอดเวลาที่ไม่ใช่เวลาเดิน
ทั้งนั่งกินก็กินไปด้วย เขียนไปด้วย
ขึ้น subway ก็ยืนไปด้วย มองวิว มองผู้คนแล้วก็เขียนนินทาไปด้วย
กลับมาเปิดดู
ลายมือเวลานั่งเขียนจะตัวใหญ่ ๆ หน้านึงเขียนได้น้อย แต่ลายมืออ่านง่าย
แต่เวลายืนเขียนใน subway ตัวหนังสือจะตัวเล็ก หน้านึงเขียนได้เยอะแต่อ่านไม่ค่อยรู้เรื่อง เพราะเขินด้วย เวลาเขียนไดอารี่ใน subway จะมีคนที่นั่งใกล้ ๆ หรือยืนใกล้ ๆ จะมอง เพราะมันไม่ใช่ภาษาบ้านเค้า คิดว่าอีนี่เป็นกระเหรี่ยงมาจากเมืองไหนเนี่ย หน้าตาก็เหมือนคนบ้านเรา โฮะ ๆ

แต่จริง ๆ แล้วเรามีเวลาเขียนน้อยมาก
เพราะเวลาส่วนใหญ่ทั้งวันหมดไปกับการเดินเกือบจะตลอดเวลา

มีตอนนี้ที่ได้นั่งอีกครั้ง
หลังจากเดินดูแหล่ง shopping กับมองสาว ๆ มหาลัยแล้ว
รูปนี้แอบถ่ายพ่อหนุ่มมุมซ้ายเสื้อดำ เท่ดี นั่งอยู่ตรงสวนสาธารณะเล็ก ๆ ที่เป็นลานน้ำพุเหมือนพารากอนหน้าห้างที่เค้าจัดเอาไว้ ร่มรื่นดีเหมือนกัน





ตอนนี้บ่าย 3 กว่า แดดไม่มีเลยไม่ค่อยร้อน ครึ้ม ๆ หน่อยนึงแต่ดีนะไม่ครึ้มขนาดฝนตก
นั่งปุ๊บ ง่วงปั๊บ
แทบจะหลับอยู่ตรงนั้น เพราะบนเครื่องคงนอนไม่พอ
เพราะตี 1 บ้านเรา เรายังไม่หลับเลย
แล้วเราตื่นตอนตี 4 บ้านที่แอร์ปลุกเรากินข้าวแล้วก็ไม่ได้หลับเพราะกินเสร็จไม่นานเค้าพร้อม landing ด้วย

จริง ๆ ง่วงตั้งแต่ได้กินกินวาฟเฟิลแล้ว
ไม่สิ
ง่วงตั้งแต่เดินดูมหาลัยแล้วด้วย
เลยไม่กล้านั่งในมหาลัยเลย กลัวหลับ เพราะมันเงียบ ต้นไม้ร่มรื่น แล้วค่อนข้างเงียบ
ถ้าได้นั่งม้าหิน แล้วฟุบ ท่าทางหลับยาว

นั่งกินวาฟเฟิลก็พยายามไม่นั่งนาน
เพราะถ้านั่งนานเดี๋ยวขี้เกียจแล้ว
เพราะวันนี้ตั้งใจเที่ยว 3 ที่ คือ 3 มหาลัยติดกันคือ Ewha, SinChon แล้วก็ HongIk
แต่ตอนนี้เหลือ 2 ที่แล้วหลังจากเที่ยวที่แรก แล้วได้คุยกับน้องผู้ชายคนนั้นที่บอกว่าชินชนไม่ค่อยมีอะไร
ถ้านั่งนานกว่านี้ได้ตัดสินใจกลับบีวอนแน่นอน เพราะเลยบ่าย 2 แล้ว check in ได้แล้วด้วย


