Group Blog
 
 
กันยายน 2548
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
7 กันยายน 2548
 
All Blogs
 
+•+•+•+ [ เกาะพร้าวนอก - เกาะทรายขาว : ตราด ] +•+•+•+

สวัสดีค่ะ...

ได้ออกไปเที่ยวอีกแล้วค่ะ คราวนี้ได้ไปถึง เกาะพร้าวนอก-เกาะทรายขาว หนึ่งในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง จังหวัดตราด ค่ะ เป็นครั้งแรกเลย ไม่เคยไปมาก่อนค่ะ ก็ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ประทับใจมากๆ ทีเดียวเชียว อิอิ


เลยนำภาพมาฝากกันค่ะ
(ภาพทั้งหมด ถ่ายด้วยกล้อง Nikon D70s และเลนส์ Sigma 10-20 mm)




ทริปครั้งนี้ จริงๆ ก็ไปกับพี่ๆ น้องๆ เพื่อนๆ ห้องกล้อง และห้องข้างเคียงรวมทั้งหมดแล้วก็ 7 คนล่ะค่ะ ขับรถไปกันเอง 2 คัน ยันยีเยาปักกะเป้ายิ๊งฉุบว่าใครได้นั่งรถใครเสร็จ ก็เดินทางกันเลยทีเดียวเชียวค่ะ 4 ชั่วโมงในรถเก๋ง ไปสิ้นสุดที่ท่าเรือเฟอรี่ที่ตราดค่ะ เราจะเอารถลงเรือเพื่อข้ามไปเกาะช้างกัน


ระหว่างรอเรือเฟอรี่มาเทียบท่า เพื่อที่จะเอารถถอยหลังขึ้นไป ก็มาโพสต์ท่าบนเรือเฟอรี่ลำที่ว่างๆ กันซะเล็กน้อยก่อน อิอิ




นั่งบนเฟอรี่อีก 45 นาทีพอเคลิ้มๆ ก็รีบลงจากดาดฟ้าเฟอรี่ มารีบเข้าไปนั่งรถใครรถมันแล้วรีบสตาร์ตรถเอาไว้ เพื่อที่พอเรือเทียบท่าที่เกาะจะได้ขับออกไปเลย ไม่ยักแย่ยักยันกันน่ะค่ะ


เราเอารถฝากไว้ที่บ้านสลักเพชรน่ะค่ะ ซึ่งเป็นปลายของถนนบนเกาะช้างนี้พอดี เกาะช้างนี้ก็ตลก เกาะใหญ่บะเริ่มเทิ่ม ใหญ่เป็นที่ 2 รองจากเกาะภูเก็ต แล้วนะเนี่ยะ ถึงขนาดได้ชื่อว่า "เกาะช้าง" เพราะเป็นเกาะใหญ่ แต่ถนนบนเกาะดันไม่ครบรอบเกาะ อิอิ ขาดช่วงไปหน่อยนุง


เราพร้อมด้วยกระเป๋า พร้อมกล้องประจำตัว ก็ลงเรือสปีทโบ๊ทกันอีกทีหนึ่ง เพื่อจะไปยังเกาะเล็กๆ อีกเกาะหนึ่งค่ะ ไม่ไกลจากเกาะช้างนี่เอง นั่งเรือเร็วสัก 5 นาทีได้




และแล้วเราก็มาถึงค่ะ เกาะนี้มีชื่อตามป้ายบนหน้าเกาะว่า “เกาะทรายขาว” หรือมีชื่ออยู่บนแผนที่ประเทศไทยว่า “เกาะพร้าวนอก” ค่ะ


แต่โอวแม่จ้าว...วันที่เราไปถึง ฝนยังตกปรอยๆ อยู่เลยนะคะ อันที่จริงก็ตกมาตลอดทางแระล่ะ แต่เราก็ได้แต่แอบภาวนาว่าเมื่อถึงเกาะที่เป็นจุดหมายปลายทาง ฝนน่าจะหยุด ฟ้าน่าจะใสแล้วนะ แต่ก็ไม่เป็นเช่นนั้นอ่ะ แงๆๆ




อันที่จริง ช่วงเดือนนี้ไม่ใช่ช่วงเดือนที่เหมาะสมกับการไปเที่ยวหมู่เกาะช้างหรอกค่ะ คนเรือเขาบอกว่าเกาะจะเปิด 1 ตุลาแหล่ะ เพราะช่วงนี้เขาถือว่าเป็นช่วงมรสุม และจังหวัดตราด ยังครองแชมป์อันดับ 1 ของจังหวัดที่ฝนตกชุกที่สุดของเมืองไทย ด้วยค่ะ




