Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2550
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
3 สิงหาคม 2550
 
All Blogs
 
ไอคิวเด็กไทยแค่ 87!!!



วันศุกร์แล้ว...ก็ได้เวลา up Blog ซะที








วันนี้โรงเรียนหยุดแต่ต้องไปประชุมเกี่ยวกับเรื่องการกระจายอำนาจ สำหรับโรงเรียนเครือข่าย เราเข้าใจว่าการกระจายอำนาจอะไรเนี่ย น่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องการบริหารและงบประมาณ
.
.
.
แต่ว่าที่มาประชุมวันนี้ เค้าให้เตรียมแผนการสอนกับหลักสูตรมาด้วย สรุปว่าหากมีการกระจายอำนาจครูก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลง และการเปลี่ยนที่ว่านี้คือ การเขียนแผนการสอนแบบใหม่...ดังเช่นที่เคยเปลี่ยนกันมาแล้วแปดสิบห้ารอบได้
.
.
.
ถ้าใครที่ค่อนข้างจะใกล้ชิดกับวงการศึกษา หรือติดตามอยู่บ้าง คงน่าจะเคยได้ยินเรื่อง การสอนแบบบูรณาการ ยึดเด็ก ( ที่นั่งเบียดกันเต็มห้อง ) เป็นศูนย์กลาง และ ฯลฯ พอมีกระแสอะไรมาใหม่ เราก็ต้องเปลี่ยนรูปแบบแผนตาม ตอนนี้เศรษฐกิจพอเพียงกำลังบูม แผนเราก็ต้องสอดแทรกเรื่องความพอเพียง แต่ยังไม่ทันได้ปรับแผน ก็เรื่องใหม่มาอีกแล้ว ( เรากะว่าจะทำเรื่องโลกร้อนแทรกในแผนไว้ล่วงหน้าเลย...เพราะคาดว่ากระแสนี้กำลังมา )
.
.
.

เฮ้อ...ขอบ่นๆๆๆๆๆๆๆยาวหน่อย

ช่วงต้นของการอบรมวิทยากรระดับปรมาจารย์ นำผลการสำรวจไอคิวของเด็กแต่ละชาติมาเปรียบเทียบให้ดู
( ไอคิวปกติจะอยู่ที่ 90-109 สูงกว่านั้นก็คือดีและดีเลิศไปเรื่อยๆ ) ผลปรากฏว่า
เด็กญี่ปุ่น ไอคิวเฉลี่ย 105
เด็กเกาหลีใต้ 106
แล้วก็ไล่ประเทศทางเอเชียลงมาเรื่อยๆ
ผ่านเวียดนาม
ผ่านลาว ( ลาวอยู่ที่ 89 )
และไทยรั้งท้ายๆอยู่ที่ 87!!!


เราเองเป็นครูไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะอยู่ใกล้ชิดกับเด็กและก็รู้ว่าเด็กสมัยนี้เป็นยังไง

******************


แต่เค้าก็พยายามจะบอกว่ามันสะท้อนการสอนของครู


******************


ในความคิดของเรา( คนเดียวนะคะ ) เรารู้สึกว่าพวกคุณหยุดสร้างสรรค์กันได้แล้ว คุณสอนกันแบบเดิมๆนั่นแหละ แล้วคุณสอนจริงๆจังๆสิคะ แฟนเราก็บ่นเรื่องนี้เหมือนกัน ครูขาดแคลน ครูสอนไม่ตรงเอกที่จบมา และสารพัดปัญหาพื้นฐาน ไม่เห็นมีใครแก้ปัญหาเลยค่ะ ( ถ้าบ้านคุณหลังคารั่ว คุณเลือกที่จะเอาเงินไปซ่อมหลังคาก่อน หรือจะเอาเงินไปซื้อเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหม่ )
.
.
.
ภาระงานครูในปัจจุบันที่ว่าเยอะๆๆๆๆๆ เราคิดว่าโดยส่วนใหญ่ไม่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเด็ก หรือไม่ได้ช่วยให้เด็กฉลาดขึ้นหรือเป็นคนดีขึ้น ยังไม่ได้พูดถึงงานฉาบฉวยอีกหลายอย่าง


