<<
กรกฏาคม 2559
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
31 กรกฏาคม 2559
 

เธอ...เขา...

เธอ… เขา...

กว่าแปดปีแล้วที่ผมรู้จักเธอ แต่ถ้าจะพูดให้ถูกต้องกว่านี้มันควรจะเป็นผมรู้จักเธออยู่ฝ่ายเดียวเมื่อนานแสนนานมาแล้วมากกว่า ตั้งแต่ครั้งที่เราทั้งคู่ยังเป็นนักเรียนมัธยม เธอเป็นคนที่อยู่ในกลุ่มที่เรียกว่าป๊อปปูล่าของโรงเรียน ไม่ว่าที่ไหนรอบกายเธอมักจะถูกรายล้อมไปด้วยเพื่อนฝูง
เธอเป็นคนเก่ง คุยสนุก ร่าเริง เป็นประเภทที่ทำให้บรรยากาศอึมครึมเปลี่ยนไปได้เพียงแค่มีเธออยู่ตรงนั้นด้วย ผมเพิ่งรู้ว่ารักแรกพบในใครๆ พูดกันนั้นมีอยู่จริง
ระหว่างผมกับเธอ หากจะให้เปรียบเทียบกัน คำว่าดอกฟ้ากับหมาวัดหรือไม่ก็ท้องฟ้ากับก้นเหวคงจะไม่ดูเกินไปนัก ผมรู้ตัวดีเสมอ แต่ความรักไม่ใช่เรื่องของเหตุและผล ผมยังคงหวัง ยังคงแอบมองเธออยู่ห่างๆ แม้ว่าผมจะไม่มีตัวตนสำหรับเธอ

ฉันรู้จักเขาจริงๆ เมื่อห้าปีที่แล้ว จะว่าไปแล้วก่อนหน้านั้นหากฉันไม่บังเอิญหันไปเห็นเขาในบางครั้งบางคราวฉันก็คงไม่รู้ว่าในชั้นเรียนมีเขาอยู่ด้วย ดูเหมือนเขาเป็นคนค่อนข้างเงียบ เขามักนั่งอยู่หลังห้องหรือไม่ก็นั่งเงียบๆ ในกลุ่มเด็กผู้ชาย ไม่มีใครที่ดูจะสนิทสนมเป็นพิเศษ
ซึ่งนั่นก็รวมถึงฉันด้วย

วันสุดท้ายของผมและเพื่อนร่วมรุ่นในสถานศึกษาแห่งนี้ ผมไม่รู้ว่าเธอจะไปทำอะไรหรือเรียนต่อที่ไหน นึกใจหายว่าอาจจะไม่ได้เจอเธออีกแล้ว ผมเดินเข้าไปทักทายเธอที่กำลังยืนรอเพื่อนๆ อยู่คนเดียวด้วยความกล้าอันน้อยนิดที่รวบรวมมาได้ เธอทำสีหน้างุนงงเล็กน้อยก่อนที่จะยิ้มออกมาและพูดคุยกับผม
ผมดีใจมากที่ตัดสินใจทำในสิ่งที่คิดว่าถูกต้องลงไป อย่างน้อยตอนนี้เธอก็รับรู้ถึงการมีอยู่ของผมแล้ว

จู่ๆ เขาก็เดินเข้ามาด้วยท่าทางแปลกๆ อีกทั้งยังสะดุดขาตัวเองจนแทบจะล้มหน้าคะมำอีก แปลกใจลึกๆ เพราะปกติเขาไม่ใช่ประเภทเดินเข้าไปคุยกับใครก่อน
คำทักทายดูขัดเขินจนฉันแอบหัวเราะอยู่ในใจ คิดว่าเขาเป็นคนที่ดูตลก คำพูดที่ใช้ก็ดูเชยๆ ยังไงพิกล แต่หลังจากได้คุยกับเขาแล้วฉันว่าเขาก็เป็นคนที่ค่อนข้างคุยสนุกทีเดียว และที่สำคัญกว่านั้นเขาดูนอบน้อม สุภาพ และดูอบอุ่นกว่าที่คิดไว้มาก

ความสัมพันธ์ของเราดำเนินไปอย่างราบเรียบ ผมพูดคุยกับเธอได้อย่างสนิทสนมตอนเข้าเรียนที่สถานศึกษาแห่งใหม่ที่สถาบันและคณะเดียวกัน
เธอคงไม่รู้ว่าผมต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะทำให้ตัวเองได้เข้ามาเรียนที่เดียวกับเธอ แต่เพียงเพราะรัก ผมอยากได้อยู่ใกล้แม้เพียงระยะสายตา ผมต้องการเห็นรอยยิ้มของเธอเหมือนที่ผ่านๆ มา
วันแรกของการเปิดภาคเรียนเธอเดินเข้ามาทักทายผมด้วยใบหน้าเกลื่อนยิ้ม
ผมดีใจมาก เธอยังจำผมได้