ในวันแรกนี้ เราแทบยกกล้องออกมาไม่ได้เลย เพราะฝนตกปรอยๆ ตลอดเวลาค่ะ และช่วงไหนที่ฝนพอจะแห้งหือดหายไปฟากฟ้าบ้าง ท้องฟ้ากับน้ำทะเลก็เป็นสีขาวเผือดซะอย่างนั้น ถ่ายภาพออกมาเห็นแต่ขาวๆ แห่ะแห่ะ


เราหมายใจจะตื่นตี 5 เพื่อมารอพระอาทิตย์ขึ้น ซึ่งก็ได้ตื่นตามเวลาสมใจค่ะ แต่พอพระอาทิตย์เริ่มแย้มๆ ที่ปลายฟ้า ฝนก็กระหน่ำลงมารับอรุณทันทีเหมือนกันค่ะ วิ่งเอากล้องหลบฝนกันหูดับตับไหม้ หน้าลู่หูตูบกันไปตามๆ กันค่ะ อิอิ




รีสอร์ตที่เราพักกันนี้ ก็เหมือนกับหลายๆ เกาะน่ะค่ะ คือเป็นเจ้าของผู้เดียวทั้งเกาะ แต่เกาะทรายขาวที่เราพักนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ท่านเคยเสด็จมาที่นี่แล้วนะคะ เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2536 และได้ทรงปลูกต้นพะยูงไว้ที่บนหน้าหาดนี้ด้วยค่ะ


ห้องพัก น้ำท่าที่นี่ก็บริบูรณ์ดีค่ะ แอร์เย็นสบาย เพียงแต่ตอนนี้ยังต้องใช้เครื่องปั่นไฟอยู่ เลยเปิดไฟไม่ได้ 24 ชั่วโมงน่ะค่ะ แต่คงอีกไม่นานหรอก เพราะเขาเดินสายไฟใต้น้ำมาแล้ว อีกหน่อยคงสบายกว่านี้ค่ะ

และที่สำคัญ อาหารทะเลอร่อยมากค่ะ




ตอนกลางคืน ทางรีสอร์ตได้จัดให้ลงเรือไปตกหมึกเล่น เพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ค่ะ โดยปกติหากเป็นฤดูที่คนเยอะๆ เค๊าจะใช้เรือประมงน่ะค่ะ แต่นี่เราแค่ 7 คน (บางคนก็ไม่ได้ไป) กับอีกกลุ่มหนึ่งประมาณ 15 คน ก็เลยได้ไปตกหมึกด้วยเรือสปีทโบ๊ท ลำที่เราโดยสารข้ามมาเกาะทรายขาวนี้แหล่ะค่ะ


ปรากฎว่า ทั้งลำ ได้ปลาหมึก 2 ตัวเท่าฝ่ามือ และปลาทูผู้เคราะห์ร้าย ที่โดนเกี่ยวหางขึ้นมาโดยบังเอิญอีก 1 ตัว ส่วนข้าพเจ้า ไม่ได้ตก หรือส่งแรงใจอะไรให้เค๊าเลย ได้แต่นอนหลับนับดาวอยู่บนหน้าเรือน่ะค่ะ ได้ยินข่าวว่ากรนเสียด้วย คิกคิก


*ส่วนอีตาที่กางแขนทำท่า I'm King of the World นี่ตามดิชั้นมาตั้งกะสะพานพระรามแปดแล้ว ยังตามมาหลอนที่เกาะนี่อีกเหรอค๊ะ




วันรุ่งขึ้น (หลังจากที่ตื่นมารอพระอาทิตย์เก้อแล้วฝนตกซะงั๊น) ทางเจ้าของเกาะ ก็ได้พานำชมรอบๆ เกาะกันค่ะด้วยการเดินเท้า ก็พอเหงื่อซึมๆ ค่ะ เห็นว่าทางด้านหลังเกาะซึ่งเป็นโซนที่ไม่ได้มีบ้านพักทางนี้เพราะคลื่นลมแรง เค๊าจะเลือกหน้าผาตัดมุมหนึ่งของเกาะ ทำเป็นที่ปีนหน้าผาที่ฝรั่งเค๊านิยมกันมาปีนๆ น่ะค่ะ