ครูเกือบร้อยเปอร์เซนต์ที่โรงเรียนและที่อื่นๆ มีแผนการสอนซึ่งมาจากแผ่นซีดี ปริ้นท์ๆๆๆๆใส่ชื่อตัวเอง ก็ไม่เข้าใจว่ามันต่างจากสมัยก่อนที่กระทรวงเค้าแจกแผนเป็นเล่มๆมาให้สอนตามนั้นเลยตรงไหน


พูดง่ายๆ เรารู้สึกว่าแทบจะทุกอย่างมันเป็นการแตะแค่เปลือก และทำกันแค่ผิวเผิน หรือพอเป็นพิธีเท่านั้นเอง


หลักใหญ่ใจความจึงอยู่ที่ ครู...โปรดสอนให้เต็มเวลา เต็มความสามารถเท่านั้นเอง


เฮ้อ...บ่นมายาวเป็นกิโล พรุ่งนี้ก็ต้องไปนั่งอบรมต่ออีก


วันนี้ตอนพักเที่ยง บังเอิญมีพวกผู้หลักผู้ใหญ่มาขอใช้สถานที่ พวกครูกิ๊กก๊อกอย่างพวกเราจึงต้องถูกให้นั่งรอๆๆๆ เบื่อๆก็เลยชวนพี่ๆ ไปกินไอติมกันที่เรือนรับรอง ( เป็นบ้านพักรับรองหรือโรงแรมสำหรับคนมาเที่ยวที่เขื่อนภูมิพล ) สมัยก่อนไอติมที่นี่ขึ้นชื่อมากเรื่องความหอมมัน แต่เดี๋ยวนี้....กินไม่หมดจนได้







ร้านอาหารชั้นล่างของเรือนรับรอง







มองลงไปด้านล่าง







มุมสวนหน้าอาคาร







บรรยากาศของเขื่อนภูมิพลตอนนี้ดีจริงๆ เราเคยอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เด็กๆ สงบ ร่มรื่น แทบจะไม่เคยมีเรื่องมีราวอะไรเลย แถมยังมีต้นไม้ดอกไม้สวยๆ ( ดูแลโดย กฟผ.) เต็มไปหมด ถึงแม้ตอนนี้จะไม่ได้อยู่แล้ว เวลาเข้ามาเที่ยวทีไรก็นึกถึงอดีตของตัวเองทุกที ( ตอนเด็กๆเนี่ยรู้สึกภูมิใจกับชุมชนของตัวเองซะจริงๆเลย )
.
.
.
แต่แล้วก็ต้องกลับไปนั่งรอๆๆๆๆๆที่โรงเรียนอีก











คุณขอเวลา 45 นาที แต่คุณเลทไป 3 ชม. ก็ไม่เป็นไรเพราะคุณเป็นพวกมีเงิน มีอำนาจ คุณจะมาช้าหรือปล่อยให้เรานั่งรอจนตายไปเลยก็ได้ คุณไม่มีวันผิดแน่นอน ( นึกภาพครูเกือบร้อยคนนั่งรอกันเต็มระเบียงอาคาร บางคนก็งีบหลับไปแล้ว )

ถ่ายรูปเล่นก็แล้ว







ถ่ายรูปเล่น ( อีก ) ก็แล้ว







นั่งคุยกันได้เป็นร้อยๆเรื่อง จนแฟนเรารู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว มันไม่ใช่แล้ว ไม่มีใครคิดจะแก้ปัญหาอะไรเลย บ่ายสามโมงครึ่งแล้ว พี่ท่านรีบสตาร์ทรถ...แบบนี้เรียกโดดอบรมรึเปล่า แต่มารู้ตัวอีกที เราก็พาตัวมาเดินซื้อของที่ตลาดนัดกันแล้ว...อิอิ ที่ตลาดนัดเจอคนคุ้นๆ เหมือนนั่งอบรมอยู่ด้วยกันเมื่อเช้าด้วยล่ะ...เขินกันไปเลย
.
.
.
เมื่อวาน เราบอกเด็ก ม.1 ว่าเทอมหน้าอาจไม่ได้เจอกันแล้ว เพราะครูจะย้ายไปสอนที่อื่น พูดเสร็จเป้หญิงเอาลูกอมมายื่นให้...พร้อมกับฉีกยิ้มแก้มแทบแตก







( นี่แหละจะให้เบื่อเด็กได้ไง...เบื่อพวกผู้ใหญ่ล่ะพอว่า )
















Create Date : 03 สิงหาคม 2550
Last Update : 23 กุมภาพันธ์ 2554 21:28:45 น. 10 comments
Counter : 1453 Pageviews.