สถานศึกษาใหม่ที่อะไรๆ ก็ใหม่ เหลียวซ้ายแลขวาเจอแต่ความแปลกตา และฉันก็พบเขายืนอยู่ท่ามกลางความไม่คุ้นเคยนั้น ฉันดีใจและรีบเดินตรงดิ่งไปหา นั่นเป็นครั้งที่สองที่ได้คุยกับเขา ท่าทางของเขาออกจะขัดเขินซึ่งฉันเดาว่าเขาอาจจะไม่คุ้นเคยกับการคุยกับเพศตรงข้ามสักเท่าไหร่
เรายืนคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง ท่าทางซื่อๆ ของเขาทำให้บรรยากาศรอบกายผ่อนคลายลง ฉันยิ้มออกมาได้อย่างง่ายดายอย่างไม่รู้ตัว

เวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไป เราเริ่มไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยขึ้น คุยกันปรับทุกข์กันมากขึ้น เรารู้จักกันและกันมากขึ้น มันเป็นช่วงเวลาที่ผมมีความสุขเหลือเกิน ผมชอบมองใบหน้ากลมของเธอ ดวงตาดำนั้นช่างเปล่งประกายสดใสได้อย่างน่าประหลาด
ผมไม่อยากสูญเสียเธอ ไม่อยากสูญเสียวันเวลาล้ำค่าเหล่านี้ไปให้ใคร เสี้ยววินาทีนั้นผมตัดสินใจทำในสิ่งที่ผมไม่คิดว่าจะกล้าทำออกไป
ราวเวลาหยุดนิ่ง ทุกคำพูดจากปากของผมเองดูเชื่องช้ายาวนานกว่าจะหลุดออกไปได้แต่ละคำ ผมสารภาพรักกับเธอ ขอคบกับเธอในฐานะที่มากกว่าเพื่อน เธอมีสีหน้าตกใจเล็กน้อยที่ได้ยิน
ใจหนึ่งผมอยากวิ่งหนีหลังจากพูดจบ แต่อีกใจหนึ่งก็อยากฟังคำตอบ และในที่สุดคำตอบนั้นก็ทำให้ใจผมพองโต ผมฉีกยิ้มกว้างกว่าครั้งไหนๆ ที่เคยจำได้ในชีวิตนี้

วันเวลาผ่านไป เราคุยกันบ่อยขึ้น ฉันและเขาสนิทกันมากขึ้น ฉันรู้สึกสนุกและมีความสุขเมื่อได้อยู่กับเขา อาจเป็นเพราะเราเคยรู้จักกันมาก่อนหน้านี้ทำให้เข้ากันได้ง่ายกว่าคนอื่น เขาเป็นเพื่อนที่ดีเวลาได้คุยเล่นกัน เป็นพี่ชายที่ดีเวลามีเรื่องทุกข์ใจ
เขาสารภาพรักกับฉันในระหว่างที่เรากำลังกินขนมเค้กกันอยู่ในร้านช่วงเย็นหลังเลิกเรียน ฉันตกใจ จ้องมองใบหน้าของเขา ฉันสับสนไม่รู้ว่าอะไรคือคำตอบที่ถูกต้อง แววตาสับสนของเขาแฝงความนัยไว้มากมายจนฉันกลัวที่จะปฏิเสธ
ฉันไม่ปฏิเสธความหวังดีนั้น เราทั้งคู่ยังเป็นเด็กกันอยู่มาก เมื่อวันเวลาผ่านไปทั้งเขาและฉันอาจได้เรียนรู้อะไรอีกมากมาย เมื่อถึงเวลานั้นเราอาจจะได้รู้จักความรักที่แท้จริง ฉันหวังว่าเวลาจะช่วยหาคำตอบที่ถูกต้องสำหรับเราสองคน

ผมรู้ดีถึงความแตกต่างระหว่างเราสองคน ผมพยายามทำทุกอย่างเท่าที่สามารถทำได้ ผมไม่อยากให้เธอรู้สึกน้อยหน้าใคร ผมอยากให้เธอมีความสุขเวลาที่เราได้เดินไปไหนมาไหนด้วยกัน ผมพยายามพัฒนาตัวเองในหลายๆ เรื่อง
ผมเรียนหนักขึ้น เล่นกีฬามากขึ้น พยายามเป็นคนเก่งในสายตาของใครต่อใครเพื่อให้เธอไม่ต้องอายใครเวลาพูดถึงผม
ผมต้องพยายาม พยายามให้มากกว่านี้