ได้เดินผ่านบ่อน้ำด้วย เห็นว่าเป็นบ่อสวยดี ถามเค๊าๆ ว่าทีแรกก็เป็นสระว่ายน้ำน่ะค่ะ แต่ภายหลังน้ำจืดบนเกาะหายาก เลยต้องใช้สระนี้เป็นที่เก็บน้ำจืดไว้ใช้น่ะค่ะ




หลังจากนั้น เค๊าจะได้พาทั้งคณะลงเรือสปีทโบ๊ทไปเที่ยวๆ รอบๆ เกาะแก่งแถวๆ นั้นน่ะค่ะ

โดยมีจุดมุ่งหมายคือการไป ดำดูปะการังที่เกาะกระ หนึ่งในจุดชมปะการังน้ำตื้นของกลุ่มเกาะรัง เขาว่ากันว่า เป็นแนวปะการังน้ำตื้นที่สวยงามและมีชื่อเสียงระดับโลก ถึงขนาดติดอันดับหนึ่งในห้าของโลกเชียวล่ะ ไม่ใช่เล่นๆ นะนี่




และเป็นไปตามข้อกำหนดของสวรรค์ อิอิ ทำให้ตัวเรา มีอันจะต้องเป็นโรคกลัวหินใต้น้ำและกลัวท้องเรือ มารู้ตัวว่ากลัวสิ่งเหล่านี้ก็สัก 5-6 ปีที่แล้วที่เกาะเสม็ด ถึงขนาดก้มลงไปดูใต้น้ำปุ๊บ แข้งขาอ่อน พาลจะปีนขึ้นเรือไม่ไหวเอาดื้อๆ เลยล่ะค่ะ เวงกำจริงๆ


เราเลยได้แต่นอนตากแดดตาปริบๆ มองดูคนอื่นเค๊าดำน้ำให้แค้นใจเล่น นอนกลิ้งเป็นปลาแดดเดียวบนหน้าเรือตามระเบียบค่ะ




หลังจาก (คนอื่น) ดำน้ำกันจนหนำใจแล้ว ก็ขึ้นจากน้ำกัน และทางเรือเค๊าได้พาเราไปเล่นเลียบตามเกาะดังๆ ที่มีชื่อเสียงต่างๆ ค่ะ เช่น เกาะเหลายา เกาะหวาย แต่เสียดายที่ไม่ได้ไปเห็นตรงจุดยุทธนาวีใกล้ๆ เพราะค่อนข้างจะออกนอกเส้นทางไปสักหน่อย เพียงแต่คนเรือเค๊าชี้ให้ดูในระยะไกลๆ น่ะค่ะ หากวันหน้ามีโอกาสได้มาเยือน ก็อยากจะเข้าไปชมใกล้ๆ ค่ะ เพื่อรำลึกถึง ยุทธนาวีที่เกาะช้างนี้ ที่เป็นการรบทางทะเลด้วยยุทโธปกรณ์สมัยใหม่ครั้งแรก และครั้งเดียวของเมืองไทย ค่ะ


ชมเกาะต่างๆ กันจนหนำใจ และบางคนก็เมาเรือแล้ว เราก็เดินทางกลับเกาะของเรากันค่ะ ซึ่งหลังจากกลับถึงเกาะทรายขาวแล้ว ฟ้าจึงเปิด แดดจึงออกเปรี้ยงๆ ชนิดที่ว่าชาตินี้ไม่เคยรู้จักกะฝน ฝนตกเป็นไงชั้นไม่รู้จักซะงั๊น แดดออกแบบไม่เกรงใจใครเลยค่ะ ได้โอกาสถ่ายภาพชุดนี้ก็ตอนนี้แหล่ะ




หลังจากถ่ายภาพกันจนหนำใจกลางแดดเปรี้ยงๆ แล้ว ก็แลกกับตัวดำหน้าแดงกลับมา อิอิ เราก็ได้ทานอาหารอร่อยๆ อีกมื้อนึง แล้วเราก็เตรียมตัวข้ามฝั่งกลับไปยังอ่าวสลักเพชรที่เราจอดรถไว้กันล่ะค่ะ นั่งสปีทโบ๊ตกลับไปเกาะช้าง แล้วนั่งรถพวกเราไปลงเฟอรี่กลับยังแผ่นดินของจังหวัดตราดอีกทีนึง แล้วจึงเดินทางกลับกรุงเทพฯ อ้อ...มีแวะทานอาหารเย็นกันอีกนิดที่แกลง จังหวัดระยองค่ะ แล้วจึงตรงติ้วสู่กรุงเทพฯ บ้านใครบ้านมันกัน