 
เมื่อก่อนเคยคิดว่าเด็กฉลาดเด็กเก่งวัดได้จากแบบทดสอบไอคิวค่ะ แต่พอได้อ่านบทสัมภาษณ์ของคุณวณิษา เรซ หรือคุณหนูดี ทำให้ความคิดเปลี่ยนโดยสิ้นเชิง ทำให้รู้สึกว่าความคิดแบบเก่า ๆ มันไม่ใช่แล้ว มันล้าสมัยมาก ๆ มันเหมือนว่าคนเราเก่งได้แค่สองด้าน คือภาษา กับคณิตศาสตร์ ใครไม่ได้สองอย่างนี้ถือว่าโง่ พอได้ฟัง และได้อ่านบทสัมภาษณ์ของคุณหนูดีปั๊บ..ปิ๊งเลยค่ะ...ใช่เลยคนเราทุกคนมีความเป็นอัจฉริยภาพอยู่ในตัวเอง ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับการพัฒนา ขึ้นอยู่กับการฝึกฝน ลองไปอ่านบทสัมภาษณ์ของเธอดูนะคะ....โดยส่วนตัวไม่ได้ดูถูกครูไทย เพราะครูที่ดี ๆ มีมากมาย แต่อยากจะตำหนิหลักสูตรของไทยซะมากกว่า สมัยนี้เด็กท่อง ก ไก่ ไม่ถึง ฮ นกฮูก ไม่รู้ว่าสระมีกี่ตัวอะไรบ้าง พ้นชั้นประถมแล้ว แต่ยังท่องแม่สูตรคุณไม่ได้
ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าใครเป็นคนคิดว่าไม่จำเป็นต้องท่องสิ่งเหล่านี้ทั้ง ๆ ที่ถ้าจำสิ่งเหล่านี้ได้มันจะติดตัวไปจนตาย ใครคิดให้เด็กหัดอ่านหัดจำเป็นคำๆ เหมือนการท่องศัพท์ของฝรั่ง เด็กจำคำว่า กา ได้ แต่ไม่เคยเห็นคำว่า ขา เด็กอ่านไม่ออกทั้ง ๆ ที่ถ้าเพียงแค่สะกดเป็นว่า กอ อา กา ก็ต้องสะกดคำว่า ขอ อา ขา ได้ สิ่งนี้ประสบกับตัวเอง เคยสอนการบ้านเด็ก ๆ แถวบ้านเป็นทุกคน คำง่าย ๆ ที่สะกดด้วยแม่เดียวกัน แต่อ่านอีกคำที่คล้าย ๆ กันไม่ออก เพียงเพราะครูยังไม่เคยสอนให้จำคำนี้ หลานอยู่ม. 1 แต่จะคูณเลข แม่ 3 ขึ้นไป ยังต้องถามหาตารางสูตรคูณ อยากถามว่าใครเป็นคนคิด ทั้ง ๆ ที่เวลาเข้าห้องสอบเอ็นทรานซ์ยังไม่อณุญาตให้เอาเครื่องคิดเลขเข้าไป แล้วเด็กยังท่องแม่สูตรคูณไม่ได้จะทำอย่างไร มันเกิดอะไรขึ้น สมัยเรา เราอ่านหนังสือได้ตั้งแต่อยู่อนุบาล 3 อ่านหนังสือพิมพ์รู้เรื่องตั้งแต่อยู่ ป.1 ไม่ได้บอกว่าตัวเองเก่ง แต่มันเป็นเพราะเราถูกหัดให้ท่อง ก.เอ๋ยก.ไก่ตั้งแต่ยังไม่เข้าโรงเรียนเลยไม่ใช่หรือ หัดให้ท่องเลข 1-100 ตั้งแต่ อนุบาลเลยไม่ใช่หรือ แล้วใครที่บอกว่าการท่องจำไม่มีความจำเป็น ใครตอบเราได้บ้าง


โดย: phukboong69 วันที่: 3 สิงหาคม 2550 เวลา:20:58:30 น.  