หลังจากวันนั้น ฉันรู้ดีว่าเขาพยายามมากขนาดไหน เขาพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองมากมายเพื่อฉัน ลึกๆ แล้วฉันดีใจเพราะไม่เคยมีใครทำอะไรเพื่อฉันได้มากขนาดนี้ แต่ถึงอย่างนั้นในใจลึกๆ แล้วกลับรู้สึกตรงกันข้าม ความรู้สึกสงสารค่อยๆ ซึมออกมาจากความรู้สึกส่วนลึก
ฉันทำให้เขาไม่อาจเป็นตัวของตัวเองได้ ฉันกำลังรู้สึกว่าตัวเองทำผิดต่อเขามากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ
ฉัน...

สี่ปีในสถานศึกษาผ่านไป ความรักของเรายังคงเหมือนเดิม ผมได้งานที่ดี ฐานะทางการเงินค่อนข้างมั่นคง ผมมั่นใจว่าในเวลานี้ผมสามารถทำตามที่ผมเคยพูดไว้กับเธอได้
ผมจะไม่ทำให้เธอต้องลำบาก จะทำให้เธอมีความสุขตลอดไป
ผมรวบรวมความกล้าอีกครั้ง

ที่ร้านกาแฟร้านเดิม เขานั่งรออยู่ที่โต๊ะตัวเดิม ฉันเดินเข้าไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับเขา เขาทำท่าตกใจเล็กน้อย พูดจาติดๆ ขัดๆ กว่าปกติ ดูเหมือนเขาจะกลับกลายเป็นเขาเมื่อครั้งที่เรารู้จักกันใหม่ๆ ท่าทางแบบนี้ที่ไม่ว่าจะเห็นกี่ครั้งฉันก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้
เขาหยิบแหวนสีทองเปล่งประกายเงาวับออกมาจากกระเป๋าเสื้อ

เธอตกใจ หยุดนิ่ง สีหน้าเรียบเฉยลงทันใด สายตาที่จ้องมองมาดูครุ่นคิด ผมสังเกตเห็นความกังวลที่ปรากฏขึ้นในแววตาครู่หนึ่ง ใจจดจออยู่กับคำตอบที่กำลังจะได้รับ มันช่างเหมือนกับวันนั้นที่ผมขอคบกับเธอเป็นแฟน
แต่ในเวลานี้มันจริงจังกว่านั้นมาก เพราะมันหมายถึงชีวิตที่เหลืออยู่ของเราสองคน ผมเห็นเธอขยับริมฝีปากขึ้นลงอย่างเชื่องช้า
ราวกับแสงทั้งโลกส่องลงมาที่ผม รอยยิ้มฉีกกว้าง นึกไปถึงว่าตัวเองช่างเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลก ภาพสวยงามในชีวิตที่เหลืออยู่ต่อจากนี้ปรากฏขึ้นตรงหน้า ต่อจากนี้ผมจะได้ใช้ชีวิตกับคนที่ผมรักและเฝ้าฝันมาตลอดแล้ว

ฉันตกใจกับคำขอของเขา ทำได้เพียงนั่งนิ่งประหนึ่งวิญญาณของตัวเองไม่ได้นั่งอยู่ตรงนั้น ใจเต้นราวกับวิ่งมาสักหลายกิโลเมตร ตาหลบลงต่ำอย่างครุ่นคิด ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่เคยผิดต่อฉัน เขามั่นคง ใจดี และเสมอต้นเสมอปลายไม่เคยเปลี่ยนแปลง
ไม่แน่ใจว่ามันเกิดจากความรู้สึกใด มันเป็นความรัก ความห่วงหาอาทร ความสงสาร หรืออะไรกันแน่ รู้เพียงว่าฉันไม่อาจผิดต่อเขา ไม่อาจทำให้เขาเสียใจ เพราะความพยายามและความรักที่เขามีให้ฉันมันมากมายเสียเหลือเกิน
มากมายเกินกว่าที่ฉันจะเอ่ยปฏิเสธออกไป