อันนี้ถ่ายฝั่งขวา
แอบถ่ายผู้ชาย 2 คนนั่งคุยกัน กล้องตูมีแต่รูปผู้ชาย 555





อยู่อีแดนี่ผู้ชายหายากเหมือนกันนะ
เห็นแต่น้องผู้หญิงมากับเพื่อน ๆ
เห็นผู้ชายบ้างนาน ๆ ทีก็คือมากับแฟน
ไม่เห็นผู้ชายมากับกลุ่มเพื่อนนะ
แล้วก็ไม่เห็นเกย์หรือคู่เกย์เลยนะกับการอยู่เกาหลี 7 วัน
แหม ทำอย่างกะไปทุกที่เนอะ
7 วันก็หมกอยู่แต่สวนสาธารณะซะส่วนใหญ่
จะไปเจอได้ไงล่ะเนอะ
แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าที่โซลเค้าเปิดเผยขนาดไหน
แต่ไปย่านมหาลัยก็ไม่เห็นเลยนะ

หลังจากนั่งมองผู้ชาย เอ้ย นั่งเขียนไดอารี่ในสวนกลางแจ้ง ต้นไม้ไม่เคยเยอะหน้าห้างจนหายเมื่อยไปหน่อยนึงแล้ว
เราก็มีแรง move เดินขึ้น-ลงรังปลวกไปอีก 1 สถานี
คือมหาลัยฮงอิก หรือ Hongik University มหาลัยศิลปะ
คล้าย ๆ ศิลปากรบ้านเรา
วันนี้วันเสาร์
เลยตั้งใจไปเดินดูตลาดของทำมือที่นักศึกษาทำมาขาย
เป็นตลาดกลางแจ้ง
เดินไกลเหมือนกันนะจาก subway เนี่ย
แต่ออกมาจาก subway แล้วคึกคักเป็นบ้า
วัยรุ่น เด็กมหาลัยเต็มเลย เดินกันขวักไขว่
แต่รู้สึกว่าทุกคนจะมุ่งหน้าไปโรงหนังกันนะ
เราก็เริ่มหาไอ้ตลาดกลางแจ้งนี่เลย
เดินมาไม่นานก็ถึง
แต่ไม่ได้ถึงตลาดนะ เพราะไม่รู้อยู่ไหน
แต่ถึง Tourist Information
ก็เข้าไปถามทาง
น้องแกให้แผนที่มาเลย
เดินไปอีกไกลพอสมควร
เพราะต้องข้ามถนน เดินตรงไปจนสุดถนนสายหลัก
เลี้ยวขวาวนลงมาอีกด้านจะเห็นสนามเด็กเล่น
ตรงนั้นแหละจ้าที่เค้าขายของทำมืออาร์ท ๆ กัน

ได้แผนที่ปุ๊บก็ออกเดินทางกันเลย
เริ่มจากข้ามถนนใหญ่ก่อน
วัยรุ่นออที่จะข้ามกันเยอะมาก
2 ข้างทางเต็มไปด้วย Cafe ที่ตอนกลางคืนเปิดเป็นผับ
แล้วก็ร้านเครื่องสำอาง (แต่ตูไม่ซื้อเว้ย จะเที่ยว ขี้เกียจแบก แพลนไว้แล้วว่าวันไหนต้องไปแบกเครื่องสำอางตาม list ที่ได้รับมอบหมายมา แต่ขอเหอะ 3 วันที่ตูเที่ยวเองเนี่ย ขอไม่ซื้อแม้ว่ามันจะเซล 90% เป็นวันสุดท้ายก็ตาม)

ข้ามถนนมาก็เดินเล่นถนนคนเดินของเค้า
2 ข้างทางก็จะมีร้านค้าเล็ก ๆ มาตั้งโต๊ะ
ส่วนใหญ่ขายพวกของไฮเทคหน่อย ๆ พวกหูฟัง เครื่องประดับทั้งผู้หญิง ผู้ชาย
ถนนนี้เดินเพลินมาก
เพราะคนขายเป็นน้องผู้ชายหน้าตาดีกันหมดเลยเกือบทุกร้าน
แถมมีโชว์ตักไอติมโดยใช้ที่ตักไอติมยาวหลายเมตรเลย
อีนี่ร่าเริงมาก
ร่าเริงจนไม่ได้ยกกล้องขึ้นมาถ่ายเลย
แล้วก็ร่าเริงจนเดินเลยทางที่ต้องเลี้ยวไป 1 เท่าตัวต้องเดินย้อนกลับมาเหงื่อตก
แล้วขอโทษ
ทางไม่ได้ราบเหมือนกรุงเทพฯ นะจ๊ะ
มันเดินขึ้นเนิน ลงเนินอีกต่างหาก