ก็นอกจากรอยเท้าของพวกเราที่ได้เยียบทิ้งไว้บนผืนทรายขาวๆ บนเกาะทรายขาวแล้ว ก็คงต้องทิ้งวันเวลา 1 คืนกับ 1 วันที่แสนจะมีความสุขไว้ที่นั่น พร้อมกับแลกเอาความประทับใจและความทรงจำที่ดีๆ กลับมากับเกาะช้างแบบครั้งแรกของชีวิตค่ะ




ขอบคุณน้าเษก น้าอุ้ย คนข้างน้าอุ้ย ป้าส้วมจ้า น้าโอ๋โอเมน666 และน้ามอม ค่ะสำหรับทริปแห่งความทรงจำครั้งนี้ แล้วไปเที่ยวกันอีกนะคะ

ขอบคุณ ท่านเจ้าของเกาะพร้าวนอก-เกาะทรายขาว ค่ะ สำหรับวันเวลาที่วิเศษสุด


.............

แล้ววันหนึ่งวันหน้าฟ้าใส เราจะกลับไปเยือนอีกนะคะ

สวัสดีจ้า~






คลิ๊กที่นี่เพื่อไปชมภาพใหญ่ "เกาะพร้าวนอก-เกาะทรายขาว"



Create Date : 07 กันยายน 2548
Last Update : 30 กันยายน 2548 4:14:44 น. 19 comments
Counter : 2995 Pageviews.

 
เพื่อนๆ พูดถึงเมื่ออาทิตย์ที่แล้วอ่ะค่ะว่าจะไปเกาะช้างกัน
ยังไม่รู้เลยวันไหน จะได้ไปป่าวเนี่ย

อยากไปเที่ยวๆๆๆๆๆ ^^



...


โดย: ขอบคุณที่รักกัน (blueberry_cpie ) วันที่: 7 กันยายน 2548 เวลา:17:12:30 น.  

 
โอย....เห็นแล้วอยากไปจังเลยอ่ะ


โดย: ขนมชั้น...เธอห้ามกิน!!! วันที่: 7 กันยายน 2548 เวลา:17:18:15 น.  

 
สนุกกันใหญ่นะ... ฮึ

อิจฉาป้าจัง ......ได้ไปนอนอาบแดดริมทะเลด้วยง่ะ


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 7 กันยายน 2548 เวลา:18:27:05 น.  

 
สวยจัง อยากไปเที่ยวจัง เมื่อไหร่จะโดนไล่ออกซะที จะได้เอาเงินไปเที่ยว

หัวหน้าครับ ผมพูดเล่น



โดย: เด็กชายก้อง วันที่: 7 กันยายน 2548 เวลา:19:36:28 น.  

 
มุมสวย...


โดย: รู้สึกแปลก วันที่: 7 กันยายน 2548 เวลา:20:05:26 น.  

 
สวยมากๆๆเลยคะ


โดย: ปลาทูน่าในบ่อปลาพยูน วันที่: 7 กันยายน 2548 เวลา:20:33:42 น.  

 
แวะมาชมภาพสวยๆครับ...


โดย: **mp5** วันที่: 7 กันยายน 2548 เวลา:22:05:45 น.  

 
ขอบคุณทุกท่าน ที่แวะทักทายและชมภาพกันจ้า

น่ารักที่สุด



โดย: กำปงพิราเทวี วันที่: 8 กันยายน 2548 เวลา:2:43:06 น.  

 
ไปเกาะแบบนี้ต้องไปกันเยอะๆ หรือไม่ก็ไปกันฉองคน เนอะป้า
ถ้าไปคนเดียว สงสัยจะเหงาตาย
บรรยากาศสวย สงบดีจริงๆ


โดย: filmgus วันที่: 8 กันยายน 2548 เวลา:10:26:53 น.  

 
แอบมาเยี่ยมบล๊อคป้ากำปงด้วยคน อิอิ
อิจฉาคนได้ไปเที่ยวค่า


โดย: ป้าปูเป้ IP: 58.8.153.80 วันที่: 8 กันยายน 2548 เวลา:20:55:31 น.  

 
ภาพสวยมากกกค่ะ อยากไปทะเลง่า... แต่อาทิตย์นึงจะหยุดงานซักหนึ่งวัน จะเอาเวลาที่ไหนล่ะเนี่ย

อยากไปจิงๆๆ


โดย: BeeR (jelly_b ) วันที่: 8 กันยายน 2548 เวลา:23:40:16 น.  