 
มันเป็นอย่างนั้นจริงๆค่ะคุณphukboong69 โดยส่วนตัวไม่ได้สอนระดับประถมต้น แต่พอจะทราบจากพวกครูบ่นๆกันว่า เป็นเพราะหลักสูตรใหม่ที่เปลี่ยนไปจากเดิม เปลี่ยนทีก็ต้องเขียนแผนแบบใหม่ ไปอบรมรูปแบบการสอนใหม่ๆ ทุกๆใหม่ก็จะเชื่อมโยงกันไปหมด อยากจะพูดอะไรต่ออีกนิดหน่อย แต่กลัวจะถูกปิดบล็อกน่ะค่ะ เอาเป็นว่าถือว่าแลกเปลี่ยนละกันนะคะ


โดย: juandmee วันที่: 3 สิงหาคม 2550 เวลา:22:44:57 น.  

 
เราว่าตอนนี้ระบบบริหารการศึกบ้านเราเปลี่ยนไปแบบแปลกๆ เพราะว่าช่วยอาทำอาจารย์3ระดับ7รอบที่ 2แล้ว ยิ่งทำ ยิ่งงง ไม่รู้ว่าคณะกรรมการต้องการอะไร เราว่าน่าจะให้คุณครูทุ่มเทการสอนมากกว่า
ปล.คุณครูน่าเด็กจังเลยคะ


โดย: poochikeo วันที่: 3 สิงหาคม 2550 เวลา:23:19:37 น.  

 
สวัสดีครับคุณครู (มีเพื่อน Blog เป็นครู 2 คนแล้ว) ไม่น่าเชื่อ IQ ไทยแพ้ลาว น่าเศร้านะครับ

การศึกษาไทยทุกวันนี้เห็นแล้วน่าตกใจมาก ไม่รู้จะเป็นไปได้รึเปล่า แต่เมื่อผมเจอครูทุกคนผมมักจะพูดถึงสิ่งนี้ คือ เวลาสั่งเด็กทำรายงาน กรุณาสั่งให้เด็กเขียนมาส่งได้มั้ยครับ

หลายๆ คนโดยเฉพาะผู้ใหญ่ทางภาครัฐมักจะออกมาพูดว่า น่าตกใจที่เด็ก อ่าน เขียน ภาษาไทยไม่ได้ เพราะอะไร ก็เพราะเด็กไม่ค่อยได้เขียนครับ การที่สั่งรายงานเด็กโดยให้เด็กเขียนมาส่ง นอกจากจะเป็นการบังคับให้เด็กอ่านอย่างน้อย 1 รอบแล้วยังเป็นการฝึกให้เด็กคัดลายมือไปในตัว เพราะปัจจุบันครูมักจะสั่งให้เด็กทำรายงานด้วยคอมพิวเตอร์ แล้วเด็กก็จะไป Copy ข้อมูลจากมนเนตมาส่งโดยที่ไม่ได้อ่านรายละเอียดมากนัก แถมยังสิ้นเปลืองมากด้วยสำหรับรายงานที่ต้องทำโดยใช้คอมพิวเตอร์ เล่มนึงหลายร้อยนะครับ ในสมัยก่อนถ้าครูสั่งให้ทำรายงานมาส่งโดยการเขียน ผมจะชอบมาก เพราะไม่มีคอมพิวเตอร์ สมัยนั้นพริ้นขาวดำแผ่นละ 15 บาท แพงไม่ใช่เล่น

เรื่องที่เป็นปัจจัยภายนอกบางเรื่องผมก็ไม่รู้ว่าจะแก้ไขอย่างไรเหมือนกัน เช่น เด็กเยอะเกินไปห้องนึง 50-60 คน ผมว่าปริมาณเด็กต่อ 1 ห้องควรจะมีแค่ 30 คนเท่านั้น แต่ปัจจุบัน 50-60 คน ก็ต้องทนๆ กันไป เด็กเยอะเกินไปครูก็ควบคุมลำบากด้วย

ผมว่ามันชักจะไปกันใหญ่กับระบบ ชายเซ็นเตอร์ ผมเป็นนักเรียนรุ่นแรกที่โดนระบบนี้ไปด้วยตอนม.6 พูดตามตรงเลยว่า แทบไม่อยากเรียนเลย เด็กไทยคงไม่เหมาะกับระบบนี้ ประกอบกับครูไทย ไม่กล้าที่จะบอกว่า "ไม่รู้ เดี๋ยวครูไปศึกษาเพิ่มเติมก่อน" มีเพื่อนผมคนนึงแสดงความฉลาดเกินครู เลยโดนเล่นเลยครับ แต่กลับกันเมืองนอกถ้าเด็กทำแบบนี้ ครูตบมือให้

คิดว่าคุณ juandmee น่าจะเกิดในยุคที่ใช้ หนังสือเรียน "มานะมานี" (เดาผิดขออภัย) ผมว่าหนังสือเรียนชุดนี้มีคุณค่ามาก อ่านสนุก อ่านง่าย และค่อยๆ ยากขึ้นตามลำดับ


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:16:54:10 น.  