ก็ว่าทำไมมันไกลจังวะ
เดินมา 20 กว่านาทีจนเมื่อยแล้วเมื่อยอีกจนสุดถนนที่เป็นทางเข้ามหาลัยแล้วมั้ง
เพิ่งมารู้ตัวว่าเลยมาตั้งไกล
จริง ๆ น่าจะรู้ตัวนานแล้วนะ
เพราะที่น้อง ๆ เค้าขายของมันหมดมาครึ่งทางแล้ว เหอะ ๆ

ถึงแล้ว





ไปถึงแอบผิดหวัง
เพราะ Arts Market กลางแจ้งของเค้ามันเล็กมาก
เพราะเค้าจัดที่สนามเด็กเล่น





บรรยากาศรอบ ๆ
ที่ถ้ามากับทัวร์จะไม่เจอแบบนี้แน่นอน
(อย่างที่บอก ทริปนี้ไม่เที่ยวอะไรที่ทัวร์จะพาไปเลย ทั้งแหล่ง shop สารพัดมุนกับดง และพวกวังทั้งหลาย ไม่มีสิทธิมาอยู่ในโปรแกรมเที่ยวและบล็อคของเราแน่นอน หุหุ)



































เหมือน indy in town บ้านเรามะ
แล้วมันจะมีส่วนนึงสำหรับเวทีกลางแจ้ง
เป็นลานเล็ก ๆ
ก็มีคนมาเล่นกีต้าร์





ฝั่งคนฟัง





แอบเดินกลับมา
แปลกใจ
เอ๊ะ
วัยรุ่นเกาหลีเค้าต่อแถวทำอะไรกันนะ
ดูยืนรออย่างตั้งใจและสนอกสนใจกันด้วย





อ๋อ
มายืนให้พ่อหนุ่มคนนี้วาดรูปการ์ตูนให้ภายใน 10 วินาทีนี่เอง





คงแปลกใหม่ในบ้านเค้าน่ะนะ
แล้วค่าวาดถูกมาก
เห็นหยอดเหรียญลงในกล่องน่ะนะ
ไม่รู้ว่าเป็นเหรียญอะไร
คาดว่าน่าจะเป็นเหรียญ 1,000 วอนนะ
ก็ 27 บาท
กับภาพการ์ตูนทีวาดภายใน 10 วิ
10 วิจริง ๆ นะ
น้องแกจริงจังมากเลย
มีนาฬิกามากดตั้งเมื่อลงมือวาดรูป
แล้วมันเดินประมาณ 8-9 วิ น้องเค้าก็วาดเสร็จแล้ว
จริง ๆ มันก็ไม่เหมือนหรอก
เป็นลายเส้นการ์ตูนง่าย ๆ
เหมือนสุดก็ตรงทรงผมของแบบเนี่ยแหละ
ตอนนั้นเหมือนฝนจะตก
น้องเค้าเลยต้องยกโต๊ะเลื่อนกันวุ่นวายเหมือนกัน
แต่น้องที่วาดแอบน่ารักนะ หุหุ

หลังจากนั่งขอบกำแพงเตี้ย ๆ มองของ มองคน ซึมซับบรรยากาศจนหนำใจแล้วก็กลับมา check in ที่บีวอน

ระหว่างทาง
ผ่านร้านวาฟเฟิลที่มีวัยรุ่นต่อคิวกันอีกแล้ว
วาฟเฟิลแบบเดียวกัน
แต่ที่นี่ขาย 2,000 วอนล่ะ
หอมมากมาย แต่คนรอคิวเยอะเลยไม่ไหว เมื่อยแล้ว