 



น่าไปจริงๆเย้ย!!!!


โดย: ลมเอย* IP: 203.188.21.126 วันที่: 11 กันยายน 2548 เวลา:2:48:40 น.  

 
แจ่ม แจ๋ว จิงๆ ค่ะป้า

ยังไม่เคยไปเลยทั้งสองที่ ไปแต่เกาะกูด

สงสัยต้องหาเวลาว่างๆ ไปมั่งแล้ว



โดย: แก้มยุ้ย (หมวยแก้มป่อง ) วันที่: 13 กันยายน 2548 เวลา:8:29:33 น.  

 
สวย...ซะงั้น


โดย: tenz วันที่: 13 กันยายน 2548 เวลา:18:52:57 น.  

 
ภาพสวยมากๆค่ะ ติดใจตั้งแต่งานมิสยูนิเวิร์สแล้ว


โดย: ลูกโป่งลอยฟ้า_ชิงช้าสวรรค์ วันที่: 18 กันยายน 2548 เวลา:0:59:17 น.  

 
ขอบคุณคร่า ขอบคุณทุกท่านที่แวะเวียนมานะคะ



................


โดย: กำปงพิราเทวี วันที่: 22 กันยายน 2548 เวลา:14:28:23 น.  

 
หมดความรู้สึกกับทริปที่ เกาะทรายขาว หรือ เกาะพร้าว
ข้อความโดย ... ไพศาล (โทร. 01 910 9516)

ข้อดี : ทัศนียภาพสวย
ข้อเสีย : - ทีมงาน “คนไทยทะเล” โดยผ่านทาง “คุณชัยวัฒน์” โกหก ไม่ดำเนินตามโปรแกรมที่สัญญาไว้ ไม่มีการประสานงานกับเจ้าหน้าที่บนเกาะ (หรืออาจมีการประสานงาน แต่ล้วนปัดความรับผิดชอบ) มีการเปลี่ยนแปลงเวลาตลอด และตลอดเวลา ขาดความรับผิดชอบ โลภมาก (ขอเพียงให้ขายโปรแกรมให้คนมาเที่ยวให้ได้ก็พอ โดยไม่มีการเตรียมการต้อนรับให้เหมาะสมกับจำนวน)
- ไม่มีลม (อากาศร้อนอบอ้าว ทั้งๆที่บอกว่า ที่บนเกาะลมแรง ไม่มียุง)
- ห้องพักเก่ามาก ไม่มีแสงสว่างในห้องนอน ต้องเปิดประตูห้องน้ำ เพื่อให้มีแสงในห้องนอนบ้าง (ถ้ามีคนเข้าห้องน้ำแล้วปิดประตู ก็อยู่ในความมืด) แอร์บางห้องไม่เย็น
- ไม่มีอุปกรณ์ต่างๆ หรือกิจกรรม ตามที่ได้โฆษณาชวนเชื่อ
- อาหารไม่ดี (ไม่เป็นไปอย่างที่คุณชัยวัฒน์ คุยเอาไว้)
สรุป - จะไม่ไปที่นี่อีก และจะไม่ไปที่ไหน ที่ดำเนินงานโดยทีม “คนไทยทะเล” “คุณชัยวัฒน์ เป็นบุคคล ที่เชื่อถือไม่ได้ และไม่มีความรับผิดชอบ” เสียใจจริงๆ