ปีแรกของการแต่งงานทุกอย่างราบรื่น มันงดงามราวกับเรากำลังเดินอยู่ในความฝัน เธอยังคงเป็นผู้หญิงเก่ง ยิ้มง่าย และสร้างบรรยากาศผ่อนคลายให้กับทุกคนเช่นเคย
เธอเป็นแม่บ้านที่ดีพอๆ กับเป็นผู้หญิงเก่งในที่ทำงาน มีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้นที่ผมยังค้างคาใจมาตลอดที่เราคบกัน
ผมไม่เคยได้ยินคำว่ารักแม้เพียงเสียงกระซิบออกจากปากของเธอเลย และยิ่งวันเวลาผ่านไปเธอก็เริ่มเงียบลง เงียบลง รอยยิ้มที่ผมประทับใจ แววตาสดใส ผมเริ่มเห็นมันจากตัวเธอน้อยลงเรื่อยๆ

ชีวิตหลังแต่งงานเป็นไปอย่างราบรื่น เขายังคงเป็นผู้ชายอบอุ่นที่พร้อมจะปกป้องฉัน เป็นผู้นำครอบครัวที่ดีกว่าที่คิดไว้มาก ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยคิดว่าฉันจะมีความสุขได้มากขนาดนี้
เพียงแต่ลึกๆ ในใจของฉันยังคงรู้สึกขัดแย้งและสับสน ฉันยังคงหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ในเรื่องความรู้สึกของตนเอง ทุกครั้งที่เขาสบตาและกอดฉันมันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกผิดทั้งต่อเขาและต่อตัวเอง
ฉันอึดอัดกับความรู้สึกที่เกิดขึ้น

ผมเริ่มเบื่อหน่ายกับอาการถามคำตอบคำของเธอ มันทำให้ผมอึดอัด ผมไม่รู้ว่าต้องทำตัวอย่างไรเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอ ต้องพูดต้องคุยเรื่องอะไร
ในคืนนั้นเมื่อความอดทนของผมมาถึงขีดสุด ผมระเบิดอารมณ์ใส่เธอก่อนจะหุนหัวออกจากบ้านมาด้วยอารมณ์แห่งโทสะปล่อยให้เธอจมอยู่กับอารมณ์เศร้าหมองและรอยน้ำตา
แต่ละก้าวที่เท้าทั้งสองพาไปช่างไร้จุดหมาย ในหัวมโนภาพแต่เพียงวันที่ผมขอเธอแต่งงาน มันเป็นความผิดของผมเอง ทั้งๆ ที่ในวันนั้นผมก็สังเกตเห็นความกังวลในแววตาของเธอ
แต่ผมเห็นแก่ตัวเกินไป
ผมเห็นแก่ความสุขของตัวเองจนไม่ยอมรับความจริงว่าเธอไม่ได้รักผม ความจริงแล้วผมอาจจะรับรู้มาตลอดเวลาที่คบกันก็ได้ผมจึงพยายามเปลี่ยนตัวเองขนาดนั้น
แต่ความจริงก็คือผมไม่เคยสนใจจิตใจของเธอเลย เธอที่ผมรักมากที่สุด

เขาโมโหอย่างรุนแรงจากเรื่องที่ฉันก็ไม่รู้ว่าอะไร เขาระเบิดอารมณ์ใส่ฉัน พูดแต่เพียงว่าฉันไม่ได้รักเขาเลย ไม่เคยสนใจเขา น้ำตาฉันไหล รู้สึกสับสน สมองมึนงงไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อเมื่อเห็นเขาเดินออกจากบ้านไป
มันเกิดอะไรขึ้น คำพูดของเขาทำให้ฉันได้คิดอะไรบางอย่าง ที่ผ่านมาอาจจะเป็นฉันเองที่ผิดอย่างที่เขาพูด เมื่อเขากลับมาแล้ว เมื่อสถานการณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้เริ่มดีขึ้นแล้ว ฉันจะต้องบอกเขาเสียที

อากาศสบายๆ ยามค่ำคืน ลมเย็นไล้ผ่านผิวหน้า ทำให้ผมกลับกลายมาเป็นตัวของผมเองอีกครั้ง ผมควรจะต้องกลับบ้าน ไปขอโทษ ไปปรับความเข้าใจ หรือทำอะไรก็ตามที่ควรทำ
หากเธอต้องการไปผมก็ไม่ควรจะเหนี่ยวรั้งเธอไว้อีก
รู้สึกปวดใจที่ต้องคิดแบบนี้ แต่สำหรับเธอแล้วผมพร้อมจะทำทุกอย่างให้เธอได้ ผมยินดีจะกลายเป็นอากาศที่ไม่มีตัวตนในชีวิตของเธออีกครั้งหากนั่นคือความต้องการของเธอ

ฉันเฝ้ารอคอยเขากลับมา หวังจะได้เห็นประตูบ้านเปิดออก หวังจะได้ยินเสียงแง้มประตู จากความสับสนกลับกลายเป็นความกังวล เขาออกจากบ้านนานเกินไปในเวลาเช่นนี้ จากความกังวลกลายเป็นความกลัว สายตาคอยมองแต่บานประตูด้วยจิตใจไม่เป็นสุข