เดินออกมาได้ยินเสียงสำเนียงคุ้น ๆ
เป็นผู้ชาย 2 คนถามกันไปกันมาเป็นภาษาไทยว่าอยู่ตรงไหนแล้ววะ
ดูท่าทางแล้วคงหลงแน่นอน แผนที่ 2 คนนั้นก็ไม่มี
แล้วยืนงง ๆ กัน 2 คนแล้วก็ถามกันอีกว่าเค้านัดเจอกันตรงไหนวะ
อีนี่ก็เสร่อเข้าไปถามว่า แล้ว (เมิง) จะไปตรงไหนวะ เอ้ย คะ
เค้าก็ตื่นเต้นตกใจว่าอีหมวยนี่มันคนไทยเหรอ
แถมตกใจเข้าไปอีกเมื่อรู้ว่าเรามาเที่ยวคนเดียว
2 คนนั้นมากับทัวร์ แล้วทัวร์มาปล่อยให้ช้อปปิ้งแถวนี้

พวกสาว ๆ ในกรุ๊ปก็ลั้นล้าเข้า ออกร้านเครื่องสำอางกันอย่างสติหลุด
ส่วนเค้า 2 คนเลยหลุดมาเดินเล่นหาพวก mp4 หาของไฮเทค
แล้วเค้า 2 คนก็จำไม่ได้ว่าทัวร์นัดตรงไหน
ยังไม่คุ้นสถานที่เลย แผนที่ก็ไม่มี แล้วมันถึงเวลาแล้ว
เราเลยให้เค้าไป start ที่ Tourist Information กับเราแล้วกัน
เพราะเราต้องผ่านไปขึ้น subway อยู่แล้ว

ปรากฎว่าตรงนั้นแหละเป็นที่ ๆ ทัวร์นัดเจอแต่ยังไม่มีคนมาเลยทั้ง ๆ ที่ถึงเวลาแล้ว
(นี่เป็นสิ่งนึงที่เราเกลียดและกลัวมากสำหรับการเสียเงินไปเที่ยวกับกรุ๊ปทัวร์และคนหมู่มาก คือการที่ปล่อย shopping แล้วนัดเวลามาเจอตามเวลา ไม่มีหรอกที่ทุกคนจะตรงเวลา มันจะต้องรอชาวบ้านหรือไม่ชาวบ้านก็รอเรา แล้วถ้ามีคนหลงนี่ยิ่งเป็นอะไรที่สยดสยองมากมาย)

ก็เข้าไปขอแผนที่ด้วยกัน
แล้วเค้า 2 คนก็ถามชื่อผับที่ดัง ๆ แถวนั้น
แต่เราไม่ได้ตั้งใจฟังหรอกนะว่ามันชื่ออะไรเพราะไม่คิดจะไปอยู่แล้ว
แล้วเค้า 2 คนก็บอกว่าเค้าเป็นนักท่องเที่ยวเต็มตัวแล้วเพราะมีแผนที่อยู่ในมือ
555
จริงสิเนอะ
ไปกับทัวร์ แผนที่มันไม่มีความหมายอะไรเลยนี่นา
อยาก shop ตรงไหนเป็นพิเศษก็ถามไกด์เอาก็จบ
ไปแต่ละที่ก็รถทัวร์ถึง
จะเอาแผนที่ไปทำไม

ไม่เหมือนเรา ที่จะต้องมีแผนที่หลัก 2-3 แผ่นของแต่ละเจ้า
เพราะแผนที่หลักแต่ละอันก็ไม่เหมือนกัน เจาะลึกสถานที่เที่ยวบางที่ไม่เหมือนกันด้วย
แล้วไปจุดท่องเที่ยวไหนก็ต้องมองหา information เพื่อขอแผนที่สำหรับที่เที่ยวนั้น
แล้วก็ต้องขุด sense เกี่ยวกับ Direction ทั้งหลายมาใช้
แต่ถ้าเดินผิดทาง หรือเดินเลย ก็ไม่รู้สึกผิด เพราะไม่ได้ทำให้ใครมาเหนื่อยกับเราด้วย โทษใครก็ไม่ได้เลยไม่ต้องโทษ