13 – 15 เมษายน 2549
ผมและญาติรวมทั้งหลานๆจำนวน 17 คน ได้ไปทริปช่วงสงกรานต์ 13-15 เมษา ที่เกาะทรายขาว จองแพ็คเกจ 3 วัน 2 คืน ราคา 3,990 บาท/คน ทีมงานที่รับจองจัดรายการ คือ “คนไทยทะเล KON TAI TALAY” โดย “คุณชัยวัฒน์” โดยได้จองตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม เนื่องจากจะเป็นช่วงเทศกาล ซึ่งมีคนมาก
ในจำนวน 17 คน เป็นเด็ก 3 คน (อายุ 9 ปี – 13) วัยรุ่นและวัยทำงาน 9 คน (อายุ 14-25) และผู้ใหญ่จำนวน 5 (อายุ 30 – 45 ปี) และเพื่อให้วัยรุ่นและเด็กได้มีกิจกรรมสนุกสนาน จึงได้สอบถามและต่อรองกับคุณชัยวัฒน์ ซึ่งได้บอกกับทางกลุ่มเราว่า จะมีกิจกรรมต่างๆมากมาย ตั้งแต่ วอล์คแรลลี่ โรยตัวปีนหน้าผา คายัค ตกปลา ตกหมึก สนอร์คกลิ้ง ฯลฯ ทุกอย่างได้มีการ Confirm อีกทั้งคุณชัยวัฒน์ได้บอกว่า จะเดินทางไปกับกลุ่มเพื่อดูแลด้วย
วันที่ 13 เป็นวันเดินทาง ออกจากท่าแหลมงอบประมาณ 10:45 (ช้ากว่าปกติ จากที่นัดไว้ประมาณ 45 นาที) เรือโดยสารที่ใช้เดินทางช้ามา ไปถึงที่เกาะประมาณ บ่ายโมง 10 นาที (สงสารเด็กๆ และตัวเอง เพราะหิวมาก จากที่คาดว่าเรือจะถึงเกาะเพื่อรับประทานอาหารประมาณ เที่ยง หรือเที่ยงครึ่ง เพราะเรือที่ไป ช้ามากจนน่าเบื่อ) เมื่อไปถึงก็นำของไปเก็บที่ห้องพักก่อนจะรับประทานอาหาร ห้องพักเก่ามากๆ (ไม่มีน้ำร้อนตามที่คุณชัยวัฒน์คุยไว้) แอร์พอมีความเย็น
ทานข้าวเที่ยงเสร็จ (ไม่เห็นเงาคุณชัยวัฒน์ เพราะไม่มาที่เกาะตามที่คุยโอ่ไว้) ไปติดต่อกับพนักงาน ถามเรื่องกิจกรรมโรยตัว (อยากให้เด็ก ๆ และวัยรุ่นได้ลอง) เจ้าหน้าที่บอกว่า เชือกเปื่อย ใช้งานไม่ได้ และดินร่วน อันตราย (ไม่เป็นไร ผมเริ่มรู้สึกแปลกๆ เหมือนมีเขากำลังงอกออกมาจากหัว) ทางผมจึงของกิจกรรมพายเรือคายัค พนักงานตอบว่า เรือมี แต่ไม้พายหัก เอาไปซ่อมอยู่ (อากาศที่นั่นร้อน ไม่มีลม อุณหภูมิผมสูงขึ้นมาก อารมณ์เริ่มจะเดือด) ดังนั้น ขอ Mask (หน้ากากดำน้ำ) เพื่อจะไปดำน้ำดูปะการัง ที่เจ้าหน้าที่แนะนำว่า หน้าเกาะก็พอจะดูได้ ซึ่งทางกลุ่มต้องการ 11 ชุด แต่ปรากฏว่ามีเพียง 7 ชุด โดยทางพนักงานมีความคิดที่ดีที่จะให้ผลัดกันใช้ (เขาบนหัวผม เริ่มยาวขึ้นอีก ผมต้องคุมอารมณ์มากๆ กลัวจะสติแตก) เลยให้หลานๆผลัดกันตามคำแนะนำ ไปดำดูเห็นฝุ่นกับฝุ่น น้ำขุ่นมาก (จริงๆแล้ว ดูปลาเสือที่สะพานว่ายมากินขนมปัง น่าจะเวิร์คกว่า) สุดท้ายก็ต้องมาเล่นกันที่หาด สนุกมาก พวกเราสนุกกันเองดีกว่า (รู้สึกว่าเริ่มฉลาดขึ้น เพราะถ้ายังหวัง หรือยังไม่รู้สึกว่า คุณชัยวัฒน์ แหกตาเรา คงแย่มากกว่านี้)