 
สวัสดี คุณครู...

วันนี้ มาฟังคุณครูบ่น แต่ว่า ได้รับความรู้สึกอีกด้านหนึ่ง ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง.......
สู้ ต่อไป ทาเคชิ........


โดย: คิตตี้..เหมียว วันที่: 6 สิงหาคม 2550 เวลา:9:11:58 น.  

 
คุณครูคือแม่พิมพ์ของชาติคะ ให้กำลังใจครูที่น่ารักเช่นคุณด้วยคนคะ


โดย: ความทรงจำดีๆในชีวิต วันที่: 7 สิงหาคม 2550 เวลา:12:46:47 น.  

 
แวะมาเยี่ยมจ้า.. ลูกศิษย์น่ารักจังคะ มีบอกรักคุณครูด้วย ปลื้มแทนจัง... ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมเติ้ลนะคะ


โดย: littlebitlittlemore วันที่: 8 สิงหาคม 2550 เวลา:0:03:09 น.  

 
มีเวลามานั่งอ่าน คุณครูทอร์ค สะท้อนให้เห็นอะไรหลายๆอย่าง

ขอบคุณนะคะ ที่ให้ข้อมูลดีๆ พี่เองก็จบครูมาแต่ไม่ได้ใช้วิชาชีพนี้

สิ่งที่พี่เห็นมาตลอดชีวิตก็คือ
คนเรียนเก่งไม่ใช่คนที่ประสบความสำเร็จเสมอไปทุกคน เพียงแต่มีโอกาสเลือกได้มากกว่าคนอื่น

พี่อยากศึกษาว่า ลูกมีไอคิวดี วัดจากอะไรได้บ้าง กรณีที่ไม่ได้ไปวัดไอคิวกะชาวบ้านเค้าน่ะค่ะ

อันที่จริง พี่สนใจแง่อีคิวมากกว่า ถ้าลูกเรามีความสุขในการเรียนก็จะไม่กดดัน
แต่กลายเป็นว่าไปแข่งขันกับชาวบ้านไม่ได้อีก กลุ้ม!

ลูกเรียนอยู่ชั้นประถม โดนกดดันด้วยการบ้านเต็มกระเป๋าทุกวัน
จนอดไปวิ่งเล่นกับเพื่อนๆ

วันหยุดก็ต้องเรียนพิเศษ อัดกันเข้าไป

ทั้งๆที่ลูกชอบดนตรี กีฬา ต่อหุ่นยนต์
แต่ไม่มีเวลาได้ทำตามใจตัวเอง สงสารลูกจังค่ะ


โดย: แม่เจ้าหมาน้อย (MeaMar ) วันที่: 8 สิงหาคม 2550 เวลา:21:27:27 น.  

 
ตอนเด็กๆเรียนแบบท่องจำมากๆ
รายงานก็ลอกจากหนังสือมาทั้งดุ้น เลยคิดเองไม่ค่อยเป็น โตขึ้นมายังงงๆกับชีวิตอยู่เลยว่าจบออกมาได้ยังไง ส่วนหนึ่งแอบโทษครูที่สอนตอนเด็กๆ เพราะนึกย้อนไปแล้วรู้สึกหาครูที่สอนให้เรารู้จักคิดไม่ได้เลยซักคน

คาดว่าในอนาคตจะสอนลูกด้วยระบบโฮมสคูลน่ะค่ะ (ถ้ามีโอกาสได้มีสามีและมีลูกนะคะ :P)


โดย: mcgal วันที่: 8 สิงหาคม 2550 เวลา:21:30:21 น.  

 
คุณครูน่ารักมากครับ
จากครู กศน.


โดย: ตั้มครับ IP: 125.26.148.125 วันที่: 26 พฤษภาคม 2551 เวลา:11:18:01 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

juandmee
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




( *O* ) VS ( *_* )
Friends' blogs
[Add juandmee's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.