หลังจากร่ำลา 2 หนุ่มไปแล้ว
ได้เวลากลับไป check in จริง ๆ ซักที
เราจองห้องพักสำหรับนอน 2 คน ห้องน้ำในตัว
จองผ่าน agency ราคาคืนละ 22,000 วอน เกือบ ๆ 600 บาท
ซึ่งถือว่าถูกมากมาย
ถูกสุดแล้วมั้งสำหรับ guest house ที่อยู่ในพื้นที่กลางเมืองและใกล้ subway ขนาดนี้ (แต่ถ้าถามคนไทย เราว่ายังเดินไกลนะ แต่ถามคนเกาหลี เค้าจะบอกว่าใกล้มาก)

เปิดประตูหลักเข้าไป
ขวามือเป็นประตูห้องน้ำ ตรงหน้าเป็นอีกประตูนึง ไม่รู้มันจะเหลือประตูทำไมอีก 1 บาน กลัวแอร์หนีมาที่ห้องน้ำเหรอไงไม่รู้






เราได้พักกับรูมเมทญี่ปุ่นหน้าตาไม่รับแขก
แล้วต้อนรับเราด้วยเสื้อผ้า ยกทรงและกางเกงในที่แขวนเต็มพรืดตรงราวเหล็กของเตียง 2 ชั้น
เค้ายังไม่กลับมาห้อง
แล้วเราก็เหนื่อยเกินกว่าจะมาสนใจของพวกนี้
ได้แต่เก็บรวบ ๆ ไว้แล้วถ่ายรูปที่ซุกหัวนอนของเราไปฝากที่บ้านซะหน่อย





น้องที่คุมที่นี่บอกว่าเรานอนเตียงล่าง แต่แอบงงว่าเตียงล่างมีข้าวของ ๆ รูมเมทญี่ปุ่นอยู่
แต่กรูไม่สนใจแล้ว เพราะปวดขาและหลังมาก
ไม่มีปัญญาปีนขึ้นไปนอนข้างบนเหมือนกัน
จัดการย้ายข้าวของเจ๊แกขึ้นมาเตียงบน

ถ่ายจากนั่งบนเตียง




ถ่ายจากมุมทีวี





สังเกตได้ว่าห้องแคบมาก
ไว้ซุกหัวนอนจริง ๆ
เรา 2 คนไม่สามารถกางกระเป๋าออกมาจัดได้พร้อมกัน เพราะพื้นที่ไม่พอ

ห้องน้ำ เก่ากว่าในเว็ปเยอะมาก แต่เอาเหอะ จ่ายเท่าไหนก็ได้เท่านั้นแหละ อ่างนี่ได้แช่ทุกวัน เพราะเมื่อยมาก แล้วทุกคนบอว่าน้ำอุ่นมาก ๆ จะช่วยได้ แต่ห้องน้ำมันแคบ เวลาแอบน้ำแทบจะยืนแข็งเลย กลัวน้ำกระเด็น เวลาสระผมที่ต้องนั่งก้มหัวสระเลยเพราะกลัวเลอะเทอะ










ที่นี่ไม่ผ้าเช็ดเท้าให้เลย
ให้แต่ผ้าเช็ดผ้ากับผ้าเช็ดผม
แต่มันยังไม่เท่าไหร่
แต่ด้วยห้องน้ำมันเล็กมาก
แต่ให้เรายืนล้างตัวโดยไม่ขยับ
มันก็เปียกอ่างกับเปียกพื้นข้างนอกแล้ว