รายการอาหารค่ำ ระบุว่า ทางกลุ่มทั้ง 17 คน จะไปทานกันบนเรือ S1 โดยจะนั่งชั้นบน และไปตกปลาหมึก (ไม่ค่อยจะแน่ใจ ว่าเรืออะไร เป็นยังไง จะต้องเสียความรู้สึกอีกหรือเปล่า) นัดไว้ว่าจะขึ้นเรือเวลา 18:30 น. ผลปรากฏว่า เจ้าหน้าที่บอกว่าทานบนฝั่งแล้วกัน ได้ทานตอน 19:30 น. ส่วนเรือมาตอน สี่ทุ่ม (เอา เอาเข้าไป จนกว่าจะพอใจ ตกลงจะไปหรือไม่ไป ก็ต้องตอบว่า ไปซิ) เมื่อขึ้นบนเรือแล้ว ได้นั่งชั้นบนจริงๆ (จากเดิมว่าทั้ง 17 คน จะเหมาข้างบนหมด) ขึ้นไปมีคนจากที่รับมาจากเกาะอื่น (หรืออาจจะเป็นญาติของพี่น้องคนเรือ) นั่งอยู่ก่อนแล้ว 4-5 คน ผลปรากฏว่า ที่นั่งไม่พอ (ไม่เห็นยากเลย ก็ยืนไป) เดินทางไปประมาณ 1 ชั่วโมง เริ่มตกปลาหมึก (เยี่ยมมาก คนของเรือ ตกได้เพียบเลย ทั้งหมด 4 ตัว) ส่วนนักท่องเที่ยวทั้ง 60 คน ตกไม่ได้เลย (ไม่มีผีมือ หรือไม่มีปลาหมึกก็ไม่รู้) ดมกลิ่นน้ำมันตอนเรือจอดจนเมาได้ที่ เรือจึงส่งกลับ ถึงฝั่งประมาณตีหนึ่ง (อ้อ! ลืมบอกไป เมื่อตอนขึ้นเรือ ไต๋เรือ เอาอาหารเย็นมาเสริฟ บอกว่าได้เตรียมไว้ให้แล้ว ตามโปรแกรม ไม่รู้ว่าใครบ้า กินอาหารเย็นตอนสี่ทุ่ม หรือกินแล้วบนฝั่ง แล้วมากินต่อบนเรือ สุดท้ายไต๋เรือก็ยกกลับไป ไม่ต้องกินนะดีแล้ว)
วันที่ 14 ขึ้นเรือตอน 10 โมงเช้า ไปดำน้ำที่เกาะยักษ์ เกาะรัง แวะเกาะหวาย ตอนขึ้นเรือ มีการแนะนำตัวเจ้าหน้าที่ทีมงาน “คนไทยทะเล” ซัก 3-4 คน (ไม่อยากจำชื่อ เพราะเป็นเด็กๆ) เอาเข้าอีกจนได้ ถึงเวลาจะลงน้ำ ขณะเรือกำลังตั้งลำจอดและผูกโยงที่เกาะยักษ์ ถามหามาส์ค (หน้ากากดำน้ำ) กับเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่บอกว่า ใจเย็นๆ รอให้ไต๋สั่งก่อน ต้องเชื่อไต๋ จอดเรือเสร็จ ไต๋มาถามว่า ไม่ลงดำน้ำกันรึยังไง เลยถามกลับว่า แล้วหน้ากากดำน้ำหล่ะ ไต๋บอกว่า ให้ลงไปเอาที่ชั้นล่าง ด้านหน้าเรือ เราก็เลยลงไป คนอื่นที่ชั้นล่างมีหน้ากากดำน้ำกันครบเรียบร้อย ส่วนเรากลุ่มใหญ่รีบหาหยิบเอา (สุดๆจริงๆ หน้ากากดำน้ำ เก่าสุดๆ เสียแล้ว ใช้หนังยางผูกติดระหว่างสายรัด กับตัวหน้ากาก ใช้งานไม่ได้ น้ำเข้า) ต้องบอกว่า ไม่เสียความรู้สึกแล้ว เพราะหมดความรู้สึกไปเลย
จากเกาะยักษ์ไปเกาะรัง ไม่ต้องดำน้ำแล้ว โดดเล่นข้างเรือ คลายความร้อน และความโง่ที่สะสมมา แล้วไปที่เกาะหวาย ซึ่งในทีแรก บอกว่าจะแวะก่อน (แวะก่อน แวะทีหลังก็เหมือนกัน เพราะไม่เคยมีความแน่นอนใดๆกับโปรแกรม) ขึ้นเกาะหวาย เพียงครึ่งชั่วโมง ก็กลับ (เดินขึ้นฝั่ง กับเดินลง ก็ 15 นาทีแล้ว) แต่ก็ดี จะได้รู้ว่า นี่คือเกาะหวาย เห็นเรือคายัค อยากจะให้เด็กๆได้พาย แต่ไม่มีเวลา