ถึงแม้จะคิดอย่างนั้นแต่ผมก็ยังคงสับสนว่าหากพบหน้าเธอผมจะสามารถทำใจได้หรือไม่ หากพรุ่งนี้จะไม่มีเธอในชีวิตแล้วจริงๆ ผมจะทำอย่างไรต่อไป เท้าทั้งสองยังคงพาผมไปเรื่อยๆ ในขณะที่จิตใจของผมล่องลอยไปอยู่ข้างๆ เธอแล้ว
ฉันพลันเสียงแตรและล้อรถบดถนนดังลั่นเข้ามาในโสตประสาทดึงสติผมกลับมาอยู่กับตัวอีกครั้ง แสงไฟหน้ารถสาดส่องทำเอาประสาทตาพร่ามัวลง
สายเกินไป
ทุกสิ่งรอบกายหมุนคว้าง ร่างกายลอยละลิ่วอยู่กลางอากาศ
ภาพเก่าๆ ในความทรงจำพรั่งพรูออกมาจากสมองและส่วนลึกของจิตใจ น้ำตาไหลออกมา ความตายช่างน่ากลัวกว่าที่คิดไว้มากนัก ผมไม่เหลือเวลาแล้ว ไม่เหลือเวลาแม้แต่จะปรับความเข้าใจหรือแม้แต่จะบอกรักเธอเป็นครั้งสุดท้าย

ฉันตกใจแทบสิ้นสติเมื่อได้รู้ข่าวร้ายที่เกิดขึ้น เขาจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ช่างรวดเร็วและไร้การแจ้งเตือนใดๆ จิตใจหลุดหายไป นั่งนิ่งราวกับหุ่นไร้ชีวิต ความรู้สึกหนึ่งเอ่อล้นออกมาและมันช่างสว่างไสวชัดเจนกว่าครั้งไหนๆ จนความคลุมเครือที่เคยเกิดขึ้นหายไปจนหมดสิ้น
หากฉันได้รับรู้มันเร็วกว่านี้ทุกอย่างก็คงจะไม่เกิดขึ้น ฉันและเขาคงจะเป็นอีกคู่หนึ่งที่มีความสุขที่สุดในโลก
น้ำตาร่วงพรูออกมา ต่อจากนี้จะไม่มีอีกแล้ว คนที่แสนดีที่พร้อมจะเข้าใจ ดวงตาอ่อนโยนที่มองมาตลอดเวลา รอยยิ้มสดใส อ้อมกอดอบอุ่น
คนที่พร้อมจะฟังทุกคำพูดจนวันสุดท้ายของชีวิต
ไม่มีอีกแล้ว

เธอ...เขา...

ผู้ซึ่งแท้จริงแล้วมีความรักต่อกันอย่างสุดซึ้ง คนหนึ่งเริ่มต้นด้วยความรักและจบลงด้วยความตาย อีกคนหนึ่งที่เริ่มต้นจากคำว่าเพื่อนและจบลงด้วยความรัก
วันเวลาของพวกเขาเสมือนฟันเฟืองที่ขบกันไม่สนิท ความรู้สึกของคนทั้งสองจึงไม่อาจสื่อผ่านถึงกันได้
วันแล้ววันเล่าที่สายตาว่างเปล่าของเธอคอยมองผ่านช่องหน้าต่างไปยังประตูรั้วด้วยหวังว่าสักวันจะเห็นเขากลับมา
คืนแล้วคืนเล่าที่เธอต้องหลับไปพร้อมกับรอยน้ำตาและเฝ้าฝันว่าจะได้พบเขาในที่ใดที่หนึ่ง และบอกสิ่งที่ไม่เคยได้บอกไป มันช่างมากมายเกินกว่าที่เขาหรือแม้แต่เธอจะรู้สึกได้
“ฉันรักเธอ”
ทุกวันเธอยังคงนั่งกอดตัวเอง และกระซิบแผ่วเบาซ้ำๆ อย่างเลื่อนลอย
และทุกคืนวิญญาณของเขายังคงโอบกอดและบอกรักเธอ เพียงแต่บัดนี้ทั้งคู่ไม่สามารถรับรู้ถึงความรู้สึกของกันและกันได้อีกต่อไป
“ฉันรักเธอ”




 

Create Date : 31 กรกฎาคม 2559
0 comments
Last Update : 31 กรกฎาคม 2559 12:19:38 น.
Counter : 890 Pageviews.

 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

KTHc
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




[Add KTHc's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com