เราเลยไปขอผ้าขนหนูเพิ่ม
น้องคนคุมผู้ชายก็ถามว่าเอาไปทำไม
ก็บอกว่าเอาไปเช็ดน้ำที่มันเลอะเทอะเพราะอ่างอาบน้ำมันแคบมาก
จะนั่งอาบก็ไม่ถนัด
ยืนอาบมันก็เลอะเทอะ
เวลาอาบเสร็จจะได้เช็ดห้องน้ำให้แห้ง ให้มันดูดี
เวลารูมเมทมาใช้จะได้รู้สึกดี
เค้าก็ทำหน้างง ๆ แบบว่าต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ
เราก็ตอบไปว่า
เวลายูไปอาบน้ำต่อจากใครแล้วคนก่อนหน้าทำน้ำกระจายไปทั่ว
ยูรู้สึกยังไงล่ะ
มันก็งง ๆ แต่ยังดีนะที่มันไปเอาผ้าสีเข้มมาให้

ถ่ายรูปเสร็จรีบล้มตัวลงนอนเลย

ปวดขาจนอยากจะตัดขาทิ้ง เพราะเดินเยอะมาก ต่อเนื่องประมาณ 6 ชั่วโมงต่อเนื่อง แถมทางก็เป็นเนินขึ้น ๆ ลง ๆ นั่งพักจริง ๆ 10-15 นาทีไม่เกิน 2-3 ครั้งเอง
แถมปวดหลังแถว ๆ ก้นกบจากการแบกเป้ที่มีสมบัติบ้า ทั้งแผนที่ หนังสือและไดอารี่ กล้อง ขนมปัง น้ำ ฯลฯ แล้วก็นะ แบกขึ้นเนิน ลงเนินต่อเนื่องเหมือนข้างบน

ปวดขานี่ยังโอเคนะ เพราะคิดไว้แล้วว่าต้องเดินเยอะ
แล้วมันต้องปวดแน่ ๆ
แต่ไอ้ปวดหลังเนี่ย ไม่ได้คาดไว้ก่อนเลย แล้วมันปวดก่อนจะปวดขาด้วยซ้ำ
พอมันปวดแล้วเดินต่อไม่ค่อยได้เลย

แล้วก็ง่วงมาก ทั้ง ๆ ที่มันเพิ่ง 6 โมงเย็น
ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ได้ใช้งานตลอดเวลา มันคงล้าเต็มที
แผนเที่ยวของเราเลยต้องปรับตลอดตามอาการและอารมณ์และอากาศที่โน่น

ตอนพิมพ์นี่ก็เมื่อยนิ้วแล้วเหมือนกัน
ไว้ตอนหน้ามาต่อนะ
เม้ามา 4 ตอนละ ยังไม่พ้น 1 วันแรกเลย
นี่ก็ยังไม่จบวันนะเนี่ย
มากมายจริง ๆ ผู้หญิงคนนี้ เหอะ ๆ



ตามอ่านซีรี่ย์เที่ยวเกาหลีคนเดียวของเราทั้งหมดได้ที่ลิงค์ด้านล่างนะคะ

ผู้หญิงที่ตัดสินใจเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศคนเดียวเป็นครั้งแรก ในใจเค้าคิดอะไรอยู่

เที่ยวคนเดียวครั้งแรกในชีวิตที่ "เกาหลี" กับบันทึกร่วม 40 หน้า เราว่า...มันยังน้อยไป

เที่ยวคนเดียวครั้งแรกในชีวิตที่ "เกาหลี" กับบันทึกร่วม 40 หน้า เราว่า...มันยังน้อยไป 1

เที่ยวคนเดียวครั้งแรกในชีวิตที่ "เกาหลี" กับบันทึกร่วม 40 หน้า เราว่า...มันยังน้อยไป 2

เที่ยวคนเดียวครั้งแรกในชีวิตที่ "เกาหลี" กับบันทึกร่วม 40 หน้า เราว่า...มันยังน้อยไป 3

เที่ยวคนเดียวครั้งแรกในชีวิตที่ "เกาหลี" กับบันทึกร่วม 40 หน้า เราว่า...มันยังน้อยไป 4

เที่ยวคนเดียวครั้งแรกในชีวิตที่ "เกาหลี" กับบันทึกร่วม 40 หน้า เราว่า...มันยังน้อยไป 5