กลับมาถึงเกาะสี่โมงกว่า เล่นน้ำกันเองสนุกเช่นเคย จนหกโมงเย็น ไปอาบน้ำ รอทานข้าวเย็น (คุณชัยวัฒน์ บอกไว้ว่า จะมีพวกฝรั่งมาจัดปาร์ตี้ โดยมาจากเรือสำราญ แล้วหากพวกเราจะเข้าไปร่วมแจมด้วยก็ได้) การจัด Zone ระหว่างพวกบนเกาะกับพวกที่มาจากเรือชัดเจน แบ่งแยกได้ดี จนไม่คิดว่า เราควรจะไปร่วมด้วย (และไม่มีใครเข้าไปยุ่มย่ามด้วย) เอาเถอะ พรุ่งนี้เราจะกลับแล้ว มองเห็นเบ็ดตกปลาหมึก ไปขอยึมกับพนักงานเพื่อจะไปตกปลาหมึกที่ท่าจอดเรือ พนักงานบอกว่า เดี๋ยวถามพี่ดูก่อน (ไม่ใช่พี่ผมแน่นอน) สุดท้ายบอกว่า สงสัยเป็นของลูกค้า คงให้ยืมไม่ได้ (ผมดีใจมาก ที่ผมคิดถูก ผมคิดว่า ถ้าผมยืมได้จริงๆ ผมคิดผิดแน่นอน มันต้องยังนี้ซิ ทุกอย่างต้องไม่เป็นไปตามโปรแกรมที่คุณชัยวัฒน์ รับปากเอาไว้)
เช้าวันที่ 15 รีบลงมาทานอาหารเช้า เพื่อจะขึ้นเรือเดินทางกลับเวลา 10:00 น. เราได้ยินข่าวดีว่า ไม่มีเรือ เราจะออกเดินทางเวลาบ่ายโมงแทน และจะเปลี่ยนเป็นเรือ Speed Boat (เหลือเชื่อจริงๆ ที่แม้กระทั่งการเดินทางกลับ ยังเปลี่ยนเวลาได้) เมื่อถึงฝั่ง พวกเราขึ้นสองแถวเพื่อจะนั่งจากท่าเรือ ไปที่จอดรถ รถคันหน้าเต็ม เราต้องใช้คันที่สอง รออยู่พอสมควร เพราะคนขับรถไม่รู้หายไปไหน ไม่เป็นไร สุดท้ายเราก็มาถึงที่จอดรถ เจอคุณชัยวัฒน์ พวกเราทั้งกลุ่ม ไม่มีใครต่อว่าซักคำ (เพราะพวกเราหมดความรู้สึกแล้ว กลับบ้านดีกว่า ผู้ใหญ่คนหนึ่งเป็นลม เนื่องจาก ได้กลิ่นน้ำมันเรือ และอากาศร้อน ต้องไปเช็คที่โรงพยาบาลแหลมงอบ ซึ่งอยู่ห่างจากท่าเรือประมาณ 2 กม. ทึ่โรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ทุกคนดีมาก แถมบอกก่อนตรวจเช็คความดันเลือด และน้ำตาลในเลือด ว่าไม่ต้องเสียสตางค์ ซึ่งทางเรายินดีที่เสียค่าใช้จ่าย สุดท้ายก็ต้องขอขอบพระคุณในความเอื้อเฟื้อของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลแหลมงอบทุกๆคน) ถึงแหลมงอบ 14:00 ถึง บ้านที่กรุงเทพฯ 18:30 น.
ลาก่อนทีมงาน “คนผีทะเล” (เหมาะกว่า คนไทยทะเล)


โดย: ไพศาล IP: 202.90.119.244 วันที่: 17 เมษายน 2549 เวลา:12:12:03 น.  

 
เจอมาเหมือนกันครับ ไปเที่ยวมาก่อนสงกรานต์ รีสอร์ทเค้าก็พอได้นะ แต่คนจัดทัวร์นี่สิแย่มาก.


โดย: ? IP: 58.9.58.17 วันที่: 9 พฤษภาคม 2549 เวลา:16:39:43 น.  

 
ผมก้อเจอมา ไม่อยากจะเหลา เดี่ยวมันยาว
ยอมรับว่าบรรยากาศดีมากๆ


โดย: ต้องการ IP: 58.9.157.161 วันที่: 29 กันยายน 2551 เวลา:2:52:23 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กำปงพิราเทวี
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






ขอบคุณทุกท่านมากค่ะ สำหรับ
2 รางวัลใน BlogGang Award #2









Creative Commons License

ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกัน 3.0 ประเทศไทย.
Friends' blogs
[Add กำปงพิราเทวี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.