เที่ยวคนเดียวครั้งแรกในชีวิตที่ "เกาหลี" กับบันทึกร่วม 40 หน้า เราว่า...มันยังน้อยไป 6

เที่ยวคนเดียวครั้งแรกในชีวิตที่ "เกาหลี" กับบันทึกร่วม 40 หน้า เราว่า...มันยังน้อยไป 7

เที่ยวคนเดียวครั้งแรกในชีวิตที่ "เกาหลี" กับบันทึกร่วม 40 หน้า เราว่า...มันยังน้อยไป 8

เที่ยวคนเดียวครั้งแรกในชีวิตที่ "เกาหลี" กับบันทึกร่วม 40 หน้า เราว่า...มันยังน้อยไป 9

เที่ยวคนเดียวครั้งแรกในชีวิตที่ "เกาหลี" กับบันทึกร่วม 40 หน้า เราว่า...มันยังน้อยไป 10

เที่ยวคนเดียวครั้งแรกในชีวิตที่ "เกาหลี" กับบันทึกร่วม 40 หน้า เราว่า...มันยังน้อยไป 11

เที่ยวคนเดียวครั้งแรกในชีวิตที่ "เกาหลี" กับบันทึกร่วม 40 หน้า เราว่า...มันยังน้อยไป 12

เที่ยวคนเดียวครั้งแรกในชีวิตที่ "เกาหลี" กับบันทึกร่วม 40 หน้า เราว่า...มันยังน้อยไป 13

เที่ยวคนเดียวครั้งแรกในชีวิตที่ "เกาหลี" กับบันทึกร่วม 40 หน้า เราว่า...มันยังน้อยไป จบ!



Create Date : 05 สิงหาคม 2553
Last Update : 23 กันยายน 2556 16:25:09 น. 7 comments
Counter : 4185 Pageviews.

 
ตามมาอ่านต่อค่ะ ลายมือสวยจัง อิอิ


โดย: kapeak วันที่: 5 สิงหาคม 2553 เวลา:22:44:40 น.  

 
ตามอ่านตั้งแต่เกาหลีตอน1 เลยค่ะ เขียนได้สนุกจังค่ะ
เราจะไปเกาหลีวันที่ 13 สิงหาคมนี้แล้ว แต่ไปกับทัวร์ คงไม่สนุกและน่าตื่นเต้นเท่าไปคนเดียว

จะรอติดตามอ่านตอนต่อๆ ไปนะคะ


โดย: looknam IP: 202.149.29.81 วันที่: 6 สิงหาคม 2553 เวลา:10:21:14 น.  

 
ถึงจะเป็นวันเดียวในตอนที่ 4
แต่ก็อ่านแล้วสนุกมากๆ ค่ะ
รอตอน 5 อยู่นะคะ :-)


โดย: ปลากระป๋องตราปลายิ้ม IP: 10.2.58.39, 10.1.5.11, 58.137.129.220 วันที่: 6 สิงหาคม 2553 เวลา:11:33:34 น.  

 
อยากไปเดินเที่ยวด้วยนะคะ ยังไม่เคยไปเกาหลีเลย อ่านแล้วสนุกจริงๆ ค่ะ


โดย: diamondsky วันที่: 6 สิงหาคม 2553 เวลา:14:19:45 น.  

 
สู้ๆค่ะเขียนต่อไป

อ่านไปอมยิ้มไปคนเดียว แต่ทำใมตาไม่เห็นผู้ชายหล่อๆที่เกาหลีเลยนะเนี่ย โฮ่ๆๆๆ

ปล. คนวาดรูปแอบหล่อ มุมข้าง 555+


โดย: cucaracha IP: 58.11.41.216 วันที่: 6 สิงหาคม 2553 เวลา:20:13:03 น.  

 
วันนี้อารมณ์ดี
ตอบคอมเม้นท์แฟนคลับ (มีด้วยเหรอ) 555

คุณ kapeak >>> นี่สวยแล้วเหรอคะ นี่หน้านี้ดูมีระเบียบสุดแล้วมั้ง มีเว้นบรรทัดด้วย หน้าอื่นนี่ติดกันเป็นพรืด เขียนเอง อ่านเอง หุหุ

คุณ looknam >>> อ่านตั้งแต่เกาหลีตอน1 เลยเหรอ โหย ดีใจจังที่รู้ว่ามีคนติดตามและแสดงตัวด้วย เดินทางปลอดภัย เที่ยวให้สนุก เที่ยวให้เต็มที่ เก็บเกี่ยวความไม่คุ้นชินกลับมาเยอะ ๆ นะคะ เที่ยวประเทศไหนครั้งแรกนี่มันสนุกสุดแล้วค่ะ เพราะครั้งที่ 2 มันจะไม่สดสำหรับเราแล้ว

คุณ ปลากระป๋องตราปลายิ้ม >>> ชอบจริง ๆ มีคนรออ่าน มีกำลังใจในการเวิ่นเว้ออีกเป็นกองเลย

คุณ diamondsky >>> ไม่ต้องอยากค่ะ ตัดสินใจไปเลย ถ้าเราตัดสินใจไปแล้วเดี๋ยวทุกอย่างมันจะพร้อมเอง แล้วเดี๋ยวเราจะตื่นเต้นและเตรียมตัวเอง ถ้าไปอย่างไม่ได้เตรียมก็สนุกไปอีกแบบค่ะ เราก็เตรียมแค่คร่าว ๆ ว่าวันนี้ไปไหนบ้าง 2-3 ที่ ไม่ได้ fix ด้วย แผนเราก็เปลี่ยนตลอด


คุณ cucaracha >>> จะพยายามเขียนต่อไปนะคะ อ่านไปอมยิ้มไป น่ารักจัง อย่างน้อยสิ่งที่เราเขียนก็ทำให้คน ๆ นึงอมยิ้มได้เนอะ คนวาดรูปมองมุมตรงก็น่ารักค่ะ เหมือนน้อง จองเบ K-otic เลย อยากให้น้องเค้าวาดเหมือนกันแต่คิวยาวมาก ไม่รู้ว่าสาว ๆ ที่ต่ออยากได้รูปหรืออยากจ้องน้องเค้ากันแน่ อิอิ


โดย: ยัยลีลี วันที่: 11 สิงหาคม 2553 เวลา:19:13:28 น.  

 
สวัสดี ยัยลีลี ตอนที่ 4
ชินชอนนี่ คึกคักดี มีขายของ
กับหลากหลาย ร้านอาหาร ก็น่าลอง
แต่บางร้าน ได้แต่มอง เพราะแพงเกิน

ได้กินส้ม อร่อยดี เหมือนกันเน้อ
ยิ้มที่เธอ ไม่กล้าถ่าย เพราะขวยเขิน
ส้มที่นี่ กินได้เรื่อย อย่างเพลิดเพลิน
คุ้มค่าเงิน แกะก็ง่าย เม็ดไม่มี

ตามไปที่ ฮงแด แลบรรยากาศ
บางคนพลาด แม้พำนัก อยู่เกาหลี
เลยอดดู จรรโลงใจ สิ่งดีดี
หน้าม.นี้ ก็น่าสน ชวนเดินชม

ในเกสต์เฮาส์ ดูเรียบง่าย แลสะอาด
คงปัดกวาด รับแขก ตามเหมาะสม
ราคาก็ ทั่วไป ไม่เสียรมณ์
มีอ่างให้ นอนแช่จม ได้ผ่อนคลาย

...

อืมม ได้เปิดมุมมองใหม่ๆ ไปเที่ยวด้วยเลย

ได้เห็นบรรยากาศที่พักด้วย

ขอบคุณนะ ;)


โดย: เลื้อย วันที่: 27 กันยายน 2553 เวลา:18:49:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หนูลีลี
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 94 คน [?]




ไม่อินกับการเขียนบล็อคมาตั้งแต่บล็อคสุดท้ายปี 2561 แล้วค่า
Friends' blogs
[Add หนูลีลี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.